ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 41 ดวงใจข้าอาลัย (1)
ลู่ช่านยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือชมท้องทะเลสีครามที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ทั้งที่เป็นทิวทัศน์อันงดงามจับตา แต่ในใจเขากลับมีเพียงความเปล่าเปลี่ยว แม้รู้อยู่แล้วว่ายามนี้คนผู้นั้นเป็นขุนนางคนสำคัญของต้ายง ทั้งได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากราชวงศ์ต้ายงยิ่งนัก แล้วยังแต่งงานกับองค์หญิงหนิงกั๋วฉางเล่อแห่งต้ายงผู้เคยเป็นอดีตพระมเหสีอีก ถึงกระนั้นในใจลู่ช่านกลับมิอาจมีความรู้สึกเป็นอริกับคนผู้นั้น
เขากล่าวได้ว่าตนเข้าใจคนผู้นั้นยิ่งนัก วันวานยามเจียงเจ๋อเป็นอาจารย์ของตนก็เพิ่งอายุเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น เขาย่อมไม่ลุ่มลึกเท่ากับยามนี้ ลู่ช่านจำได้อย่างชัดเจนว่าเวลาปกติเจียงเจ๋อชื่นชอบการแอบเกียจคร้านเป็นที่สุด นอกจากเวลาที่กำหนดไว้ เขาก็คร้านจะคอยเฝ้าตนอ่านหนังสือ ช่วงแรกเขามักจะหนีออกไปเดินตลาดหรือเที่ยวเล่น แต่ท้ายที่สุดคนผู้นี้ก็รักความสงบมากกว่า ต่อมาเรื่องที่เขาทำบ่อยที่สุดจึงเป็นการหยิบตำราโบราณสักเล่ม ชงชากลิ่นหอมสักกามานั่งอ่านอย่างเพลิดเพลินอยู่ใต้ร่มไม้
แต่คนผู้นี้ล่อลวงง่ายยิ่งนัก ขอเพียงตนถือขนมแปลกใหม่รสชาติโอชะมาสักอย่าง ก็มีโอกาสมากกว่าครึ่งที่จะทำให้เขารับปากเขียนการบ้าน หรือทำเรื่องเล็กน้อยอย่างอื่นแทนตนได้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ลู่ช่านก็หลุดหัวเราะอย่างอดไม่ไหว แต่รอยยิ้มกลับสลายหายไปรวดเร็วยิ่งนัก
เขาทราบว่าอาจารย์ผู้นี้ของตนทั้งชีวิตไร้ปณิธานยิ่งใหญ่ หลังจากสอบได้ตำแหน่งจ้วงหยวนแห่งหนานฉู่ นอกจากเรื่องก่อตั้งตำหนักฉงเหวินที่เขาเคยใส่ใจอย่างยิ่ง กับเรื่องที่เขาเคยช่วยเหลือเต๋อชินอ๋องบุกตีแคว้นสู่ เขาก็แทบจะกินเบี้ยหวัดหลวงไปวันๆ ดังนั้นต่อมาเมื่อได้ยินข่าวว่าเจียงเจ๋อถวายหนังสือทัดทานจนถูกปลด ความคิดแรกของลู่ช่านก็คืออาจารย์คงมิใช่อยากฉวยโอกาสผละตัวออกมากระมัง
แต่กลับกลายเป็นว่ามิใช่ อาจารย์ยังอยู่ในเจี้ยนเย่ ยามนั้นลู่ช่านเคยนึกละอายใจ บางทีตนอาจมองผิด ยามนี้อาจารย์เป็นบัณฑิตฮั่นหลินผู้ทรงเกียรติแล้ว จะวัดจากมาตรฐานเดียวกันกับเมื่อก่อนได้เช่นไรเล่า
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ยงอ๋องก็ตีเจี้ยนเย่แตก อาจารย์ถูกจับตัวไปต้ายง ตอนลู่ช่านได้รับข่าวที่แน่ชัด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว อาจารย์หันไปเข้ากับยงอ๋อง มิหนำซ้ำยังถูกมือสังหารของหนานฉู่ทำร้ายจนสาหัส สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ลู่ช่านไม่หลงเหลือความคิดจะช่วยอาจารย์กลับมา เพราะลู่ช่านเข้าใจดี ว่าหนานฉู่ได้สูญเสียบุคคลที่เดิมทีอาจกลายเป็นเสาหลักค้ำผืนฟ้าให้แว่นแคว้นคนหนึ่งไปชั่วนิรันดร์แล้ว
หลังจากนั้นลู่ช่านจับตามองเรื่องราวของเจียงเจ๋ออยู่เงียบๆ เจียงเจ๋อผู้เงียบหายไร้ข่าวคราวมาตลอด จู่ๆ ก็ทำให้คนตะลึงงันด้วยการกอบกู้เหตุการณ์ก่อกบฏ ณ พระราชวังเลี่ยกง ต่อมาก็ละทิ้งเกียรติยศและความมั่งคั่ง พาองค์หญิงฉางเล่อหนีตามกันไป
