ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 21 หัวใจมีเจ้าของ (2)
พระชายากำลังจะอนุญาต แต่เมื่อมองไปยังองค์หญิงก็กล่าวขึ้นทันควันว่า ท่านเจียงเกรงใจเกินไปแล้ว เขามาพำนักอยู่ที่จวนอ๋องเนิ่นนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องขัดเขินเพียงนี้ ตอนนี้องค์หญิงอยู่ด้วย องค์หญิงโปรดปรานโหรวหลันมากจนมิอาจตัดใจปล่อยมือ หากไม่เห็นว่าตนเป็นคนนอกก็ให้ท่านเจียงมาที่นี่เถิด อีกไม่นานท่านอ๋องก็จะมาแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก
เสี่ยวซุ่นจื่อชะงักไปครู่หนึ่ง ทอดสายตามองไปยังพระชายาและองค์หญิง ในดวงตามีประกายความสงสัยวาบผ่าน ทว่ายังคงตอบไปว่า บ่าวน้อมรับพระบัญชา
ขณะนั้นเอง ยงอ๋องหลี่จื้อเดินเข้ามาแต่ไกล เมื่อเห็นเสี่ยวซุ่นจื่อก็ถามพร้อมรอยยิ้มว่า ทำไม มารับโหรวหลันอีกแล้วหรือ พอนายเจ้ามีเวลาว่างทีไรก็มักเรียกหาบุตรีตลอดเชียว
เสี่ยวซุ่นจื่อตอบกลับ ทูลองค์ชาย พระชายากล่าวว่าองค์หญิงโปรดปรานคุณหนูยิ่งนัก ขอให้คุณชายมาที่นี่ อย่าได้เห็นตนเป็นคนนอกพ่ะย่ะค่ะ
หลี่จื้อชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเชื่อว่าพระชายาต้องมีความคิดเป็นของตนเองแน่นอน ดังนั้นจึงกล่าวไปว่า กล่าวไปแล้วก็ถูก ไปเชิญคุณชายมาที่นี่เถิด
เสี่ยวซุ่นจื่อยิ่งรู้สึกประหลาดใจ เขากวาดตามองรอบๆ อย่างรวดเร็วแต่กลับไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ ตอนนี้เอง สายตาของเขาหยุดอยู่บนร่างขององค์หญิง พบว่าองค์หญิงกำลังอุ้มโหรวหลันด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มสุขอุรา เมื่อเห็นเช่นนั้นก็อดใจสั่นไม่ได้ แต่เมื่อคิดดูแล้วกลับรู้สึกว่าตนคิดเพ้อเจ้อเกินไป สุดท้ายจึงรีบกลับไปที่ศาลาหลินโปโดยไม่ลังเลอีก
ข้ากำลังจิบสุราอยู่ที่ศาลาหลินโปกับโก่วเหลียน เมื่อเห็นเสี่ยวซุ่นจื่อก็เอ่ยถามไปด้วยรอยยิ้ม โหรวหลันเล่า เหตุใดไม่อุ้มนางมา พี่โก่วอยากเห็นลูกสาวคนดีของข้าสักหน่อยแล้ว
เสี่ยวซุ่นจื่อตอบกลับไปว่า วันนี้องค์หญิงฉางเล่อมาเที่ยวผ่อนคลายที่จวนอ๋อง องค์หญิงชื่นชอบคุณหนูมากจนไม่ยอมปล่อยมือ พระชายาบอกว่าคุณชายมิใช่คนนอกอันใด หากคุณชายยินดีก็ให้ไปที่นั่นขอรับ ท่านอ๋องก็อยู่ที่นั่นด้วย
ข้าขมวดคิ้วแน่น เช่นนี้ไม่ค่อยดีกระมัง ช่างเถิด วันหลังค่อยไปแล้วกัน
โก่วเหลียนได้ยินดังนั้นกลับพูดขึ้นว่า สุยอวิ๋น ในเมื่อพระชายารับสั่งเช่นนี้แล้วท่านก็ไปสักเที่ยวเถิด มิเช่นนั้นพระชายาจะตำหนิท่านได้
ข้าคิดดูแล้วก็เห็นจริงตามนั้น หากพระชายามิได้กล่าวออกมาก็แล้วไปเถิด แต่หากกล่าวออกมาแล้วข้ากลับไม่ไปคงดูไม่ดีอยู่บ้างจริงๆ ข้าเหลือบมองเสี่ยวซุ่นจื่อ พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงหันไปกล่าวกับโก่วเหลียนว่า เช่นนั้นข้าขอไปก่อน พี่โก่วจิบสุราไปอีกสักหลายจอกเถิด
โก่วเหลียนโบกมือยิ้มๆ ท่านรีบไปเถิด อีกประเดี๋ยวพี่ต่งก็มาแล้ว เดี๋ยวข้าจะอธิบายกับเขาแทนท่านเอง
