ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 40 ศึกริมฝั่งน้ำ (1)
หนานฉู่ รัชศกถงไท่ปีที่หนึ่ง วันที่สิบเก้าเดือนสาม หลี่ซุ่น ข้ารับใช้คนสนิทของเจียงเจ๋อไล่ล่าพันลี้จนเด็ดชีพมือสังหารได้ ณ ท่าข้ามฟาก ใต้หล้าต่างรู้ข่าว ผู้ใดสดับฟังล้วนประหวั่นพรั่นพรึง หลังจากนั้นหลายปีมิมีผู้ใดกล้าเอาอย่างเนี่ยเจิ้ง[1]กับจิงเคอ[2]อีก
…พงศาวดารฉู่ราชวงศ์หนาน บันทึกธาราเคียงเมฆ
เพชฌฆาตใจทมิฬเปลี่ยนสีหน้าทันทีแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา หลี่ซุ่น ข้าคิดว่าเจ้าจะคอยรับใช้อยู่ข้างกายนายเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าไล่ตามมา
เสี่ยวซุ่นจื่อแย้มรอยยิ้มเล็กน้อย เฮยเหยีย แม้พวกเรามิเคยพบหน้า แต่ข้ารู้ว่าข้างกายเต๋อชินอ๋องมีคนเช่นเจ้า ส่วนเจ้าก็รู้ว่าข้างกายคุณชายมีข้าอยู่ เจ้าลอบสังหารคุณชายย่อมถือเป็นศัตรูคู่อาฆาตของข้า ต่อให้ข้าสู้เจ้าไม่ได้ก็ต้องมาส่งเจ้าสู่ปรโลก นับประสาอะไรเมื่อเจ้าคงสู้ข้ามิได้
เพชฌฆาตใจทมิฬใจสะท้าน เขาไม่ได้ใช้ชื่อแซ่มาหลายปีจนแม้แต่เต๋อชินอ๋องยังไม่ทราบ คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวซุ่นจื่อกลับเอ่ยออกมาได้ แต่เขาไม่หลุดเผยสีหน้าออกมาแม้แต่น้อย เขาเอ่ยอย่างเฉยชา หลี่ซุ่น เจ้าก็นับเป็นขุนนางของหนานฉู่ รับใช้ข้างกายพระวรกายมานาน ได้รับความเมตตายิ่งนัก เหตุใดจึงทรยศบ้านเมือง ลาภยศสรรเสริญสำคัญกับเจ้าเพียงนั้นเชียวหรือ ต่อให้มีลาภยศอยู่บ้างก็คงตกมาไม่ถึงตาเจ้า เจ้าเคยร่วมทัพออกรบ เคยติดตามข้างกายท่านอ๋อง ไม่ได้เรียนรู้คุณธรรมเรื่องความซื่อสัตย์ภักดีมาบ้างหรือไร
เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ กระทั่งผู้คนที่นอนกองอยู่กับพื้นก็มองเสี่ยวซุ่นจื่อด้วยแววตาดูแคลน
เสี่ยวซุ่นจื่อกลับไม่สะทกสะท้าน เอ่ยขึ้นอย่างนิ่งสงบ ข้าชาติกำเนิดต่ำต้อยแล้วยังเป็นผู้ที่ต้องโทษกลายเป็นขันที กล่าวให้ไม่น่าฟัง ยามอยู่ในวังแม้แต่แมวหรือสุนัขยังสูงศักดิ์กว่าพวกข้า เฮยเหยีย เจ้าเป็นเพียงมือสังหารคนหนึ่งก็ยังดูแคลนข้าเลยมิใช่หรือ
