ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 28 บารมีจักรพรรดิ (2)
ข้ามองส่งจนแผ่นหลังของยงอ๋องหายลับไป ในใจครุ่นคิดพันหมื่นเรื่องราว แม้ยงอ๋องมิยอมรับความเห็นของข้า แต่ข้ากลับมิโกรธเคืองแม้แต่น้อย คนเช่นนี้จึงคู่ควรเป็นเจ้าแผ่นดิน คู่ควรเป็นนายเหนือหัวของข้าเจียงเจ๋อ
เวลานี้เอง เผยอวิ๋นแม่ทัพกองทหารราชองครักษ์ผู้อารักขาเขตจวนยงอ๋องก็บังคับม้าเข้ามาเอ่ยกับข้าว่า “ใต้เท้า ยงอ๋องมิเสียทีเป็นแม่ทัพผู้โด่งดังแห่งยุค เพียงเห็นทหารม้าองครักษ์คนสนิทขององค์ชายก็ทราบว่าองค์ชายปกครองกองทัพอย่างเข้มงวด แม่ทัพทหารล้วนภักดี น่าเสียดายเผยอวิ๋นไม่มีโอกาสออกศึกใต้บัญชาขององค์ชาย”
ข้ายิ้มละไมตอบว่า “ต้องมีโอกาสแน่ พักนี้เป่ยฮั่นมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชายแดนเสี่ยงอันตรายอยู่เล็กน้อย องค์ชายเตรียมจะขอองค์จักรพรรดิไปตรวจตราที่ด่านชายแดน หากท่านยินยอมย่อมขอองค์ชายติดตามกองทัพไปได้”
เผยอวิ๋นตาเป็นประกาย เริ่มขบคิดความเป็นไปได้ ทว่าเมื่อทหารราชองครักษ์ด้านหลังเผยอวิ๋นได้ยินข่าวนี้กลับมีความคิดแตกต่างกันไป
ในใจข้าลอบหัวเราะ ใช้วิธีการนี้ในการแพร่กระจายข่าวย่อมมิกลัวฝ่ายรัชทายาทไม่รีบวางแผนขัดขวางยงอ๋องกลับคืนกองทัพ ทันใดนั้นข้าก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ ครั้งนี้เป่ยฮั่นก่อการจลาจลที่ฉางอัน แม้จะสร้างเรื่องใหญ่โต แต่ความจริงประโยชน์ที่ได้กลับมาไม่มากดังจินตนาการ นอกเสียจากพวกเขามีแผนการอื่น หากข้าเป็นผู้วางแผนเรื่องนี้น่าจะวางแผนอย่างไรนะ ในใจขบคิดสารพัด ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ในใจตระหนกยิ่งนัก รีบเอ่ยขึ้นว่า “แม่ทัพเผย ข้าต้องยืมแรงท่านช่วย”
เผยอวิ๋นตกใจแต่ก็ตอบว่า “เชิญใต้เท้าสั่งการ”
ข้ากวักมือแล้วกล่าวว่า “แม่ทัพเผย ท่านมาด้วยกันกับข้าหน่อย” กล่าวจบก็ไม่สนว่าเขาจะตามมาหรือไม่ แต่ผลุนผลันเร่งเดินกลับสวนเหมันต์ ในใจคำนวณว่าน่าจะยังทันเวลา อดนึกยินดีไม่ได้ที่ข้านึกเรื่องนั้นขึ้นมาได้ ต่อให้ข้ากลายเป็นชาวแคว้นฉี่กลัวฟ้าถล่มก็ยังดีกว่านึกเสียใจเมื่อสาย
หลี่จื้อมาถึงประตูตะวันออกของตลาดตะวันออกแล้ว ยามนี้ฉินชิงกำลังสั่งการกองทหารราชองครักษ์อยู่ที่นั่น ฉินชิงรอจนร้อนรนยิ่งนักแล้ว เมื่อเห็นยงอ๋องมาถึงก็บังคับอาชาเข้ามาเอ่ยเสียงดังทันใด “องค์ชาย ยามนี้ด้านในอลหม่านไปหมดแล้ว ผู้น้อยประกาศคำสั่งหลายครั้งว่าหากพวกเขามิยอมหยุด จะใช้กำลงเข้าปราบปราม แต่พวกเขาต่างมิยอมเชื่อฟัง ขอบังอาจถามองค์ชายว่าจะอนุญาตให้ผู้น้อยเคลื่อนกำลังทหารหรือไม่”
