ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 18 โหดเหี้ยมอำมหิต (2)
สตรีนางนั้นถอนหายใจแผ่วเบา “เด็กน้อย ตอนนั้นพระชายาของจิ้งเจียงอ๋องขอให้ข้าออกตามหาบุตรีอันเป็นที่รักของนางกับท่านอ๋อง ในอดีตระหว่างที่พระชายากำลังคลอด ทหารกบฏก็บุกเข้าดินแดนพอดี พระชายาเสียท่านหญิงน้อยจึงเจ็บปวดแทบขาดใจ น่าเสียดายที่ต่อมาข้าสืบเสาะอย่างละเอียดก็พบว่าทารกหญิงผู้นี้ตายท่ามกลางการต่อสู้อันโกลาหลไปนานแล้ว
เดิมทีเรื่องนี้คงจบเท่านี้ แต่วันนั้นฮุ่ยชิวเดินทางผ่านบ้านของเจ้า พบว่าเจ้ามีพรสวรรค์เหนือผู้อื่น นางทนปล่อยให้หยกงามน้ำดีเช่นเจ้าถูกทิ้งอยู่กับชาวบ้านไม่ได้จึงพาเจ้ากลับมา ยามนั้นนางไม่คิดจะให้เจ้าสวมรอยเป็นท่านหญิง ดังนั้นจึงสังหารเพียงพ่อแม่สามีของเจ้าเพื่อไม่ให้พวกเขาเที่ยวป่าวประกาศเรื่องนี้ เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา คิดไม่ถึงว่าเมื่อข้าได้พบเจ้ากลับรู้สึกว่าหน้าตาของเจ้าละม้ายคล้ายกับพระชายาจิ้งเจียงอ๋อง ข้าจึงคิดใช้สาลี่แทนต้นท้อ แรกเริ่มข้าเพียงคิดว่าฐานะนี้คงมีประโยชน์กับเจ้า มาวันนี้กลับได้ใช้ประโยชน์จริงๆ
ทว่าตอนนั้น เมื่อข้าส่งคนไปถอนรากถอนโคนกลับเกิดปัญหา สามีของเจ้าผู้นั้นกลับสำนักคงต้งไปรายงานเรื่องนี้กับสำนัก แม้พวกเขามิมีหลักฐานว่าเจ้าถูกสำนักเฟิงอี้พาตัวไปแต่ก็สงสัยแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้หากสังหารคนปิดปากย่อมเลี่ยงต้องเปิดเผยร่องรอยไม่ได้ ดังนั้นแม้ข้ารับปากเจ้าแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ เดิมทีคิดจะรอให้เขาลงจากเขาค่อยคิดหาวิธีทำให้เขาตาย แต่เขากลับถูกขับออกจากสำนักเร็วยิ่งนัก ข้าเดาว่าสาเหตุคงเป็นเพราะเจ้าสำนักคงต้งคงไม่ยินดีเป็นศัตรูกับสำนักเฟิงอี้ ด้วยเหตุนี้ข้ายิ่งไม่อยากสังหารเขา มิเช่นนั้นชีวิตไร้ค่าของเขาจะเป็นจะตายไม่สำคัญ แต่จะกลายเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสำนักเฟิงอี้สังหารคนปิดปาก
ต่อมาคนที่ข้าส่งไปจับตาเซี่ยเฉวียนกลับมาแจ้งว่าคนผู้นี้ไม่คิดแสวงหาความก้าวหน้า คงจะทำอันตรายอันใดมิได้ ข้าจึงคิดว่าในเมื่อเจ้ากลายเป็นคนของเชื้อพระวงศ์แล้ว จะมีโอกาสพบหน้าเขาอีกได้เช่นไร ดังนั้นจึงไม่สนใจเขาอีก คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้ากลับมาพบหน้ากันในจวนองค์รัชทายาท”
หลี่หันโยวเอ่ยอย่างใจลอย “อาจารย์ ท่านคิดว่าเขาจำข้าได้หรือไม่”
