ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 22 เคลื่อนไหวเพราะผลประโยชน์ (1)
เข้าสู่วสันตฤดูแล้ว นครฉางอันเต็มไปด้วยเสียงขับขานแห่งความสุข ทว่าภายใต้ความสงบที่ปรากฏเบื้องหน้ากลับมีคลื่นลมซ่อนอยู่
ชุยยัง ผู้ช่วยกรมคลังเดินลงจากรถม้าของตระกูล มองไปยังกลุ่มคนแน่นขนัดหน้าประตูด้วยท่าทีเอือมระอา พี่สาวของเขาคือพระชายาเอกขององค์รัชทายาทหลี่อัน แม้มิได้รับความโปรดปรานเท่าชายารองแต่ซื่อจื่อในองค์รัชทายาทก็เกิดจากพี่สาวของเขา ดังนั้นระหว่างสามีภรรยาจึงยังเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกันอยู่
แรกเริ่มเดิมทีในช่วงที่ยงอ๋องยังหยิ่งผยอง แม้ตนจะเป็นน้องภรรยาของรัชทายาท แต่ความสัมพันธ์ภายนอกกลับดูเย็นชา บางคนถึงกับสร้างความลำบากให้เขาเพื่อหวังประจบประแจงยงอ๋องด้วยซ้ำ คราวนี้ตำแหน่งของรัชทายาทมั่นคงแล้ว ปีใหม่คราวนี้จึงมีผู้มาเยี่ยมเยียนอวยพรอย่างล้นหลาม เขาเดินตรงเข้าประตูใหญ่โดยไม่สนใจคนต้อยต่ำที่หวังมาประจบประแจง
เมื่อมาถึงห้องหนังสือ พ่อบ้านก็ส่งเทียบขอเข้าพบกองหนึ่งมาให้ ชุยยังหยิบขึ้นมาอ่านผ่านตา ไม่ว่าเขาจะดูแคลนคนเหล่านั้นเพียงใดก็ยังต้องการผู้สนับสนุนอยู่ หากไม่มีพวกไหวไปตามลมเช่นนี้ รัชทายาทจะอาศัยอะไรมาดูแลแผ่นดิน ตนจะอาศัยอะไรมาเสริมตำแหน่งเล่า
เมื่อพลิกดูเทียบ ชุยยังก็ถูกเทียบฉบับหนึ่งดึงดูด ชื่อที่ปรากฎบนเทียบถูกเขียนอย่างประณีต เป็นชื่อที่ตนไม่เคยได้ยินมาก่อน นามว่าจี้เฉิง เป็นพ่อค้าจากตงชวน เดิมทีชุยยังไม่มีอารมณ์ไปพบพ่อค้าธรรมดาสามัญ ทว่ามีรายการของขวัญแนบติดมากับเทียบด้วย ได้แก่เงินหมื่นตำลึงและหยกขาวหนึ่งคู่ นี่เป็นของขวัญที่มีน้ำหนักมากจริงๆ เห็นแก่ของขวัญนี้เขาคงต้องไปพบจี้เฉิงผู้นี้เสียหน่อย
ชุยยังสั่งให้พ่อบ้านพาจี้เฉิงเข้ามา ส่วนตนนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ จิบชาพลางขบคิดว่าคนผู้นี้ต้องการสิ่งใดกันแน่ ผู้มาคำนับเยี่ยมเยียนย่อมต้องมีสิ่งที่ต้องการแน่นอน ตนจะรับของขวัญนี้ไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
ผ่านไปครู่หนึ่ง บุรุษอายุเราราวๆ สามสิบปีคนหนึ่งก็เดินเข้ามาภายใต้การนำของพ่อบ้าน คนผู้นี้มีรูปโฉมค่อนข้างหล่อเหลา เครื่องหน้าทั้งห้าดูคมสัน มีเพียงดวงตาที่ค่อนข้างเรียวเล็กและจมูกงองุ้มที่ทำลายภาพลักษณ์ของเขาบ้าง คนผู้นี้มีบุคลิกยอดเยี่ยม เขาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะหนังสือ เอามือไพล่หลัง เพียงดูก็ทราบว่าเป็นคนที่อยู่เหนือคนมานาน