กล่าวมาถึงตรงนี้ สีหน้าของเสี่ยวซุ่นจื่อพลันเคร่งขรึม ดวงตาเป็นประกาย เขาเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ บนโลกใบนี้มีเพียงผู้เดียวที่มิเคยดูแคลนข้า เขาเห็นข้าเป็นคน มิใช่ข้าทาส พานพบครั้งแรกในวังหลวง คุณชายเป็นถึงขุนนางใหม่แห่งหนานฉู่ ส่วนตัวข้าเป็นเพียงบ่าวตัวกระจ้อยคนหนึ่ง ทว่าเขากลับเห็นค่าของข้า หลายปีที่อยู่ด้วยกัน หากเสแสร้งแม้เพียงนิด ข้าย่อมมองออกนานแล้ว แต่คุณชายเสมอต้นเสมอปลาย ดูแลข้าดุจบิดาดั่งพี่ชาย สอนข้าอ่านหนังสือเรียนรู้มารยาท ให้ข้าเป็นดั่งคนสนิท ชีวิตนี้ในชาตินี้มีเพียงคุณชายที่ควรค่าให้ข้าภักดี หนานฉู่มิเคยมีบุญคุณใดต่อข้า
เฮยเหยีย เจ้าอ้างว่าทำเพราะคุณธรรม เช่นนั้นข้าขอถามสักคำ คุณชายกล่าวได้ว่ามิเคยทำผิดต่อหนานฉู่ แต่หนานฉู่เคยมิทำผิดต่อคุณชายหรือไม่
เพชฌฆาตใจทมิฬเงียบงัน ไยเขาจะไม่รู้ความดีความชอบของเจียงเจ๋อ ทว่าสุดท้ายเจียงเจ๋อกลับถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตนไปลอบสังหารเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น
เสี่ยวซุ่นจื่อไม่จี้ถามต่อ ตรงกันข้ามกลับเอ่ยอย่างเย็นชา ข้ารู้ว่าเฮยเหยียทำตามคำสั่งเสียของชินอ๋อง กล่าวกันว่าทุกคนล้วนทำเพื่อนายของตน คุณชายมิเคียดแค้นชินอ๋องที่ไร้ไมตรี แต่ก็มิอาจให้เจ้ารอดกลับหนานฉู่ ดังนั้นขออภัย วันนี้ข้าต้องให้เจ้าจบชีวิตอยู่ที่ต้ายง
ตอนนี้เอง เฉียวเยี่ยนเอ๋อร์ผู้กระดิกตัวไม่ได้ก็ตวาดเกรี้ยวกราด วาจาโอหังนัก ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
เมื่อคำนี้เอ่ยออกมา แม้แต่เพชฌฆาตใจทมิฬยังมองนางด้วยสีหน้าประหลาด สถานการณ์ตอนนี้เสี่ยวซุ่นจื่อยืนอยู่ฝั่งเดียวกับหนุ่มสาวเหล่านี้ชัดๆ หากเสี่ยวซุ่นจื่อเอาชนะมิได้ ไม่ว่าผู้ใดก็คงถูกสังหาร เหตุใดเฉียวเยี่ยนเอ๋อร์กลับเอ่ยวาจาเช่นนี้
ความจริงทันทีที่คำพูดหลุดออกจากปาก เฉียวเยี่ยนเอ๋อร์ก็ตระหนักแล้วว่าตนกล่าวผิด นางเพียงมีนิสัยชอบเอาชนะ การที่ตนเองถูกลอบเล่นงานอย่างไม่รู้ตัวแล้วถูกเสี่ยวซุ่นจื่อผู้โผล่เข้ามากะทันหันช่วยไว้จึงทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ เมื่อเห็นสายตาของคนทั้งหลายจับจ้องบนร่างตน นางจึงตวาดฉุนเฉียวอย่างห้ามไม่ได้ อะไร ผู้อื่นต่อว่านิดหน่อยไม่ได้หรือ
