ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 60 ฟางเส้นสุดท้าย(2)
ในห้องหนังสือของยงอ๋อง หลี่จื้อมองไปยังกาสีเงินบนฎีกาอย่าเงียบงัน สืออวี้ที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะกล่าวอย่างกังวลใจว่า เหตุใดองค์ชายไม่ใช้กาสุรายวนยางซ่อนสลักของต้ายง แต่กลับใช้กาทิเบตเช่นนี้หรือ
หลี่จื้อตอบเรียบๆ แม้กายวนยางที่สร้างในสมัยราชวงศ์ก่อนจะน่าเชื่อถือ ทว่าเจียงเจ๋อคุ้นเคยกับการอ่านตำรา เชี่ยวชาญความรู้มากมาย เหตุใดจะไม่รู้จักกาสุรายวนยางเล่า ส่วนกาทิเบตนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าที่หนานฉู่ส่งมาให้ มีสลักกลไกพิถีพิถันไร้ข้อบกพร่อง ใช้กานี้เถิด โอสถเซียวหุนจะไม่ทำให้กาเงินนี้เปลี่ยนสี เจียงเจ๋อจะไม่สังเกตเป็นแน่
สืออวี้ติดตามหลี่จื้อมานานหลายปีย่อมสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าในใจหลี่จื้อ จึงอดพูดไม่ได้ว่า องค์ชาย เมื่อครู่กวนซิวและคนอื่นๆ มารายงาน กล่าวว่าเจียงสุยอวิ๋นอ้างว่าจะอยู่กับฉีอ๋องไม่นาน หากองค์ชายทำใจไม่ได้ มิสู้ปล่อยเขาไปเป็นอย่างไร
หลี่จื้อกล่าวอย่างไม่แยแส เจ้าคิดเช่นนี้จริงหรือ
สืออวี้คล้ายอยากพูดบางอย่างแต่ก็หยุดไว้ สุดท้ายจึงค่อยพูดออกมา ล้วนเป็นความผิดของกระหม่อม กระหม่อมเสนอให้องค์ชายตามหาอัจฉริยะ แต่ตอนนี้องค์ชายทั้งสยบหนานฉู่ให้สงบไม่ได้ ทั้งยังมิได้ตัวอัจฉริยะ ล้วนเป็นความผิดของกระหม่อมทั้งสิ้น ทว่าหากไม่สังหารคนผู้นี้ เกรงว่ากระหม่อมคงไม่อาจสงบทั้งวันคืน
หลี่จื้อหัวเราะเสียงเย็น ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก เป็นข้าที่มั่นใจในตัวเองมากไป คิดว่าอัจฉริยะใต้หล้าจะยอมถวายชีวิตเพื่อข้า ช่างเถิด ไปส่งเจียงเจ๋อที่โถงด้านหน้าเถิด น่าเสียดายอัจฉริยะแห่งยุคจริงๆ แต่นี้ไปคงต้องถูกดินเหลืองฝังกลบแล้ว นี่เป็นความผิดของข้าและเป็นโชคร้ายของเขา
ห่างจากจวนยงอ๋องไม่ไกลมีรถม้าหรูหราคันหนึ่งจอดรออย่างเงียบสงบ ภายในรถม้า ฉีอ๋องหลี่เสี่ยนมีสีหน้ายินดีเปรมปรีดิ์ ผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาคือฉินเจิงผู้เป็นพระชายา ตอนนี้ฉินเจิงมิได้ปลอมตัวเป็นบุรุษ ทว่าสวมใส่อาภรณ์ดั่งสาวชาววังสีขาวเงิน คิ้วโก่งดุจจันทร์เสี้ยว รูปโฉมโสภางามล่มแคว้น นางเอ่ยเรียบๆ ว่า แค่บัณฑิตฮั่นหลินนามเจียงเจ๋อผู้นั้นมิใช่หรือ เหตุใดองค์ชายต้องให้ความสำคัญกับเขาเช่นนี้ด้วยเพคะ
