ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 3 สามกลยุทธ์ถวายแด่นาย (1)
ข้าจัดระเบียบความคิดของตนก่อนกำชับให้เด็กรับใช้นามหลี่ซิ่นออกไปแจ้งข่าวว่าข้าประสงค์เข้าเฝ้าเมื่อยงอ๋องตื่นบรรทมแล้ว ผู้ใดจะทราบว่าผ่านไปไม่นาน ข้ากลับเห็นยงอ๋องและสืออวี้เดินก้าวฉับๆ เข้ามา อาภรณ์บนร่างดูเรียบร้อย สีหน้าเจือไปด้วยความเหนื่อยล้า ท่าทางคล้ายไม่ได้นอนมาทั้งคืน ข้าชะงักไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงค่อยเข้าใจกระจ่าง ดูท่าทางยงอ๋องคงรอจนร้อนใจแล้วกระมัง
ข้าเชิญยงอ๋องนั่งลง จากนั้นจึงเริ่มต้นด้วยการสนทนาทั่วไปหลายประโยค เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าสงบลง ข้าจึงค่อยกล่าวขึ้นว่า กระหม่อมขอทูลถามองค์ชาย ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านจึงต้องการตำแหน่งจักรพรรดิหรือ
ยงอ๋องชะงักไป ในใจเขาเห็นการชิงตำแหน่งจักรพรรดิเป็นเรื่องที่ตนต้องทำให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งสาเหตุนั้นนอกจากคิดว่าตนสมควรได้รับรางวัลตอบแทนเช่นนี้แล้ว ยังคิดว่าไม่มีผู้ใดนอกจากตนที่จะรวบรวมแผ่นดินต้ายงให้เป็นหนึ่งได้อีก ตนจำต้องกระทำการเพื่อต้ายงโดยไม่สนใจชื่อเสียง ทว่าเจียงเจ๋อถามเช่นนี้ออกมา เขากลับยากจะตอบ ปกติเขาและผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่กลับไม่ทราบว่าควรอธิบายให้เจียงเจ๋อฟังเช่นไร
ข้าแย้มยิ้มเล็กน้อย นี่เป็นเรื่องที่ข้ารู้ตัวนานแล้ว ในตอนที่ยงอ๋องเกลี้ยกล่อมให้ข้าเข้าสวามิภักดิ์ เขากลับไม่เคยอธิบายความคิดของตนเองเลย ซึ่งนี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความคิดของยงอ๋องเองยังไม่กระจ่างแจ้งนัก จุดยืนยังไม่มั่นคงหนักแน่น ว่ากันว่าทุกสรรพสิ่งต้องค่อยเป็นค่อยไป หากไม่มีความคิดเช่นนี้เป็นรากฐาน งานใหญ่ของยงอ๋องคงเปรียบดังการสร้างเรือนบนผืนน้ำ
ข้าอธิบายไปว่า หากดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ นับว่ารากฐานของต้ายงมั่นคงแล้ว รัชทายาทเป็นโอรสองค์โต ทั้งยังมิได้ทำเรื่องขาดคุณธรรมชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต้องทรยศความต้องการของจักรพรรดิและหันมาสนับสนุนองค์ชายด้วยเล่า องค์ชายกุมอำนาจทหารอยู่ในมือ เพียงเรียกคำเดียวทหารมากมายก็ตอบรับ แต่หากคิดใช้กำลังแย่งชิง ย่อมต้องถูกคัดค้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายจะกล่าวกันว่าองค์ชายก่อกบฏแย่งบัลลังก์มา ดังนั้นแม้องค์ชายมากสามารถประหนึ่งเทพสงครามแต่กลับกลายเป็นตัวอย่างผิดๆ แก่ซื่อจื่อ ซื่อจื่ออาจคิดว่าขอเพียงมีอำนาจ งานใหญ่ก็จะประสบความสำเร็จ และจะขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิได้ และอาจคิดว่าการก่อกบฏเป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมไปโดยปริยาย ผู้คนจะเกิดความแคลงใจในอำนาจของจักรพรรดิ ข้าคิดว่าการสร้างระบบที่มั่นคงมีประโยชน์กว่ากษัตริย์ผู้เก่งกาจ ดังนั้นกล่าวได้ว่า แม้องค์ชายจะทำการใหญ่สำเร็จจนมีอำนาจแผ่ไปทั่วทั้งแผ่นดิน แต่กลับไม่มีเหตุผลอันใดที่องค์ชายจะแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิมาได้เลย
หลี่จื้อเอ่ยตอบด้วยท่าทางครุ่นคิด นี่คงเป็นสาเหตุที่ว่าแม้ผู้อาวุโสในราชสำนักจะเห็นผลงานข้า แต่ก็ไม่ยอมสนับสนุนข้าให้รับสืบทอดตำแหน่งด้วยตนเองกระมัง
ข้าพยักหน้าตอบ หากข้าเป็นขุนนางอาวุโสที่เห็นต้ายงพัฒนาจากไม่มีสิ่งใดจนมีทุกวันนี้ได้ ย่อมไม่อยากให้ภายในเกิดความวุ่นวายจนอำนาจของต้ายงถูกลดทอนเป็นธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงมิอาจสนับสนุนให้องค์ชายรับสืบทอดตำแหน่ง ต่อให้องค์ชายเป็นตัวเลือกจักรพรรดิที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมในสายตาพวกเขา พวกเขาก็มิอาจสนับสนุน ตอนนี้คนที่ยินดีสนับสนุนองค์ชายส่วนใหญ่คือผู้ที่หวังความมั่งคั่งและเกียรติยศในวันหน้า มีเพียงคนส่วนน้อยที่มองออกอย่างทะลุปรุโปร่งว่าต้องให้องค์ชายขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์เท่านั้น จึงจะรักษาต้ายงเอาไว้ได้ ในเมื่อปุถุชนเหล่านั้นไม่เข้าใจความสำคัญในการสืบทอดตำแหน่งขององค์ชาย องค์ชายก็สมควรบอกต่อพวกเขา
หลี่จื้อได้ยินคำเหล่านี้ของข้าก็เอ่ยถามโดยพลัน กล่าวตามจริง ข้าคิดเพียงว่ามิอาจปล่อยให้เสด็จพี่เป็นจักรพรรดิเท่านั้น เขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสำนักเฟิงอี้เกินไป แต่ในด้านเหตุผลกลับกล่าวได้ไม่ชัดเจนนัก
ข้าอธิบายด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง ดังนั้นกลยุทธ์แรกที่กระหม่อมจะถวายแก่องค์ชายก็คือกลยุทธ์อุดมการณ์ชัดแจ้ง ปัจจุบันนี้แม้ต้ายงจ้ะรุ่งโรจน์ แต่ภายในกลับซุกซ่อนความกังวลไว้มากมาย ซึ่งความกังวลนี้ก็คือสำนักเฟิงอี้ สิ่งที่ควรกังวลสำหรับต้ายงมิใช่ศัตรูผู้แข็งแกร่งจากทั่วทุกสารทิศ แต่กลับเป็นสิ่งที่อยู่ภายในกำแพง สำนักเฟิงอี้ใช้คุณธรรมเป็นดั่งอาภรณ์คุ้มครอง ใช้กลอุบายควบคุมวังหลังและขุนนางนับร้อย เมื่อเป็นเช่นนี้นานไป จะช้าจะเร็วสำนักเฟิงอี้ก็จะกลายเป็นดั่งไท่ซั่งหวง[1]ที่คอยว่าราชการหลังม่าน ส่วนรัชทายาทแม้มีฐานะเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์แต่กลับไม่รู้จักรักษาคุณธรรม มิอาจได้รับความเคารพเชื่อฟังจากใจของขุนนางนับร้อย ทว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสำนักเฟิงอี้ ทำให้นั่งอยู่ในตำแหน่งอย่างมั่นคง