ทุกคนล้วนเลื่อนสายตาหลบเพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะหลุดออกมา แต่เสี่ยวซุ่นจื่อกลับยังคงสีหน้าเย็นยะเยือก เขาไม่มีความรู้สึกดีอันใดให้พวกเฉียวเยี่ยนเอ๋อร์ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ล้วนเป็นศัตรูของคุณชาย ถ้าสังหารพวกเขาทั้งหมดได้กลับจะเป็นการดี หากไม่ติดที่ตนออกหน้าครั้งนี้ ทุกคนคงรู้กันทั่ว จึงฉวยโอกาสซ้ำเติมมิได้ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าเขาคงจะสังหารคนเหล่านี้ด้วยมือตนเองแล้ว
เสี่ยวซุ่นจื่อหันไปมองไผ่ระทม สายตาอ่อนโยนลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นว่า ไผ่ระทม วันนี้เดิมสมควรสังหารเจ้าด้วย แต่คุณชายของข้ามีคำพูดต้องการฝากคนนำกลับไป ในเมื่อฐานะของเจ้าถูกเปิดโปงแล้ว เรื่องนี้คงฝากเจ้าได้กระมัง
ไผ่ระทมไม่มีรอยยิ้มเย้ยหยัน นับตั้งแต่เสี่ยวซุ่นจื่อปรากฏตัว เขาก็เริ่มมองหาช่องโหว่ของอีกฝ่าย ทว่าแม้เสี่ยวซุ่นจื่อยืนเฉยๆ เช่นนั้น แต่ทั่วร่างกลับหาช่องโหว่ไม่พบแม้แต่น้อย
เสี่ยวซุ่นจื่อมองสีของท้องฟ้าแล้วถอนหายใจ สายหมอกบดบังห้องหอ จันทร์สลัวเร้นซ่อนฝั่งน้ำ ช่างเป็นทิวทัศน์ที่ชวนให้คนหลงใหล เฮยเหยีย น่าเสียดายที่เจ้าคงมิได้เห็นอีกต่อไป
เมื่อกล่าวจบ ร่างกายของเขาพลันโถมเข้าใส่เพชฌฆาตใจทมิฬดุจภาพมายา เพชฌฆาตใจทมิฬทราบว่ารอดหรือตายอยู่ที่ศึกนี้แล้วจึงยืดอกเข้าประจันหน้า ร่างกายทะยานประหนึ่งอินทรีสยายปีก ร่างกายของทั้งสองปะทะกัน เห็นเพียงเงาฝ่ามือพัลวันแต่กลับไม่ได้ยินเสียงสักนิด วิชาฝ่ามือของทั้งสองว่องไวพิสดารถึงที่สุด โจมตีกันสิบกว่ากระบวนท่าล้วนมุ่งเข้าจุดสำคัญ ทว่าก่อนจะสัมผัสกลับแปรเปลี่ยนทิศทางทั้งที่ยังมิทันกระทบถูกจริง
ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุดัน พลัดกันรุกไล่ในอาณาเขตหนึ่งจั้งกว่าจนคนมองตาลาย แม้มิได้ยินเสียง แต่สายลมจากฝ่ามือและจิตสังหารที่ล้นทะลักออกมาจากจุดที่ทั้งคู่ประมือกลับหนักหน่วงขึ้นทุกขณะ ต่อสู้กันเช่นนี้ราวร้อยกระบวนท่า จู่ๆ ร่างกายของทั้งสองก็หยุดนิ่งยืนประจันหน้ากัน เสี่ยวซุ่นจื่อสีหน้าเฉยชา แต่เพชฌฆาตใจทมิฬกลับหน้าเขียว อาภรณ์ตรงหน้าอกขาดวิ่น เผยรอยแผลเหมือนรอยกรงเล็บหลายตำแหน่ง
