ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 27 ชุมนุม ณ จิ้งไห่ (1)
เจียงไห่เทา บุตรโทนของตงไห่โหว ชำนาญการรบทางน้ำ นิสัยภักดีห้าวหาญ ไท่จงรักเขาดั่งโอรสของตนเอง ต้ายงรัชศกหลงเซิ่งปีที่หนึ่งเขานำกองทัพตงไห่สวามิภักดิ์ต่อต้ายง นำทัพสร้างความชอบหลายครั้งระหว่างปราบแคว้นฉู่ ต้ายงรัชศกหลงเซิ่งปีที่เก้าได้รับพระราชทานยศเป็นจิ้งไห่กง ภริยาเอกเย่ว์ซื่อ โด่งดังด้วยคุณธรรมอันดีงาม ทว่านิสัยเคร่งขรึม ผู้คนเล่าลือกันว่าครั้งหนึ่งจิ้งไห่กงล้มป่วยที่เหอตง เย่ว์ซื่อแสดงความสามารถออกมา บางคนกล่าวว่าฎีกาหนังสือรายงานทั้งปวงของจิ้งไห่กง เย่ว์ซื่อล้วนเป็นผู้จัดการทั้งสิ้น
…พงศาวดารต้ายง บันทึกจิ้งไห่กง
รัตติกาลมืดสลัว หลินปี้ยืนอยู่ริมหน้าต่างห้องพักแขกพลางมองดูท้องฟ้าประดับดวงดาราหม่นแสง ด้านหลังนางองครักษ์วัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังรายงานข่าวที่สืบมาให้นางฟัง
“ตอนเกิดเหตุวุ่นวายในห้องโถงมงคล แขกทั้งหมดกับพวกเราองครักษ์ผู้ติดตามล้วนถูกลูกน้องของตงไห่โหวคุมตัวไว้อย่างแน่นหนา ตงไห่โหวฝึกทหารได้ไม่ธรรมดาจริงๆ เรือของตระกูลเย่ว์ถูกทหารเรือของตงไห่โหวทำลายย่อยยับ พวกเราไปดูมาแล้ว บนผิวทะเลมีแต่ซากศพและเศษซากพังงากับใบเรือ หากไม่ซ่อมแซมให้ดี เกรงว่าเรือลำนั้นคงแล่นไม่ได้แล้ว”
หลินปี้ถอนหายใจเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรที่แห่งนี้ก็เป็นอาณาเขตของตงไห่โหว หากมิใช่กองทัพใหญ่บุกมา คนเพียงร้อยกว่าคนคิดก่อความวุ่นวายย่อมเป็นเพียงการคว้าลูกเกาลัดกลางกองไฟ หากมิใช่เย่ว์ชิงเยียนใช้กู่ประสานใจที่หายสาบสูญไปนานแล้ว พวกเขาคงมิอาจครอบครองความได้เปรียบแม้แต่น้อย
กล่าวถึงตรงนี้ข้าก็นับถือผู้วางแผนการนัก หากพวกเขาทำสำเร็จ ไม่เพียงจะควบคุมตงไห่ ตระกูลไห่กับตระกูลเย่ว์ได้ แต่ยังทำให้ต้ายงกับหนานฉู่เสียหายอย่างสาหัส ส่วนพวกเรา แม้ไม่ได้ผลประโยชน์เป็นชิ้นเป็นอันประการใด แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร คนเหล่านั้นคงคิดจะให้พวกเราฉวยโอกาสโจมตีต้ายงสินะ
งานแต่งงานดีๆ งานหนึ่ง ทั้งเป็นการแต่งงานระหว่างเครือญาติ เจ้าบ่าวเก่งกาจเจ้าสาวรูปงาม ผู้ใดจะคิดว่าเจ้าสาวซ่อนแผนการลอบสังหารเอาไว้ ผู้บงการหลังม่านผู้นี้เล่ห์กลลึกล้ำนัก หากชิ่งอ๋อง ตงไห่โหวกับบุตรชาย และลู่ช่านตายพร้อมกัน เกรงว่าใต้หล้าคงโกลาหลในพริบตา พวกเขาอุตส่าห์ลำบากหาผู้กล้าเลี้ยงดูกู่ประสานใจมาจนได้ แล้วยังได้ผู้มีคุณสมบัติหายากเช่นเย่ว์ชิงเยียนมาอีก ได้ยินมาว่าจะฝึกกู่ประสานใจ มีเงื่อนไขเกี่ยวกับเจ้าของกู่เคร่งครัดยิ่งนัก