ชุยยังใจกระตุก รู้ได้โดยพลันว่าคนผู้นี้มิใช่พ่อค้าธรรมดาเป็นแน่ การที่ชุยยังขึ้นเป็นผู้ช่วยกรมคลังได้เช่นนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ เขากล่าวเรียบเฉยว่า เชิญนั่งก่อน แม้ตำแหน่งราชการของข้าไม่สูงนัก แต่บางเรื่องก็ยังกระทำได้ ท่านมอบของขวัญล้ำข้าเช่นนี้มาให้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือ หากไม่ขัดต่อกฎบ้านกฎเมือง ข้าย่อมเก็บไปไตร่ตรองแน่นอน
บุรุษผู้นั้นแย้มยิ้ม ผู้น้อยมาถึงที่นี่แล้วย่อมมีเรื่องขอร้องใต้เท้า ผู้น้อยมีกิจการอยู่อย่างหนึ่งต้องการร่วมมือกับรัชทายาท เพียงแต่รัชทายาทมีฐานะเช่นไร คนอย่างพวกเราย่อมไม่อาจเข้าใกล้ ส่วนใต้เท้าเป็นขุนนางและญาติของรัชทายาท ผู้น้อยจึงคิดมาขอความช่วยเหลือ หากท่านคิดว่ากิจการของผู้น้อยควรค่าที่จะกระทำ เช่นนั้นก็ขอให้ใต้เท้าบอกต่อความจริงใจของผู้น้อยแก่รัชทายาทด้วย
ชุยยังขมวดคิ้วมุ่น กล่าวเสียงเย็นชาว่า รัชทายาทเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ใต้หล้าใต้แผ่นฟ้านี้มีสิ่งใดมิใช่ของพระองค์บ้าง เหตุใดต้องติดต่อสัมพันธ์กับพ่อค้าด้วยเล่า หากเป็นเรื่องนี้ข้าคงไม่อาจช่วยได้
บุรุษผู้นั้นยิ้มเย็น หากรัชทายาทไม่ต้องการความร่ำรวย เช่นนั้นเคหาสน์หลายหลังที่อยู่ชานเมืองฉางอันของรัชทายาทจะเอาไว้ทำอะไร เถ้าแก่ผู้อยู่เบื้องหลังหอจินอวี้ในตลาดลี่เหรินแห่งฉางอันและโรงพนันที่ใหญ่ที่สุดในนครฉางอันคือผู้ใด ผู้ใดทำผิดกฎหมายด้วยการขุดเหมืองทองเป็นการส่วนตัวอยู่ด้านนอกเล่า
ชุยยังได้ยินดังนั้นพลันใจเต้นจนแทบจะกระเด็นออกมา คนผู้นี้สืบเรื่องทรัพย์สินของรัชทายาทออกมาอย่างชัดแจ้งได้อย่างไร ที่ผ่านมาตนจัดการกิจการบางอย่างแทนรัชทายาทมาตลอด หากเรื่องนี้แพร่ออกไป อย่างมากรัชทายาทก็แค่ถูกตำหนิไม่กี่ประโยค ส่วนตนเกรงว่าจะเสียตำแหน่งขุนนางไปแน่นอน
ดวงตาของเขาเกิดประกายสังหาร คิดในใจว่าจะต้องจับกุมคนผู้นี้ให้ได้ ต้องถามที่มาที่ไปและเบื้องหลังพื้นเพของเขาให้กระจ่างชัด จากนั้นก็ถอนรากถอนโคนเสีย เมื่อคิดดังนี้ชุยยังจึงแสร้งกล่าวออกไปด้วยท่าทีสนิทสนม ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะหารือกันไม่ได้ เชิญนั่งก่อนเถิด นำน้ำชามา พวกเราค่อยๆ หารือกัน
พ่อบ้านรีบนำน้ำชาเข้ามาแล้วเชิญบุรุษผู้นั้นนั่งลงข้างๆ ส่วนตนเดินออกไปเฝ้าอยู่นอกประตู
