ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 37 การหารือลับในศาลา (2)
ข้าวางข่าวกรองลงแล้วเอ่ยอย่างสุขุม องค์ชาย เรื่องนี้กระหม่อมมีความคิดแล้ว ขอองค์ชายอย่าได้กังวล หลายวันนี้องค์ชายลองเข้าวังไปบ่อยครั้งสักหน่อย แล้วขอให้องค์ชายทำตัวผ่อนคลายลงสักนิด กระหม่อมจึงจะมีโอกาสให้ฉกฉวย ผู้ที่ลอบสังหารกระหม่อมมิได้ทำเพราะความแค้นส่วนตัว ดังนั้นกระหม่อมจึงไม่จำเป็นต้องล้างแค้น ขอเพียงองค์ชายชนะ แค้นของกระหม่อมย่อมได้รับการสะสางด้วย
หลี่จื้อเอ่ยอย่างยินดี สุยอวิ๋นรู้เรื่องราวกระจ่างแล้วหรือ ถ้าเช่นนั้นใครเป็นคนลอบสังหารเจ้า ข้าจะไม่ละเว้นเด็ดขาด
ข้ายิ้มจาง องค์ชาย กระหม่อมไร้หลักฐาน ตอนนี้จึงไม่อาจบอกว่าผู้ใด แต่ข้าไม่ปลอยพวกเขาแน่ ตอนนี้องค์ชายอย่างเพิ่งหลุดปากออกไป ถ่วงเวลาแม่ทัพใหญ่เอาไว้สักระยะหนึ่ง หากเรื่องคลี่คลายตอนนี้ เกรงว่าแม่ทัพใหญ่คงมิอาจขัดขวางการแต่งงานระหว่างบุตรีจิ้งเจียงอ๋องกับแม่ทัพฉินชิง หากฉินชิงถูกสงสัยอยู่ เช่นนั้นแม่ทัพใหญ่ย่อมบอกปฏิเสธทางอ้อมได้
ก้อนหินที่ถ่วงอยู่ในใจหลี่จื้อถูกยกออกไป เขาเอ่ยอย่างดีใจ ไม่ใช่ฉินชิงก็ดี
ข้ารีบเอ่ยว่า องค์ชายอย่าได้เปิดเผยเรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ให้แสดงท่าทีเป็นอริกับแม่ทัพใหญ่เอาไว้ เช่นนี้จึงจะทำให้ศัตรูละเลยการป้องกันได้ แม่ทัพใหญ่ไม่มีทางขุ่นเคืององค์ชายด้วยเหตุนี้
หลี่จื้อพยักหน้าเล็กน้อย คุยเรื่องสำคัญจบแล้ว แต่ยังมีอีกสองเรื่องที่ข้าต้องบอกเจ้าไว้ เรื่องแรกคือครั้งนี้เสด็จพ่ออนุญาตให้ข้าเพิ่มกำลังองครักษ์ในจวน ข้าจึงให้ซือหม่าสยงคัดเลือกคนมาจากในกองทัพ ก่อนหน้านี้ข้าคิดเสมอว่าทหารกล้าสมควรอยู่อย่างองอาจในสนามรบ ดังนั้นองครักษ์ในจวนจึงไม่ได้เลือกอย่างพิถีพิถันนัก จนทำให้ครานี้สุยอวิ๋นเจ็บหนัก
ครั้งนี้ข้าสั่งให้จัดการประลองในกองทัพเลือกทหารหนึ่งพันนายมาเป็นองครักษ์จวนอ๋อง ข้าแบ่งองครักษ์แปดร้อยจากพันนายประจำแปดทิศ พายัพ หรดี อุดร ทักษิณ บูรพา อีสาน อาคเนย์ ประจิม รับผิดชอบคุ้มกันจวนอ๋อง นับจากวันนี้จวนอ๋องจะอยู่ภายใต้กฎของกองทัพ ผู้ที่หย่อนหยานในหน้าที่มีโทษตายทันที
