ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 35 ชนะย่อมปรีดา (2)
ต้วนอู๋ตี๋ลังเลครู่หนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า “แม่นางซูจิตใจแน่วแน่ มิใช่คนเปลี่ยนความตั้งใจง่ายๆ ผู้น้อยคิดว่าโอกาสที่นางจะกลับมาสวามิภักดิ์แคว้นเรามีไม่มาก หากผู้น้อยมองไม่ผิด เมื่อวานนางห้ออาชาเข้าไปยังค่ายใหญ่ของกองทัพต้ายง น่าจะยังมิถูกปลดออกจากตำแหน่ง” เขาครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็มิอยากทำให้เสียการใหญ่เพราะการปิดบังของตนเอง ดังนั้นจึงบอกกล่าวตามตรงอย่างไม่ปิดบัง
หลงถิงเฟยมุ่นคิ้ว ผ่านไปครู่หนึ่งจึงยิ้มน้อยๆ ตอบว่า “ข้าไม่เชื่อว่าเจียงเจ๋อจะไม่ถือสาหาความเรื่องนี้ แม้คนผู้นี้ภายนอกอ่อนโยนสง่างาม แต่ใจกล้าเด็ดขาดเหนือกว่าคนทั่วไป ข้าได้ยินหลิงตวนเล่าว่าคนผู้นี้ใจเหี้ยมอำมหิต เคร่งครัดกับผู้ใต้บังคับบัญชา แม้แต่เงามารหลี่ซุ่นผู้นั้น หากสีหน้าหรือน้ำเสียงของเขาดุดันขึ้นมาก็เงียบดุจจักจั่นเหมันต์ คนผู้นี้มิมีทางปล่อยซูชิงไปง่ายๆ
หรือว่าจะเป็นความตั้งใจของฉีอ๋อง ฉีอ๋องหลี่เสี่ยนเคยตบแต่งสตรีจากสำนักเฟิงอี้เป็นพระชายา เขาอาจยังตัดความผูกพันเก่าก่อนไม่ขาด ยิ่งไปกว่านั้น ซูชิงก็กล่าวได้ว่าเป็นลูกน้องใต้บัญชาโดยตรงของเขา หลี่เสี่ยนเป็นผู้โอหังเหิมเกริม มิใส่ใจเรื่องเล็กน้อย แม้ต้องเสียผลประโยชน์มาหลายครั้งหลายหนก็ยังไม่แก้นิสัย หากเขาจะบังอาจทำตามอำเภอใจ เจียงเจ๋อก็ยากจะขัดขวางได้
แต่ข้ามิเชื่อว่าจักรพรรดิแห่งต้ายงหลี่จื้อคนนั้นจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ สำนักเฟิงอี้เกือบจะแย่งชิงราชบัลลังก์ของเขาและเอาชีวิตเขา แม้เขาใจกว้างเท่ามหาสมุทรก็ไม่แน่ว่าจะยอมรับซูชิงได้ เรื่องนี้หากปล่อยทิ้งไว้ย่อมเป็นภัยในภายภาคหน้า ข้าจะส่งคนไปสืบสักหน่อย หากเจียงเจ๋อแตกคอกับฉีอ๋องเพราะเรื่องนี้จริง ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะยุยงส่งเสริม จากนั้นค่อยกระจายข่าวเรื่องนี้ให้ไปถึงราชสำนักต้ายง นี่เป็นข้ออ้างอันยอดเยี่ยมที่สุดในการเล่นงานผู้อื่น ต้องมีคนไม่ยอมพลาดโอกาสเช่นนี้แน่ ถึงเวลานั้นหลี่เสี่ยนยังจะมีอันใดรออยู่นอกจากความตาย
แต่เรื่องนี้มิใช่เรื่องด่วน ยามนี้การต่อสู้กับศัตรูเป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากทำให้หลี่เสี่ยนทิ้งร่างไว้ที่ชิ่นโจวได้ แผนการเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ ถึงอย่างไรฉีอ๋องก็เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยาก ตายในสนามรบจึงจะสมชื่อวีรบุรุษ”
แม้ต้วนอู๋ตี๋จะตั้งใจฟัง แต่มิได้โต้ตอบคำพูดนี้ของหลงถิงเฟยเท่าใดนัก เขามิเชี่ยวชาญการใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายเหล่านั้น เขาเป็นแม่ทัพ มิใช่นักวางกลอุบาย หากมิใช่เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซูชิง เขาก็คงมิสนใจตั้งใจฟังสักนิด