แต่สิ่งที่ทำให้ข้าตกตะลึงที่สุดคือวิธีรับมือของเจียงเจ๋อ เวลาสั้นๆ เพียงครึ่งเดือน คนผู้นี้ใช้ทรัพยากรทุกสิ่งที่ใช้ได้ แผนพรากฟืนใต้หม้อทำให้พี่น้องตระกูลเย่ว์หมดความมุ่งมั่นจะสละชีวิต เพลิงเทวาเหาะเหินเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ตงไห่มีผู้มาเยือนมากมายเช่นนี้ เป็นศัตรูหรือเป็นสหายยากตัดสิน แต่คนผู้นี้สามารถทำให้พวกเราก้าวไปตามแผนการของเขา ท่านซิว ท่านว่าพวกเราทำสิ่งใดเพื่อขจัดภัยคุกคามจากคนผู้นี้ได้บ้าง”
องครักษ์วัยกลางคนผู้นั้นลังเลครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “องค์หญิง แต่เดิมครั้งนี้ท่านอาจารย์ส่งพวกเรามา ด้วยหวังว่าจะช่วยองค์หญิงกำจัดศัตรู แต่สถานการณ์ยามนี้ตงไห่เฝ้าระวังแล้ว พวกเราคงลงมือยากยิ่ง หลี่ซุ่นผู้นั้น พวกเราก็ได้พบแล้ว คนผู้นี้วรยุทธ์สูงส่ง พวกเรามิอาจต่อต้านได้ นอกจากท่านอาจารย์ เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดมั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากฝืนลอบสังหาร อาจสังหารเจียงเจ๋อไม่สำเร็จ กลับกลายเป็นผูกแค้นล้ำลึกกับเขา คนผู้นี้วางแผนการได้อำมหิตนัก หากเขามุ่งมั่นจะล้างแค้น พวกเรากลับจะได้ไม่คุ้มเสีย”
หลินปี้ถอนหายใจ “ข้าก็เข้าใจเรื่องนี้ แต่หากคนผู้นี้หวนคืนตำแหน่งอีกครั้ง เขาย่อมเป็นศัตรูของพวกเรา ข้ากังวลนักว่าถิงเฟยจะติดกับกลอุบายของเขา”
องครักษ์วัยกลางคนเอ่ยอย่างทะนง “องค์หญิงโปรดวางใจ แม่ทัพใหญ่ชำนาญกลศึกไม่เป็นรองผู้ใด แล้วยังมีพวกเราปกป้อง ไม่ว่าเล่ห์กลร้ายกาจอันใด ขอเพียงพวกเราไม่สนใจ ไหนเลยจะติดกับสนามรบคือการเข่นฆ่าซึ่งหน้า คนผู้นี้จะมีประโยชน์อันใดได้ อีกประการหนึ่งข้าดูแล้วสถานการณ์ของพวกเขาก็ไม่ดีไปถึงไหน ได้ยินท่านหญิงบอกว่าชิ่งอ๋องหลี่คังผู้นั้นชิงชังฉีอ๋องหลี่เสี่ยนเข้ากระดูกดำ ร่องรอยความไม่ลงรอยของพี่น้องปรากฏชัดยิ่ง หากพวกเราช่วยเขาอีกแรง ไม่แน่ต้ายงอาจย่อยยับด้วยน้ำมือพวกเขาเอง”
หลินปี้ถอนหายใจ ขณะที่กำลังจะเอ่ยบางอย่าง ด้านนอกก็มีเสียงของหลินถงดังเข้ามา “น้องสาวตัวน้อย เจ้ามาทำสิ่งใด”
หลินปี้นึกสงสัยจึงเงี่ยหูฟัง เสียงอ่อนเยาว์ของเด็กหญิงผู้หนึ่งดังขึ้นด้านนอก “โหรวหลันรับคำสั่งของท่านพ่อ มาเชิญองค์หญิงจยาผิงกับท่านหญิงหงสยาเดินทางไปเป็นแขกที่จวนจิ้งไห่”
เสียงลังเลเล็กน้อยของหลินถงดังขึ้นด้านนอก “น้องสาวตัวน้อย บิดาของเจ้าคือผู้ใดเล่า”
เด็กหญิงเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “บิดาข้าแซ่เจียง นามว่าเจ๋อ”
หลินปี้ไม่ได้ตกตะลึง ตรงกันข้ามกลับรู้สึกยินดี นางสงสัยตัวตนของเด็กหญิงผู้นี้นานแล้ว น่าเสียดายทางเป่ยฮั่นทราบข่าวสารเกี่ยวกับเจียงเจ๋อเพียงเรื่องสำคัญๆ เรื่องส่วนตัวของเจียงเจ๋อไม่กระจ่างสักนิด ดังนั้นหลินปี้จึงไม่มั่นใจก็เท่านั้น
เมื่อฟังถึงตรงนี้ นางก็ผลักประตูก้าวออกมาแล้วคลี่ยิ้มเอ่ยว่า “คุณหนูโหรวหลัน หลินปี้ได้รับคำเชื้อเชิญจากบิดาท่าน รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก จักต้องเดินทางไปพบแน่นอน”
โหรวหลันเอ่ยอย่างดีอกดีใจ “ดีเหลือเกิน”
หลินปี้พิจมองก็เห็นในมือโหรวหลันถือเทียบเชิญอยู่อีกหลายแผ่น จึงยิ้มแย้มถามว่า “น้องสาวตัวน้อยยังต้องไปส่งเทียบเชิญอีกหรือ”
โหรวหลันตอบว่า “ใช่แล้ว ยังมีเทียบเชิญของท่านแม่ทัพใหญ่ลู่ช่าน เทียบเชิญของฉีอ๋องกับเทียบเชิญของชิ่งอ๋อง”
หลินถงเอ่ยขึ้นว่า “โหรวหลัน เจ้าอายุน้อยเท่านี้ เหตุไฉนมิให้ผู้อื่นมาส่งเล่า”
โหรวหลันโคลงศีรษะตอบว่า “นี่เป็นภารกิจที่ท่านพ่อมอบให้หลันหลัน หลันหลันจะให้ผู้อื่นทำมิได้สิ”
หลินปี้มองสีหน้าไร้เดียงสาและตั้งอกตั้งใจของโหรวหลันตัวน้อยแล้วอดคลี่ยิ้มไม่ได้ ในใจคิดว่า เลี้ยงบุตรสาวออกมาได้น่ารักเช่นนี้ ข้าก็สมควรไปพบเจียงเจ๋อสักหน่อย
ภายใต้ผืนฟ้าพราวพร่างดาราผืนเดียวกัน ในใจลู่ช่านกำลังกลัดกลุ้มร้อยพันเรื่อง วันนี้ฝูอวี้หลุนถูกคุมตัวเอาไว้แล้ว จะสังหารคนผู้นี้ง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ แต่เมื่อคิดว่าคนผู้นี้เป็นลูกเขยคนเก่งของอัครมหาเสนาบดีซั่ง ลู่ช่านจึงลังเลตัดสินใจไม่ได้อยู่เล็กน้อย
ขณะที่กำลังจะออกเดินทาง ลู่ช่านได้รับจดหมายของเจียงเจ๋อ จดหมายมีถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ บอกให้ทราบว่าขุนนางใหญ่ในหนานฉู่หมายครอบครองตงไห่และคิดฉวยโอกาสทำร้ายตน ให้ลู่ช่านตามหาสถานที่คุมขังเจ้าตระกูลเย่ว์ ในจดหมายยังเอ่ยถึงสถานที่ซึ่งเป็นไปได้อีกหลายแห่ง แล้วลูกน้องของลู่ช่านก็ตามหาเจ้าตระกูลเย่ว์พบในค่ายทหารราชองครักษ์จริงๆ
ผ่านศึกมาหลายปี ลู่ช่านในยามนี้มิใช่คนไร้เดียงสาเช่นวันวานแล้ว เขาไม่มีทางทำลายผลประโยชน์ของหนานฉู่เพราะเจียงเจ๋อ ยามนั้นเขาครุ่นคิดแล้วเห็นว่าแม้ซั่งเหวยจวินตั้งใจทำร้าย แต่ในเมื่อตนเองทราบเรื่องล่วงหน้า การรักษาชีวิตก็น่าจะไม่ยาก ผลประโยชน์ที่หนานฉู่จะได้หากเรื่องนี้สำเร็จ ทำให้ลู่ช่านหวั่นไหวยิ่งนัก
