ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 58 ยุแยงตะแคงรั่ว (2)
มิใช่หลงถิงเฟยไม่เคยสงสัยว่านี่คือแผนยุแยงตะแคงรั่ว แม้การที่เจียงเจ๋อส่งสารฉบับนี้ให้จิงฉือผู้ที่เขามีส่วนทำให้ถูดลดขั้นเพื่อบำรุงขวัญกำลังใจจะเป็นเรื่องสมเหตุสมผล แต่ในเมื่อเจียงเจ๋อเป็นผู้กระทำเรื่องนี้ จะไม่ให้หลงถิงเฟยนึกสงสัยว่านี่เป็นการเสี้ยมให้แตกคอได้อย่างไร
ดังนั้นในตอนแรกที่เห็นสารฉบับนี้ หลงถิงเฟยจึงไม่เชื่อมากนัก เพียงจดจำไว้ในใจชั่วคราว เพราะมิว่าอย่างไรก็ไม่น่าจะส่งผลต่อศึกครานี้ แต่หลายวันนี้สองทัพรบกันหลายครั้ง แม้สองฝ่ายล้วนไม่มีเจตนาจะเผด็จศึก แต่จากร่องรอยมากมาย หลงถิงเฟยก็มองออกว่าศัตรูที่ตนเผชิญหน้าอยู่มิใช่ศัตรูในวันวาน
วิธีการรบของฉีอ๋องคือการบุกอย่างร้อนแรงประหนึ่งเปลวเพลิงฝ่าทะลวงสิ้นทุกสิ่ง แต่คู่ต่อสู้ตอนนี้ของตนเริ่มแรกยังติดขัดอยู่เล็กน้อย แต่ในตอนนี้วิธีการทำศึกยืดหยุ่นแปรเปลี่ยนหลากหลายดั่งสายน้ำ นุ่มนวลดั่งสายธาร ความแข็งกร้าวมิอาจมีชัยเหนือเขา
แม้หลงถิงเฟยกับแม่ทัพทั้งหลายใต้บัญชาต่างคิดว่าเจียงเจ๋อเป็นผู้บัญชาการ แต่เมื่อผ่านไปหลายวัน ในใจหลงถิงเฟยกลับเกิดความสงสัย มิว่าอย่างไรเจียงเจ๋อก็เป็นบัณฑิตผู้มิเคยบัญชาการรบทัพจับศึกจริงๆ มาก่อน ฉีอ๋องจะมอบหมายอำนาจหลักในการบัญชากองทัพให้เขาจริงๆ หรือ แต่ในใจหลงถิงเฟยก็ไม่เชื่ออีกว่าฉีอ๋องจะไม่อยู่ในกองทัพ ในเมื่อต่อกรกับตน แม่ทัพใหญ่จะกล้าผละจากกองทัพตามอำเภอใจหรือ
ยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้ม ในที่สุดหลงถิงเฟยจึงตัดสินใจว่าวันพรุ่งจักต้องแก้ปริศนานี้ให้จงได้ หากฉีอ๋องมิได้นำทัพออกรบด้วยตนเอง มิว่าอย่างไรก็จะรบเช่นนี้ต่อไปมิได้
เวลานี้ ในกระโจมแม่ทัพของกองทัพหลวงต้ายง ใต้แสงโคมเหลืองสลัวดุจเดียวกัน เซวียนซงกำลังหารือเรื่องการศึกกับเหล่าแม่ทัพ พร้อมกับใช้ปลายหางตาเหลือบมองผู้ตรวจการกองทัพที่นั่งอยู่ตำแหน่งแรกทางฝั่งซ้าย
เขาเห็นเจียงเจ๋อกำลังงีบหลับอยู่บนเก้าอี้ แม้ท่วงท่าของเขามิได้เปลี่ยนชัดเจนอย่างใดนัก ท่าทางประหนึ่งกำลังครุ่นคิด แต่ใบหน้ากลับผินหลบตรงเงามืดจุดที่แสงโคมส่องไม่ถึงอย่างมีชั้นเชิง เพื่อไม่ให้คนทั้งหลายมองเห็นดวงตาปรือปรอยของเขา
ในใจเซวียนซงรู้สึกซาบซึ้งและนับถือ หลายวันที่ผ่านมาแรงกดดันยามต้องเผชิญหน้ากับแม่ทัพคนดังของเป่ยฮั่นด้วยตัวคนเดียวทำให้ตนแทบจะหายใจไม่ออก แต่ใต้เท้าผู้ตรวจการกองทัพผู้มักทำตัวเกียจคร้านหย่อนหยานคนนี้กลับทำให้เขารู้สึกสงบใจอย่างประหลาด ยิ่งไปกว่านั้น เจียงเจ๋อเองก็มิได้อยู่ว่าง เริ่มแรกปรามแม่ทัพที่ไม่เชื่อฟังแทนเขา ต่อมาก็มักแนะนำเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการศึกยามอยู่กันลำพัง ทำให้ตนเข้าใจสิ่งที่เคยเรียนรู้มาในอดีตอย่างแตกฉานภายในเวลาไม่กี่วันสั้นๆ
ตอนนี้ตนเชื่อมั่นแล้วจริงๆ ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูคนใดก็ได้ทั้งสิ้น ส่วนแม่ทัพทั้งหลายก็ค่อยๆ เริ่มยอมรับตนจากใจจริงแล้ว หากไม่มีผู้ตรวจการกองทัพผู้นี้ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเป้าหมายที่เขาไม่มีทางบรรลุตลอดไป
หลี่ซุ่นผู้ยืนอยู่ด้านหลังเจียงเจ๋อเห็นแววตาของเซวียนซงพลันยิ้มละไม จากนั้นใช้กำลังภายในบังคับเสียงให้ดังที่หูเจียงเจ๋อเบาๆ “คุณชายเลิกนอนได้แล้วขอรับ การประชุมจะเลิกแล้ว” กล่าวจบก็ส่งปราณสายหนึ่งเข้ามาในร่างเจียงเจ๋อ ผ่านไปครู่หนึ่งเจียงเจ๋อจึงค่อยๆ ตื่นขึ้นมา แล้วเปลี่ยนท่าทางอย่างไม่มีช่องโหว่ให้จับได้แม้แต่น้อย แสร้งทำเหมือนว่าฟังจนเหน็ดเหนื่อยจึงขยับร่างกายสักหน่อยเท่านั้น
ข้ามองผู้คนทั้งหลายอย่างเกียจคร้าน ตอนนี้เซวียนซงบัญชาการแม่ทัพทั้งหลายได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ข้าจึงไม่ต้องใส่ใจการประชุมทหารมากอีก แต่จะไม่เข้าประชุมก็ไม่ดี ถึงอย่างไรฐานะของเซวียนซงก็ยังด้อยกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง ข้าลูบถ้วยชา นึกในใจว่าเย็นเสียแล้ว เสี่ยวซุ่นจื่อเปลี่ยนชาร้อนมาให้ข้าอย่างว่องไว ข้าขยับแขนที่เริ่มแข็งทื่อ พลางคิดว่าการประชุมน่าจะจบแล้วกระมัง
เวลานี้เอง จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงโห่ร้องยินดีที่พยายามกดเสียงให้เบาลอยเข้ามา ไม่นานเฉียวจู่ก็พรวดพราดเข้ามาพร้อมท่าทางดีอกดีใจ “เรียนใต้เท้าผู้ตรวจการกองทัพและหัวหน้ากองเซวียน องค์ชายส่งม้าเร็วมาแจ้งว่า กองทัพของถานจี้ถูกสังหารสิ้นแล้ว องค์ชายกำลังเดินทางกลับกองทัพ วันมะรืนยามเที่ยงน่าจะมาถึงค่ายใหญ่”
แม่ทัพทั้งหลายในกระโจมต่างมีสีหน้ายินดีปรีดา พวกเขาทยอยหันไปกระซิบกระซาบ ข้าเองก็มีสีหน้าเปรมปรีดิ์เช่นกัน ก้าวแรกของข้าบรรลุผลอย่างงดงาม ข้าลุกขึ้นยืนแล้วคลี่ยิ้มเอ่ยว่า “ดีเหลือเกิน ฝั่งองค์ชายชนะแล้ว ฝั่งนี้ก็สมควรจบงานเสียที หัวหน้ากองเซวียน ข้าคิดว่าอีกไม่กี่วันกองทัพเป่ยฮั่นคงได้รับข่าวการศึก แต่มิว่าอย่างไร วันนี้ข้าเห็นหลงถิงเฟยบัญชาการทัพแปลกไปอยู่บ้าง เกรงว่าเขาคงสงสัยแล้ว
วันพรุ่งหัวหน้ากองเซวียนมิต้องปิดบังอีก ชูธงของท่านอย่างสง่าผ่าเผย ให้ทัพเป่ยฮั่นรู้ว่าต้ายงมีแม่ทัพฝีมือเยี่ยมมากมายที่ต่อกรกับหลงถิงเฟยได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ทหารเป่ยฮั่นย่อมเสียขวัญกำลังใจ เพื่อเรียกขวัญกำลังใจทหารและเพื่อล้างอาย หลงถิงเฟยจักต้องทุ่มทำศึก ศึกนี้ขอเพียงท่านไม่แพ้ย่อมทำลายกำลังใจของกองทัพเป่ยฮั่นได้มากพอ หัวหน้ากองเซวียน วันพรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว” กล่าวจบ ข้าพลันค้อมกายให้หัวหน้ากองเซวียน
แม่ทัพทั้งหลายต่างลุกขึ้นตะโกนเสียงดัง “พวกเราน้อมรับคำสั่งแม่ทัพเซวียน!”
เซวียนซงรู้สึกฮึกเหิมเป็นกำลัง แต่ถึงอย่างไรเขาก็มิใช่คนธรรมดา เพียงครู่เดียวก็สงบใจกลับมาได้ แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณใต้เท้าผู้ตรวจการกองทัพที่กรุณาและแม่ทัพทุกท่านที่สนับสนุน วันพรุ่ง พวกเราจะให้บทเรียนกับทัพเป่ยฮั่น ให้พวกเขารู้จักความร้ายกาจของทัพต้ายงของพวกเรา”
แม่ทัพทั้งหลายขานรับเสียงดังกระหึ่ม ใบหน้าล้วนมีแต่สีหน้ายินดีปรีดา
วันต่อมา เมื่อหลงถิงเฟยเห็นสัญลักษณ์บนผืนธงแม่ทัพของกองทัพต้ายง หัวใจพลันปั่นป่วนดั่งทะเลคลั่ง แม้นึกสงสัยอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นภาพนี้ก็ยังคงรู้สึกตกใจและโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก สัญลักษณ์บนผืนธงของแม่ทัพเปลี่ยนเป็นคำว่า ‘เซวียน’ นอกจากนั้นก็ไม่เห็นองครักษ์ข้างกายฉีอ๋องอยู่ นี่ทำให้หลงถิงเฟยเข้าใจโดยพลันว่าหลายวันที่ผ่านมาผู้ที่ทำศึกกับตนมิใช่ฉีอ๋อง
ถ้าเช่นนั้นฉีอ๋องไปอยู่ที่ใดเล่า เขาไม่เชื่อหรอกว่าฉีอ๋องจะอ้อมหลังตนไปโจมตีชิ่นโจว จนถึงวันนี้การติดต่อระหว่างตนกับด้านหลังก็ยังไม่ถูกตัดขาด ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปได้เพียงฉีอ๋องอยู่ค่ายใหญ่คลังเสบียงที่เมี่ยวพัว เหตุใดค่ายใหญ่คลังเสบียงซึ่งมียอดแม่ทัพอย่างจิงฉือคอยพิทักษ์อยู่แล้วยังต้องมีฉีอ๋องไปบัญชาการด้วยตนเองอีก มีเพียงสาเหตุเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมันเป็นกับดักที่รอคอยวิหคบินไปติดกับ เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของหลงถิงเฟยพลันเคร่งเครียด หากเป็นเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นถานจี้…
เขาเอ่ยเสียงดัง “เซียวถง เจ้ารีบส่งพลสารไปยังเมี่ยวพัว หากถานจี้ยังไม่ติดกับดักก็ให้เขาถอนทัพกลับมา จำไว้ว่าต้องส่งสายลับฝีมือดีที่สุดใต้บัญชาของเจ้าไป ให้เขาพาเหยี่ยวส่งสารไปด้วย บางทีอาจหาถานจี้พบง่ายกว่า”
เซียวถงถามอย่างวิตกกังวล “ผู้น้อยรับบัญชา แต่ท่านแม่ทัพ หากทัพศัตรูวางกลอุบายไว้จริง เกรงว่าแม่ทัพถานคงโชคร้ายมากกว่าโชคดี ยิ่งไปกว่านั้น แม่ทัพถานเดินทัพผลุบโผล่ดั่งภูตผี เส้นทางเดินทัพเปลี่ยนไปมาไม่นิ่ง หากมิใช่ผู้น้อยเดินทางไปเอง เกรงว่าคงค้นหาแม่ทัพถานลำบาก”
หลงถิงเฟยเงียบงันอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ข้าทราบดี แต่ตอนนี้ได้แต่ทำสุดกำลังแล้วปล่อยให้ขึ้นอยู่กับสวรรค์ ข้างกายข้าต้องให้เจ้าคอยดูแลงานสอดแนมข่าวศัตรู ดังนั้นเจ้าจึงไปด้วยตนเองมิได้ เฮ้อ เจ้าไม่ต้องกังวลเกินไปหรอก ถานจี้หลักแหลมยิ่งนัก บางทีอาจไม่ติดกับดัก”
แม้กล่าวเช่นนี้ แต่ในใจหลงถิงเฟยรู้ดี นี่เป็นเพียงคำปลอบใจตนเองเท่านั้น จู่ๆ ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอย่างรุนแรง หลงถิงเฟยขมวดคิ้วเป็นปม เขานึกเสียใจยิ่งนักจริงๆ เมื่อเขาเพิ่งตระหนักได้ตอนนี้เองว่าที่ผ่านมาเขาแล้งน้ำใจต่อถานจี้มากเกินไป
หลงถิงเฟยเงยหน้ามองผ่านกระบวนทัพทหารที่ซ้อนเป็นชั้นๆ ไปยังสมรภูมิอันโกลาหลเบื้องหน้า เห็นแม่ทัพผู้สุขุมสวมชุดสีเขียวบัญชาการศึกอย่างฮึกเหิมใต้ธงทัพหลวงของศัตรู ข้างกายเขาบัณฑิตอาภรณ์สีเขียวผู้หนึ่งกำลังทอดมองสนามรบอย่างสบายอุรา สองคนนี้คือผู้ที่ยื้อตนไว้ที่ฉินเจ๋อและทำให้ยอดแม่ทัพของตนติดกับดัก ทันใดนั้นหลงถิงเฟยก็นึกถึงสารที่เนื้อความคลุมเครือฉบับนั้น
เดิมทีเขาแปลกใจเล็กน้อยที่ถ้อยคำคลุมเครือบนสารฉบับนั้นคล้ายคำปลอบให้กำลังใจ แต่ก็คล้ายแจ้งข่าวการศึก หลงถิงเฟยยังนึกสงสัยอยู่ว่าหากสารฉบับนี้เจียงเจ๋อเป็นผู้เขียนจริงก็เหมือนจะไม่สมเหตุผลอยู่บ้าง เจียงเจ๋อไม่มีความจำเป็นต้องเขียนสารฉบับนี้ในเวลานี้ เพราะไม่ว่าอย่างไรจิงฉือก็เป็นยอดแม่ทัพ เขาไม่น่าจะถึงขั้นทำลายผลประโยชน์ส่วนรวมด้วยเรื่องส่วนตัว ทว่าแม้นึกสงสัยอยู่บ้าง แต่บางเรื่องยอมเชื่อว่ามีดีกว่าไม่มี
เวลานี้เมื่อกระจ่างแล้วว่าฉีอ๋องน่าจะอยู่เมี่ยวพัว ถ้าเช่นนั้นสารฉบับนั้นก็อธิบายได้แล้ว หากฉีอ๋องกับรองแม่ทัพจิงฉือล้วนอยู่เมี่ยวพัว เขาย่อมไม่วางใจสถานการณ์ศึกฝั่งฉินเจ๋อ เจียงเจ๋อเขียนสารแจ้งข่าวการศึกกับฉีอ๋องก็ฟังดูมีเหตุผล ส่วนที่เขียนถ้อยคำคลุมเครือก็อาจเป็นไปได้ว่าทำเพื่อเลี่ยงการสูญเสียสารระหว่างทาง หากสารนี้ตกอยู่ในมือฝ่ายเรา พวกเราก็จะไม่ทราบว่าฉีอ๋องไม่อยู่ฉินเจ๋อจากสารฉบับนี้
ส่วนที่ในสารกล่าวว่ากองทัพเป่ยฮั่นมีคนคิดทรยศ จริงหรือลวงยังไม่แน่ บางทีอาจมีเรื่องเช่นนี้จริง แต่ในเมื่อคนทรยศผู้นั้นยังลังเล ต่อให้เสียสารฉบับนี้ไปก็ทำให้พวกเราคอยระวังอยู่ในใจเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้คนผู้นั้นยอมจำนนเร็วขึ้นกว่าเดิมเพราะความหวาดหวั่นและแรงกดดัน
แน่นอนว่าอาจเป็นเรื่องลวงได้เช่นกัน แต่ผู้ส่งสารของต้ายงผู้นั้นขัดขืนจนตัวตาย ความเป็นไปได้ที่จะเป็นเรื่องลวงอย่างสิ้นเชิงจึงมีไม่มากนัก
เซียวถงมิใช่บอกว่าหลายวันนี้ ค่ายใหญ่ฉินเจ๋อมีผู้ส่งสารอีกหลายคนมุ่งไปเมี่ยวพัวหรอกหรือ แม้มิได้ออกคำสั่งให้ขัดขวางอีก ด้วยกังวลว่าจะสูญเสียทหารสอดแนมของฝ่ายเรา แต่เรื่องนี้ก็บ่งบอกอย่างอ้อมๆ ว่าสารฉบับนั้นส่งถึงฉีอ๋องจริง เมื่อคิดจนถึงตรงนี้ หัวใจของหลงถิงเฟยพลันมีเปลวเพลิงแห่งความโกรธเกรี้ยวลุกโหม เขามิมีทางยอมให้มีคนทรยศเป่ยฮั่น เขาเงยหน้ามองกองทัพหลวงของต้ายงที่อยู่ไกลออกไป และเขายิ่งไม่มีวันยอมให้ผู้ใดหลอกปั่นหัวตนเองเช่นนี้
เขาออกคำสั่งติดกันหลายคำสั่ง ในเมื่อฉีอ๋องไม่อยู่ในกองทัพ ถ้าเช่นนั้นเขาจะให้ทัพต้ายงชดใช้อย่างสาสม จิตสังหารอำมหิตปรากฏบนใบหน้า หากทำให้กำลังหลักของต้ายงที่ฉินเจ๋อเสียหายอย่างหนักหนาสาหัสได้ ถ้าเช่นนั้นต่อให้ฝั่งถานจี้ปล่อยให้ฉีอ๋องลงมือสำเร็จ ต้ายงก็ได้ไม่คุ้มเสีย