หากองค์ชายปล่อยให้รัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์ ไม่เพียงแต่องค์ชายที่เป็นเสาหลักของแว่นแคว้นจะยากรักษาชีวิต ทั้งยังจะทำให้ต้ายงถูกสตรีควบคุมอีกด้วย หากรัชทายาทคิดกำจัดขุนนางหญิงข้างกาย ปฏิเสธการไปมาหาสู่กับสำนักเฟิงอี้ เช่นนั้นรัชทายาทจะไม่มีกองกำลังใดไว้ปกป้องตนเอง ส่วนท่านก็ไม่กล้าต่อกรซึ่งหน้ากับรัชทายาท
เช่นนั้นหากรัชทายาทไร้คุณธรรมก่อน ย่อมแสดงให้เห็นว่าว่าองค์ชายมิได้มีใจคิดก่อกบฏ ยิ่งไปกว่านั้น หากกล่าวให้โหดร้ายเสียหน่อย แผ่นดินนี้มิใช่ใต้หล้าของตระกูลใดตระกูลหนึ่งหรือคนแซ่ใดแซ่หนึ่ง หากสำนักเฟิงอี้มีตัวเลือกที่ดีจริงๆ เช่นนั้นกระหม่อมก็ไม่จำเป็นต้องให้องค์ชายกำจัดพวกนาง
แต่จากความคิดเห็นของกระหม่อม ศิษย์สำนักเฟิงอี้มีความยโสทะนงตน ไม่รู้จักความทุกข์ยากของแผ่นดิน มีใจคิดแย่งชิงเพียงอำนาจเท่านั้น กระหม่อมเป็นชาวฉู่ เหลียงหวั่นอยู่ที่หนานฉู่มานานหลายปี ดังนั้นกระหม่อมจึงค่อนข้างเข้าใจนาง หากปล่อยให้สตรีที่ด้อยวิสัยทัศน์ ทั้งยังไม่รู้จักหนักเบาเหล่านี้กุมอำนาจ เกรงว่าชาวประชาทั่วทั้งใต้หล้าคงต้องพบกับความลำบากยากเข็ญแล้ว
แรกเริ่มเดิมทีเจ้าสำนักเฟิงอี้อาจกระทำเพื่อแว่นแคว้นและราษฎรอย่างแท้จริง แต่ตอนนี้สำนักเฟิงอี้กลายเป็นเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจไปแล้ว หากองค์ชายไม่กำจัดอำนาจอิทธิพลของสำนักเฟิงอี้ เกรงว่าต้ายงไม่เพียงแต่จะรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งไม่ได้ ทั้งยังจะล่มสลายภายใต้น้ำมือสตรีอีกด้วย องค์ชายมีฐานะเป็นองค์ชายแห่งต้ายง จะทนเห็นแว่นแคว้นล่มสลาย จะทนเห็นราษฎรได้รับความทุกข์ยากได้อย่างไร ในเมื่อรัชทายาทลุ่มหลงในอำนาจ ทำหน้าที่ของรัชทายาทได้ไม่ดี เช่นนั้นการที่องค์ชายเข้าแทนที่ก็เป็นเรื่องที่สมควรแก่เหตุผลแล้ว
เมื่อฟังถึงตรงนี้ หลี่จื้อก็มีสีหน้ายินดีโดยพลัน ท่านกล่าวได้ตรงใจข้าจริงๆ ข้าเองก็มีความคิดเช่นนี้เพียงแต่ไม่เคยกระจ่างชัดปานนี้มาก่อน ถูกแล้ว หากไม่มีสำนักเฟิงอี้ ข้าเป็นเพียงอ๋องว่างงานคนหนึ่ง แล้วมีอะไรไม่ดีเล่า
ข้าแย้มยิ้มพราย ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับข้อเท็จจริงในคำพูดของหลี่จื้อ จะอย่างไรสิ่งเหล่านั้นก็มิได้สลักสำคัญ
ข้ากล่าวต่อไปด้วยท่าทีเรียบเฉย กลยุทธ์อุดมการณ์ชัดแจ้งจะทำให้องค์ชายมีความคิดมุ่งมั่นหนักแน่น ประเดี๋ยวกระหม่อมจะอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้องค์ชายฟังเสียหน่อย ตอนนี้ที่องค์ชายรู้สึกว่ามีศัตรูรอบด้าน นั่นเป็นเพราะความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างฝ่าบาท รัชทายาท ฉีอ๋องและสำนักเฟิงอี้ ทำให้องค์ชายไม่อาจกระทำสิ่งใดได้เลย