แม้นึกเสียดายอยู่บ้างที่สุดท้ายต้ายงได้เจ้าแผ่นดินผู้แข็งแกร่งมาปกครอง แต่ลู่ช่านก็ยังลอบภาวนาขอให้นับจากนี้อาจารย์ผู้มีพระคุณของตนมีชีวิตสงบสุข เพราะเขาเองก็ได้รับรายงาน จึงทราบว่าอาจารย์ทุ่มเทจนรากเลือดเพื่อยงอ๋องอย่างแท้จริง ได้ยินว่ายามจากไปเขาเจ็บหนักจนหมดหนทางเยียวยาแล้ว
ทว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน จดหมายฉบับหนึ่งจากเจียงเจ๋อทำให้เขาเข้าใจกระจ่างว่าก่อนหน้าต้ายงรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งสำเร็จ เจียงเจ๋อไม่มีวันวางมือ เพราะชีวิตและเกียรติยศของเจียงเจ๋อผูกติดกับราชวงศ์ต้ายงอย่างแนบแน่นแล้ว
ความคิดสังหารที่เก็บซ่อนไว้ในใจมาเนิ่นนานในที่สุดก็ปะทุออกมา ในใจลู่ช่านมีเพียงความคิดเดียว หากเจียงเจ๋อยังรับใช้ต้ายงต่อ ถ้าเช่นนั้นสุดท้ายสิ่งที่ต้องกลายมาเป็นเครื่องสังเวยย่อมเป็นหนานฉู่
ลู่ช่านไม่อาจเบิ่งตามองบ้านเกิดเมืองนอนล่มสลาย มิว่าเจ้าแคว้นโง่เขลาหรือปรีชาชาญ ลู่ช่านล้วนไม่มีวันปล่อยให้หนานฉู่ที่ตระกูลลู่สามรุ่นสาบานว่าจะภักดีกลายเป็นของรางวัลในสงครามใต้กีบเท้าอาชาเหล็กแห่งต้ายง
ดังนั้นในเวลาเดียวกันกับที่ลู่ช่านปกป้องตนเอง เขาจึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องกำจัดเจียงเจ๋อ ความจริงแล้วลู่ช่านไม่มั่นใจว่าจะโน้มน้าวเป่ยฮั่นให้ดักซุ่มสังหารเจียงเจ๋อได้สำเร็จ แต่เขาทราบว่านี่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียว จึงต้องลองทำเต็มกำลัง เขาเชื่อว่าวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการเจียงเจ๋อมิใช่มัววางแผนจนรอบคอบแล้วค่อยลงมือ แต่ต้องลงมือให้เร็วที่สุด โจมตีให้รุนแรงที่สุด และใช้วิธีการอันตรงไปตรงมาเข้าโจมตี แม้ไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่ลู่ช่านผู้สังเกตเห็นนานแล้วว่าเจียงเจ๋อไม่ระแวงตนนัก เชื่อมั่นว่ามีโอกาสจะทำสำเร็จอยู่มาก
สังหารศัตรูคนหนึ่ง หรืออาจถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นคนทรยศคนหนึ่ง เดิมทีสมควรเป็นเรื่องชวนเบิกบานใจยิ่งนัก แต่เหตุไฉนหัวใจจึงเจ็บปวดเช่นนี้ ลู่ช่านแหงนหน้ามองฟ้าถอนหายใจ
ใต้ท้องฟ้าใสผืนเดียวกัน ในใจหลินปี้กลับเศร้าสลด นางทราบว่าเมื่อคำนวณตามเวลาแล้ว เวลานี้สมควรเป็นเวลาที่ฉีอ๋องกับเจียงเจ๋อถูกสืออิงซุ่มโจมตี คนหนึ่งคือแม่ทัพใหญ่ผู้บัญชาการกองทัพขัดขวางคมอาวุธของเป่ยฮั่น คนหนึ่งคือเสนาธิการผู้วางแผนการได้ล้ำลึกดั่งมหาสมุทร เล่ห์เหลี่ยมมากมายเท่าผืนฟ้า หากสองคนนี้สิ้นใจ อย่างน้อยเป่ยฮั่นก็จะปลอดภัยไร้กังวลอีกหลายปี แต่เดิมหลินปี้สมควรรอคอยอย่างตื่นเต้น แต่นางกลับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอด
ความประทับใจที่สองคนนี้มอบให้หลินปี้ไม่เลวอย่างยิ่ง แม้ฉีอ๋องจะมีไอสังหารหนักหน่วงเล็กน้อย นิสัยก็เหมือนจะดุร้ายอยู่บ้าง แต่หลินปี้สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจหลี่เสี่ยน มิหน้ำซ้ำนิสัยแท้จริงของฉีอ๋องยังเป็นคนเปิดเผยคนหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้ในใจหลินปี้รู้สึกดีและชื่นชมเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