สตรีนางนั้นยิ้มเล็กน้อย “ไม่ว่าเขาจำเจ้าได้หรือไม่ วันนี้เขาก็ตายด้วยฝ่ามือของเหลิ่งชวน ศพสลายเป็นเถ้าแล้ว เจ้ายังกลัวอันใด แต่ไม่รู้ว่าเขาได้บอกเรื่องนี้กับผู้อื่นหรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาใกล้ชิดกับผู้ใดบ้าง”
หลี่หันโยวย้อนนึกแล้วตอบว่า “มีเพียงสองคนที่อาจจะรู้ คนหนึ่งคือซิ่วชุน หญิงรับใช้ของพระชายา อีกคนหนึ่งคือจางจิ่นสยง ศิษย์พี่ของเขา”
สตรีนางนั้นหัวเราะหยัน “ถ้าเช่นนั้นสมควรทำเช่นไรคงมิต้องให้ข้าบอกใช่หรือไม่”
หลี่หันโยวเอ่ยอย่างลังเล “จางจิ่นสยงเป็นศิษย์ของเจ้าสำนักคงต้ง เกรงว่าคงสังหารไม่ได้”
สตรีนางนั้นครุ่นคิดแล้วตอบว่า “เก็บเขาไว้ก่อน ตอนนี้คงต้งมิกล้าสร้างความลำบากให้ข้า เพียงต้องจับตาอย่างเข้มงวด อย่าให้เขานำเรื่องนี้ไปบอกต่อ ยามนี้ฐานะของเจ้าสำคัญยิ่งนัก จะหลุดรั่วให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด”
หลี่หันโยวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “อาจารย์โปรดวางใจ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงเกียรติยศทั้งชีวิตของศิษย์ ศิษย์ไม่ยอมให้ผู้ใดทำลายความพยายามของศิษย์แน่นอน”
สตรีนางนั้นเอ่ยเสียงเรียบเฉย “ดี เจ้าไปเถิด หลู่จิ้งจงมาแล้ว ให้ข้าพบเส้าฟู่ผู้นี้หน่อยเถิด”
หลี่หันโยวออกจากวัดชีสยาก็เห็นหลู่จิ้งจงกำลังเดินตามเหวินจื่อเยียนเข้าไปในตัววัดพอดี ฟันขาวบดเข้าหากัน ก่อนจะหมุนตัวทะยานไปทางเมืองหลวง ในใจนางมีเพียงความคิดเดียว นางไม่มีทางให้คนผู้นั้นทำลายความทุ่มเทของตนเด็ดขาด
ท่ามกลางทิวทัศน์พร่ามัวราวกับนางย้อนกลับไปยังวัยเยาว์ ตนเกิดมารูปโฉมงดงาม ฉลาดเฉลียวเกินผู้ใดแท้ๆ แต่กลับมิกล้าเผย เพียงเพราะนางมักจะได้ยินพ่อสามีกล่าวว่า ‘สตรีไร้ความสามารถจึงจะมีคุณธรรม’ หากมิใช่เซี่ยเฉวียนคอยปิดบังให้ตน เกรงว่าตนก็คงไม่มีโอกาสร่ำเรียนหนังสือในช่วงหลายปีนั้น
เพราะตนเป็นสตรี อาจารย์ที่มาสอนจึงไม่สอนประวัติศาสตร์อันใดให้ตน เพียงสอนให้ตนอ่านหนังสือออก หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยให้ตนอ่านหนังสือตำราตามใจเพราะตนหัวไวประจบจนเขาชมชอบ แต่อ่านไปอ่านมา นางก็ปรารถนาโลกภายนอก ยามอ่านบทกวีที่กล่าวพรรณนาทิวทัศน์อันเลื่องชื่อเหล่านั้น นางก็อยากไปเห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งที่แตกต่างจากหมู่บ้านอันเปล่าเปลี่ยวแห่งนี้ ยามอ่านบทกวีที่เล่าถึงลาภยศสรรเสริญเหล่านั้น