ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 5 อดีตดุจหมอกควัน (1)
เมื่อออกมาจากห้องโถง หลี่อันจึงถอนหายใจแล้วหันไปมองเซี่ยจินอี้ หากไม่ใช่ว่าเขาไม่ยินดีสละลูกน้องผู้นี้จริงๆ เขาคงไม่ยอมแตกหักกับเซียวหลานและหลี่หันโยว อีกประการหนึ่ง การที่พวกนางทั้งสองไม่ไว้หน้าตนก็เป็นเรื่องที่น่าชังอย่างแท้จริง หากปล่อยให้พวกนางสังหารเซี่ยจินอี้ ตนมิกลายเป็นคนไร้ความสามารถที่ปกป้องมิได้แม้กระทั่งลูกน้องหรอกหรือ
ดูท่าหลู่จิ้งจงจะพูดไม่ผิด เขาต้องระวังสำนักเฟิงอี้ไว้ให้ดี มิเช่นนั้นเกรงว่าสุดท้ายสักวันหนึ่งตนคงกลายเป็นหุ่นเชิดในมือผู้อื่น เป็นเพียงจักรพรรดิหุ่นองค์หนึ่ง เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็เอ่ยอย่างอ่อนโยน จินอี้ เจ้าไปเรียกหลู่เส้าฟู่เข้ามา ข้ามีบางเรื่องต้องปรึกษาเขา คืนวันนี้ให้ศิษย์พี่ของเจ้าอารักขา เจ้าออกไปเที่ยวเล่นสักหน่อย ถือเสียว่าคลายความตระหนก
เซี่ยจินอี้หลั่งน้ำตาเอ่ยขอบคุณ ขอบพระทัยองค์ชายที่โปรดปราน ผู้น้อยยินดีอยู่รับใช้องค์ชาย
หลี่อันหัวเราะ วางใจเถิด คืนนี้ข้าคงไม่มีเวลา หนึ่งปีที่ผ่านมาเจ้าแทบไม่ห่างข้าสักก้าว คงจะเหน็ดเหนื่อยมาก เรื่องในวันนี้ข้าไร้หนทางชดเชยให้เจ้า จึงให้เจ้าหยุดหนึ่งวันออกไปเที่ยวเล่นให้สบายใจ พาคนติดตามไปให้มากหน่อย จะได้ไม่มีผู้ใดฉวยจังหวะลอบเล่นงาน
เซี่ยจินอี้รีบคำนับเอ่ยขอบคุณ ขอบพระทัยองค์ชายที่เมตตา ผู้น้อยจะไปเชิญหลู่เส้าฟู่เดี๋ยวนี้
หลี่อันโบกมือ เจ้าไปเถิด บางเรื่องข้าก็ทำอันใดมิได้ เจ้าจงอย่าเก็บมาใส่ใจ
เซี่ยจินอี้แววตาไหววูบแล้วเอ่ยเสียงเบา ผู้น้อยฐานะต่ำต้อย จะอยู่หรือตายเป็นเรื่องเล็ก แต่เกียรติยศขององค์ชายถูกคนเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าจะให้อดกลั้น ผู้ใดจะอดกลั้นได้
หลี่อันสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ช่างเถิด ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าจะไปหาพระชายาก่อนสักหน่อย เจ้าไปเชิญหลู่เส้าฟู่เถอะ เซี่ยจินอี้ถอยออกไปอย่างนอบน้อม สายตาที่หลุบต่ำเต็มไปด้วยแววตากระหยิ่มยิ้มย่อง
หลี่อันนั่งอยู่ในห้องหนังสือที่ไม่ได้เข้ามาเสียนาน และกำลังมองหลู่จิ้งจงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เวลาผ่านไปพักใหญ่เขาจึงเอ่ยขึ้นเรียบๆ เจ้าก็จะกล่อมให้ข้าสังหารเซี่ยจินอี้เหมือนกันหรือ