แต่จากความคิดเห็นของกระหม่อม ประการแรกพวกเขามิได้สมัครสมานเป็นหนึ่งเดียวกัน ฝ่าบาท รัชทายาท และฉีอ๋อง มิได้ไร้ความระแวงต่อสำนักเฟิงอี้อย่างที่องค์ชายคิด แต่เนื่องจากความเห็นแก่ตัวของแต่ละคนจึงปล่อยให้สำนักเฟิงอี้ดำรงอยู่โดยไม่ขัดขวาง หากฝ่าบาทไม่มีใจระแวง จี้กุ้ยเฟยคงไม่ไร้ทายาทเช่นนี้ หลายปีมานี้ฝ่าบาทใส่ใจวังหลังกระทั่งมีองค์หญิงองค์ชายที่เกิดจากนางสนมแล้วหลายสิบพระองค์ แสดงให้เห็นว่าฝ่าบาทยังมีพระวรกายแข็งแรง แต่สนมจี้กลับไม่มีทายาท กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทคงไม่ต้องการให้สนมจี้คิดแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิหลังจากให้กำเนิดองค์ชายกระมัง
ส่วนทางด้านรัชทายาท แม้จะโปรดปรานชายารองแต่ก็รักใคร่ซื่อจื่อยิ่ง ผู้คนกล่าวกันว่ามารดาได้ดีเพราะบุตร บุตรได้ดีเพราะมารดา ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา มีอนุภรรยาที่ได้รับความโปรดปรานจากสามีไม่น้อยที่เข่นฆ่าภรรยาเอกและบุตรภรรยาเอก หากไม่ใช่ว่ารัชทายาทมีใจระแวงต่อสำนักเฟิงอี้ เกรงว่าซื่อจื่อคงสูญเสียความโปรดปรานไปนานแล้ว
นอกจากนี้ยังมีฉีอ๋อง แม้ฉีอ๋องจะตบแต่งพระชายาแล้วแต่กลับปฏิบัติต่อนางคล้ายใส่ใจคล้ายห่างเหิน กระหม่อมเคยพบฉีอ๋องมาก่อน แม้ดูผิวเผินฉีอ๋องจะมีนิสัยเสเพลแต่กลับเย็นชาต่อพระชายาอย่างน่าฉงน ดังนั้นกล่าวได้ว่า ฝ่าบาทและองค์ชายคนอื่นๆ มิได้เชื่อใจสำนักเฟิงอี้เต็มสิบส่วน เพียงแต่หากไม่มีสำนักเฟิงอี้ พวกเขาก็ไม่มีทุนรอนไปต่อต้านองค์ชาย
ประการต่อมา แม้ฝ่าบาทจะโปรดปรานรัชทายาท แต่หากรัชทายาทกระทำความผิดที่เป็นอันตรายต่อแว่นแคว้น เช่นนั้นต่อให้ฝ่าบาทจะรักใคร่โปรดปรานเพียงไรก็มิอาจประคับประคองรัชทายาทได้อีก ดังนั้นหลายปีมานี้ แม้ยงอ๋องจะมีอันตรายหลายครั้งหลายครา แต่ก็ยังมั่นคงดุจภูเขาไท่ซาน นั่นเป็นเพราะองค์ชายคือเสาหลักที่คอยค้ำจุนแผ่นฟ้าของต้ายง ฝ่าบาทย่อมไม่ทำร้ายองค์ชายเพราะรัชทายาทเป็นแน่ ขอเพียงองค์ชายไม่ก้าวล้ำขีดจำกัดของฝ่าบาท ก็จะรับประกันความปลอดภัยขององค์ชายได้ หากองค์ชายกำจัดรัชทายาทออกไปได้ ต่อให้ฝ่าบาทจะทรงกริ้วมากเพียงใดก็ทำได้เพียงส่งต่อตำแหน่งจักรพรรดิให้องค์ชายเท่านั้น ดังนั้นองค์ชายจำต้องกุมอำนาจทั้งหมดในขณะที่ฝ่าบาทยังอยู่ในตำแหน่ง สุดท้ายองค์ชายก็จะได้รับสืบทอดตำแหน่งอย่างถูกต้องเหมาะสม
ประการสุดท้าย รัชทายาทต้องพึ่งพาฉีอ๋อง ส่วนฉีอ๋องก็ต้องสนับสนุนรัชทายาท องค์ชายอาจคิดว่าพวกเขาเป็นพันธมิตรที่มิอาจแยกจาก แต่จากความเห็นของกระหม่อมมิใช่ว่าจะไม่มีความบาดหมางแคลงใจกันเสียทีเดียว เมื่อดูจากข่าวกรองที่องค์ชายรวบรวมมา รัชทายาทไม่ใช่คนที่จะยอมคล้อยตามผู้อื่น ส่วนฉีอ๋องก็มีนิสัยโอหังชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทั้งยังเคยเผยด้านนี้ต่อหน้าองค์รัชทายาทอย่างชัดเจน เพียงแต่เพื่อที่จะรับมือกับองค์ชาย รัชทายาทจึงต้องประนีประนอมกับฉีอ๋อง