นางก็อยากลองลิ้มรสชาติเช่นนั้นบ้าง ยิ่งอ่าน นางก็ยิ่งนึกแค้นสถานะของตน แต่นางรู้ว่าตนเป็นเพียงสตรีอ่อนแอ ไม่มีทางไปจากสถานที่เช่นนี้ได้ ผู้ที่ไร้กำลังปกป้องตนเองเช่นนางคงได้แต่ตกเป็นทาสหรือนางคณิกาเท่านั้น ดังนั้นนางจึงแต่งงานทั้งที่ในอกทุกข์ระทม แต่งงานกับเซี่ยเฉวียน เด็กหนุ่มผู้โอบอ้อมอารีว่าง่ายแต่ไม่มีสิ่งใดทำให้นางใจเต้นแม้แต่น้อย
ทว่าจู่ๆ โอกาสของนางก็มาถึง สตรีผู้พกกระบี่เหล่านั้นแต่ละคนเปล่งประกาย พวกนางมีชีวิตที่ต่างออกไป ดังนั้นนางจึงพยายามเอาตัวไปเข้าใกล้พวกนาง แม้ไม่รู้ว่าจะมีผลลัพธ์อย่างไร แต่นางไม่ยินดีทิ้งโอกาสเพียงหนึ่งเดียว ไม่นานสตรีเหล่านั้นก็สังเกตเห็นตน พวกนางอุทานอย่างตกตะลึงแล้วเอ่ยว่า “พรสวรรค์ชั้นยอดเช่นนี้ ถูกทิ้งอยู่ในป่าเขาได้เช่นไร” หลังจากนั้นก็จะบังคับพาตนไปด้วย แต่พ่อแม่สามีย่อมมิยินยอม สตรีเหล่านั้นไม่ใจอ่อนสักนิด โยนเงินให้แล้วพานางจากไปทันที ระหว่างทางนางได้ยินพวกนางกระซิบกระซาบกันว่ากำจัดภัยภายหน้าแล้ว นางเข้าใจความหมายของคนเหล่านี้ แต่ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย ทุกคนที่ขวางนางจากความสุขล้วนสมควรตาย
หลังจากนั้นชีวิตก็ราวกับห้วงฝัน นางกลายเป็นศิษย์คนสุดท้ายของเจ้าสำนักเฟิงอี้ บุตรีของจิ้งเจียงอ๋อง นางฉวยคว้าเวลาทั้งหมดเพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่ง นางจะไม่มีทางยอมสูญเสียชีวิตเช่นนี้ไปเด็ดขาด ในที่สุดนางก็ลอกคราบกลายเป็นหงส์งาม นี่คือสิ่งตอบแทนที่นางสมควรได้รับ นางไม่มีวันยอมให้ผู้ใดทำลาย
นางไม่ได้เข้าทางประตูหลัก แต่ใช้วิชาตัวเบาเข้าไปภายในจวนของรัชทายาท พระชายาชุยซื่อกำลังสวดพระคัมภีร์ภาวนาขอพรอยู่ในห้องพระ ซิ่วชุนหญิงรับใช้นางนั้นเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องพระดังคาด หลี่หันโยวเห็นรอบด้านไม่มีคนจึงก้าวเข้าไปสกัดจุดซิ่วชุนแผ่วเบาแล้วพานางไปยังที่ลับตาในสวนดอกไม้ จากนั้นจึงคลายจุดให้นางก่อนจะเอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “เซี่ยจินอี้บอกเรื่องเกี่ยวกับข้ากับเจ้าหรือไม่”
ซิ่วชุนหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ตอบงึมงำ “บ่าวมิเข้าใจที่องค์หญิงกล่าว”
หลี่หันโยวถามเสียงเย็นชา “เขาเคยเอ่ยถึงข้ากับเจ้าหรือไม่”
ซิ่วชุนส่ายหน้า ดวงตาฉายแววฉงน หลี่หันโยวคลายใจลงเปลาะหนึ่งแล้วคว้าด้ามกระบี่ “เซี่ยจินอี้ตายแล้ว ในเมื่อเจ้ารักเขา ก็สมควรตายตามคนรักไปด้วย”
