ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 49 ยากรุกยากถอย (2)
ฉินชิงรีบทำไม้ทำมือให้ข้าเงียบแล้วเอ่ยเบาๆ อย่าพูดอีกเลย ตอนที่ข้าเพิ่งบอกเรื่องนั้นกับท่านพ่อ ข้าถูกท่านพ่อฟาดด้วยแส้ ท่านพ่อกล่าวว่าองค์หญิงเป็นคนเช่นไร ข้ายังไม่รู้ชัดอีกหรือ ต่อให้องค์หญิงยินยอมผูกสัมพันธ์กับผู้อื่นก็… ฉินชิงกล่าวถึงตรงนี้จู่ๆ ก็เงียบไป ใบหน้าเผยสีหน้ากระอักกระอ่วน ข้ารู้ว่าเขาหลุดปากเอ่ยเรื่องที่ไม่สมควรเอ่ยเสียแล้วจึงเปลี่ยนประเด็น จะว่าไปแล้ว ได้ยินว่าฮองเฮาตั้งใจจะหมั้นหมายบุตรีของจิ้งเจียงอ๋องกับท่าน ท่านช่างมีบุญมากนัก ข้าเคยเห็นท่านหญิงแล้ว รูปโฉมงามล่มเมืองสมเป็นคู่ครองของแม่ทัพ
ฉินชิงทำสีหน้าประหลาดคล้ายหลงใหลแต่ก็คล้ายเสียดาย ผ่านไปเนิ่นนานเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า ท่านหญิงเป็นนางสวรรค์ ไฉนผู้น้อยจะคู่ควร
ข้านึกหนักใจ ฉินชิงตกหลุมความงามของหลี่หันโยวแล้วดังคาด นี่ก็ไม่แปลก เขาเป็นบุตรของตระกูลใหญ่ย่อมไม่เหมือนเผยอวิ๋นที่ปรารถนาภรรยาผู้ขยันขันแข็งดูแลบ้าน แต่วาดหวังครอบครองภรรยาผู้โดดเด่นสักคน หลี่หันโยวทั้งงามล่มเมือง ทั้งกิริยาไม่ธรรมดา แล้วยังเป็นศิษย์ของสำนักเฟิงอี้ ความสามารถและความรอบรู้ล้วนเหนือผู้คน เป็นตัวเลือกภรรยาที่ฉินชิงเฝ้าฝันปรารถนา แต่คิดว่าฉินอี๋คงไม่อนุญาต เขาจึงมีสีหน้าเช่นนี้ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ หากปล่อยให้สำนักเฟิงอี้ดึงฉินชิงไปเป็นพวกได้ ถ้าเช่นนั้นตระกูลฉินก็คงไม่อาจรักษาจุดยืนเป็นกลางไว้ได้แล้ว
ความคิดของข้าโลดแล่นครู่หนึ่ง ข้าก็มองฉินอี๋กับฉินหย่ง ขอเพียงทำให้พวกเขาเข้าใจอันตรายของการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ เพียงเท่านั้นก็พอแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเมื่อเป็นเรื่องความเป็นความตาย ฉินชิงยังจะอาลัยอาวรณ์สตรีนางหนึ่ง ความรู้สึกที่เกิดจากรูปโฉมเช่นนี้ แม้ยามเกิดลุกโหมรุนแรง แต่ยามดับมอดก็รวดเร็วเช่นกัน ขอเพียงพวกเขาไม่มีโอกาสใกล้ชิด ถ้าเช่นนั้นฉินชิงย่อมลืมเลือนหลี่หันโยวได้อย่างว่องไว น่าเสียดายที่องค์หญิงไม่ยอมแต่งงานกับฉินชิง มิเช่นนั้น…เมื่อคิดถึงตรงนี้ ข้าก็พลันรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อย อาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บของข้ายังไม่หายสนิทดี
ตอนที่ยงอ๋องเหยียบย่างเข้าประตูจวนของฉินอี๋ รัชทายาทก็ทราบข่าวการตายของชุนยางแล้ว เรื่องยุ่งยากที่สุดก็คือผู้พบศพพวกชุยยางมิใช่คนของรัชทายาทแต่เป็นเจ้าเมือง ผู้ช่วยเจ้ากรมคลังตำแหน่งใหญ่โต พระญาติฝ่ายพระชายาขององค์รัชทายาทตายอยู่ในย่านคนจน ถิ่นทุรชนปะปนสัตบุรุษ นี่ย่อมทำให้รัชทายาทปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก เขาคิดว่าฮั่วจี้เฉิงคงพบปัญหาจึงพยายามแว้งกัดจนสังหารชุยยาง