แต่เมื่อคิดทบทวนซ้ำอีกหลายหน ลู่ช่านก็พบว่าตนมิอาจไม่เป็นหมากให้เจียงเจ๋อ ในเมื่อเจียงเจ๋อได้รับข่าวแล้ว คงวางกับดักล่วงหน้าไว้แล้วแน่ ถึงเวลาหนานฉู่ต้องพ่ายแพ้แน่ หากจุดโทสะให้ตงไห่ เกรงว่าจะกลับกลายเป็นเสียหายสาหัส
มิหนำซ้ำสองปีที่ผ่านมา ซั่งเหวยจวินผู้พึ่งพาขุมกำลังที่เหลือรอดของสำนักเฟิงอี้ก็เหิมเกริมนัก แม้สำนักเฟิงอี้กลายเป็นดั่งมุสิกที่ผู้คนรังเกียจแล้ว แต่ก็ยังเป็นขุมกำลังอันแข็งแกร่งขุมหนึ่ง สำนักเฟิงอี้เป็นดาบสองคมสำหรับหนานฉู่ ใช้ให้ดีย่อมต่อต้านต้ายงได้ แต่หากใช้ไม่ดี เกรงว่าจะเป็นภัยในกำแพง ต่อให้พวกเขาโชคดีทำสำเร็จ สำหรับหนานฉู่ก็อาจเป็นภัยมากกว่าเป็นโชค
ดังนั้นลู่ช่านจึงช่วยตัวประกันตระกูลเย่ว์ตามคำแนะนำของเจียงเจ๋อ แม้พวกเขาถูกองทัพราชองครักษ์คุมตัวอยู่ แต่อาศัยอำนาจทหารในหนานฉู่ของตระกูลลู่ ลู่ช่านก็ยังช่วยคนออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังปิดข่าวไว้ได้อีกด้วย เย่ว์เหวินฮั่นผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลเย่ว์ติดค้างน้ำใจตนเองแล้ว ตระกูลเย่ว์ย่อมไปเข้าพวกกับต้ายงทันทีทันใดไม่ได้ง่ายๆ และเมื่อเห็นแก่หน้าตระกูลเย่ว์ ตงไห่ก็คงเป็นอริกับหนานฉู่เกินไปนักไม่ได้ แม้ถึงท้ายที่สุดแล้วตระกูลเย่ว์จะพึ่งไม่ได้ แต่ก็คงไม่ทำเรื่องเช่นการไปเข้าฝ่ายต้ายงแล้วมาขัดขาหนานฉู่ลับหลัง
กล่าวไปแล้วหนานฉู่ก็มิได้ขาดทุน แต่ในใจลู่ช่านกลับกลัดกลุ้มมิอาจสงบ แผนการของท่านอาจารย์นับวันยิ่งล้ำเลิศ วันหน้าหากต้ายงกับหนานฉู่เป็นศัตรูกัน ตนจะรับมือไหวหรือ คิดมาครึ่งวันลู่ช่านก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา “อาจารย์ ที่ผ่านมาท่านชอบแผนยุแยงให้แตกแยก ไม่รู้ว่าการยุแยงให้ท่านกับราชสำนักต้ายงแตกคอกันจะเป็นไปได้หรือไม่”
เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังห้องพักด้านข้าง ประตูห้องพักห้องนี้มีองครักษ์คนสนิทเฝ้าอยู่สองคน สถานที่นี้ก็คือห้องที่ฝูอวี้หลุนพักอยู่ ลู่ช่านเดินเข้าไปก็เห็นฝูอวี้หลุนนั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนเก้าอี้ เขาเห็นลู่ช่านเดินเข้ามาก็รีบก้าวเข้าไปคำนับเอ่ยว่า “แม่ทัพใหญ่ ผู้น้อยได้รับคำสั่งจากท่านพ่อตา ขอแม่ทัพใหญ่ไว้ชีวิตด้วย”
ลู่ช่านสีหน้าเรียบเฉยตอบว่า “ลุกขึ้นเถิด ข้าทราบว่าท่านตัดสินใจเองมิได้ แต่เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว ท่านว่าข้าสมควรลงโทษท่านเช่นไรดีเล่า”
ฝูอวี้หลุนตอบอย่างหวาดผวา “ขอเพียงแม่ทัพใหญ่ไว้ชีวิต ไม่ว่าสั่งอันใด ผู้น้อยล้วนทำตามทั้งสิ้น”