หลี่จื้อเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ตลาดตะวันออกเป็นส่วนสำคัญของฉางอัน กิจการร้านค้าใหญ่ทั้งหลายของต้ายงล้วนตั้งร้านอยู่ในตลาดตะวันออก หากพินาศไปพร้อมกัน เกรงว่าคงทำลายรากฐานการค้าของต้ายง ให้ข้าจัดการเถิด ฉินชิง ท่านจะมอบอำนาจสั่งการกองทหารราชองครักษ์ให้ข้าชั่วคราวได้หรือไม่”
ฉินชิงเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากแล้วตอบว่า “ผู้น้อยรับบัญชา” กล่าวจบก็ส่งตราแม่ทัพให้อย่างรวดเร็ว ทหารราชองครักษ์ล้วนดีใจยิ่งนัก พวกเขาได้ยินชื่อเสียงของยงอ๋องมานานแล้ว หลายคนยังเคยเห็นความองอาจยามยงอ๋องออกศึกสังหารศัตรูมาก่อน ทหารราชองครักษ์หมื่นกว่านายตะโกนเสียงดังพร้อมกันใต้การนำของแม่ทัพ “น้อมรับบัญชายงอ๋อง ขอองค์ชายทรงพระเจริญพันปี พันพันปี”
เมื่อผู้คนที่ต่อสู้กันอุตลุดอยู่ภายในตลาดตะวันออกได้ยินเสียงตะโกนก้องของเหล่าทหารราชองครักษ์ คนมากมายล้วนชะลอมือเท้าอย่างเผลอตัว
ตอนนี้เอง ฝูงชนที่อยู่ใกล้กับประตูตะวันออกก็ร้องอุทาน พวกเขาเห็นบุรุษหน้าตาสง่างามสีหน้าอ่อนโยน สวมเกราะสีทองทับด้วยผ้าคลุมแม่ทัพสีแดงทำจากผ้าไหมแคว้นสู่นั่งสูงเด่นอยู่บนหลังอาชาศึกเบื้องหน้ากองทหารราชองครักษ์ ข้างกายมีแม่ทัพสองนาย ผู้หนึ่งสวมอาภรณ์สีดำเกราะดำ จมูกตรงปากเหลี่ยม หน้าตาเที่ยงธรรม ผู้หนึ่งคิ้วยาวตาหงส์ ดวงหน้าขาวผ่องไร้หนวดเครา สวมชุดเกราะสีเขียว
ในมือแม่ทัพชุดดำผู้นั้นถือแหลนอาชาที่ทำจากเหล็กกล้า เพียงมองปราดเดียวก็ทราบว่าน้ำหนักไม่น้อยกว่ายี่สิบชั่ง ข้างเอวเหน็บดาบยาว มองครั้งเดียวก็ทราบว่าเป็นแม่ทัพผู้กล้าคนหนึ่ง ส่วนในมือแม่ทัพชุดเขียวถือทวนสีเงินยาวสองจั้ง บนหลังสะพายคันศรสีทองหนึ่งคัน บนหลังม้าแขวนถุงลูกศรอยู่สี่ถุง แม่ทัพทั้งสองกับทหารกล้าฝั่งซ้ายขวาล้วนท่าทางขึงขัง มีไอสังหารเลือนราง ยิ่งขับบุคลิกสุขุมเยือกเย็นของแม่ทัพเกราะทองให้โดดเด่นขึ้นอีก
ผู้คนในตลาดตะวันออกส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ขึ้นเหนือล่องใต้มาแล้ว รู้จักแม่ทัพผู้โด่งดังตระกูลสำคัญของต้ายงดุจสมบัติในบ้าน เมื่อเห็นก็ทราบทันทีว่าผู้ใดมา ดาบและกระบี่ในมือไร้เรี่ยวแรงกวัดแกว่ง ในใจหวาดหวั่นกลัวว่ายงอ๋องจะออกคำสั่งเข้าปราบปราม
ยงอ๋องกวาดสายตามองก็มองออกว่าคนเหล่านี้ทีท่าอ่อนลงแล้ว จึงประกาศลั่น “ยามนี้สายลับก่อการจลาจล ยุยงให้แตกแยก พวกท่านล้วนเป็นประชาชนต้ายงของข้า ไฉนจึงช่วยคนชั่วทำความผิด หากมิมีใจคิดกบฏ จงนั่งลงกับพื้น สองมือกุมเข่า ซือหม่าสยง ท่านนับถึงสิบแทนข้า หลังนับสิบ หากยังมีผู้ใดยืนอยู่จงสังหารให้สิ้น อดีตข้าเคยบุกตีเมืองชิงดินแดนกำราบทั่วหล้า ตลาดตะวันออกเล็กๆ แห่งนี้ไฉนจะขวางข้าได้”
หลี่จื้อใช้พลังภายในเปล่งวาจา คนเหล่านี้จึงล้วนได้ยินกระจ่างชัดแจ้ง