ในดวงตาของหลี่เสี่ยนปรากฏประกายดูแคลน กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า เมื่อปีนั้นเจิงเอ๋อร์มีลิ้นคมดุจใบมีดก็ยังมิอาจโน้มน้าวเต๋อชินอ๋องได้ แต่คนผู้นี้กล่าวเพียงไม่กี่คำก็โน้มน้าวจ้าวเจวี๋ยได้แล้ว ว่ากันว่าคนผู้นี้ติดตามจ้าวเจวี๋ยไปสยบสู่ด้วย ข้าเคยพิจารณากลยุทธ์สยบแดนสู่ของจ้าวเจวี๋ยอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว พบว่าลักษณะหลายอย่างไม่เป็นไปตามปกติ เห็นได้ว่าเจียงเจ๋อผู้นี้มีความสามารถจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ข้าชอบนิสัยเขามาก กระทั่งทนรอไม่ได้แม้แต่วันเดียว แม้แต่พี่รองยังให้ความสำคัญกับเขาอย่างยิ่งยวด ข้าเคารพนอบน้อมต่อเขาแล้วมีอันใดไม่เหมาะสมเล่า เจิงเอ๋อร์ เจ้ากล่าวเองไม่ใช่หรือว่าเจ้าเป็นสตรีอัจฉริยะแห่งยุค ทั้งมีรูปโฉมงดงามเป็นเอก ทั้งมีความสามารถยอดเยี่ยม นับเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเจ้าก็คือความอดทนต่ำ มิแปลกใจที่เจ้าเป็นสตรีที่น่าภาคภูมิใจแห่งแผ่นดิน ทว่าข้าขอบอกไว้ก่อน หากเจ้าล่วงเกินท่านเจียง เช่นนั้นอย่ามาหาว่าข้าแล้งน้ำใจ
ดวงตาของฉินเจิงปรากฏประกายโกรธเกรี้ยวโดยพลัน เมื่อปีนั้นตนได้รับคำสั่งให้มาใกล้ชิดฉีอ๋อง ฉีอ๋องเป็นบุรุษเยาว์วัยหล่อเหลา ทั้งมากความสามารถและไม่ยึดติดขนบธรรมเนียม ไม่นานก็ทำให้ฉินเจิงหลงใหล ยามอยู่หนานฉู่ นางติดกับฉีอ๋องเพราะความริษยาจนถึงขั้นร่วมหอร่วมเตียงจึงกลายเป็นภรรยาที่ยังไม่ตบแต่งของฉีอ๋อง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉีอ๋องก็เผยธาตุแท้ หากไม่พนันหรือแข่งม้าก็ยิงนกล่าสัตว์ ปฏิบัติต่อตนคล้ายใกล้ชิดคล้ายห่างเหิน บ้างก็สนิทสนมดังน้ำผึ้ง บ้างก็เย็นชาราวน้ำแข็ง ตนยังไม่ได้ตบแต่งเข้าจวนอ๋องเขาก็มีอนุภรรยาโผล่ออกมาแล้วสามสี่คน ที่น่าชิงชังก็คือตนคล้ายหลงไปกลับบ่วงผีจนมิอาจหันกลับ และมิอาจถอนตัว กระทั่งไม่นานมานี้เพิ่งได้รับราชโองสมรสจากฝ่าบาท
แม้เบื้องหน้าหลี่เสี่ยนจะปฏิบัติต่อตนอย่างให้เกียรติ แต่เมื่ออยู่ในจวนอ๋องกลับกำหนดเขตต้องห้ามและชุบเลี้ยงสตรีไว้ด้านใน ตนเคยไปร้องห่มร้องไห้กับอาจารย์และบิดาแล้ว แต่พวกเขาล้วนกล่าวว่านี่คือธาตุแท้ของฉีอ๋อง ตนทำได้เพียงรักษาจรรยาของสตรี ใช้คุณธรรมความอ่อนโยนเป็นพันธนาการเท่านั้น
ภายใต้ความจนใจจึงทำได้เพียงหลับตาข้างลืมตาข้าง แต่วันนี้นิสัยของฉีอ๋องกลับยิ่งเปลี่ยนแปลงหนัก ถึงกับให้ตนยอมก้มหัวอ่อนน้อมต่อเชลยหนานฉู่เชียว นางคิดไปคิดมา สุดท้ายด้วยไม่อยากร้าวฉานกับฉีอ๋องจึงทำได้เพียงกล่าวอย่างอดทน หม่อมฉันรับบัญชาเพคะ
หลี่เสี่ยนหัวเราะเบาๆ เขาเข้าใจสตรีผู้ชาญฉลาดนางนี้เป็นอย่างดี นางจิตใจสูงส่งหยิ่งทะนงแต่กลับขาดแคลนความอ่อนโยนไปหลายส่วน ไม่มีแรงโน้มน้าวมากนัก เขารู้ว่าฉินเจิงจะไม่ต่อต้านคำสั่งของตนในทางแจ้งแน่นอน เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลานัดหมายแล้ว หลี่เสี่ยนจึงพูดว่า เอาละ ไปจวนยงอ๋องเถิด