กระหม่อมทราบจากรายงานเหล่านั้นว่ารัชทายาทเคยเย็นชากับฉีอ๋องอยู่นานเพราะฉีอ๋องรบแพ้ไร้ผลงาน เพียงแต่ระยะนี้รัชทายาทเริ่มทำดีกับฉีอ๋องอีกครั้ง ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากองค์ชาย ฉีอ๋องมีความคิดกระจ่างใสดุจคันฉ่อง จะไม่รู้ถึงความโหดเหี้ยมของรัชทายาทได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ฉีอ๋องกลับต้องจำใจเข้าร่วมเพราะองค์ชายเป็นแม่ทัพนำทหารทำศึกได้ด้วยพระองค์เอง ดังนั้นในความคิดของฉีอ๋อง หากองค์ชายได้ขึ้นครองราชย์ เช่นนั้นจะไม่มีที่ให้เขาแสดงความสามารถอีก
จริงๆ แล้วกระหม่อมอยากพูดเรื่องนี้ต่อองค์ชายอย่างตรงไปตรงมา โบราณว่านั่งบนทองพันชั่งจะทำอย่างไรก็มิอาจนั่งอย่างสบายใจ องค์ชายมีความสามารถโดดเด่นทางด้านการทหาร หากจะชุบเลี้ยงขุนพลก็นับว่าสมเหตุสมผล เหตุใดต้องแย่งชิงผลงานกับผู้ใต้บัญชาด้วยเล่า ยิ่งไปกว่านั้น ในอนาคตองค์ชายจะต้องดูแลทั่วทั้งแผ่นดิน มิอาจสนใจเพียงเรื่องการทหารด้านเดียว หากไม่มีคนพิชิตสี่ทิศแทนองค์ชาย เช่นนั้นองค์ชายจะลงไปทำศึกด้วยตนเองหรือไร
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ข้าพบว่าหลี่จื้อมองไปทางสืออวี้ด้วยความกระอักกระอ่วน สืออวี้มีสีหน้าเห็นด้วยอย่างเต็มเปี่ยม ดูแล้วเขาคงเคยตักเตือนเช่นนี้แล้วกระมัง
ข้าหยุดไปชั่วครู่ เมื่อเห็นหลี่จื้อเผยสีหน้าเห็นด้วยออกมาจึงอธิบายต่อไป กระหม่อมบอกกล่าวสถานการณ์ปัจจุบันแก่องค์ชายอย่างชัดแจ้งแล้ว เช่นนั้นขอให้องค์ชายฟังกลยุทธ์ที่สองของกระหม่อมให้เข้าใจกระจ่าง…กลยุทธ์นี้เรียกว่ากลยุทธ์คว้านใจ
ก่อนหน้านี้แม้องค์ชายจะตกอยู่ในอันตราย แต่ฝ่ายศัตรูก็ยังมีความบาดหมางแคลงใจต่อกัน จากความเห็นของกระหม่อม จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของการก่อตั้งพันธมิตรฝ่ายศัตรูขององค์ชายอยู่ที่รัชทายาท เนื่องจากรัชทายาทมิอาจกระทำความผิดเป็นอันขาด เพราะหากเป็นเช่นนั้นฝ่าบาทต้องสงสัยในการตัดสินใจของตนเองเป็นแน่ ส่วนฉีอ๋องก็ต้องกังวลกับอนาคตของตัวเอง ทางสำนักเฟิงอี้ก็จะสูญเสียที่พึ่งพิงสำหรับใช้ต่อต้านองค์ชาย
ดังนั้นขอเพียงรัชทายาทกระทำความผิด องค์ชายก็จะทำให้พันธมิตรของพวกเขาแตกแยกห่างเหินลงได้ อย่างไรก็ตาม รัชทายาทมิใช่คนโง่งม ข้างกายก็มีเสนาธิการคอยตักเตือน หาคิดทำให้รัชทายาทกระทำความผิดย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องลงมือจากสองฝั่ง
อย่างแรกก็คือต้องวางคนของเราไว้ข้างกายรัชทายาทให้ได้ คนผู้นี้จะต้องได้รับความเชื่อใจจากรัชทายาท ทำให้รัชทายาทเชื่อฟังคำพูดของเขา อย่างที่สอง องค์ชายต้องปล่อยให้รัชทายาทชิงข้อได้เปรียบในเบื้องหน้าไป เช่นนี้รัชทายาทจึงจะลำพองใจจนลืมตัว กระทั่งทำร้ายตนเองในที่สุด
[1] ไท่ซั่งหวงหรือพระเจ้าหลวง เป็นคำใช้เรียกจักรพรรดิของจีนที่สละราชสมบัติแล้วยังมีชีวิตอยู่