ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 44 วิญญาณกลับสู่มาตุภูมิ (1)
การเจรจาสงบศึกสำเร็จ หยางอ๋องถูกปล่อยตัว เดือนห้าเขาติดตามคณะราชทูตกลับสู่หนานฉู่ เพิ่งเข้าเขตแคว้นฉู่ก็ถูกลอบสังหารสิ้นพระชนม์ ศพถูกนำกลับไปฝังยังเจี้ยนเย่ หยางอ๋องขึ้นครองราชย์สี่ปีล้วนละเลยราชกิจ ใกล้ชิดคนถ่อย ออกห่างขุนนางดี จนวันนี้แว่นแคว้นพินาศ ตนเองถูกจองจำ การที่หนานฉู่อ่อนแอยากฟื้นคืนล้วนเป็นความผิดของเจ้าแคว้น
…พงศาวดารฉู่ราชวงศ์หนาน บันทึกฉู่หยางอ๋อง
ลู่ช่านยินดียิ่งนัก เขารู้ว่าขอเพียงยงอ๋องไม่สร้างความลำบากให้หนานฉู่ ถ้าเช่นนั้นคนที่เหลือบ้างให้สินบน บ้างเสนอผลประโยชน์ ก็คงตกลงค่อนข้างง่าย เขารีบเอ่ยขอบคุณยงอ๋อง แต่สีหน้าของลู่ช่านมิแปรเปลี่ยนแต่อย่างใด เขารู้ว่ายงอ๋องย่อมต้องเสนอเงื่อนไขบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงเอ่ยอย่างจริงใจ องค์ชายน้ำใจกว้างขวาง ลู่ช่านเป็นตัวแทนขุนนางและปวงประชาหนานฉู่คารวะขอบคุณองค์ชาย หากมีสิ่งใดต้องการสั่ง ขอเชิญออกปากตามตรง แม้ลำบากลู่ช่านก็จะฝืนกำลังทำให้
ยงอ๋องกลับหัวเราะแต่ไม่ตอบ เขาได้อาวุธยุทโธปกรณ์จากคลังของหนานฉู่จนเพียงพอใช้ได้หลายปีจึงไม่ละโมบ ยิ่งไปกว่านั้น เขามองว่าประชาชนหนานฉู่ช้าเร็วก็ต้องเป็นบริวารของต้ายง ดังนั้นเขาจึงย่อมไม่ซ้ำเติมในเวลานี้ หากชักนำให้ประชาชนหนานฉู่เกลียดชังเข้ากระดูกย่อมมิมีประโยชน์ต่อการทำให้เจียงหนานสงบในภายภาคหน้า ส่วนจะเรียกร้องดินแดนเป็นการชดใช้หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของราชสำนัก เขารู้มาก่อนแล้วว่าเสด็จพ่อคิดจะให้หนานฉู่ชดใช้เป็นเงินห้าสิบล้านตำลึงเงิน ทยอยชดใช้สิบปีจนหมด เมื่อเป็นเช่นนี้ ภายในสิบปีหนานฉู่อย่าได้คิดจะขยายกำลังทหารได้ แต่หากไม่เรียกร้องก็ยากเลี่ยงให้คนเกิดความคลางแคลง อาจถึงขั้นทำให้เจ้าแคว้นกับขุนนางของหนานฉู่วิตกกังวลว่าตนเองจะสร้างความลำบากให้เมื่อใด เขามองเจียงเจ๋อปราดหนึ่งแล้วใช้สายตาไถ่ถาม
ข้ารับรู้ความนัยของยงอ๋อง ความคิดแล่นวูบหนึ่งก็เอ่ยเรียบๆ องค์ชายชื่นชมบทประพันธ์ของหนานฉู่ยิ่งนัก ยามฟังข้าเล่าถึงตำหนักฉงเหวิน องค์ชายอิจฉาอย่างยิ่ง หากแม่ทัพลู่ช่วยจัดการส่งฉบับคัดลอกของหนังสือตำราล้ำค่าในตำหนักฉงเหวินมาให้แก่องค์ชายสักชุด แน่นอนว่า หากเพิ่มผลงานฉบับจริงของคนดังสักจำนวนหนึ่งเช่นนั้นก็ยิ่งดี หากท่านราชทูตทำให้องค์ชายสมปรารถนา เช่นนั้นองค์ชายรับประกันว่าจะไม่เรียกร้องแผ่นดินจากหนานฉู่แม้แต่ชุ่นเดียว
ลู่ช่านตกตะลึง เขาเป็นแม่ทัพย่อมมิเห็นตำราเหล่านี้สำคัญนัก ข้อเรียกร้องของยงอ๋องสำหรับเขาแล้วมิเกินไป ใช้ตำราภาพวาดและอักษรเหล่านี้แลกกับการที่ยงอ๋องยอมถอยให้ มิให้หนานฉู่ต้องเสียหายสาหัสจากการเจรจาสงบศึก เช่นนั้นย่อมคุ้มค่า แต่ตำหนักฉงเหวินเป็นสิ่งที่เจ้าแคว้นองค์ก่อนก่อตั้งขึ้น หากทำเช่นนี้คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนตำหนิตน เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็อดลังเลเล็กน้อยไม่ได้
ข้ามองความคิดของเขาออกจึงเอ่ยเรียบๆ เจ้าแคว้นพระองค์ก่อนยามนี้ยังอยู่ที่ต้ายง หากแม่ทัพตัดสินใจมิได้ จะไปถามพระองค์ดูก็ได้
ลู่ช่านบรรลุทันที มีข้ออ้างดีๆ เช่นนี้อยู่แต่ไม่ใช้ ตนช่างไร้ประสบการณ์เหลือเกิน ดังนั้นลู่ช่านจึงเอ่ยตอบอย่างปรีดา คำขอขององค์ชาย ข้ารับปากแทนเจ้าแคว้น เมื่อข้ากลับไปถึงหนานฉู่ จะส่งคนนำมามอบให้ทันที
หลี่จื้อกำลังจะรับปาก ข้ากลับเอ่ยว่า หากเป็นเช่นนั้นออกจะชักช้าเนิ่นนานเกินไป ขอท่านทูตส่งสาสน์กลับไปดีกว่า ถ้าส่งตำรามาถึงก่อนการเจรจาจบลงได้ องค์ชายต้องมีของตอบแทนแน่นอน
ลู่ช่านมองหยางซิ่วแล้วทำหน้าเหมือนขอคำปรึกษา หยางซิ่วเป็นบัณฑิต เขามองเจียงเจ๋อด้วยสายตาเย็นชา ตำราที่เจียงเจ๋อเรียกร้องคือของล้ำค่าทางวัฒนธรรมของหนานฉู่ สายตาของคนผู้นี้ช่างลึกล้ำกว้างไกลไม่ธรรมดาดังคาด ในครั้งนั้นที่เมืองหลวงถูกตีแตก ต้ายงกับหนานฉู่ล้วนแย่งกันช่วงชิงบันทึกของกรมคลัง สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นพื้นฐานของการบริหารแว่นแคว้น แม้ครั้งนี้สิ่งที่เจียงเจ๋อร้องขอจะมิใช่แผนที่หรือสำมะโนประชากรของหนานฉู่ แต่ตำราเหล่านั้นกลับล้ำค่าเสียยิ่งกว่า แผ่นดินย่อมมีวันผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ แผนที่กับสำมะโนประชากรต่างสำรวจใหม่ให้ชัดแจ้งได้ มีเพียงมรดกวัฒนธรรมอันเปล่งประกายเหล่านี้เท่านั้นที่เป็นสมบัติมิแปรเปลี่ยนตราบชั่วกาลนนาน แต่เขาเองก็รู้ว่าเงื่อนไขนี้สำหรับหนานฉู่แล้วมิใช่เรื่องยาก อย่างน้อยก็ดีกว่าการสละดินแดนอะไรมากนัก เขาจึงถอนหายใจอยู่ในใจเฮือกหนึ่งแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ลู่ช่านเอ่ยอย่างเด็ดขาดทันควัน ใต้เท้าซือหม่าโปรดวางใจ ผู้แซ่ลู่จะส่งสาสน์กลับไปทันที
หลังจากส่งราชทูตหนานฉู่จากไป ข้าก็เหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย หลี่จื้อจึงขอตัวไปด้วย ระหว่างทางหลี่จื้อเอ่ยเหมือนกำลังขบคิด สุยอวิ๋นชาญฉลาดเสียจริง หากได้หนังสือตำราของหนานฉู่มาย่อมเป็นประโยชน์กับต้ายงของข้ายิ่งนัก ถึงอย่างไรต้ายงของข้าก็ชำนาญด้านการศึกขยายดินแดน แต่การปกครองแว่นแคว้นต้องอาศัยความรู้ทางการปกครอง ใต้หล้ายึดครองได้ในชั่วข้ามคืน แต่มิอาจปกครองได้ในชั่วข้ามวัน สุยอวิ๋นช่างเป็นยอดคนแห่งแว่นแคว้นโดยแท้
โก่วเหลียนเอ่ยอย่างเย็นชา องค์ชาย ราชทูตหนานฉู่ผู้นั้นวางตัวเหมาะสม มิหนำซ้ำยังเก่งกาจทั้งบู๊บุ๋น อีกทั้งยังเป็นผู้นำแม่ทัพรุ่นใหม่ของหนานฉู่ คนผู้นี้หากมิกำจัด เกรงว่าภายภาคหน้าจะก่อเภทภัยตามมาไม่หมดสิ้น
หลี่จื้อหัวเราะอย่างเฉยเมย วีรบุรุษในใต้หล้ามีถมเถ หากข้าพบคนหนึ่งก็ต้องสังหารคนหนึ่ง เกรงว่าคงต้องฆ่าจนมือไร้เรี่ยวแรง หนานฉู่เสื่อมถอยแล้ว ไม้ซีกเดียวมิอาจค้ำแผ่นฟ้า ไร้เจ้าแคว้นผู้ปรีชา ต่อให้แม่ทัพชำนาญศึกอีกเท่าใดจะทำอันใดได้ โก่วเหลียน บอกอัครเสนาบดีเหวยแทนข้า ต้องส่งซั่งเหวยจวินกลับไปให้ได้ มิน่าตอนนั้นสุยอวิ๋นจึงให้ข้าดีต่อซั่งเหวยจวินไว้ ดูท่าเขาคงคำนึงถึงวันนี้อยู่ก่อนแล้ว หากซั่งเหวยจวินกลับถึงหนานฉู่ ลู่ซิ่นย่อมไม่กุมอำนาจไว้ผู้เดียว เมื่อเวลาผ่านไป ซั่งเหวยจวินที่เป็นพระญาติคงจะเป็นฝ่ายกุมอำนาจราชสำนักและภายนอกไว้ได้ ถึงเวลามีขุนนางทรงอิทธิพลอยู่ข้างใน ข้าก็อยากดูซิว่าวีรบุรุษเก่งกาจไม่กี่คนจะก่อคลื่นลมใหญ่โตอันใดได้
โก่วเหลียนหนาวสะท้านในอก แม้เขาชื่นชมเจียงเจ๋อยิ่งนัก แต่ยังมิเคยเห็นเจียงเจ๋อใช้กลอุบายมาก่อน ยามนี้ได้ยินหลี่จื้อเอ่ยว่าเจียงเจ๋อขบคิดวางแผนได้ไกลเช่นนี้ยิ่งทำให้เขานับถือหมดหัวใจอย่างแท้จริง ทว่าเขามองดูยงอ๋อง องค์ชายก็ช่างฉลาดเฉลียวจนมองทะลุความตั้งใจของเจียงเจ๋อ ทั้งยังใช้ประโยชน์จากความคิดนั้นต่อได้อีก นายบ่าวเช่นนี้ทำให้ศัตรูขวัญหนีอย่างแท้จริง ไม่แปลกที่องค์ชายจะใส่ใจเจียงเจ๋อปานนั้น ตอนนี้ดูแล้วทุกสิ่งล้วนคุ้มค่า เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความอิจฉาที่สั่งสมมานานในใจก็มลายหายไปในที่สุด เขารับคำสั่งอย่างยินดีปรีดาพลางเอ่ยว่า องค์ชายมิลองมอบผลประโยชน์ให้หนานฉู่เพิ่มสักหน่อย ถือเสียว่าเห็นแก่หน้าท่านเจียง เช่นนี้แม้ท่านเจียงมิเอ่ย แต่ในใจคงยินดี
หลี่จื้อถอนหายใจ จริงสินะ แม้วันนี้เขาไร้ใจต่อหนานฉู่ ทว่ายังเหลือความผูกพันอยู่บ้าง หากมิเป็นเช่นนั้น ไยเขาจึงรับปากพบหน้าราชทูตจากหนานฉู่ เขามีเยื่อใยมากเช่นนี้ เกรงว่าวันหน้ายามบุกตีหนานฉู่ เขาคงไม่ทุ่มกำลัง
โก่วเหลียนยิ้มตอบว่า องค์ชายโปรดวางใจ แคว้นเล็กๆ แห่งหนึ่งเช่นหนานฉู่ หากตีเอามามิได้ ไยมิใช่ปล่อยให้ผู้คนหัวเราะเยาะพวกเราผู้ใต้บังคับบัญชา บริวารขององค์ชายพร้อมพรักทั้งบุ๋นบู๊ ยังต้องกังวลสิ่งใดอีกเล่า ว่าแต่องค์ชาย แม่ทัพจ่างซุนกับแม่ทัพจิงส่งสาสน์มาแจ้งว่าในกองทัพไม่มีปัญหาประการใด จึงถามว่าขอติดตามอยู่ข้างกายองค์ชายได้หรือไม่ พวกเขานึกหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งข้างกายองค์ชายก็จำต้องมีแม่ทัพใหญ่คอยอารักขาเพิ่มสักสองสามคนเช่นกัน
หลี่จื้อครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ตอบว่า ท่านกล่าวมิผิด ข้าเชื่อว่ายามนี้ขวัญกำลังใจของทหารคงไม่มีสิ่งใดแปรเปลี่ยน สมควรเรียกพวกเขากลับมาข้างกาย หลายวันนี้ไม่มีพวกเขาอยู่ ข้ามักจะรู้สึกว่ากำลังไม่เป็นดั่งใจอยู่บ้าง ท่านถ่ายทอดคำสั่งแทนข้า ให้พวกเขาเข้าเมืองหลวง พวกเขาล้วนเป็นขุนนางประจำจวนแม่ทัพของข้า ไม่มีผู้ใดต่อว่าอันใดได้
แม้การเจรจาหลังจากนั้นจะมีขั้นตอนซับซ้อนยิบย่อยแต่ก็ไม่มีอุปสรรคอันใด ฝั่งหนานฉู่ย่อมรีบร้อนหวังให้การเจรจาสำเร็จ ฝั่งต้ายงก็มิมีผู้ใดอยากยืดเวลา ในเมื่อยงอ๋องไม่สอดมือมายุ่ง รัชทายาทก็คร้านจะสนใจ ฉีอ๋องช่วงนี้ก็เหมือนอารมณ์ไม่ดี แทบจะไม่ก้าวออกจากประตูจวน ดังนั้นการเจรจาที่มีอัครมหาเสนาบดีเหวยกวนเป็นผู้จัดการจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นยิ่งนัก สมาชิกคนอื่นในคณะทูตจากหนานฉู่ย่อมยินดียิ่ง แต่ในใจลู่ช่านกลับกังวลอยู่เลือนราง รู้สึกว่ามิสมควรจะราบรื่นเช่นนี้ แม้เรื่องราวราบรื่นแต่เพราะรายละเอียดที่ต้องหารือมากมายเกินไป ดังนั้นจึงยังกินเวลาเกือบหนึ่งเดือนจึงบรรลุข้อตกลง
จากผลการเจรจา หนานฉู่ยังคงเป็นบริวารของต้ายง ทุกปีต้องส่งบรรณาการ แต่ละปีต้องมาคารวะ ครั้งนี้เป็นการพ่ายศึก หนานฉู่จำต้องชดใช้เป็นเงินหกสิบล้านตำลึงเงิน ทยอยชดใช้สิบสองปี นอกจากนี้สองแคว้นยังตกลงจะเปิดตลาดการค้า สงครามและการปิดชายแดนเกือบหนึ่งปีทำให้สองแคว้นล้วนต้องการค้าขาย แต่สินค้าของหนานฉู่ที่เข้ามาในต้ายงจะเก็บภาษีขึ้นอีกครึ่งเท่า เชื้อพระวงศ์และขุนนางบุ๋นบู๊นับร้อยของหนานฉู่ที่ตกเป็นเชลยของต้ายงให้ไถ่ตัวกลับไปได้ แต่ละคนมีค่าไถ่ไม่เท่ากัน แต่ก็ต้องเหลือตัวประกันไว้ ผู้ที่ถูกเลือกเป็นตัวประกันสุดท้ายก็คือจ้าวซี โอรสองค์โตของจ้าวเจียซึ่งกำเนิดจากสตรีต้ายง ตัวประกันอีกผู้หนึ่งคือน้องชายของจ้าวเจีย เจี่ยนชินอ๋องจ้าวอวิ๋น ส่วนสนมชาวต้ายงข้างกายจ้าวเจียมากกว่าครึ่งขออยู่ที่บ้านเกิด ลู่ช่านไม่จู้จี้ ชีวิตในวันหน้าของพวกนาง ต้ายงย่อมเป็นผู้จัดการ เขาอยากจะให้สตรีต้ายงทั้งหมดมิต้องกลับไปยิ่งนัก แต่ยังมีสนมชาวต้ายงสองคนต้องการติดตามจ้าวเจียไปหนานฉู่ วัยสาวทั้งหมดของพวกนางล้วนใช้ชีวิตอยู่ที่หนานฉู่ ดังนั้นพวกนางจึงยินดีกลับไปยังหนานฉู่อันเต็มไปด้วยความเป็นอริ มากกว่าจะยอมอยู่ห่างบุตรธิดา