ทันทีที่เห็นก็รู้ว่าเขาตกเป็นรอง แม้ทั้งสองคนยืนเงียบไม่พูดไม่จา แต่ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนกลับเหมือนสายพิณที่ยิ่งขึงยิ่งตึง จนสุดท้ายเพชฌฆาตใจทมิฬอดทนไม่ไหว ตวาดดุดันคำหนึ่ง จากนั้นสีหน้าแปรเปลี่ยนหลายครั้ง โลหิตพลันไหลจากเจ็ดทวาร สภาพน่าหวาดกลัวนัก
แม่นางสามเห็นจากไกลๆ ก็ตะโกนบอกอย่างตกตะลึง นี่คือการแปรสภาพครั้งที่สามของวิชามารฟ้าแยกร่าง พลังภายในเพิ่มพูนขึ้นสิบเท่า ท่านโปรดระวัง
เสี่ยวซุ่นจื่อหัวเราะอย่างเฉยชา แม้วิชามารฟ้าแยกร่างกระตุ้นพลังภายในให้เพิ่มพูนได้ แต่ผลร้ายที่ตามมามีไม่หมดสิ้น ในเวลาไม่ถึงสองเดือนกลับใช้สองครั้ง ดูท่าต่อให้เจ้ากลับหนานฉู่สำเร็จ ชีวิตก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน
เพชฌฆาตใจทมิฬเอ่ยเย็นชา แม้นายของเจ้าจะชาญฉลาดมิมีผู้ใดเทียม แต่หากไม่มีเจ้าอารักขาก็คงเป็นเพียงอินทรีปีกหัก ถึงครั้งนี้สังหารเขามิได้ แต่หากเอาชีวิตเจ้าไปได้ก็นับว่าตัดแขนของเขาสำเร็จ วันหน้าลอบสังหารย่อมง่ายขึ้นมากแล้ว
เสี่ยวซุ่นจื่อหน้าเขียว เขาคิดไม่ถึงว่าเพชฌฆาตใจทมิฬยังจะคิดร้ายหมายลอบสังหารคุณชายอยู่อีก จิตสังหารในแววตาจึงยิ่งเข้มข้น เวลานี้เพชฌฆาตใจทมิฬโถมเข้ามาแล้ว ครั้งนี้สถานการณ์ต่างจากเดิมมาก เสี่ยวซุ่นจื่อเหมือนถูกบุกจนมิอาจโต้กลับ ทำได้เพียงอาศัยวิชาท่าร่างแปลกประหลาดปกป้องตนเอง คนทั้งหลายมองดูอยู่ครู่หนึ่งก็หลับตาลง เพราะเงาร่างที่ขยับไปมาของทั้งสองทำให้พวกเขาเวียนหัวตาลาย
ผ่านไปอีกสักพัก จู่ๆ เสี่ยวซุ่นจื่อก็สูดหายใจลึกหนึ่งเฮือก ทันใดนั้นร่างกายก็เบาดุจขนนก ลอยละล่องถอยหลังตามสายลมที่พัดมาจากฝ่ามือของเพชฌฆาตใจทมิฬขึ้นไปด้านบนอย่างฉับพลัน ก่อนจะโถมสวนกลับมา เพชฌฆาตใจทมิฬมิทันตั้งตัวจึงรีบร้อนส่งฝ่ามือที่สองมาขวางการโจมตี แต่คิดไม่ถึงว่าร่างกายของเสี่ยวซุ่นจื่อจะพลิกกายกลางอากาศไปอยู่ด้านหลังของเขา ฝ่ามือขาวเผือดข้างหนึ่งประทับลงกลางแผ่นหลัง
เพชฌฆาตใจทมิฬรู้สึกถึงลมปราณนุ่มนวลทว่าเย็นยะเยือกสายหนึ่งทะลักเข้ามาในร่างตน เขาทุ่มพลังภายในทั้งหมดสกัด ทว่าลมปราณสายนั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าวดุจเปลวเพลิงแล้วโถมเข้ามาในเส้นลมปราณของเขา เพชฌฆาตใจทมิฬกรีดร้องอย่างมิอาจห้าม ร่างกายโซเซเอนไปด้านหน้าล้มลงกับพื้น
