ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 31 ระหว่างห้วงความเป็นความตาย (2)
ยามเกิดเรื่อง หลี่หยวนกำลังเดินหมากอยู่กับพระสนมจ่างซุนที่วังหลัง องค์หญิงฉางเล่อกำลังชมการดวลหมากอยู่ด้านข้าง ทั้งสามกำลังมีความสุขกับครอบครัวอย่างสุขสันต์ แม้ข่าวเรื่องที่เกิดในจวนยงอ๋องจะแพร่สะพัดในพระราชวังแล้ว แต่ยังไม่ทันส่งมาถึงหูของหลี่หยวน
ขณะที่หลี่หยวนกำลังคร่ำเคร่งครุ่นคิดอยู่นั่นเอง ด้านนอกตำหนักพลันมีเสียงเอะอะ หลี่หยวนถามขึ้นอย่างโมโห เกิดอันใดขึ้น ผู้ใดส่งเสียงเอะอะอยู่ด้านนอก ยังไม่ทันส่งคนออกไปดู หลี่จื้อก็บุกเข้ามาแล้ว เขาสีหน้าเกรี้ยวกราด เสื้อผ้ายุ่งเหยิง พุ่งมาถึงข้างกายหลี่หยวนได้ก็คุกเข่าร้องไห้คร่ำครวญทันที
หลี่หยวนตกตะลึง ลูกคนนี้เข้มแข็งมาตลอด นับตั้งแต่อายุสิบปีก็ไม่เคยเห็นเขาหลั่งน้ำตาอีก เหตุใดวันนี้จึงเป็นเช่นนี้ เขาลืมความโมโหรีบพยุงคนให้ลุกขึ้น จื้อเอ๋อร์ เกิดเรื่องอันใดขึ้น ค่อยๆ เล่า พ่อจะจัดการให้เจ้าเอง
หลี่จื้อไม่ยอมลุกแล้วร่ำไห้เอ่ยว่า เสด็จพ่อ วันนี้ลูกจัดงานเลี้ยงส่งจวิ้นเอ๋อร์ออกเดินทาง แต่กลับมีคนฉวยโอกาสบุกเข้ามาในจวนสังหารองครักษ์ยี่สิบเอ็ดนาย ขันทีสองคน แล้วยังทำร้ายเจียงซือหม่าประจำจวนจอมทัพของลูกจนบาดเจ็บสาหัส ยามนี้เจียงซือหม่าบาดเจ็บหนักอาจรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ เสด็จพ่อ ลูกอดทนอดกลั้นเช่นนี้แต่ก็ยังพบเภทภัย จะให้ลูกอยู่ที่ฉางอันได้เช่นไร เสด็จพ่ออนุญาตให้ลูกออกจากฉางอันไปอยู่ที่โยวโจวเสียเถิด
หลี่หยวนฟังแล้วพลันโทสะลุกโชน เขาตวาดเกรี้ยวกราด ใครก็ได้ เรียกเจ้าเมืองกับแม่ทัพใหญ่กองทหารราชองครักษ์เข้าวัง พวกเขาทำงานกันอย่างไรจึงปล่อยให้คนเข้ามาลอบสังหารที่จวนยงอ๋องได้
หลี่จื้อหัวเราะเยาะในใจ เขารู้ว่าเสด็จพ่อไม่คิดจะสืบหาความรับผิดชอบแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นการกระทำของรัชทายาท ตนจะใจกว้างกับเขาสักหน่อยก็แล้วกัน
เขาเอ่ยขึ้นว่า เสด็จพ่อโปรดระงับโทสะ ลูกคิดว่าผู้ที่มาลอบสังหารเป็นยอดฝีมือชั้นเลิศ เกรงว่าเจ้าเมืองเองก็คงทำอันใดมิได้ แต่ลูกเป็นห่วงความปลอดภัยในจวนจริงๆ ขอเสด็จพ่ออนุญาตให้ลูกเรียกทหารจากกองทัพองครักษ์พันนายมาเสริมการคุ้มกันที่จวนยงอ๋อง อีกประการหนึ่ง มีแขกหลายคนที่อาจเกี่ยวพันกับการลอบสังหาร ขอเสด็จพ่ออนุญาตให้ลูกตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