ยามนี้ซือหม่าสยงจึงเอ่ยเสียงดัง “ทหารทั้งหลายขานตามข้า ยงอ๋องมีรับสั่ง มิใช่สายลับจงนั่งกับพื้น สองมือกุมเข่า หลังนับถึงสิบ ผู้ที่ยังยืนอยู่สังหารไม่เว้น”
เพียงครู่เดียว คำสั่งทหารก็ส่งต่อกันไป ได้ยินแต่เสียงตะโกนดุจอสนีบาตคำรนขานทวนบัญชาของยงอ๋องเสียงดังลั่นสามรอบ ผู้คนในตลาดตะวันออกล้วนได้ยินชัดเจน เวลานี้ซือหม่าสยงจึงชี้แหลนอาชาในมือขึ้นฟ้า ตะโกนเสียงดัง “หนึ่ง” ทหารทั้งหลายเอ่ยตามพร้อมกัน เสียงสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ซือหม่าสยงใช้แหลนอาชาชี้ขึ้นฟ้าเป็นการนับ ต่อมากองทหารราชองครักษ์เหล่านั้นเพียงเห็นซือหม่าสยงขยับก็นับเสียงดังพร้อมกันด้วย
ยังนับไม่ทันถึงสิบ ฝูงชนที่เบียดเสียดกันที่ปากประตูตะวันออกเหล่านั้นก็พากันนั่งลง เวลานี้ก็มีคนตะโกนเสียงแหลมดังลั่นว่า “พวกเขาโป้ปดทั้งนั้น พวกเราเพียงสู้กันชุลมุนเพื่อป้องกันตัว แต่พวกเขาจะยัดเยียดให้พวกเราเป็นกบฏเพื่อปกปิดเรื่องนี้”
เมื่อเสียงของเขาดังขึ้น ในฝูงชนก็มีคนตื่นตระหนก สถานการณ์กำลังจะหลุดจากการควบคุม ทันใดนั้นยงอ๋องพลันหัวเราะหยัน เอ่ยเสียงดัง “จ่างซุน สังหารสายลับที่สร้างข่าวลือก่อความวุ่นวายพวกนั้นเสีย”
จ่างซุนจี้เตรียมศรพร้อมตั้งแต่ก่อนยงอ๋องเอ่ยปากแล้ว ยามนี้ได้ยินบัญชาของยงอ๋องจึงยกคันศรขึ้น เงาลูกศรประหนึ่งลำแสงพุ่งเข้าไปในฝูงชนปักชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งตรึงไว้กับพื้น การลงมือครั้งนี้ทำให้ทุกคนที่นั่นพรั่นพรึงในทันใด คนเหล่านี้เริ่มใช้สายตาหวาดผวามองไปยังกองทหารที่สวมเกราะติดอาวุธเต็มรูปแบบ
หลี่จื้อเอ่ยเสียงดัง “คนผู้นี้เอ่ยวาจาเหลวไหลหมายปลุกปั่น หากข้ามองพวกเจ้าเป็นกบฏย่อมออกคำสั่งล้อมกวาดล้างนานแล้ว ยามนี้ข้าเห็นแก่ที่พวกเจ้าถูกคนหลอกลวง ขอเพียงทำตามคำสั่ง ข้าจะไม่สืบสาวเอาความ”
หลี่จื้อกล่าวจบก็บังคับม้าเดินไปด้านหน้า ซือหม่าสยง จ่างซุนจี้กับองครักษ์ร้อยนายห้อมล้อมยงอ๋องด้วยแววตาดุร้าย ขบวนเดินไปถึงที่ใด หลี่จื้อก็ประกาศคำสั่งละเว้นโทษเสียงดังไม่หยุด ประชาชนต้ายงเคารพยงอ๋องยิ่งนักจึงนั่งอยู่บนพื้นอย่างเชื่อฟังอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังหลีกทางเปิดถนน หลี่จื้อเดินหน้าไปตามถนนใหญ่ของตลาดตะวันออกอย่างเชื่องช้า จ่างซุนจี้ถือคันศรกับลูกธนูในมือแน่น หากมีผู้ใดเอ่ยวาจาปลุกปั่นก็ยิงทันที วิชายิงธนูของเขาล้ำเลิศ สายตาเฉียบไว ไม่สังหารพลาดแม้แต่คนเดียว