ในตอนนี้เอง ไผ่ระทมพลันลอยถลาตามลมมาจากบนเรือน้อย เสี่ยวซุ่นจื่อเดิมทีใช้ลมปราณหมดสิ้นแล้ว แต่ใครจะคาดคิดว่าเขากลับพลิกร่างเข้ามาประจันหน้าด้วยท่วงท่าพิสดารประหนึ่งมีเทพเทวาคอยช่วย แม้วิชาต่อสู้บนผืนน้ำของไผ่ระทมเป็นหนึ่งในใต้หล้า ทว่าวิชาฝ่ามือกับพลังภายในด้อยกว่าอยู่ไกล ครั้งนี้หากมิใช่ต้องการใช้เขาขัดขวางเพชฌฆาตใจทมิฬจากการหลบหนีทางน้ำ เขาก็คงไม่มีโอกาสถูกเชิญมาร่วมการล้อมสังหารเพชฌฆาตใจทมิฬ เสี่ยวซุ่นจื่อใช้เพียงสองสามกระบวนท่าก็โจมตีไผ่ระทมให้ล่าถอยสำเร็จ ไผ่ระทมถอยไปจรดชายฝั่ง มิว่ารุกหรือถอยล้วนลำบาก หากถอยย่อมต้องเบิ่งตามองเพชฌฆาตใจทมิฬตาย หากบุกก็มิใช่คู่มือของอีกฝ่าย
ยามนี้เพชฌฆาตใจทมิฬรวบรวมกำลังได้เล็กน้อย เขาฝืนลุกขึ้นยืนพลางยิ้มขมขื่น ซุ่นกงกงวรยุทธ์สูงส่งจริงแท้ เจียงเจ๋อมีโชคประการใดจึงได้ยอดฝีมือเช่นนี้เป็นบ่าว
เสี่ยวซุ่นจื่อยิ้มเฉยชาตอบว่า สมควรกล่าวว่าหลี่ซุ่นมีโชคประการใด คุณชายจึงเมตตาให้ติดตามข้างกาย ยามนี้ชีวิตเจ้าใกล้ดับดิ้นแล้ว มิทราบมีคำใดสั่งเสียหรือไม่
เพชฌฆาตใจทมิฬย่อมรู้ว่าชีพจรหัวใจของตนขาดสะบั้นแล้ว แต่อาศัยพลังภายในจึงยังเหลือลมหายใจสุดท้ายอยู่ ในใจเขาไร้ความหวาดกลัว เพียงหัวเราะแล้วเอ่ยว่า ข้ารู้ว่าซุ่นกงกงต้องการถามสิ่งใด มิใช่อยากทราบว่าผู้ใดช่วยชีวิตข้าไว้รึ ข้าจะบอกความจริงให้ คนผู้นั้นก็คือฉินชิง เขาก็คือคนร้ายที่ยิงศรสังหารเจียงเจ๋อ
เสี่ยวซุ่นจื่อเอ่ยอย่างเย็นชา เจ้าไม่มีผู้อื่นให้โยนความผิดใส่แล้วหรือ
เพชฌฆาตใจทมิฬหัวใจกระตุก แต่ยังคงเอ่ยเช่นเดิม ข้าเป็นคนหนานฉู่ ไยต้องช่วยส่งเสริมต้ายง ทุกคำที่เอ่ยมิมีโป้ปด ฉินชิงเป็นผู้ลงมือ
[1]เนี่ยเจิ้ง มือสังหารในสมัยจั้นกั๋ว หนึ่งในสี่มือสังหารชื่อดังในประวัติศาสตร์จีน เขาบุกไปสังหารอัครเสนาบดีแห่งแคว้นหานกลางเมืองหลวงเพียงลำพังแล้วต่อสู้กับองครักษ์หลายสิบนาย สุดท้ายเพื่อไม่ให้พี่สาวที่หน้าตาเหมือนตนต้องมาพัวพันด้วยจึงใช้กระบี่ทำลายโฉมหน้า ควักลูกตาแล้วคว้านท้องฆ่าตัวตาย
[2]จิงเคอ มือสังหารในสมัยจั้นกั๋ว หนึ่งในสี่มือสังหารชื่อดังในประวัติศาสตร์จีน เขายอมสละตน ออกอุบายนำหัวของแม่ทัพกบฏแห่งแคว้นฉินกับแผนที่แคว้นเยี่ยนไปถวายแด่เจ้าแคว้นฉินเพื่อฉวยโอกาสลอบสังหาร ทว่าลงมือพลาดจนสุดท้ายถูกสังหารเสียเอง