หลี่หยวนใจเย็นลงแล้วตอบว่า ได้ องครักษ์หนึ่งพันนายก็ไม่นับว่ามาก เจ้าจัดการให้ดีอย่าให้พวกเขาทำผิดกฎกองทัพ ส่วนแขกที่พัวพัน เจ้าจัดการเองได้เลย แต่หากเจ้าจะมอบโทษตายแก่ขุนนางขั้นสามขึ้นไปหรือพระญาติเชื้อพระวงศ์ต้องได้รับราชโองการจากข้า อาการบาดเจ็บของเจียงซือหม่าเป็นเช่นไร เขาเป็นจ้วงหยวนจากหนานฉู่ หากตายที่นี่ เกรงว่าคงมีคนถือโอกาสสร้างข่าวลือว่าต้ายงของเราไม่มีกำลังแม้กระทั่งปกป้องขุนนางที่ยอมสวามิภักดิ์ ถึงเวลาใครจะยังยินดีสวามิภักดิ์อีก
หลี่จื้อเอ่ยอย่างเศร้าโศก เจียงซือหม่าต้องธนูที่หน้าอก หากมิใช่ว่าหัวใจเบี่ยงอยู่เล็กน้อย เกรงว่าคงจะสิ้นใจทันทีเสียแล้ว ตอนนี้จะรอดหรือตายยังคาดเดาไม่ได้ ลูกใช้โสมดำที่เสด็จพ่อประทานให้ยื้อชีวิตเขาเอาไว้ อีกทั้งส่งคนไปตามหาหมอเทวดาซัง หากหาคนไม่พบ กลัวว่าคงจะรักษาชีวิตของเจียงซือหม่าไว้ไม่ได้
หลี่หยวนถอนหายใจ ข้าจะออกราชโองการให้ทุกเมืองทั่วใต้หล้าตามหาท่านซัง เจ้าวางใจเถิด
หลี่จื้อโขกศีรษะเอ่ยขอบพระทัย ในจวนของลูกกำลังวุ่นวาย คงต้องกลับไปจัดการ
หลี่หยวนพยักหน้า เจ้าไปเถอะ
หลี่จื้อลุกขึ้น ขณะที่กำลังจะออกไป องค์หญิงฉางเล่อก็ลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า เสด็จพ่อ ลูกจะไปส่งพี่รอง
หลี่หยวนโบกมือแสดงว่าอนุญาต หลี่จื้อมองไปก็เห็นองค์หญิงฉางเล่อสีหน้าซีดเผือด ท่าทางกระวนกระวายยิ่งนัก เมื่อทั้งสองเดินมานอกตำหนัก องค์หญิงฉางเล่อก็เอ่ยถามเสียงเบา พี่รอง เจียงซือหม่าชีวิตตกอยู่ในวิกฤติจริงหรือ
หลี่จื้อถอนหายใจ หากใช้โสมดำยื้อชีวิตอาจอยู่ได้ครึ่งเดือน แต่หากปลุกเขาขึ้นมาชั่วคราวเพื่อจัดเทียบยาให้ตนเอง เกรงว่าคงประคองอาการได้เพียงสิบวันเท่านั้น
องค์หญิงฉางเล่อหน้าซีดเผือดแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า สิบวัน ท่านซังเดินทางไปทั่ว เกรงว่าคงมาไม่ทัน ทันใดนั้นนางก็จับมือหลี่จื้อแล้วเอ่ยว่า เสด็จพี่ ข้าก็มีโสมดำที่เสด็จพ่อประทานให้อยู่ต้นหนึ่งเช่นกัน ข้าต้องเก็บครึ่งต้นไว้ให้เสด็จแม่เพราะนางร่างกายไม่ค่อยดี จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง อีกครึ่งต้นข้าขอมอบให้ท่าน แล้วยังมีดีหมีที่เสด็จพ่อประทานให้ข้าเมื่อหลายวันก่อน ข้าใช้น้ำแข็งเก็บรักษาไว้ยังไม่ได้ใช้ เสด็จพี่โปรดนำกลับไปด้วย
หลี่จื้อยินดียิ่งนัก โสมดำและดีหมีล้วนเป็นของหายาก มีในของบรรณาการของเสด็จพ่อเป็นบางครั้งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเสด็จพ่อจะประทานยาล้ำค่าเหล่านี้ให้แก่น้องสาว เขาค้อมกายคำนับเอ่ยว่า ข้าขอบคุณน้องสาวที่ช่วยชีวิตเจียงซือหม่า
องค์หญิงฉางเล่อจูงหลี่จื้อไปยังตำหนักชุ่ยหลวน ระหว่างที่เดินก็เอ่ยว่า เสด็จพี่ หากเจียงซือหม่ามีโอกาสฟื้นขึ้นมา ท่านโปรดเอ่ยขอบคุณเขาแทนข้า เขาจะเข้าใจ
แม้หลี่จื้อไม่เข้าใจความหมายขององค์หญิงฉางเล่อ แต่การได้รับยาล้ำค่ามาอย่างไม่คาดคิดทำให้เขายินดีแทบคลั่ง จึงไม่ทันสนใจขบคิดมากมาย
เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋อง หลี่จื้อก็ไปดูอาการบาดเจ็บของเจียงเจ๋ออย่างไม่รีรอ เมื่อเขาเดินไปถึงที่พักของเจียงเจ๋อในสวนเหมันต์ก็เห็นเสี่ยวซุ่นจื่อนั่งอยู่ข้างกายเจียงเจ๋อ จดจ่อเฝ้าดูอาการของเจียงเจ๋ออยู่
หลี่จื้อก้าวเข้าไปดู หมอหลวงที่คอยดูแลอยู่ด้านข้างจึงก้าวเข้าไปกระซิบ เมื่อครู่ใต้เท้าเจียงเกือบจะหยุดหายใจแล้ว โชคดีที่ซุ่นกงกงผู้นี้ช่วยกลับมาได้ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องถ่ายทอดลมปราณตลอดแล้ว
หลี่จื้อเอ่ยเสียงเบา ข้านำโสมดำครึ่งต้นกับดีหมีชุดหนึ่งกลับมา เจ้าคิดว่าจะยืดเวลาได้เพิ่มอีกสักหลายวันหรือไม่
หมอหลวงผู้นี้เอ่ยอย่างยินดี หากเป็นเช่นนี้ ผู้น้อยกล้ารับประกันว่าอย่างน้อยก็ยืดเวลาได้อีกสิบวัน
หลี่จื้อพยักหน้าอย่างปรีดา ข้ามอบยาไว้กับเจ้า พวกเจ้าจงทุ่มเทกำลังให้เต็มที่ หากช่วยเจียงซือหม่าได้ ข้าจะตบรางวัลอย่างงาม
หมอหลวงผู้นั้นเอ่ยขอบคุณหลายคำ เสี่ยวซุ่นจื่อราวกับไม่เห็นไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น เขายังคงเฝ้ามองเจียงเจ๋อ ในใจเขานึกเสียใจสุดแสน นึกเสียใจว่าตนไม่ควรผละจากข้างกายเจียงเจ๋อ ในใจเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร อยากหั่นศัตรูให้เป็นพันเป็นหมื่นชิ้น
หลายวันหลังจากนั้นประหนึ่งฝันร้าย เจียงเจ๋ออาการทรุดลงหลายครั้ง เหล่าหมอหลวงยื้อชีวิตเขาไว้ได้อย่างหวุดหวิด หลังจากสุยอวิ๋นถูกลอบสังหารยี่สิบเจ็ดวัน ในที่สุดหลี่จื้อก็ต้องตัดใจให้หมอหลวงใช้ยาฤทธิ์แรงปลุกเจียงเจ๋อขึ้นมา เมื่อเจียงเจ๋อลืมตาขึ้นก็เห็นใบหน้าไร้สีเลือดของเสี่ยวซุ่นจื่อกับหลี่จื้อ เสี่ยวซุ่นจื่อรายงานอย่างว่องไว คุณชาย ชีวิตท่านตกอยู่ในอันตราย หากหมอเทวดามาช่วยชีวิตไม่ได้ เกรงว่าคงยากจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ยามนี้คุณชายมีวิธีใดยืดเวลาได้อีกสักหลายวันหรือไม่ ตอนนี้โสมดำในจวนอ๋องเหลือเพียงสามเหลี่ยง แล้วก็มีดีหมีอีกหนึ่งชุดที่ฉีอ๋องมอบให้ คุณชายจะทำเช่นไรดี
เจียงเจ๋อฟังจบก็เข้าใจสถานการณ์ จึงเอ่ยเสียงเบาว่า ไปหยิบเข็มทองของข้ามา เจ้าจำวิธีฝังเข็มลงทัณฑ์ที่ข้าสอนเจ้าได้หรือไม่
เสี่ยวซุ่นจื่อพยักหน้าอย่างแข็งขันแล้วตอบว่า ข้าจำได้ จำได้แม่นยำอย่างยิ่ง
เจียงเจ๋อเอ่ยอย่างยากเย็น ในห้องหนังสือของข้ามีวิธีฝังเข็มที่เขียนด้วยลายมืออยู่เล่มหนึ่ง นั่นเป็นวิชาเข็มทองชิงวิญญาณที่ข้าสร้างขึ้นเอง มีการลงเข็มทั้งหมดสิบสามแบบ สิบสองแบบแรกเป็นวิธีเอาไว้ใช้ลงทัณฑ์ ส่วนแบบสุดท้ายเป็นวิธีรีดเค้นพลังทั้งหมดที่ซ่อนเร้นในตัวคนออกมาไว้ช่วยคนใกล้ตายได้ ยามลงทัณฑ์เช่นนี้จะทำให้คนทุกข์ทรมานแต่ไม่ตาย ยิ่งเจ้าวรยุทธ์สูงขึ้นก็ยากเลี่ยงการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เดิมข้าคิดจะสั่งสอนการฝังเข็มแบบสุดท้ายให้เจ้า หากพบภัยจวนตัวจะได้ช่วยชีวิตตัวเจ้าได้ ดังนั้นข้าจึงทยอยสอนวิธีการฝังเข็มที่ต้องใช้ในการนี้แก่เจ้าจนหมดแล้ว การฝังเข็มรูปแบบนี้จะเค้นพลังชีวิตทั้งหมดของข้าออกมา อย่างน้อยก็ยื้อชีวิตข้าได้เก้าทิวา ทว่าหลังจากใช้ย่อมไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว ในเมื่อยังมีโสมดำกับดีหมีอยู่ ข้าจะบอกเทียบยาให้สูตรหนึ่ง หลังจากฝังเข็ม เจ้าป้อนให้ข้ากิน น่าจะยืดเวลาได้อีกหลายวัน
หลังจากฟังเจียงเจ๋อบอกสูตรยาจบ ก็เห็นหมอหลวงจดเอาไว้แล้ว เสี่ยวซุ่นจื่อน้ำตานองหน้า เจียงเจ๋อมักจะคิดถึงตนอยู่เสมอ แต่เขากลับทิ้งเจียงเจ๋อไว้ ปล่อยให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส เจียงเจ๋อยื่นมือมาเช็ดน้ำตาของเขาแล้วเอ่ยแผ่วเบา ไม่ต้องเสียใจ หากข้าโชคร้ายต้องจากไป เจ้าจงบอกแผนการของข้าทั้งหมดกับองค์ชาย ให้องค์ชายตัดสินใจ อย่าให้สิ่งที่ทำมาก่อนหน้าเสียเปล่า เจ้าไม่ต้องแก้แค้นให้ข้า จงพาโหรวหลันกลับหนานฉู่แล้วใช้ชีวิตเงียบๆ จำไว้ว่าต้องพาเถ้ากระดูกของข้าไปฝังร่วมกับฮูหยิน
เสี่ยวซุ่นจื่อเห็นเจียงเจ๋อทำหน้าถอดใจพลันเอ่ยเสียงดัง คุณชาย ท่านต้องตื่นขึ้นมาสิ ท่านจำไม่ได้หรือว่าคนร้ายที่สังหารฮูหยินยังลอยนวลอยู่ข้างนอก คุณหนูก็อายุยังน้อย หากท่านตาย ข้าย่อมต้องแลกชีวิตแก้แค้นให้ท่าน คงมีโอกาสรอดเพียงริบหรี่ หากข้าตาย ใครจะดูแลคุณหนูผู้เดียวดายไร้ที่พึ่ง คุณชาย ไม่ได้ ไม่มีท่าน ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะแก้แค้นเช่นไร ท่านต้องมีชีวิตอยู่เพื่อฮูหยินกับคุณหนู
เจียงเจ๋อรวบรวมสติพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากนั้นก็สลบไปอีกครั้ง
เสี่ยวซุ่นจื่อเช็ดน้ำตาสะเปะสะปะ เมื่อเห็นว่าตอนนี้เจียงเจ๋อไม่เป็นอะไรจึงรีบไปหยิบตำรา หลังจากนั้นก็ฝังเข็มป้อนยา เสี่ยวซุ่นจื่อรู้สึกว่าผิวของเจียงเจ๋อสั่นระริก วิธีฝังเข็มชนิดนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นผู้ที่ถูกฝังเข็มจึงยังรู้สึกเจ็บปวดทรมาน รอจนกระทั่งป้อนยาที่เจียงเจ๋อเป็นคนบอกสูตรแล้ว เสี่ยวซุ่นจื่อเห็นว่าลมหายใจของเจียงเจ๋อสม่ำเสมอขึ้นจึงวางใจ ทันใดนั้นเขาก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ดวงตาของเสี่ยวซุ่นจื่อทอประกายดุร้ายหันไปมองหมอหลวง คำพูดของพวกเขานายบ่าวเมื่อครู่ล้วนเป็นความลับ หากคนนอกล่วงรู้เกรงว่าจะเกิดเรื่องอย่างเลี่ยงไม่ได้
แม้หลี่จื้อครุ่นคิดตามบทสนทนาของพวกเจียงเจ๋อนายบ่าวอยู่ตลอด แต่สุดท้ายก็จับต้นชนปลายไม่ถูก เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจียงเจ๋อจึงไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องฮูหยินถูกทำร้ายรวมถึงศัตรูคู่แค้น แต่เขามีความคิดลึกซึ้งจึงรู้ว่าไม่ควรถามมาก ยามนี้เห็นเสี่ยวซุ่นจื่อเผยจิตสังหารผ่านแววตาจะไม่ล่วงรู้ความคิดของเขาได้เช่นไร ดังนั้นจึงเอ่ยว่า เสี่ยวซุ่นจื่อวางใจได้ หมอหลวงเจี่ยผู้นี้เป็นคนที่ข้าไว้ใจ เขาไม่มีทางนำไปพูดส่งเดช
เสี่ยวซุ่นจื่อเหลือบมองหลี่จื้อ หลายวันนี้หลี่จื้อทุ่มสุดกำลังช่วยเหลือ เขาซาบซึ้งประหนึ่งได้รับน้ำใจกับตนเอง จึงไม่อาจไม่เห็นแก่หน้ายงอ๋อง เพียงเอ่ยอย่างเย็นชา หมอหลวง หากท่านพูดออกไปแม้แต่ครึ่งคำ อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้า
เขาพูดจบ นิ้วมือข้างหนึ่งก็จิ้มลงบนโต๊ะหนังสือ โต๊ะไม้ซงสีแดงแข็งแรงเกิดรอยนิ้วลึกหนึ่งชุ่นทันที หมอหลวงเจี่ยตัวสั่นเทารีบเอ่ยว่า ข้าจะปิดปากให้สนิท
ช่วงเวลาหลังจากนั้นช่างทรมานยากจะทน เจียงเจ๋อลมหายใจรวยรินอยู่ตลอด ทุกวันเสี่ยวซุ่นจื่อจะคอยปรนนิบัติข้างกายเขาด้วยสีหน้าเยือกเย็นประหนึ่งทุกสิ่งไม่เกี่ยวข้องกับเขา ส่วนยงอ๋องใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
วันนี้หมอหลวงมารายงานว่าเจียงเจ๋อคงมีชีวิตอยู่ได้ถึงแค่ค่ำนี้ หลี่จื้อทรุดนั่งอย่างหดหู่ เอ่ยวาจาไม่ออกสักคำ หลี่จวิ้นผู้เป็นบุตรชายออกจากเมืองหลวงไปแล้ว สืออวี้ก็ติดตามไปด้วย หากเจียงเจ๋อจากไปอีก หลี่จื้อหัวใจหนาวเหน็บ ตนสมควรทำเช่นไรดี ขณะที่เขาหวาดหวั่นอยู่ในใจ ทันใดนั้นโก่วเหลียนก็วิ่งเข้ามาพร้อมตะโกนอย่างตื่นเต้นยินดี องค์ชาย องค์ชาย ท่านซังมาแล้ว
หลี่จื้อดีใจยิ่งนัก กำลังจะลุกขึ้นยืน กลับพบว่ามือขาไร้เรี่ยวแรงจนลุกไม่ขึ้น