ห้องโถงของจวนยงอ๋องไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ มิได้ดูยิ่งใหญ่ฟุ้งเฟ้อเช่นจวนอ๋องทั่วไป เพียงแต่มีขนาดกว้างขวางลักษณะเคร่งขรึม วันนี้หลี่จื้อสวมชุดสีขาวล้วนดั่งชุดไว้ทุกข์ เดิมทีในใจเขาก็มีความโศกาอาดูรอยู่แล้ว เมื่อพบเจียงเจ๋อก็ต้องชะงักไป เจียงเจ๋อเองก็สวมชุดขาวล้วนดั่งไว้ทุกข์เช่นกัน เนื่องจากเขามีรูปโฉมหล่อเหลากระจ่างใสดุจบัณฑิต เมื่อผนวกกับสีหน้าโรยแรงเช่นนั้นกลับยิ่งขับให้ดูสง่างามอย่างเด่นชัด
ในใจเขาเกิดความโศกเศร้าระลอกหนึ่ง สายตาพลันเลื่อนไปหยุดบนร่างสืออวี้ เนื่องจากวันนี้ต้องสังหารเจียงเจ๋อ ดังนั้นหลี่จื้อจึงพาสืออวี้มาร่วมส่งอีกฝ่ายด้วยกัน ดวงตาของสืออวี้เย็นยะเยือก ส่ายศีรษะเล็กน้อย หลี่จื้อไม่ลังเลอีก กล่าวด้วยรอยยิ้มบางเบาว่า วันนี้มาส่งท่านเดินทาง ข้ารู้ว่าท่านมีคุณธรรมบริสุทธิ์จึงขอส่งด้วยสุราเลิศรสหนึ่งจอก ขอท่านอย่าได้ปฏิเสธ
กล่าวจบสืออวี้ก็ประคองถาดไม้ดำเข้ามา ด้านบนมีกาทิเบตและจอกเงินสองจอกวางอยู่
สายตาของข้าเลื่อนผ่านกาทิเบตนั้นไป พานให้รู้สึกยิ้มไม่ออกอยู่บ้าง กาทิเบตนี้ข้าเป็นคนออกแบบเองโดยจำหน่ายผ่านหอกลไกสวรรค์ และเพื่อให้ได้ราคาสูงจึงทำออกมาเพียงสามกาเท่านั้น ราคาใบละหนึ่งพันตำลึงทอง คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาอยู่ที่ต้ายงได้
กาชนิดนี้จะมีชั้นซ่อนอยู่หนึ่งชั้นบริเวณก้นกา มีขนาดใหญ่พอจะบรรจุยาพิษปริมาณหนึ่งจอกได้พอดี หากจะใช้กานี้ทำร้ายคน เพียงเติมพิษเข้าไปที่ก้นกา ตอนเทเพียงกดบริเวณรูปสลักดอกบัวบนตัวกา ยาพิษที่อยู่ก้นกาก็จะไหลผ่านออกมาถึงพวยกา จากนั้นพิษจะไหลไปผสมกับสุราบริเวณรูปสลักดอกบัวข้างพวยกา เมื่อใช้พิษในลักษณะนี้จะสังหารผู้คนนับพันหมื่นโดยไม่มีใครรู้ตัวและไม่เปิดเผยร่องรอยได้แน่นอน อีกทั้งยาพิษจะไม่ทำให้กาสีเงินเปลี่ยนสีด้วย เช่นนั้นแล้วไม่ว่าผู้ใดก็ใช้กาทิเบตทำร้ายคนได้ และยังทำให้ผู้ดื่มไม่สงสัยอีกด้วย คิดไม่ถึงว่าวันนี้กาทิเบตจะถูกนำมาใช้กับข้าเอง ไม่ทราบว่านี่เรียกกรรมตามสนองหรือไม่
หลี่จื้อยกกาทิเบตขึ้น รินสุราพิษก่อนหนึ่งจอก จากนั้นจึงคลายนิ้วโป้งออกแล้วเทสุราปกติให้ตนเองอีกหนึ่งจอกแล้วจึงวางกาสุราลง เขายกจอกสุราของตนขึ้น กล่าวด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน ว่า ขอท่านดื่มให้หมดจอกนี้ แต่นี้เป็นต้นไปท่านจะโผบินทะยานสู่ชั้นฟ้ากระจ่างใส