ระหว่างที่รัชทายาทประหลาดใจกับขุมกำลังในมือฮั่วจี้เฉิง การขบคิดว่าจะเก็บกวาดสถานการณ์อย่างไรก็ทำให้เขาปวดหัวอย่างหนัก สินค้าจากการลักลอบค้าของเถื่อนรอบสุดท้ายมาไม่ถึงมือ ครั้งนี้จึงขาดทุนสาหัสนัก แล้วยังปล่อยให้ฮั่วจี้เฉิงหนีรอดอีก หากคนผู้นี้นึกเหิมเกริมก่อเรื่องขึ้นมา หลี่อันจินตนาการก็ใจหายวาบ นึกเสียใจที่ตนเองเลือกลงมือสังหารให้สิ้นซาก เฮ้อ เขาตวัดตามองหลู่จิ้งจง หากเขาไม่แนะว่ามิอาจเหลือไว้เป็นภัยร้ายภายหลัง บางทีอาจไม่เกิดเรื่องยุ่งยากอย่างวันนี้
หลู่จิ้งจงทราบนิสัยพาลโทษผู้อื่นของรัชทายาทดีจึงไม่ถือสาเป็นอารมณ์ แต่เอ่ยปากพูดว่า องค์ชาย แม้เรื่องราวพลิกผัน แต่ไม่จำเป็นต้องวิตก ถึงพวกเราจะเสียสินค้ารอบสุดท้าย แต่โดยรวมแล้วไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ว่าจะขาดทุน กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วกักสินค้ารอบนี้ไว้แล้วจะทำประการใดได้ หากผู้ที่มิใช่องค์ชายรับสินค้าปริมาณมหาศาลเช่นนี้มา มีหรือองค์ชายจะมิทราบ ถึงเวลากระหม่อมย่อมมีหนทางทวงสิ่งที่ขาดทุนไปกลับมาเกินกว่าครึ่ง ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือระหว่างชุยยางกับเจ้ากรมคลังเหลียงจิ่นเฉียน องค์ชายต้องการปกป้องผู้ใด
หลี่อันขมวดคิ้วตอบ ย่อมต้องเป็นชุย… เพิ่งเอ่ยถึงตรงนี้ หลี่อันก็ชะงัก เดิมวางแผนไว้ว่าหากเกิดเรื่องจะให้เหลียงจิ่นเฉียนเป็นแพะรับบาป แล้วให้ชุยยางรับตำแหน่งเจ้ากรม แต่ตอนนี้ชุยยางตายเสียแล้ว หากยังทำเช่นนี้อีก ไยมิใช่ตนไม่เหลือคนไว้ใช้งาน เจ้ากรมคลังมิใช่ใครก็จะเป็นได้ ประวัติ ขั้นตำแหน่ง ความสามารถ ล้วนต้องมีคุณสมบัติถึง ยิ่งไปกว่านั้น กรมคลังคือขุมกำลังของเขา หากใช้คนไม่สนิท ตนจะทำการใดย่อมขวางมือขวางเท้า แต่เหลียงจิ่นเฉียนลอบบันทึกบัญชีของตนไว้โดยพลการหมายถึงเขามีใจเป็นอื่นแล้ว หากปล่อยเขาไว้เช่นนี้ ในใจตนรู้สึกไม่ยินยอม แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือชุยยางกับตนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด หากเขาเกิดปัญหาขึ้นมา ผู้อื่นย่อมหันสายตามายังตนแน่ นั่นไยมิใช่ชักภัยเข้าตัว
ขณะที่หลี่อันกำลังลังเลกับเรื่องนี้ เซี่ยจินอี้ก็เข้ามารายงาน องค์ชาย ชายารองเซียวหลานขอพบพ่ะย่ะค่ะ