อีกสองร้อยคนเป็นผู้มีฝีมือโดดเด่นในหมู่องครักษ์ ข้าจัดการให้ห้าสิบคนเป็นองครักษ์ใกล้ชิดสุยอวิ๋น ส่วนมากพวกเขาเป็นลูกศิษย์จากสำนักในยุทธภพ พลังภายในจึงมิใช่ชั่ว จะต้องขัดขวางการลอบสังหารของยอดฝีมือแถวหน้าได้แน่ รางวัลและบทลงโทษของคนเหล่านี้ให้ท่านตัดสินใจได้เอง ไม่ต้องขออนุญาตจากข้า
ข้าอุ่นวาบในอก การประลองในกองทัพของยงอ๋องยิ่งใหญ่มาก การประลองแบ่งออกมาเป็นสามรอบ ได้แก่ ขี่ม้ายิงธนู รบบนหลังม้า ต่อสู้บนพื้นราบ ต้องชนะทั้งสามรอบจึงจะกลายเป็นผู้ชนะ หากจะคว้าชื่อทหารกล้าอันดับหนึ่งแห่งกองทัพมาครองจากการประลองเช่นนี้ ต้องผ่านสงครามนองเลือดมานับครั้งไม่ถ้วนจึงจะทำได้ ยงอ๋องใช้การประลองมาคัดเลือกองครักษ์ ย่อมหมายความว่าผู้ที่ถูกเลือกเป็นทหารกล้าจากหนึ่งในพัน แล้วองครักษ์ที่แบ่งออกมามอบให้ข้ายังเป็นคนจากยุทธภพเกินกว่าครึ่งอีก ดูท่าครานี้ยงอ๋องจะลงทุนมหาศาล
ข้ารีบกล่าวขอบคุณยงอ๋อง ตอนนี้เอง เสี่ยวซุ่นจื่อพลันสีหน้าเปลี่ยนไปมา ในที่สุดก็อดกลั้นไม่ไหวก้าวเข้าไปค้อมกายคำนับเอ่ยว่า เมื่อครู่บ่าวกล่าววาจาเสียมารยาท ล่วงเกินองค์ชาย ขอองค์ชายโปรดอภัยด้วย
ข้าตกตะลึง แม้ก่อนหน้านี้จะมองออกว่าเขาไม่ปกติ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาถึงขั้นล่วงเกินองค์ชาย ข้ารีบถามทันที เสี่ยวซุ่นจื่อ เกิดอันใดขึ้น เจ้าทำสิ่งใดล่วงเกินองค์ชาย
เสี่ยวซุ่นจื่อตอบอย่างละอายใจ เมื่อครู่องค์ชายได้รับรายงานว่าในที่สุดเพชฌฆาตใจทมิฬที่ลอบสังหารคุณชายก็เผยร่องรอยแล้ว ทั้งยังฝ่าการล้อมจับไปได้หลายครั้ง ข้าคิดจะไปสังหารคนผู้นั้นล้างแค้นให้คุณชาย แต่ก็กังวลความปลอดภัยของคุณชาย จึงทนไม่ไหวถากถางองค์ชายไปว่า ‘หากมิใช่แม่ทัพเผยบังเอิญมาเป็นแขกที่สวนเหมันต์พอดี เกรงว่าคุณชายคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว มือสังหารตัวเล็กๆ คนหนึ่งเช่นเพชฌฆาตใจทมิฬไปมาในจวนยงอ๋องได้ตามใจ ตอนนี้ยังเหิมเกริมอยู่ด้านนอก ทำให้ทหารกล้าของต้ายงเสียหน้าหมดสิ้นแล้วจริงๆ’
ข้าฟังแล้วเหงื่อเย็นหลั่งทั่วร่าง รีบลุกขึ้นเอ่ยว่า เสี่ยวซุ่นจื่อโง่เขลา ล่วงเกินองค์ชาย ขอองค์ชายโปรดอภัยด้วย