ข้ารับสุราพิษนั้นมา ในใจคิดว่าหากข้าทุ่มเทพยายามเพื่อคนผู้นี้ สุดท้ายสิ่งที่จะได้รับคงเป็นสุราพิษเช่นนี้กระมัง ข้ามองยงอ๋อง เห็นรอยยิ้มฝาดเฝื่อนของเขาจึงหัวเราะเบาๆ เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าคนผู้นี้เคยเป็นผู้มีบุญคุณแต่เก่าก่อนจึงอดเอ่ยปากไม่ได้ องค์ชายมีลักษณะของมังกรและดวงตะวันที่สูงส่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอเพียงท่านหมั่นสร้างทหารภายนอก หมั่นสร้างคุณธรรมภายใน ต่อให้รัชทายาทหวาดระแวงก็ไม่กล้าท้าทายง่ายๆ ส่วนเรื่องอื่นย่อมมีเสนาธิการคอยวางแผนให้องค์ชายแล้ว วันนี้เจียงเจ๋อลาจากองค์ชาย เกรงว่าคงไม่มีวันพานพบอีก หวังว่าองค์ชายจะรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งได้ในเร็ววัน เป็นผู้นำสี่มหาสมุทรให้สงบสุข ทำให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขให้ได้ แม้สุยอวิ๋นจะอยู่ในยุทธภพแดนไกล ก็จะขอพรให้องค์ชายทุกวันคืน
นี่คือคำพูดจากหัวใจของข้าอย่างแท้จริง ข้าไม่ตำหนิเขาจริงๆ เขาต้องการสังหารข้าเป็นเพราะข้าบีบบังคับเขามากเกินไป มังกรแท้ย่อมมีเกล็ดย้อนของตน เชื่อว่าหลังจากวันนี้ไปคงไม่ได้พบกันอีกจึงอดพูดคำจากใจไปสักหลายประโยคไม่ได้
ข้ายกจอกสุราขึ้นมา วินิจฉัยได้ทันทีว่าในสุรามียาพิษ โอสถหมื่นพิษที่ข้าปรุงก็มีความเป็นพิษสูงเช่นกัน แต่มันช่วยรักษาชีพจรและชีวิตของข้าได้ คืนนี้เป็นโอกาสที่ข้าจะแสร้งตายแล้ว
ข้ายกจอกเงินขึ้น กำลังจะดื่มสุราพิษจอกนี้ลงไป
หลี่จื้อรับจอกสุรามาจากสืออวี้ ในใจรู้สึกไม่สงบยิ่ง เขาไม่เคยทำเรื่องเช่นเข่นฆ่าสังหารอัจฉริยะเช่นนี้มาก่อนจึงอดรู้สึกผิดไม่ได้ ยามนี้เมื่อได้ยินคำพูดจากใจของเจียงเจ๋อ มือขวาที่เต็มไปด้วยพละกำลังกลับสั่นสะท้าน เมื่อเห็นเจียงเจ๋อกำลังจะดื่มสุราพิษลงไป เลือดในอกพลันพลุ่งพล่าน รีบยื่นมือไปกดสุราจอกนั้นเอาไว้โดยพลัน
ข้ามองไปยังมือของหลี่จื้อที่กดจอกสุราไว้อย่างนึกฉงน เมื่อเห็นเขามีสีหน้าขาวซีด ในใจพลันรู้สึกสับสนอลหม่าน แม้ตอนแรกหลี่จื้อจะเกิดหวั่นไหวไปชั่วครู่ แต่ไม่นานก็สงบลงได้ เขายกจอกสุราขึ้นกล่าวเรียบๆ ว่า ท่านเป็นบัณฑิตแต่มีความกล้าหาญชาญชัยไม่ด้อยกว่าทหารผู้ร่วมรบในศึกสงคราม สมควรใช้จอกใหญ่ ไม่ควรใช้จอกเงินเช่นนี้ ใครก็ได้นำหมวกเกราะทองของข้ามา
ไม่นานบ่าวรับใช้ก็ถือหมวกเกราะทองคำพระราชทานที่หลี่จื้อสวมใส่ไปสังหารศัตรูเข้ามา หลี่จื้อไม่ได้ใช้กลไกของกาทิเบต แต่กลับเปิดฝากาออกแล้วรินสุราในกาทั้งหมดไปยังหมวกเกราะทองคำ ใช้สองมือชูขึ้นกล่าวว่า เจียงเจ๋อ แม้ท่านจะเป็นอัจฉริยะของหนานฉู่ที่สงบสุข แต่ความคิดนิสัยกลับเหนือนักรบผู้กล้าชายแดนของต้ายงของข้านัก ข้าขอใช้หมวกเกราะทองคำนี้มอบสุรา อวยพรให้ท่านปลอดภัยและราบรื่นตลอดทาง
ขณะนี้ในใจหลี่จื้อมิได้มีความเคียดแค้นชิงชังอันใดแล้ว แต่กลับสงบนิ่งอย่างประหลาด เขาคิดในใจว่าหากมิอาจดึงเจียงเจ๋อมาทำงานเพื่อตน เช่นนั้นตนก็ขาดอัจฉริยะไปผู้เดียว แต่หากตนสังหารบัณฑิตไร้ความผิดไปแล้ว ต่อให้บัลลังก์จักรพรรดิมาวางอยู่เบื้องหน้าแล้วตนจะมีคุณสมบัติอันใดขึ้นไปนั่งเล่า