ชุยยังรอจนกระทั่งบุรุษผู้นั้นนั่งลงค่อยถามขึ้นอีกครั้ง ไม่ทราบว่าท่านมีกิจการใดต้องการร่วมมือกับรัชทายาท หากข้าฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นไปได้ เช่นนั้นจึงจะไปกราบทูลรัชทายาท
บุรุษผู้นั้นกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ กิจกาจนี้ว่าไปแล้วก็ไม่ใหญ่นัก ปีนี้ต้ายงแห้งแล้ง เก็บเกี่ยวพืชผลได้ไม่ดี ทำให้ราคาข้าวในเมืองสูงกว่าเมื่อปีก่อนสามเท่า ส่วนผลิตภัณฑ์จำพวกผ้าไหมที่ผลิตขึ้นเฉพาะในเจียงหนานนั้นมีราคาสูงแต่มิอาจหาซื้อ ตอนนี้เรียกได้ว่าระหว่างหนานฉู่และต้ายงมีความแค้นลึกล้ำต่อกันดั่งทะเลลึก การค้าระหว่างสองฝ่ายถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง ผู้น้อยพอจะมีลู่ทางอยู่ที่หนานฉู่ สามารถหาเสบียง ผ้าไหม ชาและอื่นๆ ให้ได้ ไม่ทราบว่าใต้เท้าคิดเห็นอย่างไร
ชุยยังขมวดคิ้ว คิดในใจว่านี่เป็นกิจการที่ไม่เลวจริงๆ แต่ก็มีความยุ่งยากอยู่ด้วย แม้รัชทายาทจะมีรายได้จำนวนหนึ่ง แต่ค่าใช้จ่ายก็มากเช่นกัน ไม่ว่าจะซื้อตัวขุนนาง วางตัวสายลับ ชุบเลี้ยงมือสังหาร สิ่งใดบ้างไม่ต้องใช้เงิน แม้แต่เงินที่ต้องมอบให้สำนักเฟิงอี้ทุกปีก็มิใช่จำนวนน้อยๆ
ชุยยังจ้องมองบุรุษผู้นั้น ประกายสังหารในดวงตาอ่อนลง มีท่าทีคล้ายอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่จะอย่างไรคงพูดไม่ได้ว่าพวกเราไม่มีเงินกระมัง
บุรุษผู้นี้เชี่ยวชาญในการอ่านสีหน้าท่าทางเป็นอย่างยิ่ง เขากล่าวต่อไปว่า ความจริงพวกเราก็ไม่ต้องการให้รัชทายาทออกเงินทุนจริงๆ หากมีรัชทายาทและใต้เท้าเข้ามาดูแล กิจการของพวกเราจึงจะดำเนินไปได้อย่างสะดวกราบรื่น ท่านเองก็ทราบดีว่าการลักลอบขนส่งสินค้าเช่นนี้หากไม่มีรัชทายาทคอยสนับสนุน จะช้าจะเร็วพวกเราก็ต้องสูญเสียไปแน่
ชุยยังพยักหน้าพลางกล่าว หากเป็นเช่นนี้นับว่าง่ายดาย แต่พวกท่านคิดแบ่งสันปันส่วนอย่างไรเล่า
บุรุษผู้นั้นยิ้มตอบ ผู้น้อยยินดีมอบกำไรให้รัชทายาทสามส่วน
ชุยยังขมวดคิ้ว เขาทราบดีว่ากิจการเช่นนี้ทำกำไรมหาศาล หากได้เพียงสามส่วนจะมิน่าเสียดายเกินไปหรือ แต่ฝ่ายตนมิอาจมอบเงินทุน แม้จะต้องการมากกว่านี้ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก
อีกฝ่ายราวกับมองทะลุใจเขาก็มิปาน ถึงกับกล่าวด้วยท่าทีลึกลับว่า ความจริงผู้น้อยยังมีกิจการอีกอย่างหนึ่ง หากใต้เท้าใจกล้ามากพอ ผู้น้อยยินดีแบ่งกำไรให้พวกท่านหกส่วน
ชุยยังสั่นสะท้านไปทั้งร่าง กิจการอันใด ลองพูดมาเถิด
คนผู้นั้นยิ้ม ใต้เท้าควบคุมกรมคลัง เรื่องเสบียง เงินเบี้ยหวัดและอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหารในกองทัพรวมล้านกว่านายล้วนมีกรมคลังเป็นผู้จัดการ ตอนนี้สิ่งที่หนานฉู่ขาดแคลนที่สุดก็คืออาวุธ หากรัชทายาทใช้อาวุธในคลังไปแลกเปลี่ยนกับสินค้าจากหนานฉู่ เช่นนี้รัชทายาทก็จะไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งยังนำไปแลกสินค้ามาได้จำนวนมากอีกด้วย เรียกได้ว่ากำไรสองต่อ รอให้รัชทายาทได้รับเงินมาเสียก่อนค่อยสั่งทำอาวุธในต้ายงเพิ่มเติมเพื่ออุดช่องโหว่ ใต้เท้าคงทราบความแตกต่างของราคาดี ค้าขายเที่ยวหนึ่งจะทำเงินห้าแสนตำลึงก็มิใช่ปัญหา
เมื่อชุยยังฟังถึงตรงนี้ก็ตบโต๊ะพร้อมตวาดลั่น มีเหตุผลเช่นนี้ที่ไหนกัน ท่านถึงกับยุยงให้ข้าสนับสนุนศัตรูเชียวหรือ ท่านเป็นสายของหนานฉู่ใช่หรือไม่ ถึงได้มาพูดจายุแยงข้าถึงที่นี่
ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด คนผู้นั้นถึงกับกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ใต้เท้ากล่าวผิดไปแล้ว ผู้น้อยมิใช่สายลับของหนานฉู่ ผู้น้อยฮั่วจี้เฉิง หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่ว กล่าวจบก็โบกมือครั้งหนึ่ง พลันมีประกายสีขาวพุ่งออกจากมือเฉียดผ่านลำคอของชุยยัง ทะลุชั้นหนังสือที่อยู่ด้านหลังจนไปปักเข้ากับกำแพง
ชุยยังตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ไม่นานประตูห้องหนังสือก็ถูกถีบให้เปิดออกดังปัง พ่อบ้านปรากฎตัวตรงประตู ในดวงตาแฝงประกายเย็นเยือกทั้งยังถือมีดด้ามหนึ่งอยู่ในมือ
ฮั่วจี้เฉิงยิ้มก่อนขยับร่างมุ่งไปทางประตู พ่อบ้านรู้สึกเบื้องหน้าพร่าเลือน มีดในมือหายไปปรากฏในมือฮั่วจี้เฉิง เมื่อชุยยังมองไปอีกครั้ง พบว่าฮั่วจี้เฉิงกลับมานั่งอยู่ที่เดิมแล้ว ทั้งยังหรี่ตามองมาทางชุยยังยิ้มๆ ชุยยังรีบสงบสติพลางมองฮั่วจี้เฉิงครู่หนึ่ง คิดในใจว่าหากคนผู้นี้ไม่มั่นใจจะนำตัวมาสู่อันตรายได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย หากไปล่วงเกินอีกฝ่ายเข้า ชีวิตนี้ของตนคงรักษาไว้ไม่ได้แล้วกระมัง
เขาเช็ดเหงื่อเย็นๆ ของตนก่อนเอ่ย หัวหน้าฮั่ว เชิญนั่งก่อน เชิญนั่ง ท่านมาเยือนคราวนี้คงมิได้ต้องการมาถามหาความผิดกระมัง ที่รัชทายาทจัดการสาขาย่อยในนครฉางอันของกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วก็เพื่อแว่นแคว้น หัวหน้าฮั่วมีใจคิดฟื้นฟูแคว้นสู่ เช่นนั้นท่านและข้าย่อมเป็นศัตรูกัน นี่เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ หากหัวหน้าฮั่วคิดแก้แค้น ข้าคงมิอาจเห็นด้วย