หลู่จิ้งจงตอบอย่างนอบน้อม เซี่ยจินอี้จะอยู่หรือตาย กระหม่อมมิสนใจ แต่หากสำนักเฟิงอี้เอาใจออกห่างองค์ชายเพราะเรื่องนี้ นั่นย่อมได้ไม่คุ้มเสีย หากองค์ชายยอมสละได้ กระหม่อมย่อมหวังว่าองค์ชายจะไม่ล่วงเกินสำนักเฟิงอี้ด้วยเรื่องนี้
หลี่อันเอ่ยอย่างขุ่นเคือง สำนักเฟิงอี้ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว เซี่ยจินอี้เป็นเพียงบริวารคนโปรดคนหนึ่ง ทั้งทำลายการใหญ่ของข้าไม่ได้ ทั้งไม่มีทุนรอนไปแย่งชิงอำนาจกับพวกนาง พวกนางจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว
หลู่จิ้งจงยิ้มพลางเอ่ยว่า เรื่องนี้เป็นเพียงการระบายโทสะเท่านั้น เรื่องเล็กน้อยที่องค์ชายทำ ในสายตากระหม่อมเป็นเพียงการหาความสำราญ แต่พวกนางยากจะยอมรับได้ กระนั้นจะกล่าวโทษองค์ชายก็มิได้ จึงได้แต่มาระบายโทสะกับองครักษ์เซี่ย วันนี้องค์ชายรักษาหน้าไว้ได้แล้ว ต่อจากนี้ก็สมควรปลอบประโลมพวกนางสักเล็กน้อย สถานการณ์ตอนนี้มิใช่ฝ่ายเราจะได้เปรียบมากนัก องค์ชายอย่าได้ลดทอนกำลังของตนเอง
หลี่อันพยักหน้า เส้าฟู่กล่าวมีเหตุผล ท่านคิดว่าตอนนั้นผู้ใดเป็นคนสังหารเหลียงจิ่นเฉียนจนทำให้ข้ายากจะแก้ตัว
หลู่จิ้งจงขมวดคิ้ว พูดถึงเรื่องนี้ กระหม่อมก็เคยขบคิดอยู่ แต่คิดไปคิดมา นอกจากยงอ๋องก็มีอีกสองคนที่น่าสงสัยที่สุด
หลี่อันถามอย่างสนอกสนใจ ครั้งก่อนข้าถามท่าน ท่านบอกว่ายงอ๋องน่าสงสัยที่สุด เพราะการสังหารเหลียงจิ่นเฉียน ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือยงอ๋อง แต่ตอนนี้ท่านกลับบอกว่ามีเพิ่มมาอีกสองคน สองคนนี้คือผู้ใดกัน
หลู่จิ้งจงตอบอย่างนิ่งสงบ ฉีอ๋องหลี่เสี่ยน ชิ่งอ๋องหลี่คังล้วนเป็นไปได้
หลี่อันอึ้งไปวูบหนึ่ง แม้ชิ่งอ๋องมีความแค้นกับสำนักเฟิงอี้ แต่เขาเคารพข้า จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ส่วนฉีอ๋อง เขากับข้าลงเรือลำเดียวกันแล้ว จะทำเช่นนี้ไปไย
หลู่จิ้งจงหัวเราะหยัน ที่กล่าวว่าชิ่งอ๋องน่าสงสัย เพราะกระหม่อมสืบพบว่าหลายปีนี้เขาส่งคนเข้ามาในเมืองหลวงไม่น้อย เดิมทีเขาก็เป็นเลือดเนื้อของราชวงศ์ แต่เพราะคนของสำนักเฟิงอี้จึงต้องถูกขับไล่ไปไกลถึงตงชวน แม้อี้ชวนจะอุดมสมบูรณ์ แต่ที่นั่นย่อมรุ่งเรืองเฟื่องฟูสู้ฉางอันมิได้ อีกประการหนึ่ง