ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 23 เคลื่อนไหวเพราะผลประโยชน์ (2)
ชุยยังยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล แม้จะคิดว่าคนผู้นี้เลือดเย็น ไม่รู้สึกเจ็บปวดกับความเป็นความตายของพี่น้องตนแม้แต่น้อย ทว่าคนผู้นี้กล่าวได้ถูกต้องแล้ว เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนตอบไปว่า ยังมีพรรคพวกของท่านบางส่วนอยู่ในคุก ไม่ทราบว่าท่านมีความคิดเช่นไร
ฮั่วจี้เฉิงยิ้มเล็กน้อย หากรัชทายาทคิดว่าไม่เป็นไรก็ปล่อยพวกเขาไป หากคิดว่าเป็นอุปสรรคก็ทำให้พวกเขาตายเร็วเสียหน่อย เพื่อมิให้ผู้อื่นสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างรัชทายาทและกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่ว
ชุยยังรู้สึกหนาวยะเยือกในใจ คนผู้นี้เย็นชาโหดเหี้ยมจริงๆ เขาหลับตาลงครู่ใหญ่ก่อนตอบ เรื่องนี้ข้าไม่อาจตัดสินใจได้ เอาเช่นนี้แล้วกัน ให้ข้าไปทูลรัชทายาทก่อนค่อยคุยกันอีกครั้งเถิด ท่านมาฟังคำตอบพรุ่งนี้เป็นอย่างไร
ฮั่วจี้เฉิงแย้มยิ้ม นั่นเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว สมควรยิ่ง ทว่าใต้เท้าชุย อนุภรรยาที่ท่านชุบเลี้ยงไว้ในเมืองตั้งครรภ์แล้ว เหตุใดจึงไม่รับกลับมาเล่า ฮูหยินเกิดริษยาขึ้นมาหรือ
ชุยยังมือสั่นจนถ้วยชาที่เพิ่งหยิบขึ้นมาเกือบร่วงใส่โต๊ะ เมื่อจ้องมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของฮั่วจี้เฉิง กลับรู้สึกราวกับเห็นปีศาจก็มิปาน
ฮั่วจี้เฉิงคารวะอย่างมีมารยาท ผู้น้อยขอตัวเพียงเท่านี้ หากใต้เท้าไม่รีบร้อน อย่าเพิ่งลงมือเคลื่อนไหวก่อนฮูหยินคลอดบุตรจะเป็นการดีที่สุด
เมื่อได้ยินกระแสข่มขู่จางๆ ของฮั่วจี้เฉิง ชุยยังจึงได้แต่โบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง หัวหน้าฮั่ววางใจเถิด ข้าไม่กลับกลอกแน่นอน ไม่ว่าจะอย่างไรข้าจะไม่สอดมือเข้าไปไปวางแผนทำร้ายท่านแน่
เมื่อฮั่วจี้เฉิงเดินออกจากจวนชุยแล้วก็สูดหายใจเอาอากาศเย็นสบายเข้าไป รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก ครั้งนี้เขาเสี่ยงอันตรายมากจริงๆ แต่เรื่องเช่นนี้น่าดึงดูดเกินไป ผลประโยชน์มากมายใครจะไม่อยากได้เล่า ส่วนชีวิตคนจะนับเป็นอะไรได้ ขอเพียงตนมีชีวิตอยู่ กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วย่อมไม่ล่มสลาย รอให้ตนได้เสบียงอาวุธที่ต้องการมาก่อน จากนั้นจะได้เงินอีกนับล้านตำลึง เมื่อถึงตอนนั้นย่อมชูธงของซื่อจื่อแห่งสู่อ๋องก่อตั้งฟื้นฟูแว่นแคว้นได้อีกครั้ง หากวันหนึ่งตนคุ้มครองซื่อจื่อขึ้นนั่งบัลลังก์ได้อย่างปลอดภัยก็จะกลายเป็นผู้ที่คู่ควรกับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทน เมื่อถึงตอนนั้น ความรุ่งเรืองของตนย่อมไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้
ลมหนาวระลอกหนึ่งพัดมา ทำให้ความพลุ่งพล่านในสมองของฮั่วจี้เฉิงสงบลง เขาคิดในใจว่าจะต้องไปพบหน้าคนของหอกลไกสวรรค์เสียหน่อยแล้ว หากทางฝั่งโน้นกระทำการไม่สำเร็จ กิจการนี้ก็มิอาจกระทำได้สำเร็จเช่นกัน
เขาเดินผ่านถนนซอกซอยในเมืองอยู่หลายรอบจนมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดสะกดรอยตามมาด้านหลังจึงค่อยๆ เดินหายเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง เมื่อชายชราเจ้าของบ้านเห็นเขามาถึงแล้วก็ไม่ได้ส่งเสียงทักทาย ทำเพียงนำเขาเข้าไปในห้องนอน จากนั้นจึงเดินไปตบลงบนกำแพงหลายครั้ง กำแพงค่อยๆ เลื่อนเปิดออก ฮั่วจี้เฉิงสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่งก่อนเดินเข้าไป ไม่นานกำแพงด้านหลังก็เคลื่อนปิดอย่างไร้เสียง
ท่ามกลางแสงตะเกียงสลัว หานอู๋จี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายใจ เมื่อเห็นฮั่วจี้เฉิงเดินเข้ามาก็ลุกขึ้นยืนประสานมือคารวะ หัวหน้าฮั่ว ท่านมาแล้ว ไม่ทราบว่าการเจรจาเป็นอย่างไรบ้าง
ฮั่วจี้เฉิงแย้มยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบ ยังไม่แน่ใจนัก ต้องดูว่าเขาจะโน้มน้าวเจ้านายได้หรือไม่ พี่หาน สถานการณ์ทางฝั่งท่านเป็นอย่างไรบ้าง
หานอู๋จี้ยิ้มตอบ ข้าได้รับจดหมายจากนกพิราบสื่อสารแล้ว ทางฝ่ายนั้นเห็นด้วย ทั้งยังรับปากว่าจะร่วมมือกันระยะยาว ตอนนี้พวกเขาต้องการของเหล่านี้ ดูเหมือนคลังของพวกเขาถูกยงอ๋องปล้นไปหมดแล้วจึงคาดหวังเรื่องเงินทองและเสบียงจากต้ายงผ่านทางพวกเรา อีกอย่าง หอกลไกสวรรค์ของพวกเรามีความน่าเชื่อถือสูง หากใช้เส้นทางนี้ พวกเราต้องร่ำรวยไปด้วยกันแน่นอน
ฮั่วจี้เฉิงรินชาจอกหนึ่งก่อนละเลียดจนหมดจอก แม้อำนาจอิทธิพลของกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วในต้ายงจะไม่น้อย ทว่าคราวนี้รัชทายาทบันดาลโทสะหนัก หลังจากวันนี้คงต้องก้าวเดินอย่างยากลำบากโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง หากซื้อใจรัชทายาทไม่ได้ เช่นนั้นกิจการก็ไม่อาจกระทำได้สำเร็จ แต่ท่านวางใจเถิด พวกเรามีความสัมพันธ์กับขุนนางจำนวนมาก ส่วนใหญ่พวกเขาอยู่ฝ่ายรัชทายาท โบราณว่ากาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ ข้าว่ารัชทายาทก็มิใช่ตัวดีอันใด เรื่องกลอุบายเหล่านี้ทำให้ข้าลำบากมิได้หรอก
หานอู๋จี้คำนับครั้งหนึ่ง เช่นนั้นขอให้ท่านใส่ใจให้มากด้วย พวกเรายังไม่อาจแผ่ขยายอำนาจเข้ามาในต้ายงได้ ดังนั้นทั้งหมดต้องรบกวนท่านแล้ว ส่วนทางด้านหนานฉู่ขอให้ท่านวางใจได้
ในดวงตาของฮั่วจี้เฉิงเกิดประกายคมกริบวาววาบขึ้นโดยพลัน พวกเราทราบถึงอำนาจของหอกลไกสวรรค์ในหนานฉู่ดี หากท่านเจ้าหอเต็มใจ พวกเราก็ร่วมมือกันอีกขั้นหนึ่งได้
หานอู๋จี้แย้มยิ้มเล็กน้อย เขาทราบดี ลู่โหวรักษาการอยู่ที่สู่จง ทั้งยังโจมตีอำนาจอิทธิพลของกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนเต๋อชินอ๋องก็ควบคุมสถานการณ์ส่วนใหญ่ไว้ได้ สุดท้ายกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วจึงก่อการใดในหนานฉู่ไม่สำเร็จ ส่วนในต้ายงนั้น เนื่องจากพวกเขามิได้พุุ่งเป้ามาที่ต้ายง จึงปล่อยให้พวกเขาขยายอำนาจอิทธิพลไปเช่นนั้น ทว่าตอนนี้เต๋อชินอ๋องตายแล้ว ดูท่าทางฮั่วจี้เฉิงคงอยากกลับไปเพิ่มพูนอิทธิพลในหนานฉู่อีกครั้งกระมัง
หานอู๋จี้กล่าวอ้อมค้อม เจตนานี้ของท่านพวกเราเข้าใจดี แต่ตอนนี้พวกเรากำลังริเริ่มกิจการ หากท่านรีบเกินไปอาจทำให้กิจการเสียหายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ความจริงท่านไม่จำเป็นต้องรีบร้อน อย่างไรเสียกิจการนี้ย่อมดำเนินไปได้หลายปี รอเวลาไปก่อน เมื่อท่านมีทหารเสบียงพร้อมสรรพ อยากเคลื่อนไหวเช่นไรย่อมกระทำได้ตามใจ
ฮั่วจี้เฉิงมองหานอู๋จี้ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าตะลึงพรึงเพริด พี่หานมากไหวพริบจริงๆ ไม่ทราบว่าท่านจะแนะนำข้ากับเจ้าหอได้หรือไม่ จะได้หารือเรื่องความร่วมมือกันเสียหน่อย
หานอู๋จี้กล่าวด้วยท่าทีทะนงตน ท่านเจ้าหอมอบหมายเรื่องนี้ให้ข้ารับผิดชอบทั้งหมดแล้ว ท่านอย่าได้มองข้ามคนใกล้แสวงหาคนไกลเลย
จากนั้นหานู๋จี้จึงทำสีหน้าลึกลับพลางกล่าวต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเจ้าหอไม่เคยพบคนนอก ข้าเองยังเคยพบท่านเจ้าหอเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทั้งยังไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของท่านเจ้าหอด้วย อีกทั้งท่านเจ้าหอมีสายลับอยู่ข้างกายผู้บังคับบัญชาทุกคน ขอให้ท่านระวังด้วย
ฮั่วจี้เฉิงย้อนคิดด้วยสีหน้าลังเล เดิมทีหอกลไกสวรรค์ก็เป็นองค์กรที่ลึกลับอยู่แล้ว จะเป็นเช่นนี้ก็มิแปลก คิดได้ดังนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พี่หานก็เป็นขุนนางที่เหลือรอดจากแคว้นสู่เช่นกัน สมควรกระทำสุดความสามารถเพื่อฟื้นฟูแว่นแคว้น ขอให้ท่านโปรดใส่ใจให้มาก โปรดพูดกับท่านเจ้าหอดีๆ สักหลายประโยค
เขามีใจคิดหว่านล้อมจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและอบอุ่นจริงใจจนหานอู๋จี้ใจกระตุก ในใจทราบดีว่าคนผู้นี้เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ ตนจะต้องระมัดระวังให้มากเสียหน่อย อย่าได้เผยช่องโหว่เป็นอันขาด คิดได้ดังนั้นจึงแสร้งตีหน้าเศร้า เนิ่นนานผ่านไปจึงค่อยกล่าวขึ้นว่า ผู้แซ่หานเองก็เป็นคนแคว้นสู่ จะไม่อยากฟื้นฟูแว่นแคว้นได้อย่างไร เพียงแต่ท่านเจ้าหอไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของแว่นแคว้น ดังนั้นจึงจำกัดพวกเราอย่างเข้มงวด หากมิใช่ว่ากิจการนี้จะทำกำไรได้มหาศาล ท่านเจ้าหอคงไม่เห็นด้วยเป็นแน่
ฮั่วจี้เฉิงรู้ดีว่ามิอาจรีบร้อนบีบบังคับได้เป็นอันขาดจึงได้แต่กล่าวไปว่า เช่นนั้นข้าต้องขอขอบคุณในเจตนาดีของท่านผู้ดูแลแล้ว ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องกระทำ ขออำลาเพียงเท่านี้แล้วกัน หลังจากเสร็จธุระจะมาหารือรายละเอียดกับพี่หานอีกครั้ง
หานอู๋จี้รีบร้อนลุกขึ้นยืน นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ข้าไม่รั้งตัวท่านไว้แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปส่งท่านเอง
ฮั่วจี้เฉิงกล่าวตอบ ไม่จำเป็นต้องส่ง ผู้อื่นจะได้ไม่สังเกตเห็น
ทว่าหานอู๋จี้ยังคงเดินไปส่งถึงประตูด้วยท่าทีเคารพนอบน้อม และเพื่อเป็นการปิดบังหูตาผู้อื่นจึงไม่ได้เดินออกไปส่งข้างนอกประตู
หลังจากอีกฝ่ายจากไปแล้ว ชายชราเจ้าของบ้านผู้นั้นก็ยืดตัวขึ้นตรงโดยพลัน ปลดหน้ากากออกจากใบหน้า เผยให้เห็นความอ่อนเยาว์กระจ่างใส หานอู๋จี้กล่าวยิ้มๆ ว่า เต้าหลี เจ้าจงจำไว้ให้ดี หากคนเรามีความโลภจะนำพาตนเองไปสู่ความตาย ฮั่วจี้เฉิงผู้นี้ใจคอโหดเหี้ยม แต่เมื่อคิดดึงผู้อื่นเข้าเป็นพวกกลับทำตัวจริงใจสนิทสนม หากไม่รู้ถึงการกระทำทุกอย่างของเขา เกรงว่าคงติดกับทำตามที่เขาต้องการเป็นแน่ คนเราหากพูดอย่างทำอย่าง แม้ปิดบังได้ชั่วขณะหนึ่งก็มิอาจปิดบังได้ตลอดไป
ผู้เยาว์กล่าวด้วยท่าทีนอบน้อม เต้าหลีน้อมรับคำสั่งสอนขอรับ
หานอู๋จี้ยิ้มพราย แผ่นดินวุ่นวาย ผู้คนทำเพื่อผลประโยชน์ แผ่นดินอลหม่านผู้คนขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ กลยุทธ์ที่คุณชายใช้ คนเช่นพวกเราจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงจริงๆ แม้ไม่รู้ว่าคุณชายมีเจตนาใด แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ขณะเดียวกัน ที่จวนรัชทายาทกำลังมีการประชุมลับ เมื่อฮั่วจี้เฉิงกลับไปแล้ว ชุยยังก็รีบออกจากจวน มุ่งไปยังจวนรัชทายาทโดยเร็ว เขาคือน้องภรรยาของรัชทายาท และเป็นคนสนิทของรัชทายาท จึงเข้าไปยังที่พำนักของรัชทายาทได้โดยไร้อุปสรรคขัดขวาง เมื่อเข้าไปถึงห้องโถงอันหรูหราก็เห็นรัชทายาทสวมใส่อาภรณ์สบายๆ กำลังดูการขับร้องร่ายรำอยู่ด้านใน ชุยยังอดมองไปไม่ได้ ทว่าเมื่อมองเข้าไปแล้วก็ไม่อาจเลื่อนสายตาออกไปได้อีก
นางรำเหล่านั้นสวมกระโปรงกลีบบัว ร่างกายท่อนบนมีกลีบบัวปกปิดบริเวณหน้าอก เผยให้เห็นผิวขาวกระจ่างใสดุจหิมะ พวกนางร่ายรำด้วยท่วงท่าพลิ้วไหว งามโอภาสะท้านใจคน สะกิดใจจนตื่นเต้น ทั้งๆ ที่อาภรณ์ค่อนข้างเปิดเผย แต่ทำนองดนตรีกลับมิได้ดูยั่วยวน ไม่มีกลิ่นคาวโลกีย์ใดๆ ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกสบายใจ
หลี่อันเห็นชุยยังถูกพวกนางทำให้หลงใหลจนหยุดยืนนิ่งก็แค่นเสียงหัวเราะออกมา ชุยยัง ทำอะไรของท่าน ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม
กล่าวจบก็โบกมือครั้งหนึ่งให้นางรำเหล่านั้นถอยออกไป ตอนนี้เอง ชุยยังจึงค่อยเห็นว่าหลู่จิ้งจงก็นั่งอยู่ด้านข้างด้วยเช่นกัน อีกทั้งข้างกายรัชทายาทก็มีองครักษ์หน้าตาหล่อเหลายืนอยู่อีกผู้หนึ่ง
ชุยยังรีบตั้งสติ องค์รัชทายาท กระหม่อมมีความลับต้องการรายงานพ่ะย่ะค่ะ
รัชทายาทขมวดคิ้ว ยังไม่ทันกล่าวสิ่งใด องครักษ์ผู้นั้นก็กล่าวขึ้นก่อน องค์รัชทายาท กระหม่อมมีการแสดงอีกชุดหนึ่งต้องการหารือกับเหล่านักดนตรีและนางระบำเสียหน่อย มิสู้ให้กระหม่อมออกไปก่อนเป็นอย่างไร เมื่อพระองค์เสร็จงานค่อยชื่นชม
รัชทายาทยิ้มตอบ เจ้าไปเถิด ข้าจะรอการแสดงใหม่ของเจ้า บอกศิษย์พี่ของเจ้าให้คุ้มครองด้านนอกให้ดี อย่าให้ใครบุกเข้ามาได้
เมื่อองครักษ์ผู้นั้นถอยออกไป หลี่อันก็มองไปยังชุยยัง มีเรื่องอะไรพูดมาเถิด