ใบหน้าของหลี่จื้อยิ้มละไม แต่สายตาของเขากลับเย็นยะเยือกแผ่อำนาจออกมา เขาเพียงใช้สายตากวาดมองผู้คนทั้งหลาย คนที่ยังลังเลอยู่เหล่านั้นก็ทิ้งอาวุธอย่างไม่รู้ตัว ด้านหลังขบวนของยงอ๋อง กองทหารราชองครักษ์ที่เคยถูกขวางอยู่ด้านนอกเดินแถวเข้ามาในตลาดตะวันออกอย่างมีระเบียบ ยึดอาวุธของชาวยุทธ์สารพัดสถานะที่นั่งอยู่บนพื้นเหล่านั้น แล้วคอยคุมให้พวกเขากลับที่พำนักของตนเอง มิให้ออกมาข้างนอก ตลาดตะวันออกใหญ่มาก หลี่จื้อตรวจตราถนนสี่เส้นหลักในตลาดจนทั่ว ทุกที่ที่ผ่านล้วนมีคนคิดฉวยโอกาสก่อความวุ่นวาย แต่สิ่งที่ประหลาดก็คือยงอ๋องมิได้ถืออาวุธในมือแท้ๆ ทว่าเพียงกวาดสายตามองผ่าน แต่ละคนก็ขวัญหนีดีฝ่อคล้ายลืมเลือนความร้ายกาจในฐานะผู้คุ้มกันของตนจนหมดสิ้น ตลอดทางที่ผ่าน แม้มีบางจุดมีผู้เหิมเกริมไม่เชื่อฟัง แต่ศรเทพของจ่างซุนจี้กับดาบของเหล่าองครักษ์ก็ทำให้พวกเขาถูกสังหารในทันทีทันใด อำนาจบารมีอันน่าเกรงขามของยงอ๋องทำให้การกระทำหมายจะปลุกปั่นก่อการจลาจลของพวกเขาสูญเปล่า
จวบจนฟ้าใกล้สาง ในที่สุดตลาดตะวันออกก็ถูกกองทหารราชองครักษ์ควบคุมเอาไว้ได้ทั้งหมด โชคดีอย่างยิ่งที่กิจการการค้าที่มีอิทธิพลสำคัญจำนวนมากปิดประตูไม่ออกมา เพียงให้ลูกน้องปกป้องร้านเอาไว้เท่านั้น จึงไม่เสียหายจนกู้คืนไม่ได้ ในที่สุดหลี่จื้อก็ถอนหายใจ มิใช่ว่าเขาทำใจเหี้ยมปราบการจลาจลในตลาดตะวันออกไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงผลที่ตามมาจึงไม่กล้าลงมือ ยามนี้ในที่สุดก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว ต่อจากนี้ขอเพียงตรวจสอบคนเหล่านี้ให้ดี จะต้องหาสายลับของเป่ยฮั่นออกมาได้แน่
หลี่จื้อเอ่ยกับฉินชิง “แม่ทัพฉิน ตอนนี้สถานการณ์อยู่ในความควบคุมแล้ว ข้าขอคืนอำนาจแม่ทัพให้ เรื่องต่อจากนี้ท่านจัดการให้ดีเถิด หากมีจุดที่มิอาจตัดสินใจได้ก็ไปพบข้าที่จวนอ๋องได้ อีกอย่าง ไปแจ้งอัครมหาเสนาบดีเหวยกวนสักคำ ตอนนี้ข้าจะกลับไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ยามนี้สถานการณ์โดยรวมสงบแล้ว ข้าต้องเข้าวังไปรายงานเสด็จแม่กับพระสนมทั้งหลายสักหน่อย”
ฉินชิงเอ่ยอย่างนับถือยิ่งนัก “วันนี้ได้เห็นบารมีขององค์ชาย ผู้น้อยเลื่อมใสนัก ขอองค์ชายโปรดวางใจ ผู้น้อยจะจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมแน่นอน”
หลี่จื้อยิ้มละไม ขณะที่กำลังจะขอตัวจากไป ตอนนี้เองก็มีทหารราชองครักษ์กลุ่มหนึ่งคุมตัวชายฉกรรจ์หลายคนที่ถูกเชือกมัดไว้เดินออกมา หลี่จื้อหยุดอาชามองแล้วเอ่ยว่า “คนเหล่านี้จงคุมตัวไว้ให้ดี ต้องสอบสวนให้ละเอียด”
ฉินชิงกำลังจะเอ่ยตอบ จู่ๆ ชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ตะเบ็งเสียงดังลั่น “หลี่จื้อ เอาชีวิตมา” พูดพลางก็สะบัดแขนพร้อมกัน เส้นเชือกขาดเป็นท่อนๆ ชายฉกรรจ์ปราดเปรียวห้าวหาญเหล่านั้นกับทหารราชองครักษ์หน่วยเล็กหน่วยนั้นพุ่งเข้าใส่หลี่จื้อพร้อมกัน