แค้นที่สังหารมารดาย่อมมิอาจอยู่ร่วมฟ้า ยามนี้สำนักเฟิงอี้ปกป้ององค์ชาย เขาย่อมเป็นฝั่งตรงข้ามกับท่าน ตอนแรกที่สำนักเฟิงอี้เข้าหายงอ๋อง เขาก็สร้างความลำบากให้ยงอ๋องสารพัดมิใช่หรือ หลายวันนี้กระหม่อมจับสายลับของชิ่งอ๋องได้ เมื่อทรมานสอบสวนจึงได้รู้ว่าตอนที่เหลียงจิ่นเฉียนตายเพราะสุราพิษ เยี่ยเทียนซิ่วยอดฝีมืออันดับหนึ่งใต้บัญชาของชิ่งอ๋องก็อยู่ที่เมืองหลวง หากไม่ใช่เพื่อกวนน้ำขุ่นจับปลา เขาจะให้คนคุ้มกันผู้นี้ออกห่างตัวได้เช่นไรเล่า
หลี่อันเปลี่ยนสีหน้าแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา หากเป็นเขาจริง ท่านคิดว่าสมควรจัดการเช่นไร ข้ากราบทูลเบื้องพระพักตร์เสด็จพ่อให้ลงโทษเขาดีหรือไม่
หลู่จิ้งจงส่ายศีรษะตอบว่า องค์ชายมิควรทำ ชิ่งอ๋องไม่มีโอกาสสืบทอดราชบัลลังก์ ฉะนั้นองค์ชายสมควรดึงมาไว้เป็นพวก ยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายยังต้องพึ่งชิ่งอ๋องคานอำนาจกับสำนักเฟิงอี้อยู่ จะจัดการเขาได้เช่นไร อีกอย่างหนึ่ง ไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่บ่งบอกว่าเป็นการกระทำของชิ่งอ๋อง องค์ชายเพียงควรระวังคนผู้นี้ไว้เท่านั้น ระยะนี้คนของชิ่งอ๋องในฉางอันยิ่งเหิมเกริมขึ้นทุกที
หลี่อันพยักหน้า ถ้าเช่นนั้นเหตุใดเส้าฟู่จึงนึกสงสัยฉีอ๋องเล่า
หลู่จิ้งจงอธิบาย ฉีอ๋องเดิมทีเป็นแขนซ้ายขวาขององค์ชาย แต่หลายปีมานี้องค์ชายเหินห่างกับเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ความจริงเรื่องนี้ยากจะกล่าวโทษท่าน แม้ฉีอ๋องทำตัวเป็นอริกับยงอ๋องมาตลอด แต่ก็มิเคยยอมทำเรื่องเกินสมควร มักจะไว้หน้าอยู่บ้างเสมอ องค์ชายจะคลางแคลงฉีอ๋องก็สมควร หนึ่งปีที่ผ่านมาฉีอ๋องร้องขอไปประจำที่ด่านชายแดนอยู่หลายครั้งแต่ล้วนถูกท่านปฏิเสธ ฉีอ๋องย่อมมองว่าองค์ชายจงใจขัดขวางมิให้เขาสร้างความชอบ แต่องค์ชายมองว่าฉีอ๋องต้องการหลีกเลี่ยงการปะทะกับยงอ๋อง ความจริงกระหม่อมคิดว่าองค์ชายกับฉีอ๋องล้วนไม่ผิด แม้ฉีอ๋องมิเอ่ยออกมา แต่จริงๆ แล้วก็คงหวั่นเกรงยงอ๋องอยู่บ้าง ส่วนองค์ชายไม่ยอมให้เขาออกรบก็เพราะไม่ยินดีให้อำนาจบารมีของเขาเพิ่มขึ้น เพราะองค์ชายก็ทรงระวังฉีอ๋องอยู่เช่นกัน ถึงอย่างไรเสือสองตัวสู้กันย่อมต้องมีตัวหนึ่งบาดเจ็บ ชายารองหลานคงแนะนำท่านเช่นนี้กระมัง