หลี่อันค่อนข้างเชื่อใจเซี่ยจินอี้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเซี่ยจินอี้ยอมเสี่ยงอันตรายรับบัญชาเดินทางไปตรอกเหอผิงทำลายโฉมหน้าศพทหารเดนตายของจวนรัชทายาททั้งหลายผู้รับคำสั่งไปทำภารกิจและทำลายหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวพันมาถึงจวนรัชทายาทหลังจากทราบเรื่องรองหัวหน้าองครักษ์สิงซงตายเมื่อคืนวาน พยานที่เห็นเหตุการณ์ผู้ที่สมควรกำจัดก็กำจัด ผู้ที่สมควรติดสินบนก็ติดสินบน ชั้นเชิงร้ายกาจนัก แม้เจ้าเมืองรู้ดีแก่ใจว่ารัชทายาทมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เมื่อหลักฐานถูกทำลายจนหมด อีกทั้งเขามิใช่คนโง่เขลา จึงได้แต่แสร้งหูหนวกตาบอด เพราะสาเหตุนี้ หลี่อันจึงตัดสินใจใช้งานเซี่ยจินอี้ในเรื่องสำคัญ แม้คนผู้นี้ไม่มีวรยุทธ์สูงส่งหรือคุณธรรมอันใด แต่ชำนาญการประจบสอพลอและทำงานเก่งอย่างยิ่ง ในใจหลี่อัน เซี่ยจินอี้กลายมาเป็นตัวเลือกที่จะมาแทนที่สิงซงแล้ว หากมิได้เป็นเช่นนั้น เซี่ยจินอี้ย่อมไม่มีคุณสมบัติก้าวเข้ามารายงานยามที่ตนหารือเรื่องต่างๆ อยู่
เขาได้ยินว่าชายารองเซียวหลานมาหาก็รีบเอ่ยว่า ให้นางเข้ามา เมื่อครู่ข้าตามหานางอยู่ แต่ไม่รู้ว่านางไปที่ใด
ครู่หนึ่งเซียวหลานจึงเดินเข้ามา ปีนี้นางอายุยี่สิบหกปี เรือนร่างอรชร รูปโฉมงามโดดเด่น เมื่อเป็นชายารองของรัชทายาทมาหลายปี ความสูงศักดิ์ก็บ่มเพาะให้มีสง่าราศี ท่วงท่ากิริยางามสง่ายิ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ดูสูงศักดิ์ขึ้นหลายส่วน นางเยื้องย่างเข้ามาในห้อง หลังจากคำนับหลี่อันจึงเอ่ยทักทายหลู่จิ้งจง หลู่จิ้งจงลุกขึ้นยืนอยู่ก่อนแล้ว หลังจากรอเซียวหลานนั่งลงเขาจึงก้าวเข้าไปคำนับ
หลี่อันเอ่ยอย่างรำคาญ พบหน้ากันทุกวัน ไม่ต้องมากเรื่องแล้ว พูดจบก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น หลังจากนั้นถามขึ้นว่า หลานเอ๋อร์ เรื่องกลายเป็นเช่นนี้ เจ้าก็คงทราบเรื่องแล้ว เจ้าคิดว่าสมควรทำเช่นไรดี
เซียวหลานแย้มรอยยิ้มเอ่ยว่า องค์ชาย หากหม่อมฉันกล่าวออกไป ท่านโปรดอย่าตำหนิหม่อมฉัน
หลี่อันตอบว่า สิ่งที่เจ้าพูดล้วนขบคิดเพื่อข้า ต่อให้มีเรื่องไม่สมควรบ้าง แต่ข้าจะตำหนิเจ้าได้เช่นไร
เซียวหลานจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แม้ใต้เท้าชุยเป็นน้องชายของพระชายา แต่วันนี้เขาตายแล้ว ต่อให้เดิมทีเขาเป็นแขนซ้ายแขนขวาขององค์ชาย แต่วันนี้เป็นเพียงหมากไร้ประโยชน์ที่ต้องสละ ถึงองค์ชายมิชอบเจ้ากรมเหลียง แต่จะตัดปีกของตนมิได้เด็ดขาด วิธีรับมือนี้มีเพียงผลักเรื่องทุกอย่างไปให้ใต้เท้าชุย ซื้อใจเจ้ากรมเหลียงไว้ก่อน หม่อมฉันจะเชิญศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักมาคุมเจ้ากรมเหลียงเอาไว้ เมื่อเรื่องสงบลงและองค์ชายมีคนที่ไว้ใจได้รับตำแหน่งเจ้ากรมแล้วค่อยจัดการคนผู้นี้ก็ไม่สาย แม้ว่าช่วงนี้พระชายาอาจต้องทนลำบากบ้าง แต่มีองค์ชายปกป้องอยู่ ใครจะสร้างความลำบากให้นางได้
หลี่อันฟังจบก็พยักหน้าหลายหน เจ้ากล่าวมีเหตุผลยิ่งนัก แต่เรื่องนี้หากพัวพันถึงชุยยาง เกรงว่าข้าเองก็คงสลัดความเกี่ยวพันไม่พ้น
ดวงตาของเซียวหลานทอประกายเย็นเยียบแล้วเอ่ยว่า ดังนั้นองค์ชายจึงจำต้องใจเหี้ยม ฉวยโอกาสที่เรื่องยังไม่เปิดเผย บอกว่าท่านสงสัยการตายของชุยยางจึงตรวจสอบบัญชีกรมคลังจนพบว่าใต้เท้าชุยทุจริต เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านย่อมเป็นผู้ยึดถือคุณธรรมมิเห็นแก่เครือญาติ ผู้ใดยังจะโยงเรื่องนี้มาหาท่านได้อีก
หลี่อันฟังแล้วสีหน้าเบิกบาน แต่ขณะที่กำลังจะตอบตกลงกลับเห็นหลู่จิ้งจงมีสีหน้ากังวล ในใจพลันคิดว่าหรือเขาจะมีความเห็นประการอื่น จึงถามขึ้นว่า เส้าฟู่ ท่านคิดว่าความคิดของชายารองเซียวหลานเป็นเช่นไร
หลู่จิ้งจงมองเซียวหลานปราดหนึ่ง ในใจคิดว่าสตรีนางนี้ช่างใจคอโหดเหี้ยม แผนการยิงทีเดียวได้นกสองตัวเช่นนี้ก็คิดออกมาได้ แต่ตนเองไม่สะดวกเปิดโปงต่อหน้าจึงเอ่ยอย่างไม่เผยท่าที แม้ชุยยางไม่สลักสำคัญ แต่พระชายาเป็นภรรยาคู่เรียงเคียงหมอนของท่าน ทั้งยังเป็นพี่สาวแท้ๆ ของชุยยาง ซื่อจื่อกับใต้เท้าชุยเป็นลุงหลานญาติใกล้ชิด หากองค์ชายเลือกคุณธรรมมิสนญาติมิตร…
เขาไม่ได้เอ่ยต่อ แต่หลี่อันเข้าใจความหมายของเขาแล้ว หากตนเองคิดแสร้งยึดถือคุณธรรมมิสนเครือญาติ ตระกูลชุยคงขอหย่าร้าง เมื่อเป็นเช่นนั้นหากมีคนสุมฟืนเข้ากองไฟ เกรงว่าตำแหน่งพระชายารัชทายาทคงมีเจ้าของใหม่ เสด็จพ่อต้องไม่พอพระทัยเรื่องนี้ คิดว่าตนไม่นึกถึงความผูกพันระหว่างสามีภรรยาเป็นแน่ เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็เผยสีหน้าหวาดหวั่น ในใจคิดว่า โชคดีที่หลู่จิ้งจงเตือนข้า
เซียวหลานฉลาดยิ่งนัก เมื่อเห็นรัชทายาทสีหน้าผิดปกติจึงเอ่ยว่า หม่อมฉันบอกแล้วว่าขอให้องค์ชายอย่าทรงตำหนิหม่อมฉัน
รัชทายาทฝืนยิ้ม ข้าไม่ตำหนิเจ้า แต่วิธีนี้เกรงว่าคงทำไม่ได้
เซียวหลานยิ้ม นี่หามีเรื่องใดยาก แม้ข้าไม่มีความคิดอื่น แต่ประเดี๋ยวศิษย์น้องของข้าบุตรีจิ้งเจียงอ๋องหลี่หันโยวจะมาพบ นางเป็นญาติผู้น้องขององค์ชาย ข้าได้ยินมานานแล้วว่าศิษย์น้องผู้นี้ชาญฉลาดยิ่ง องค์ชายมิสู้ลองถามนางดู นางเป็นศิษย์น้องของข้า ยังจะเข้าข้างผู้อื่นได้หรือ
ตอนนี้เอง เซี่ยจินอี้ก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามารายงาน องค์ชาย พระชายาส่งหญิงรับใช้มาแจ้งว่าบุตรีจิ้งเจียงอ๋องมาเยือน รออยู่ในห้องพระชายา
หลี่อันยินดียิ่งนัก เอ่ยว่า เร็ว ส่งคนไปเชิญนางมา บอกว่าข้ามีเรื่องด่วนต้องการพบนาง