ฮั่วจี้เฉิงกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า คำพูดนี้กล่าวได้ถูกต้องแล้ว สำหรับพวกท่าน กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วของข้าคือกบฏ เรื่องที่เกิดในฉางอันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ แต่เรื่องเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องเล็ก พวกเขาก็นับว่าทำเพื่อแว่นแคว้นด้วยความจงรักภักดีแล้ว โบราณกล่าวว่าใต้หล้าไม่มีศัตรูถาวร ตอนนี้พวกเราถูกบีบบังคับทุกทางจนถึงขีดจำกัด หากเป็นเช่นนี้นานเข้าเกรงว่าคงไม่มีหวังฟื้นฟูแว่นแคว้นได้อีก กระทั่งชีวิตก็คงไม่อาจรักษาไว้ได้ หากรัชทายาทยอมร่วมมือกับพวกเรา พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องฟื้นฟูแว่นแคว้นอีก ได้เป็นผู้มั่งคั่งร่ำรวยก็นับว่าไม่เลวเลย
ตอนนี้แม้ตำแหน่งของรัชทายาทจะมั่นคงแล้ว แต่จะอย่างไรก็ยังมียงอ๋องคอยจ้องตะครุบดุจพญาเสือ มีเรื่องที่ต้องใช้เงินมากมาย หากพูดให้ไม่น่าฟังเสียหน่อยก็คือพวกเราเป็นตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวที่รัชทายาทจะร่วมมือด้วยได้ ตอนนี้ผู้ที่เฝ้ารอให้รัชทายาทกระทำผิดพลาดมากที่สุดก็คือยงอ๋อง หากมีผู้อื่นเข้ามาทำงานให้รัชทายาทและตกไปอยู่ในมือของยงอ๋อง เกรงว่าคงสารภาพทุกสิ่งทุกอย่างของรัชทายาทออกไปจนหมดสิ้น
กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วของพวกเรามีความแค้นลึกล้ำกับยงอ๋อง ความแค้นที่บ้านเมืองล่มสลายนั้นย่อมมิอาจลืมเลือน ดังนั้นจะไม่ไปเข้ากับฝ่ายยงอ๋องแน่นอน พวกเรารู้ดี หากมิใช่เพราะยงอ๋องกำหนดแผนการกลยุทธ์ลงมา ต้ายงและแคว้นสู่คงไม่จำเป็นต้องทำสงครามกัน ดังนั้นระหว่างพวกเรากับรัชทายาทจึงไม่มีความแค้นต่อกัน หากมีทางใดที่จะช่วยรัชทายาททำลายยงอ๋องได้ พวกเราย่อมพยายามสุดกำลังเพื่อแก้แค้นให้เจ้าแคว้นของข้า
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มีคนเปิดเผยความร่วมมือระหว่างกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วและรัชทายาทออกไป ท่านคิดว่าจะมีคนเชื่อหรือ ผู้ใดจะเชื่อว่ารัชทายาทจะร่วมมือกับกบฏเช่นพวกเรา อีกอย่างรัชทายาทเพิ่งทำลายกลุ่มสาขาพันธมิตรจิ่นซิ่วที่อยู่ในนครฉางอันของพวกเราไปด้วย