หลี่อันเอ่ยอย่างอับอาย ข้าคิดว่าหลานเฟยพูดไม่ผิด อีกอย่างฉีอ๋องก็เหิมเกริมเกินไปหน่อย ข้ามักจะรู้สึกว่าเขาไม่เคารพข้าอยู่บ้าง
หลู่จิ้งจงลูบเคราพลางเอ่ยว่า ในเรื่องนี้ สิ่งที่องค์ชายทำไม่นับว่าผิด แต่ถ้าปลอบฉีอ๋องให้ดีๆ จะดียิ่งขึ้น ถึงอย่างไรฉีอ๋องก็เป็นแม่ทัพใหญ่ที่จะค้ำจุนบัลลังก์ปกป้องท่าน ท่านย่อมไม่ควรผิดใจด้วย หากไม่มีกองทัพของฉีอ๋อง เกรงว่ายงอ๋องคงกบฏนานแล้ว
หลี่อันเห็นพ้องอย่างยิ่ง ท่านกล่าวถูกต้อง อีกสักสองสามวันข้าจะเชิญน้องหกมาเกลี้ยกล่อมเขาดีๆ ให้เขาอยู่ในเมืองหลวงอย่างสบายใจ วันหน้ายังจะกลัวว่าไม่มีสงครามให้รบอีกหรือ
หลู่จิ้งจงเอ่ยอย่างมีความนัย ความจริงยังมีอีกคนหนึ่งที่องค์ชายสมควรคิดหาวิธีดึงมาเป็นพวก
หลี่อันมองมายังหลู่จิ้งจง จากนั้นหลู่จิ้งจงจึงขยับยิ้มเอ่ยว่า เซี่ยโหวหยวนเฟิง
หลี่อันหลุดหัวเราะ เซี่ยโหวเป็นคนของข้านานแล้ว ท่านก็มิใช่ไม่รู้ พวกเขาพ่อลูกเขาเข้าฝ่ายข้ามานานแล้ว
หลู่จิ้งจงยิ้มเย็นชา ตอนนี้ขุมกำลังในมือองค์ชายส่วนใหญ่เป็นของสำนักเฟิงอี้ คนของสำนักเฟิงอี้เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าสำนักฟ่านฮุ่ยเหยา ยามนี้เจ้าสำนักเฟิงอี้สนับสนุนท่าน พวกนางจึงช่วยท่าน วันหน้าหากเจ้าสำนักเฟิงอี้สนับสนุนฉีอ๋องหรือชิ่งอ๋อง พวกนางก็จะเปลี่ยนท่าที หนึ่งปีที่ผ่านมาองค์ชายรวบรวมนักรบเดนตายมาไม่น้อย มิใช่เพื่อสร้างขุมกำลังของตนเองหรอกหรือ เซี่ยโหวหยวนเฟิงวรยุทธ์สูงส่ง ทั้งยังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ หากองค์ชายทำให้เขาติดตามด้วยใจจริงได้ ถ้าเช่นนั้นเขาย่อมเป็นดาบคมกริบในมือองค์ชาย
ยามนี้เผยอวิ๋นแม่ทัพกองราชองครักษ์แห่งค่ายอุดรเป็นคนของยงอ๋องแล้ว แม้เขายังคงเคารพฉีอ๋องอยู่ แต่เขาไม่มีความรู้สึกดีต่อองค์ชาย เซี่ยโหวเหยวนเฟิงเคยเอาชนะเผยอวิ๋น หากองค์ชายไม่เก็บเขาเข้ามาใต้บัญชาย่อมน่าเสียดายเกินไป ขอเพียงท่านให้เกียรติผูกมิตรด้วย ดึงเซี่ยโหวหยวนเฟิงมาขึ้นเรือลำนี้ของพวกเรา ถึงเวลาย่อมมีมือดีผู้วรยุทธ์สูงส่งความคิดล้ำลึกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ทั้งยังไม่ต้องอาศัยสำนักเฟิงอี้สั่งการเขา แต่องค์ชายกลับรักษาระยะห่างจากเขา หากปล่อยคนผู้นี้ไป คงน่าเสียดายเหลือเกินจริงๆ