หลี่จื้อโบกมือให้ข้านั่งลงแล้วยิ้มเจื่อน ข้าผิดต่อพวกท่านนายบ่าว องครักษ์ที่ข้าคัดเลือกมาอย่างดีครั้งนี้ต้องปกป้องความปลอดภัยของสุยอวิ๋นได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าออกคำสั่งไปแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ให้จัดการประลองขึ้นทุกสามเดือน สิบคนที่อยู่อันดับท้ายสุดต้องประลองกับองครักษ์ที่คัดเข้ามาใหม่ หากเอาชนะไม่ได้ต้องถูกปลด สุยอวิ๋น แม้องครักษ์คนสนิทของท่านจะให้เจ้าตัดสินใจมอบรางวัลและบทลงโทษได้เอง แต่การคัดเลือกและผลัดเปลี่ยนคงให้ท่านตัดสินใจไม่ได้
เสี่ยวซุ่นจื่อ วรยุทธ์ของเจ้าสูงส่งเหนือกว่าที่ข้าคาดเอาไว้มากนัก หลังจากนี้หากเจ้ารู้สึกว่าในหมู่องครักษ์คนสนิทของสุยอวิ๋นมีผู้ใดไม่อาจทำหน้าที่ก็ปลดเขาได้ทันที อย่าตามใจสุยอวิ๋น เขาคนนี้บางครั้งก็ใจอ่อน ต่อให้รู้สึกว่าไม่เหมาะกับหน้าที่ก็ไม่ยอมบอกกล่าว
เสี่ยวซุ่นจื่อพยักหน้าย้ำๆ หลายวันก่อนเสี่ยวซุ่นจื่อเคยเสนอให้ข้าเรียกกำลังคนจากค่ายลับมาจำนวนหนึ่ง แต่ข้อได้เปรียบของค่ายลับคืออยู่ในเงามืด หากสู้กันด้วยฝีมือจริงๆ เกรงว่าคงไม่ใช่คู่ต่อกรของยอดฝีมือในกองทัพเหล่านี้ มิหนำซ้ำค่ายลับก็ไม่เหมาะเผยตัวในที่แจ้ง ดังนั้นข้าจึงไม่ตกลง เวลานี้เสี่ยวซุ่นจื่อเห็นว่ามีสิ่งรับประกันความปลอดภัยของข้าจึงยิ้มแย้มเบิกบาน บ่าวบังอาจขอให้บ่าวไปคัดเลือกองครักษ์คนสนิทของคุณชายด้วยตนเอง
หลี่จื้อพยักหน้าตอบ ได้ กว่าครึ่งของคนเหล่านี้ในอนาคตต้องให้เจ้าจัดการ เจ้าไปเลือกก็ดี หลายวันนี้ซือหม่าสยงกำลังจัดสรรคนอยู่ เจ้าไปดูสักหน่อยเถิด
เสี่ยวซุ่นจื่อรีบพยักหน้า เขาเหลือบสายตาขึ้นขออนุญาตจากข้า ข้ารู้ว่าเขารีบร้อนอยากจัดการความปลอดภัยของข้าให้มั่นใจเพื่อไปไล่ล่าเพชฌฆาตใจทมิฬจึงไม่ห้ามปรามเขา กลับกันเอ่ยว่า เจ้ารีบไปทำเรื่องนี้ให้เสร็จ เพชฌฆาตใจทมิฬเก็บซ่อนร่องรอยมานานปานนี้ แต่วันนี้ข้ารักษาชีวิตไว้ได้ เขากลับปรากฏตัวขึ้นอีก ข้าอยากให้เจ้าไปถามเขาดีๆ สักหน่อย
เสี่ยวซุ่นจื่อรีบพยักหน้าขานรับแล้วผลุนผลันเดินออกไป ดูท่าเขาจะอดรนทนรอแทบไม่ไหวแล้ว
หลี่จื้อมองเงาแผ่นหลังของเสี่ยวซุ่นจื่อแล้วถอนหายใจ ช่างเป็นบ่าวที่จงรักภักดียิ่งนัก สุยอวิ๋น ท่านมีบุญมากจริงๆ
ข้าหัวเราะ ยามนี้อยู่ต่อหน้าองค์ชาย เขาเห็นแก่หน้าองค์ชายจึงเชื่อฟังเช่นนี้ ปกติไม่รู้จักผู้ใหญ่ผู้น้อยบ่อยไป
หลังจากร่างของเสี่ยวซุ่นจื่อหายลับไป หลี่จื้อจึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง สุยอวิ๋น ข้ารู้ว่าท่านมีบางเรื่องปิดบังข้าอยู่ ข้าไม่คิดจะสืบหาเพราะเชื่อว่าท่านไม่มีทางทำร้ายข้า แต่หากข้าไม่ถามก็คงวางใจท่านสนิทใจไม่ได้