หลี่จื้อนั่งลง ทอดมองไปยังองค์หญิงฉางเล่อก่อนแย้มยิ้มพราย ฉางเล่อ เจ้าออกมาผ่อนคลายอารมณ์เช่นนี้นับว่าถูกต้องแล้ว ในวังบรรยากาศหม่นหมอง หากเจ้าชอบ ต่อไปก็มาเที่ยวเล่นบ่อยๆ ได้
ตอนนี้เอง จู่ๆ โหรวหลันก็เกิดดิ้นขึ้นมาคล้ายอยากไปเล่นเร็วๆ องค์หญิงฉางเล่อหัวเราะเบาๆ พลางส่งนางไปให้สาวใช้ บอกให้สาวใช้อุ้มนางกลับไป จากนั้นจึงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า ความจริงในวังก็มิได้มีบรรยากาศหม่นหมองนัก ข้าเห็นเหล่าพี่น้องที่เพิ่งเกิดหลังจากข้าจากไปแล้ว แต่ละคนล้วนน่ารักน่าชัง เพียงแต่ในวังมีกฎเกณฑ์เคร่งครัดมิได้ผ่อนคลายเช่นด้านนอก เสด็จพี่ ได้ยินว่าจวิ้นเอ๋อร์จะไปโยวโจวแล้ว เด็กต้องจากพ่อจากแม่ตั้งแต่เล็กๆ เช่นนี้ เสด็จพี่จะใจร้ายเกินไปหรือไม่
หลี่จื้อยิ้มตอบ เรื่องนี้ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้ จวิ้นเอ๋อร์เป็นซื่อจื่อแห่งยงอ๋อง มีหน้าที่ความรับผิดชอบให้เขาต้องกระทำ ฉางเล่อ เจ้าอย่าได้สงสารเขาเลย คนในราชวงศ์เช่นพวกเราจะมีสักกี่คนกันเชียวที่ตัดสินใจด้วยตนเองได้
แววตาขององค์หญิงฉางเล่อพลันหม่นแสง ขณะที่กำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างก็พบว่ามีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาแต่ไกล เขาสวมอาภรณ์บัณฑิตสีขาวเงิน ท่าทางอิสระเสรีเช่นนั้นทำให้ผู้พบเห็นทั้งรู้สึกชมชอบและเบิกบานใจ มีชายหนุ่มอาภรณ์เขียวเดินติดตามมาด้านหลังประหนึ่งเงาตามตัว ทั้งๆ ที่อยู่ใต้แสงตะวันแต่กลับทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหมือนไม่เห็น สายตาของทุกคนไปรวมอยู่บนร่างของหนึ่งนายหนึ่งบ่าว ราวกับสัมผัสได้ถึงความสุขในใจของพวกเขาทั้งสอง
เมื่อเดินมามาถึงเบื้องหน้าทุกคนข้าก็เข้าไปคารวะ กระหม่อมถวายพระพรองค์ชายและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ
หลี่จื้อแย้มยิ้ม วันนี้เป็นเวลาว่างไม่มีงานใด สุยอวิ๋นก็ไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดเกินไป เข้ามานั่งด้วยกันเถิด
สายตาของข้าเลื่อนมองไปที่องค์หญิง ไม่ทราบว่ากระหม่อมควรเรียกท่านว่าพระมเหสีหรือองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ
องค์หญิงฉางเล่อค้อมตัวลงเล็กน้อย ใต้เท้าเจียง ข้ารู้ว่าข้าทำไม่ดีต่อหนานฉู่ ขอให้ใต้เท้าอภัยด้วย
เดิมทีข้าก็มิได้มีความแค้นเคืองอันใดต่อนางอยู่แล้ว เมื่อเห็นนางแสดงท่าทีเช่นนี้จึงตอบไปอย่างประนีประนอม องค์หญิงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ไม่ว่าองค์หญิงจะเป็นพระมเหสีในกาลก่อนหรือจะเป็นองค์หญิงในปัจจุบัน อย่างไรก็เป็นเจ้านายของกระหม่อม กระหม่อมมีเพียงใจคิดเคารพนอบน้อม มีเหตุผลให้ขุ่นเคืองที่ไหนกัน
องค์หญิงฉางเล่อเห็นข้ากล่าวอย่างจริงใจเช่นนี้พลันรู้สึกยินดีในใจ ถึงกับผลิยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้งดงามราวกับบุปผาแบ่งบานยามวสันตฤดู ประหนึ่งปรากฏรัศมีเจิดจ้าโดยพลัน