หลี่อันกระวนกระวายเล็กน้อย เขาลำบากใจที่จะบอกว่าในใจตนต่อต้านเซี่ยโหวหยวนเฟิงอยู่เล็กน้อย เพราะคนผู้นี้มักจะทำตัวลึกลับอย่างยิ่งจนไม่อาจมองทะลุ เขาเอ่ยขึ้นว่า ท่านคิดว่าข้าสมควรจะชักชวนเขาเช่นไร
หลู่จิ้งจงหลุบสายตาลง ได้ยินว่าช่วงก่อนหน้านี้องค์ชายได้กระบี่อ่อนมาเล่มหนึ่ง ฟันทองตัดหยกขาดสะบั้น ล้ำค่ายิ่งนัก เซี่ยโหวหยวนเฟิงชมชอบกระบี่อ่อนที่สุด ได้ยินว่าเขาเคยส่งคนไปที่ต่างๆ เพื่อตามหาโดยเฉพาะ
หลี่อันยกยิ้ม ข้าก็คิดว่าต้องใช้สมบัติอันใด ที่แท้ก็เพียงกระบี่อ่อนเล่มเดียว กระบี่อ่อนเล่มนี้แม้ล้ำค่า แต่สำหรับข้าแล้วก็เป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น วันพรุ่งนี้ข้าจะให้คนส่งไป
หลู่จิ้งจงคำนับ องค์ชายเต็มใจรับฟังคำชี้แนะ กระหม่อมซาบซึ้งยิ่งนัก
หลี่อันหัวเราะ เอาละ หนึ่งปีนี้ ข้าอดกลั้นมามากพอแล้ว ท่านสมควรคิดหาวิธีให้ข้าระบายความแค้นครั้งนี้ได้แล้วกระมัง
หลู่จิ้งจงแย้มยิ้ม นี่จะมีสิ่งใดยาก ยามนี้เรื่องผ่านพ้นไปแล้ว เป็นจังหวะเหมาะแก่การตอบโต้ของพวกเรา หากองค์ชายไม่ติดขัดก็จงลงมือผ่านเผยอวิ๋น
หลี่อันขมวดคิ้ว แม่ทัพกองราชองครักษ์ตัวเล็กๆ คนนี้จะมีประโยชน์อันใด เสด็จพ่อชื่นชมเขายิ่งนัก ข้าว่าเปลี่ยนคนจะดีกว่ากระมัง
หลู่จิ้งจงเอ่ยว่า สาเหตุที่เลือกเผยอวิ๋น ประการแรก เพราะตอนนี้เขาใกล้ชิดกับยงอ๋อง เมื่อลงมือกับเขาย่อมเป็นการสังหารหนึ่งเตือนร้อย ประการที่สอง คนผู้นี้ทำให้สำนักเฟิงอี้ขายหน้า พวกเราจึงใช้สำนักเฟิงอี้ลงมือกับเขาได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ สำนักเฟิงอี้ย่อมผูกแค้นล้ำลึกกับเส้าหลิน องค์ชายจะคุมสำนักเฟิงอี้ได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ฉีอ๋องก็ชื่นมชมเผยอวิ๋นมากเช่นกัน พอดีได้ใช้เรื่องนี้เตือนฉีอ๋องสักหน่อย เมื่อถึงเวลาหากฉีอ๋องมาขอร้องแทนเขา องค์ชายก็จะสร้างบุญคุณกับฉีอ๋องได้ ถึงอย่างไรองค์ชายก็ต้องการเพียงปลดตำแหน่งเขา ส่วนชีวิตเขาหาสำคัญไม่
หลี่อันพยักหน้าตอบว่า ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะลงมืออย่างไรเล่า
หลู่จิ้งจงยิ้มน้อยๆ ขยับเข้ามาชิดหูของหลี่อันแล้วกระซิบกระซาบหลายประโยค หลี่อันฉีกยิ้มอย่างเบิกบาน ท่านจงไปบอกเซี่ยโหว หากเรื่องนี้สำเร็จ ข้าจะตอบแทนอย่างงาม ไม่ให้เขาขาดทุนเด็ดขาด ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะ กลิ่นอายความโหดเหี้ยมกำซาบเสียงสรวล