แม้ข้ารู้ว่ายงอ๋องไม่มีทางไม่ล่วงรู้เรื่องที่ข้าทำ แต่พอต้องประจันหน้าแล้วก็ยังใจเสียอยู่บ้าง ข้าคิดในใจว่าเขาคงไม่คิดบัญชีกับข้ากระมัง ข้าเหลือบมองขณะที่ในใจหวั่นวิตก
แล้วหลี่จื้อก็เอ่ยต่อว่า ครั้งนี้ข้าจะพูดเรื่องนี้ให้ชัด ไม่ใช่เพื่ออื่นใด แต่หากท่านมีคนสนิทที่เชื่อใจได้ก็ให้พวกเขามาอยู่ข้างกายท่านเถิด หากเกิดเรื่องอย่างครั้งนี้ขึ้นอีก เกรงว่าสุยอวิ๋นคงไม่โชคดีเช่นนี้แล้ว ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้ข้างตัวท่านเหมือนจะมีองครักษ์วรยุทธ์ไม่เลวอยู่หลายคน แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นอยู่ข้างกายท่าน ข้าไม่ตำหนิท่านที่ปิดบังข้า หากท่านมิได้ระแวดระวังทุกทางจะรักษาตนเองในโลกอันวุ่นวายได้เช่นไร แต่ความปลอดภัยของท่านเป็นเรื่องสำคัญ ท่านไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาอยู่ห่างกายจนพวกเขาปกป้องท่านไม่ได้เพื่อปิดบังข้า
ข้าก้มหน้าด้วยความละอายใจ หากยงอ๋องไม่พูดถึงเรื่องนี้ ความสัมพันธ์นายบ่าวระหว่างพวกเราย่อมอยู่ดี แต่ข้ากลับคิดไม่ถึงว่ายงอ๋องจะยอมกระทั่งเสี่ยงให้ข้ามองหน้าไม่สนิท เพราะต้องการให้ข้าปกป้องตนเองให้ดีกว่าเดิม
ความซาบซึ้งใจทำให้ข้าแทบหลั่งน้ำตา หวนนึกถึงเต๋อชินอ๋องที่แม้กระทั่งยามตายยังไม่ลืมคิดระแวงข้า แม้ข้านับถือความภักดีของเขา แต่ก็ห้ามไม่ให้หัวใจหนาวเหน็บไม่ได้ ยงอ๋องปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ หากข้าไม่อาจทำให้เขาขึ้นครองบัลลังก์สำเร็จ ข้าจะสงบใจได้เช่นไร อย่างมากที่สุดข้าก็ทุ่มเทกำลังมากสักหน่อย ไม่ต้องกลัวสร้างผลงานมากจนนายท่านระแวง หลังจากจบเรื่องก็ออกท่องยุทธภพเท่านั้น
ทว่าแม้รู้แจ้งแก่ใจก็มิจำเป็นต้องพูด ข้าไม่ได้พูดอันใดออกมา เพียงเอ่ยว่า กระหม่อมน้อมรับคำสั่งสอนขององค์ชาย
เมื่อเห็นข้าเข้าใจความหมายของเขา หลี่จื้อก็เอ่ยอย่างยินดี ครั้งนี้ท่านบาดเจ็บสาหัส องค์หญิงฉางเล่อกับฉีอ๋องล้วนเป็นห่วงท่านนัก น้องหญิงมอบโสมดำกับดีหมีที่เสด็จพ่อประทานให้นางแก่เจ้า ฉีอ๋องก็ส่งดีหมีมาให้ท่านเช่นกัน หากมิได้ยาเหล่านี้ เกรงว่าข้าเองก็คงรักษาชีวิตของท่านไว้ไม่ได้ จริงสิ สองวันก่อนโหรวหลันกลับมาจากในวัง ฉางเล่อชอบนางยิ่งนัก ขอให้นางไปอยู่เป็นเพื่อนบ่อยครั้งหน่อย