หลี่จื้อได้ยินดังนั้นพลันใจสั่น หรือเจตนาของพระชายาก็คือ…ขณะที่เขากำลังคิดฟุ้งซ่าน ข้าก็โค้งคำนับครั้งหนึ่งพลางกล่าวขึ้นว่า วันนี้องค์ชายและพระชายาต้องต้อนรับองค์หญิง กระหม่อมไม่ขอรบกวนแล้ว ขอทูลลาเพียงเท่านี้ องค์ชายโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ กล่าวจบก็ไม่รอคำตอบจากพวกเขา ทำเพียงส่งสัญญาณให้เสี่ยวซุ่นจื่ออุ้มโหรวหลันขึ้นมาแล้วหมุนตัวเดินจากไปทันที
หลี่จื้อคิดจะรั้งไว้ แต่เมื่อเห็นนางข้าหลวงผู้หนึ่งกำลังจับตามองทุกอย่างก็รีบเก็บกลืนคำพูดกลับไป องค์หญิงฉางเล่อมองไปยังแผ่นหลังของเจียงเจ๋อ ในใจมีทั้งความยินดีและกังวล ในที่สุดวันนี้นางก็รู้แล้วว่าเขาไม่คิดตำหนิตน แม้จะยินดี แต่เมื่อคิดว่าหลังจากวันนี้ไปตนจะต้องฝังตัวอยู่ในส่วนลึกของวังหลวงไม่มีโอกาสได้พบเขาอีกก็ให้รู้สึกโศกาอาดูรนัก เขากล่าวได้ถูกต้องแล้ว ตนกับเขานับเป็นเจ้านายกับขุนนาง ไม่มีทางเป็นไปได้
ขณะกำลังเศร้าใจก็คิดได้ว่าตนเป็นสตรีที่มีสามีแล้ว จะคิดมีใจให้บุรุษอื่นได้อย่างไร ดังนั้นจึงฝืนยิ้มออกมาเพื่อไม่ให้ผู้อื่นมองออก เพียงแต่ยงอ๋องและพระชายาล้วนเป็นผู้มีความคิดลึกล้ำ ไหนเลยจะมองเบาะแสอันใดไม่ออกเลย
ทางด้านพระชายานั้นช่างเถิด ทว่าหลี่จื้อกลับจมจ่อมใคร่ครวญอยู่ในภวังค์ จากความเข้าใจของเขา เกรงว่าเจียงเจ๋อคงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานนี้เป็นแน่ และเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดเห็นด้วย มิน่าเล่า จะอย่างไรองค์หญิงฉางเล่อก็ไม่ยอมเผยเบาะแสใดแม้แต่คำเดียว เชื่อว่ากระทั่งเจียงเจ๋อเองก็คงไม่ทราบว่าองค์หญิงต้องใจเขาแล้วกระมัง
ไม่ต้องกล่าวถึงผู้อื่นเลย แม้แต่ตนก็ยังไม่เห็นด้วย หากเรื่องนี้แพร่ออกไปเกรงว่าฝ่ายรัชทายาทคงเข้ามาทำให้ลำบาก หากปล่อยให้พวกเขากล่าวยุยงต่อหน้าเสด็จพ่อ เกรงว่าเจียงเจ๋อคงยากจะรักษาชีวิตแล้ว
หากตนได้ขึ้นครองบัลลังก์และจ้าวเจียสิ้นชีพจากโลกนี้ไปแล้วจะเป็นไปได้หรือไม่ ยิ่งคิดหลี่จื้อก็ยิ่งปวดหัว การที่ขุนนางรับมเหสีของเจ้านายมาเป็นภรรยาตนย่อมเป็นเรื่องผิดมหันต์ แม้เจียงเจ๋อจะสวามิภักดิ์ต่อต้ายงแล้ว แต่หากจะให้เขาแต่งมเหสีเป็นภรรยา นอกเสียจากเจียงเจ๋อจะไม่สนใจชื่อเสียงอย่างสิ้นเชิงแล้ว เกรงว่าคงไม่มีทางเป็นไปได้อีก
เขาคิดมากมายเพียงนี้ ทางพระชายากลับมีความคิดแตกต่าง นางคิดว่าหากจับคู่ให้องค์หญิงกับเจียงเจ๋อได้ย่อมดีที่สุด ถึงอย่างไรเจียงเจ๋อก็เป็นคนกันเอง นางรู้ดีว่าพระสวามีของตนให้ความสำคัญกับเจียงเจ๋อมาก เคยเค้นสมองมากมายเพราะอยากให้เขายอมจำนน สุดท้ายเจียงเจ๋อยอมสวามิภักดิ์เช่นไรนางเองก็ไม่แน่ใจนัก แต่นางรู้ว่าพระสวามีของนางเคยยากจะข่มตานอนเพราะเรื่องนี้มาแล้ว หากเรื่องนี้สำเร็จ เช่นนั้นพระสวามีของนางก็จะมีผู้ช่วยเพิ่มอีกคนหนึ่ง ส่วนองค์หญิงก็จะมีที่พึ่งพาตลอดชีวิต จากสัญชาตญาณอันเฉียบคมของสตรี นางสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มที่เรียกขานตนเองเป็นขุนนางต่อหน้าพระสวามีของตนด้วยท่าทีเคารพนอบน้อมนั้น จริงๆ แล้วกลับมีบรรยากาศคล้ายกันตัวเองออกจากโลกหล้า หากไม่คว้าจับเขาไว้ให้แน่น ย่อมต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาจะโบยบินออกไป หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ อาจทำให้พระสวามีของนางมิอาจกินดื่มหลับนอนอีกครั้งเป็นแน่
ข้าที่มิได้สังเกตเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อยกำลังอุ้มโหรวหลันพลางกล่าวกับเสี่ยวซุ่นจื่อว่า เจ้าคิดว่าข้าควรแต่งภรรยาสักคนมาดูแลโหรวหลันหรือไม่
เสี่ยวซุ่นจื่อตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ คุณชายคิดแต่งภรรยานับเป็นเรื่องดี แต่หากแต่งภรรยาที่มิถูกใจเข้ามาจะทำเช่นไรเล่า หากท่านมีคนที่ถูกใจอยู่แล้วย่อมดีแน่นอน แต่หากไม่มีก็อย่าได้ฝืนใจไปเลย คุณหนูโหรวหลันก็ใช่ว่าจะไม่มีใครดูแลเสียหน่อย
ข้ายิ้มตอบ ในโลกนี้ไหนเลยจะมีสตรีที่ดีไปกว่าเพียวเซียง ข้าเพียงอยากแต่งสตรีธรรมดามากคุณธรรมสักคนเท่านั้น ไม่มีอะไรมาก แต่เจ้าก็กล่าวได้มีเหตุผล หากได้พวกมือถือสากปากถือศีลมาจริงๆ คงลำบากแย่ ช่างเถิดๆ
ทว่าจู่ๆ เสี่ยวซุ่นจื่อกับกล่าวขึ้นว่า คุณชายคิดว่าองค์หญิงเป็นอย่างไรขอรับ
ข้าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม เจ้ากล่าวเหลวไหลอันใด องค์หญิงมีฐานะสูงศักดิ์ ทั้งยังเคยเป็นมารดาแห่งแผ่นดิน ข้าจะคิดอกุศลต่อนางได้อย่างไร หากเรื่องนี้แพร่ออกไปจะมิเป็นที่หัวเราะเยาะหรือ ตอนนี้ตัวเลือกราชบุตรเขยหลายท่านวางเรียงรายให้เลือกแล้ว เกรงว่าเจ้าแคว้นยังไม่ทันกลับหนานฉู่ ตัวเลือกราชบุตรเขยขององค์หญิงคงถูกกำหนดแล้วกระมัง เฮ้อ
ข้าทอดถอนใจออกมาก่อนกล่าวต่อไป ความจริงในหมู่คนเหล่านั้นข้าเห็นว่าเหวยอิงดีที่สุด เขาต้องทำให้องค์หญิงมีความสุขได้แน่
เสี่ยวซุ่นจื่อเม้มปากแต่มิได้กล่าวคำใด เขาคร้านจะสนทนากับคุณชายข้างกายที่ชอบเลอะเลือนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม เขายังคงขบคิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จะต้องใส่ใจเรื่องนี้ให้มาก องค์หญิงมีใจต่อคุณชายแน่แล้ว เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก หากมีคนขุ่นเคืองและริษยาคุณชายเพราะเรื่องนี้ ย่อมเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของคุณชาย ยิ่งไปกว่านั้น หากใกล้ชิดองค์หญิงมากเกินไปเกรงว่าคงมีปัญหาวุ่นวายแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งเสียใจที่ตอนแรกตนเคยรับปากคุณชายไว้ว่าจะปล่อยองค์หญิงไป เขาทราบดีว่าสตรีมักมีสัญชาตญาณที่ไม่อาจใช้เหตุผลมาอธิบาย ตอนนั้นตนใกล้ชิดกับองค์หญิงยิ่ง หากนางมองออกว่าตนคือคนที่จับกุมนางเมื่อวันนั้น เกรงว่าคุณชายคงมีอันตรายแล้ว เฮ้อ เหตุใดตอนนั้นจึงไม่นึกเสียบ้างว่าจะได้พบองค์หญิงอีกครั้ง สะเพร่าเกินไปแล้วจริงๆ