นางถึงขนาดเคยเปรียบเทียบหลี่เสี่ยนกับหลงถิงเฟย แม้หลงถิงเฟยเหนือกว่าหลี่เสี่ยนอย่างเห็นได้ชัด แต่หลินปี้กลับรู้สึกอยู่เลือนรางว่าหลงถิงเฟยสมบูรณ์แบบเกินไป จนทำให้นอกเหนือจากความรักและเทิดทูน นางจึงยังมีความรู้สึกอับอายที่ตนเทียบไม่ได้อยู่ด้วย นางมักรู้สึกว่าหากตนมิใช่องค์หญิงจยาผิง ถ้าเช่นนั้นตนก็คงไม่คู่ควรกับหลงถิงเฟยแม้แต่น้อย สิ่งนี้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่นางยื้อเรื่องการแต่งงานอย่างทั้งเจตนาและไม่เจตนามาหลายปีเช่นนี้
แต่หลี่เสี่ยนแตกต่าง เขามีจุดที่เหนือกว่าผู้คน แต่ก็มีข้อเสียอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้กลับทำให้หลินปี้รู้สึกว่าน่าใกล้ชิดสนิทสนม ความเดียวดายที่หลี่เสี่ยนเผยให้เห็นเป็นระยะก็ยิ่งทำให้ในใจหลินปี้สงสารเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน ก่อนหน้านี้ใจหลินปี้มองว่าหลี่เสี่ยนเป็นเพียงศัตรู ดังนั้นจึงยังไม่รู้สึก แต่เมื่อถึงเวลาที่หลี่เสี่ยนอาจจบชีวิตลงแล้ว หลินปี้กลับหักห้ามตนเองไม่ให้นึกถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของหลี่เสี่ยนมิได้
ส่วนเจียงเจ๋อ เสนาธิการผู้จิตใจโหดเหี้ยมน่ากลัวในคำเล่าลือผู้นั้นกลับทำให้หลินปี้จับต้นชนปลายไม่ถูก ยังจำได้ว่ายามแรกพบหน้าเขาท่าทางสง่างามอ่อนโยน ชวนให้คนเห็นแล้วรู้สึกชื่นชมขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วก็จำได้ว่าบนหอทิงเทา เขาเผยด้านที่เป็นเด็กและหัวใจที่ยังคงความเยาว์วัยออกมา
คนผู้นี้ หลินปี้รู้สึกอยู่เลือนรางว่าบางทีคนมากมายอาจเข้าใจเขาผิด บางทีแท้จริงแล้วเขาอาจเป็นเพียงคนประหลาดผู้เฉยชาต่อลาภยศและไร้อันตรายคนหนึ่ง มีเพียงยามที่เจ้าล้ำเส้นเขา เขาจึงจะเผยโฉมหน้าโหดเหี้ยมออกมา
แล้วยังมีองค์หญิงฉางเล่อผู้งดงามอ่อนหวาน หลินปี้รู้สึกได้ถึงจิตใจอันสงบและมีความสุขของนาง ชีวิตอันยากลำบากก่อนหน้านี้ดูเหมือนไม่ทิ้งร่องรอยไว้บนร่างนางแม้แต่น้อย แต่ในใจหลินปี้เข้าใจดี สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ควรค่านับถือสตรีผู้นี้ ใต้หล้าจะมีสตรีสักกี่นางเผชิญหน้ากับริ้วรอยบาดแผลจากอดีตได้อย่างสงบ แล้วจะมีสตรีสักกี่นางยอมสละอำนจลาภยศในกำมือ ติดตามคนรักผู้เจ็บป่วยอ่อนแอจับจูงมือกันมุ่งไปสู่อนาคตอันเลือนราง
แล้วก็โหรวหลัน เด็กหญิงตัวน้อยผู้ได้รับความรักอย่างที่สุดแต่ไม่หยิ่งผยอง แล้วยังมีเจียงเซิ่น เด็กชายผู้น่าสงสารที่ยังไม่ทันเข้าใจเรื่องราวในโลกก็ถูกบิดา ‘ขายอย่างใจเหี้ยม’ คนนั้น หลินปี้รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก นางกำลังทำลายความสุขของผู้คนเช่นไรอยู่!
หลังจากความเจ็บปวดผ่านพ้น ในที่สุดหลินปี้ก็จัดการกับอารมณ์เศร้าหมองได้ นางบอกตนเอง มิว่าคนเหล่านั้นจะน่าใกล้ชิดน่านับถือเช่นไร แต่พวกเขาล้วนเป็นศัตรูของเป่ยฮั่น ความตายของพวกเขาจะแลกให้ทหารเป่ยฮั่นอีกนับไม่ถ้วนมีชีวิตรอด เมื่อจิตใจค่อยๆ ฟื้นกลับมานิ่งสงบ หลินปี้จึงเอ่ยเสียงเบา “นี่คือโชคชะตา หากผู้ที่พ่ายแพ้คือข้า ถ้าเช่นนั้นข้าก็ยินดีแบกรับผลลัพธ์ทุกสิ่งที่ตามมาเช่นกัน”