ข้าทำหน้าสับสนเล็กน้อยแล้วถามขึ้นว่า ความคิดของฉีอ๋อง กระหม่อมยังเข้าใจอยู่บ้าง แต่เหตุใดองค์หญิงฉางเล่อจึงเมตตากระหม่อมเช่นนี้ แล้วโหรวหลันเข้าไปในวังได้เช่นไร
หลี่จือเหลือบมองข้าปราดหนึ่งแล้วตอบว่า น้องสาวข้าชอบบทกวีของท่าน ส่วนโหรวหลัน พระชายาเป็นผู้พานางเข้าวัง ท่านบาดเจ็บครั้งนี้ น้องสาวมอบยาให้ท่าน ในเมื่อท่านรักษาชีวิตไว้ได้แล้วก็ควรแสดงความขอบคุณ พระชายาเห็นท่านบาดเจ็บหนักจึงพาโหรวหลันไปเอ่ยขอบคุณแทน โหรวหลันเป็นบุตรบุญธรรมของท่าน มาขอบคุณแทนท่านย่อมเหมาะสมตามมารยาท
ข้าพยักหน้าอย่างมึนงง เหตุใดองค์หญิงเมตตาข้าเช่นนี้ บทกวีของข้าดีปานนั้นจริงหรือ
หลี่จื้อมองข้าพริบตาหนึ่งแล้วแย้มรอยยิ้มเอ่ยว่า จริงสิ ฉางเล่อฝากถ้อยคำมาให้ท่านด้วย นางบอกว่า ‘ขอบคุณ’ ก็ไม่รู้ว่าหมายความเช่นไร
ในใจข้าหวาดผวา ขอบคุณข้า หรือว่านางรู้เรื่องที่ข้าปล่อยนางไปวันนั้น เป็นไปไม่ได้ หากเป็นเช่นนั้น เรื่องของเหลียงหวั่นไม่รู้กันถ้วนหน้าแล้วหรือ ข้าปลอบใจตนเองก่อนจะเอ่ยว่า กระหม่อมไม่เข้าใจความนัยขององค์หญิงนัก
หลี่จื้อเห็นข้าสีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยว่า เอาละ ข้าไม่รบกวนการพักผ่อนของท่านแล้ว ท่านอย่าปล่อยให้ตนเองเหนื่อย
ข้าเริ่มเหนื่อยแล้วจริงๆ หลังจากมองส่งหลี่จื้อจากไป หญิงรับใช้สองนางก็เข้ามาพยุง หลายวันนี้พวกนางล้วนคอยปรนนิบัติข้า แม้ข้าไม่ชอบให้หญิงรับใช้ปรนนิบัติแต่ก็ไล่พวกนางไปไม่ได้ ข้าล้มตัวนอนบนเตียงแล้วค่อยๆ จมสู่ห้วงฝัน แต่ก็หลับได้ไม่สนิทนัก ลูกธนูประดุจลำแสงของมือสังหารผู้นั้นทำให้ข้าหวาดผวาจนถึงวันนี้จนมักจะนอนหลับไม่สนิท
ข้าฝันเห็นเสี่ยวซุ่นจื่อจับเพชฌฆาตใจทมิฬมาอยู่ตรงหน้าข้า ให้ข้าสังหารด้วยมือตนเอง หลังจากนั้นมือสังหารในวันนั้นจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น ดวงตาคู่นั้นยังคงกระจ่างใส มือเรียวขาวผ่องทั้งสองข้างง้างคันศรพาดลูกธนูขึ้นสาย หลังจากนั้นข้าพลันสะดุ้งตื่น ท่ามกลางความมืดข้าเอ่ยอย่างเฉยชา ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นผู้ใด ไม่มีทางเป็นผู้อื่นนอกจากเจ้า หลี่หันโยว เหอะ