ดวงตาซิ่วชุนฉายแววตื่นตระหนก นางทรุดลงโขกศีรษะซ้ำๆ “องค์หญิงไว้ชีวิตด้วย องค์หญิงไว้ชีวิตด้วย”
หลี่หันโยวเอ่ยอย่างเย็นชา “ทำไม เจ้าไม่อยากตายเพื่อเขาหรือ ดูท่าเจ้าก็คงเป็นดอกหยางลอยน้ำสินะ”
ซิ่วชุนร่ำไห้เอ่ยว่า “องค์หญิงไว้ชีวิตด้วย บ่าวมีครรภ์มิกล้าตาย หากองค์หญิงต้องการให้บ่าวตาย องค์หญิงโปรดให้บ่าวคลอดเด็กออกมาก่อนค่อยตาย จินอี้มีทายาทเพียงคนเดียวเท่านี้ ตระกูลของเขามีลูกคนเดียวมาหลายรุ่น ขอร้ององค์หญิงโปรดปล่อยให้ซิ่วชุนมีชีวิตอยู่อีกสักระยะ หากโชคดีคลอดบุตรชาย เมื่อซิ่วชุนตายจะได้ไปปรโลกอย่างหมดห่วง”
หลี่หันโยวมือสั่น นึกถึงคำที่ฮูหยินเซี่ยเอ่ยอย่างอ่อนโยนตอนตนแต่งงานกับเซี่ยเฉวียน “เด็กน้อย ตระกูลเซี่ยมีลูกคนเดียวมาหลายรุ่น ตอนนี้คงต้องพึ่งเจ้าช่วยต่อกิ่งก้านสาขาของตระกูลแล้ว” ทันใดนั้นนางก็ใจอ่อนคิดจะรามือ แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้อีกครั้งว่ากว่าตนจะมีเกียรติยศเช่นวันนี้หาง่ายไม่ เพื่อร่ำเรียนมารยาท ตนเองฝึกฝนทุกคืนวัน จนกระทั่งมิว่ายามใดก็ไม่เสียกิริยา ฝึกปรือวรยุทธ์ ศึกษาตำราและประวัติศาสตร์ ตรากตรำสิบปีกว่าจะมีองค์หญิงจิ้งเจียงในวันนี้ แม้สตรีนางนี้ไม่รู้สิ่งใดทั้งสิ้น แต่วันนี้ตนมาเค้นถามเช่นนี้ก็คือการเปิดเผยร่องรอยแล้ว เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็ทำใจอำมหิต จี้ดรรชนีเข้าใส่จุดตายของซิ่วชุน ซิ่วชุนผู้กำลังร่ำไห้ไม่ทันได้ป้องกันตัวก็ตายจากไปอย่างเงียบงันเช่นนี้ สีหน้าหวาดผวายังคงปรากฏเด่นชัดบนใบหน้า
หลี่หันโยวก้าวเข้าไปอุ้มซิ่วชุน ตนรู้ที่พักของสตรีนางนี้อยู่แล้ว เรื่องนี้หลี่หันโยนรู้มาจากบันทึกการจับตาดูพระชายารัชทายาท หลี่หันโยวนำซิ่วชุนกลับไปยังห้องนอนของนางแล้วสร้างสถานการณ์ว่าเป็นการผูกคอฆ่าตัวตาย หลี่หันโยวมิกล้ามองใบหน้าซีดเทาของสตรีนางนี้อีกจึงหมุนตัวจากไป
ยังเหลือจางจิ่นสยงอีกคน หลี่หันโยวคิดในใจ เขาก็อาจจะรู้ตัวตนของข้าเช่นกัน จะปล่อยให้เขาเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้สังหารเขาไม่ได้ แต่ก็จะให้เขาส่งข่าวบอกคนอื่นไม่ได้ ใช่แล้ว ต้องบอกว่าเซี่ยจินอี้ต้องสงสัยว่าล่อลวงรัชทายาท จางจิ่นสยงในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ก็น่าสงสัยเช่นกัน แล้วสั่งให้เขาอยู่แต่ในจวนห้ามออกไปข้างนอก หลี่หันโยวคิดพลางเผยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง