ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 63 จดหมายจากบ้านมีค่าหมื่นตำลึงทอง (1)
เหวินเซียงโหวฮั่วฉง ชาติกำเนิดต่ำต้อยยากจน สมัยไท่จู่ครองราชย์ รัชศกอู่เวยปีที่ยี่สิบห้าได้เจียงเจ๋อซือหม่าประจำยงอ๋องช่วยเข้ามาในจวนอ๋อง เริ่มแรกไม่ได้ทำงานสำคัญ เป็นเพียงบ่าวรับใช้ในสวนเหมันต์ ต่อมาไท่จงยกจวนเก่าให้แก่องค์หญิงหนิงกั๋วฉางเล่อ ฮั่วฉงก็ยังเป็นบ่าวในสวนเหมันต์ ยากปกติลอบอ่านหนังสือและตำราของเจียงเจ๋อจนถูกท่านหญิงเจาหวาพบเข้า ท่านหญิงเวทนาเขาจึงเขียนจดหมายเล่าเรื่องนี้ให้ฉู่เซียงโหวฟัง เจียงเจ๋อรู้เข้าก็ประทับใจจึงส่งสารมาหาองค์หญิงให้หาอาจารย์สอนหนังสือแก่เขา ต่อมาเจียงเจ๋อกลับจากกองทัพ ทดสอบความรู้ของเขาก็ยินดีปรีดา รับเขาไว้เป็นลูกศิษย์
แม้เจียงเจ๋อได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะ บทประพันธ์วิจิตรงดงามเป็นเอกในใต้หล้า ทว่าสิ่งที่รู้ส่วนใหญ่ล้วนไม่ลึกซึ้ง ฮั่วฉงกลับมีนิสัยละเอียดลออ มุ่งศึกษาคัมภีร์ปรัชญาและประวัติศาสตร์จนก้าวข้ามผู้เป็นอาจารย์ ได้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการสำนักศึกษาระดับมณฑล ทั้งชีวิตของฮั่วฉง มองเจียงเจ๋อเสมือนหนึ่งบิดา
…พงศาวดารต้ายง ประวัติเหวินเซียงโหว
ต้ายง รัชศกอู่เวยปีที่ยี่สิบเจ็ดปลายเดือนสิบสอง ค่ายใหญ่เจ๋อโจวตั้งแต่บนจรดล่างล้วนเปรมปรีดา หลังจากยืนหยัดมาหลายปี ในที่สุดก็คว้าชัยชนะครั้งหนึ่งมาได้ แม่ทัพและพลทหารในกองทัพล้วนยิ้มแก้มแทบปริ ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่าบาทยังถ่ายทอดราชโองการมอบรางวัลมากมายแก่ทุกกองทัพ กระเป๋าของทหารทุกนายล้วนตุงแน่น ชัยชนะเสริมทับด้วยรางวัลทำให้ทหารเจ๋อโจวต่างเบิกบานใจ
หลังจากหลงถิงเฟยถอนทัพออกจากเจ๋อโจว ฉีอ๋องหลี่เสี่ยนก็ออกคำสั่งให้ฉวยโอกาสที่หิมะยังไม่ตกยกทัพไปตั้งค่ายประชิดชายแดนชิ่นโจว กองทัพต้ายงสามแสนกับทหารเกณฑ์อีกสองแสนที่ระดมพลมาจากเจ๋อโจวต่อสู้อย่างแข็งขันหนึ่งเดือนจนสร้างค่ายทหารกินบริเวณร้อยลี้ ครั้งนี้กองทัพต้ายงจะไม่ยอมให้ทัพเป่ยฮั่นรุกรานเข้ามาในเจ๋อโจวได้อีกเป็นแน่
เมื่อใกล้ปีใหม่ แม้การป้องกันของค่ายใหญ่เจ๋อโจวจะเข้มงวด แต่ก็ยังอนุญาตให้พลทหารผลัดกันออกจากค่าย แม้รอบด้านไม่มีเมือง แต่พ่อค้าที่แสวงหาผลกำไรก็มาตั้งตลาดนัดชั่วคราวอยู่นานแล้ว อาคารบ้านเรือนที่สร้างขึ้นชั่วคราวแม้ดูหยาบแต่ก็อบอุ่นยิ่งนัก เหลาสุรา หอนางโลม สนามพนันสารพัดสิ่งล้วนมีทั้งสิ้น แล้วยังมีข้าวของนานาชนิดขายอีก
ฉีอ๋องมิได้คัดค้านการตั้งตลาดนัด ถึงอย่างไรหากไม่มีสิ่งเหล่านี้ ฤดูหนาวคงยากผ่านพ้น แต่เพื่อความปลอดภัย เขาจึงส่งกองทหารมาควบคุมตลาดนัด ไม่ให้สายลับเป่ยฮั่นฉวยโอกาสเข้ามาสืบข่าวการทหาร แม้ไม่มีคำสั่งกองทัพออกมา แต่ทุกคนล้วนทราบว่าการบุกตีเป่ยฮั่นยามวสันต์ปีหน้าเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว
ข้าเอนหลังบนตั่งนุ่มอ่านจดหมายจากที่บ้านอยู่กลางค่ายใหญ่ของกองทัพ ครั้งนี้ฝ่าบาทส่งคนมาถ่ายทอดราชโอการและพระราชทานรางวัล และถือโอกาสนำจดหมายจากบ้านมาด้วย ฉางเล่อกับโหรวหลันล้วนส่งจดหมายมา แม้อยากอ่านนักว่าโหรวหลันเขียนอะไรมา แต่ความคิดถึงฉางเล่อเอ่อล้นห้องหัวใจ ดังนั้นข้าจึงเปิดจดหมายขององค์หญิงฉางเล่อก่อน
จดหมายขององค์หญิงฉางเล่อยาวยิ่งนัก เขียนมาเจ็ดแผ่นเต็มๆ ดูจากความเก่าใหม่ของรอยหมึกน่าจะมิได้เขียนในครั้งเดียว อาจคิดได้เมื่อใดก็เขียน ทุกวันเขียนสองสามบรรทัด หลังจากนั้นจึงให้ราชทูตนำมา
ข้าเดินทางราบรื่นปลอดภัยดี แต่เซิ่นเอ๋อร์ถูกปรมาจารย์ฉือเจินยึดไป ทั้งวันข้าได้พบหน้าเพียงไม่กี่หน เซิ่นเอ๋อร์เดินได้แล้ว แต่ยังไม่นานเท่าไร วันที่ท่านกลับมาคงได้เห็นเซิ่นเอ๋อร์เดินได้ด้วยตัวเอง
…
เสด็จพี่สามค่อนข้างเย็นชากับหลินเอ๋อร์ แม้ข้าไม่พอใจ แต่พี่น้องไม่ได้พบหน้ากันนานหลายปี อีกทั้งเสด็จพี่ยังรับราชโองการมารับข้ากลับเมืองหลวงจึงไม่สะดวกห้ามปราม ได้แต่ให้หลินเอ๋อร์อยู่ใกล้โหรวหลันไว้ ใจข้ารู้สึกกังวล ยามนี้เสด็จพี่สามอำนาจท่วมฟ้า ทว่ากลับชิงชังเสด็จพี่หกไม่เลิกรา ข้าเกรงว่าเหตุการณ์พี่น้องขัดแย้งกันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
…
ได้รับสารลับจากฮ่องเต้ ในเมืองหลวงมีข่าวลือว่าเจ๋อโจวพ่ายศึก ข้าทราบว่าท่านอยู่เจ๋อโจว มิมีวันเป็นเช่นนั้นแน่ ทว่าข่าวลือแพร่สะพัด ผู้คนหวาดหวั่นวิตก ข้าไม่มีทางเลือกจึงต้องเดินทางช้าลงและแวะพบขุนนางแต่ละที่และครอบครัวของพวกเขา
…
องค์รัชทายาทมาต้อนรับถึงนอกเมือง ให้เกียรติกันปานนี้ ในใจข้ารู้สึกละอาย แม้รัชทายาทอายุน้อย แต่กลับฉลาดเฉลียวมีเมตตา โหรวหลันกับรัชทายาทอยู่ด้วยกันเมื่อยามเล็ก เมื่อหวนพบหน้าก็ยังสนิทสนมกันดังก่อน แม้หลินเอ๋อร์รักสันโดษหยิ่งทะนง แต่องค์รัชทายาทปฏิบัติกับเขาด้วยความจริงใจ หลินเอ๋อร์จึงนับถือองค์รัชทายาทเป็นพี่ชาย เสด็จพี่ออกราชโองการแต่งตั้งหลินเอ๋อร์เป็นสหายร่วมเรียนขององค์รัชทายาท ในเมืองหลวงวิพากษ์วิจารณ์กันพอสมควร
…
มีเรื่องหนึ่งข้าไม่สบายใจ ซือหม่าซิวย่วน อดีตคุณหนูตระกูลสูงแห่งแคว้นสู่ ทำร้ายไฉเหรินผู้อุ้มครรภ์มังกร แม้ฮองเฮาขัดขวางไว้ได้ ทว่าหลังไฉเหรินคลอดก็สิ้นใจ องค์ชายรองน่าสงสารนัก มารดาผู้ให้กำเนิดต่ำต้อยแล้วยังถูกทำร้ายทั้งที่ไร้ความผิด โชคดีเฉิงชงหรงเห็นแก่คุณธรรมช่วยเหลือไว้ พี่สะใภ้จึงให้องค์ชายรองนับถือเฉิงชงหรงเป็นมารดา ทว่าซือหม่าซิวย่วนทำร้ายองค์ชาย สังหารมารดาผู้ให้กำเนิดองค์ชาย ความผิดของนางหนักหนา ตามกฎแคว้นและกฎวังสมควรโบยจนตาย
จนปัญญาด้วยเสด็จพี่สามมาขอความเมตตาด้วยตนเอง กล่าวว่าการพิทักษ์ตงชวนต้องให้ตระกูลขุนนางแคว้นสู่ช่วยเหลือ ตระกูลซือหม่ามีคุณงามความชอบโดดเด่น หากสังหารบุตรีของพวกเขา เกรงว่าตงชวนจะเกิดความโกลาหล พี่สะใภ้ไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ละเว้นโทษตายของนาง ทว่าพวกเสด็จแม่ล้วนชิงชังนางยิ่งนัก เสด็จพี่มีทายาทน้อย หากละเว้นเช่นนี้ เกรงว่าภายหลังคงเกิดเรื่องอีกมาก
เมื่อข้ามาถึงเมืองหลวง เสด็จแม่จึงไหว้วาน พี่สะใภ้ก็ลอบถ่ายทอดเจตนาของฝ่าบาทให้ฟัง ข้าจึงอาศัยยามค่ำคืนโบยซือหม่าซิ่วย่วนจนตายในตำหนักเย็น แม้เป็นพระราชบัญชา แต่ข้าก็ยากจะทำใจให้สงบ เกรงว่าเสด็จพี่สามคงคิดแค้นข้าเป็นแน่ ข้าได้เสด็จพ่อกับเสด็จพี่ปกป้อง ได้รับการอภัยมิต้องโทษอันใด แต่เกรงว่าจะส่งผลถึงท่าน หวังว่าท่านจะทราบเรื่องนี้ไว้
…
ข้าได้ยินว่ากองทัพหนานฉู่บุกประชิดด่านจยาเหมิง เสด็จพี่ส่งเสด็จพี่สามกลับตงชวน ทว่าข้าไม่สบายใจนัก จดหมายครั้งก่อนของท่านกล่าวถึงเรื่องลู่ช่านลงมือไร้หัวใจ เด็กคนนี้เกิดในตระกูลแม่ทัพสืบต่อมาหลายรุ่น ทั้งยังได้ท่านสั่งสอนตำราพิชัยสงครามด้วยตนเอง ข้าเกรงว่าตงชวนจะสู้มิได้ ทั้งเสด็จพี่สามก็ยังคงหลงเหลือความบาดหมางต่อราชวงศ์อยู่ ข้ารู้สึกว่าเขามีความคิดลึกซึ้ง เกรงว่าตงชวนจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน การปกป้องแว่นแคว้นเป็นเรื่องใหญ่ ข้ามิควรเข้าไปยุ่ง ทว่าหากตงชวนวุ่นวาย ศึกเป่ยฮั่นก็ยากสงบ ข้าทนมิได้หากท่านจะจากบ้านนาน ดังนั้นหัวใจจึงกังวลนัก
…
วันนี้ไห่จ้งอิงเข้าเมืองหลวงมาอย่างลับๆ มาพบข้าเพื่อสู่ขอโจวซั่งอี๋เป็นภรรยา ข้าทราบมานานแล้วว่าพวกเขาทั้งสองรักกันอย่างลึกซึ้ง ทว่านามของซั่งอี๋ยังอยู่ในทะเบียนของพระราชวัง ไห่จ้งอิงก็ออกทะเลบ่อยครั้ง พ่อค้าเห็นแก่ผลกำไรมิใส่ใจการแยกจาก ใจข้าลังเลจึงมิเคยเปิดโปงเรื่องนี้ ยามนี้ไห่จิ้งอิงแสดงความจริงใจ ข้าจึงเป็นเถ้าแก่หมั้นหมายให้พวกเขา วันก่อนขอพระราชเสาวนีย์จากเสด็จแม่ให้คัดชื่อตวนเหนียงออกจากวังแล้ว กำหนดให้ปลายปีจัดงานสมรส ทว่าแม้งานในบ้านมีหัวหน้าต่งกับเสี่ยวลิ่วจื่อคอยดูแล ภายในจวนก็ยังต้องการข้าหลวงสตรี ฮองเฮาจึงจะคัดเลือกคนฝีมือดีจากตำหนักในมาเป็นข้าหลวงในจวน เรื่องนี้แม้มิใช่พระคุณมากมาย แต่ข้ามิทราบว่าท่านจะคิดเห็นเช่นไรจึงมิกล้าตกลง’
…
ข้าอ่านจดหมายจบก็ถอนหายใจแผ่วเบา ฉางเล่อคิดมากเกินไปแล้ว นางกังวลว่าฝ่าบาทจะส่งคนมาเฝ้าดูข้างตัวข้า ความจริงในจวนขององค์หญิงก็มีนางข้าหลวงรับใช้อย่างน้อยหลายร้อยอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางยังเป็นคนที่ฮองเฮาจัดเตรียมไว้ด้วยตนเองตั้งแต่ก่อนฉางเล่อเข้าเมืองหลวง หากอยากส่งสายลับมาสักคนย่อมทำได้โดยไม่มีผู้ใดรู้ไม่มีผู้ใดเห็นอย่างแท้จริง ไยต้องส่งคนมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้เล่า
อีกประการหนึ่ง นางข้าหลวงที่ฮองเฮาเลือกมาด้วยตนเองย่อมฉลาดเฉลียวมากฝีมือ คงช่วยให้ฉางเล่อประหยัดแรงขบคิดได้แน่นอน เก็บคนเช่นนี้ไว้สักคน สำหรับข้าแล้วมีแต่ข้อดี ต่อให้คนผู้นี้รับผิดชอบจับตาดูก็มิเห็นเป็นอันใด ข้าเองก็ไม่มีเรื่องใดต้องปิดบัง ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากเรื่องของซือหม่าซิวย่วน ฝ่าบาทกับฮองเฮาก็มองฉางเล่อเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถคนหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมต้องมีการส่งข่าวลับให้บ้าง มีคนเช่นนี้อยู่คนหนึ่งจะได้มีช่องทางส่งข่าวสารไว้ เป็นเรื่องดีเสียอีก
ข้ายกพู่กันเขียนจดหมายตอบกลับ ให้ฉางเล่อเป็นตัวแทนข้าจัดงานมงคลให้แก่ไห่จ้งอิงและโจวซั่งอี๋ อีกเรื่องหนึ่ง เจตนาดีของฮองเฮาต้องรับเอาไว้ ส่วนเรื่องชิ่งอ๋องข้ามิได้กล่าวถึง ข้าไม่ต้องการให้ฉางเล่อกลัดกลุ้มกับเรื่องใหญ่ของบ้านเมือง เรื่องเหล่านี้ย่อมมีฝ่าบาทคอยกังวล ส่วนข้าเองก็เดินทางไปตงชวนมิได้
ล้อเล่นอะไรกัน ชื่อเสียงของข้าแถวนั้นน่าจะเลวร้ายยิ่งนัก ข้ายังไม่ลืมเลือนเรื่องเจ้าแคว้นสู่นะ กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วเติบโตอยู่แถบตงชวนกับสู่จงได้ไม่เลว แต่ช่วงก่อนหน้านี้กลับไม่มีข่าวสารใดส่งมาเป็นพิเศษ ดูท่าข้าสมควรกระตุ้นเฉินเจิ่นเสียหน่อยแล้ว
เขียนจดหมายตอบฉางเล่อเสร็จแล้ว ข้าจึงหยิบจดหมายของโหรวหลันขึ้นมาต่อ หลังจากเปิดอ่าน เพิ่งอ่านได้ไม่กี่บรรทัดก็โกรธจนจมูกเกือบเบี้ยว สาวน้อยคนนี้ดันเล่าผ่านจดหมายอย่างลำพองว่านางฟ้องฮองเฮาแล้วว่าข้ามิยอมให้นางเขียนจดหมายหาองค์รัชทายาท ฮองเฮารับปากนางว่ารอข้ากลับเมืองหลวงจะสั่งสอนข้าให้ดีๆ
ยังดีเนื้อความต่อจากนั้นล้วนเป็นการโม้กับข้าว่าไท่ซั่งหวงพานางปลอมตัวออกไปเที่ยวเล่น ดูท่าไท่ซั่งหวงจะเอ็นดูโหรวหลันมิธรรมดาเลย นางบรรยายความสนุกสนานจนคนอ่านเหมือนได้เห็นเหตุการณ์นั่นเอง นอกจากเรื่องนั้น ก็เป็นเรื่องที่เด็กน้อยทั้งสามเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานเมื่อรัชทายาทกลับมาจากหอตำราทักษิณ หัวใจข้าเจ็บปวดเล็กน้อย สาวน้อยคนนี้อยู่ที่ไหนก็เป็นปลากระดี่ได้น้ำ มิหนำซ้ำเหมือนจะเกิดมาเพื่อข่มข้าโดยแท้ เที่ยวเล่นเสียเบิกบานใจเช่นนี้ แต่ดันไม่ลืมฟ้อง
ท้ายจดหมายกลับเขียนเล่าเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่ง โหรวหลันเล่าว่านางเดินเล่นไปถึงสวนเหมันต์ เพราะที่แห่งนั้นเคยเป็นที่พำนักเก่าของข้า จนถึงวันนี้ด้านในจึงยังคงเก็บรักษาเอกสารและตำราล้ำค่ามากมายเอาไว้ หลายปีที่ผ่านมามีคนดูแลรักษาโดยเฉพาะ วันหนึ่งหลี่หลินผู้เพิ่งไปร่ำเรียนได้สองสามวันมาหัวเราะเยาะนางที่เขียนบทกวีมิได้ โหรวหลันจึงโมโหคิดจะไปที่ห้องหนังสือของข้าลอกหนังสือหายากสักเล่มมาแกล้งหลี่หลิน
เพราะข้ายังมิได้กลับเมืองหลวง ดังนั้นคำสั่งห้ามเข้าสวนเหมันต์จึงยังมีผลอยู่ โหรวหลันจึงแอบเข้าไป ถึงอย่างไรองครักษ์ที่สวนเหมันต์ก็มิได้คุมเข้มเช่นก่อนหน้านี้ แต่โหรวหลันกลับพบว่ามีเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น มีเด็กผู้ชายตัวน้อยคนหนึ่งฉวยโอกาสที่ไม่มีผู้ใดเห็นแอบอ่านเอกสารและตำราที่ข้าสะสมไว้
เดิมทีโหรวหลันคิดจะจับตัวเด็กรับใช้ผู้นี้ส่งให้ฉางเล่อ แต่เมื่อสอบถามดูก็ทราบว่าเด็กชายผู้นี้มีนามว่าฮั่วฉง ข้าเป็นคนพาเข้ามาในจวนยงอ๋องเอง สองสามปีที่ผ่านมาเขาอยู่ดูแลหมู่มวลพฤกษาในสวนเหมันต์มาตลอด โหรวหลันครุ่นคิดแล้วก็คิดว่าหากเรื่องนี้ถูกผู้อื่นล่วงรู้ ฮั่วฉงคงถูกขับไล่เป็นแน่ แม้นางซุกซนแต่ใจอ่อนจึงมิอยากเปิดโปงความลับนี้ นางจึงบังคับให้ฮั่วฉงมาสอนหนังสือให้ โหรวหลันกล่าวว่าฮั่วฉงสอนเก่งกว่าข้าเสียอีก เพราะนางฟังแล้วเข้าใจ
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ ข้าก็จมดิ่งในห้วงความคิดอย่างช่วยไม่ได้ ในอดีตข้าเคยพบลูกน้องของตงไห่โหวกับชิ่งอ๋องระหว่างทาง และได้ช่วยเด็กกำพร้าผู้หนึ่งเอาไว้ เด็กน้อยคนนี้มีดวงตาดื้อรั้น แต่ยามนั้นข้าจดจ่ออยู่กับศึกชิงบัลลังก์จึงมิได้ใส่ใจเด็กคนนี้ จำได้ว่าต่อมาเด็กคนนี้มาเป็นบ่าวรับใช้ที่จวนยงอ๋อง เพราะเขาจัดการดอกไม้ต้นไม้ได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก มีครั้งหนึ่งข้าเห็นเข้าจึงออกปากให้เขาเข้ามาดูแลต้นไม้ในสวนเหมันต์ แต่ข้าก็ไม่เคยใส่ใจเด็กคนนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังอยู่ในสวนเหมันต์ แล้วฟังจากที่โหรวหลันเล่า ดูเหมือนจะเป็นเด็กน้อยที่รักเรียนชอบความก้าวหน้าผู้หนึ่ง
เมื่อนึกขึ้นมาว่าตัวข้าเจียงเจ๋อมีชื่อเสียงเป็นบัณฑิตอัจฉริยะ แต่ลูกศิษย์ทั้งหลายของข้ากลับมีแต่แม่ทัพ โหรวหลันยิ่งมิต้องพูดถึง หากนางสนใจอ่านหนังสือสักนิด ข้าจะไม่ยอมสอนนางหรือไร ส่วนเซิ่นเอ๋อร์น่ะหรือ แม้อายุยังน้อย แต่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนเด็กชอบเรียนหนังสือ ยามนี้ยังคารวะเป็นศิษย์ของปรมาจารย์ซือเจินอีก อนาคตกลายเป็นยอดฝีมือแห่งยุทธภพคงไม่มีปัญหา หากกล่าวถึงด้านตำราบทกวี ข้าไม่เหลือความคาดหวังอันใดแล้ว
เมื่อคิดมาคิดไป ข้าก็พบว่าความรู้ท่วมหัวของข้านี้กลับไม่มีผู้สืบทอดสักคน เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ข้าก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ข้าหยิบจดหมายที่เขียนถึงองค์หญิง แล้วให้นางเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือแก่ฮั่วฉงผู้นั้นไปก่อน ในใจหมายมาดว่าหากฮั่วฉงทำได้ไม่เลวจริงๆ ข้าก็จะรับศิษย์คนนี้ไว้ หากข้าไม่ถูกใจ สั่งสอนความรู้ให้แก่คนผู้หนึ่งก็มิใช่เรื่องไม่ดีอันใดใช่หรือไม่เล่า