หลงถิงเฟยมองความคิดของเขาออก จึงลอบหัวเราะขื่นขมในใจอย่างห้ามมิได้ จากนั้นจึงกวาดสายตาไปด้านหลัง ความรู้สึกว่างเปล่าทำให้หัวใจเขาเจ็บปวด วันเวลาเพิ่งผ่านไปมิเท่าใด แต่ปีกของเขากลับนับวันยิ่งโรยรา หวนนึกถึงอดีตยามถานจี้ ซูติ้งหลวนกับสืออิงยังมีชีวิตอยู่ มิว่าอยู่แห่งหนใดเขาล้วนไร้กังวล
แม้ถานจี้มิชอบสนทนา แต่ตนล้วนขบคิดแผนการร้ายกาจมากมายออกมาด้วยกันกับเขา ยิ่งไปกว่านั้น แม้คนผู้นี้จะมิชอบสุงสิงกับผู้ใด ทั้งยังกระหายเลือดและโหดร้าย แต่เมื่อมีเขาอยู่ด้านหลังตน หลงถิงเฟยกลับรู้สึกว่าจิตใจสงบยิ่งนัก
ความตายของซูติ้งหลวนทำให้เขาโศกเศร้าเป็นที่สุด ดาบคมกริบที่ทำลายได้ทุกปราการเล่มนี้กลับต้องจบชีวิตในฉางอันเพราะเข้าร่วมแผนการลอบสังหารยงอ๋องตามอำเภอใจ แม้ทุกวันนี้สามพี่น้องตระกูลลู่จะมาแทนที่ซูติ้งหลวนแล้ว แต่ในใจหลงถิงเฟยก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ แม้พี่น้องตระกูลลู่จะกล้าหาญไม่แพ้ซูติ้งหลวน แต่กลับมีบารมีน้อยกว่าซูติ้งหลวน ซูติ้งหลวนเพียงคนเดียวก็ทำให้ทหารทั้งกองทัพตั้งแต่บนจรดล่างยอมพลีชีพมิไยดีความตายได้ กำลังรบอันแข็งแกร่งแทบจะทำลายได้ทุกปราการ แต่สามพี่น้องตระกูลลู่เหมือนจะทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนั้นมิได้
แล้วก็สืออิง ในใจหลงถิงเฟยโปรดปรานคนผู้นี้ที่สุด สืออิงแทบจะเป็นแม่ทัพที่เขาผลักดันมาด้วยมือตนเอง เขาไว้เนื้อเชื่อใจอีกฝ่ายยิ่งกว่าสามคนที่เหลือ ทว่าภายในชั่วข้ามคืน สืออิงกลับกลายเป็นกบฎที่ทรยศต่อแผ่นดินไปเข้ากับศัตรู แม้กระทั่งตอนนี้ หลงถิงเฟยก็ยังรู้สึกเหมือนมิใช่ความจริง ยามนั้นเขาออกคำสั่งให้ขังสืออิง แต่มิได้สั่งประหารทันที เพราะในใจยังมีความหวังเลือนรางว่าจะแก้ไขเรื่องราวได้ ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นดังหวัง สืออิงกลับปลิดชีพตนเอง
ในตอนแรกหลงถิงเฟยรู้สึกโล่งอก เพราะไม่ว่าอย่างไรหากให้เขาลงดาบสังหารคนสนิทที่โปรดปรานมาตลอดผู้นี้ด้วยมือตนเอง เขาก็ตัดใจมิลงอยู่บ้าง แต่เมื่อตัวตนของซูชิงเปิดเผย ในใจของหลงถิงเฟยก็มิทราบเป็นอย่างไร เขาสงสัยอยู่บ้างว่าตนเองเข้าใจสืออิงผิดหรือไม่ แต่หลักฐานแน่นหนา ทั้งเรื่องที่สืออิงกระทำก็ทำให้เขาปวดเศียรยิ่งนักจริงๆ ดังนั้นเขาจึงกลบฝังความรู้สึกนี้ลึกลงไปข้างในหัวใจ
หลงถิงเฟยนึกถึงยอดแม่ทัพข้างกายที่ทยอยวายชีวาตามต่อกัน เพลิงโทสะแล่นเข้าสู่หัวใจอย่างหักห้ามมิได้ สายตากวาดมองใต้กำแพงเมือง ขณะที่มองดูภาพความย่อบยับนั้น เขาก็คิดวิธีระบายความชิงชังในหัวใจออก
เขาเอ่ยอย่างเหี้ยมเกรียม “ตอนนี้กองทัพต้ายงมิมีสถานที่ให้ตั้งทัพ พวกเขาคงหลบหนีกระจัดกระจายกันอยู่ ในเมื่ออู๋ตี๋บอกว่าเจียงเจ๋อหนีออกไปคนแรกสุด เขาย่อมต้องแยกกับกองทัพใหญ่ของต้ายงชั่วคราว ข้าจะออกคำสั่งให้เซียวถงส่งสายลับออกค้นหาหมู่บ้านชนบทที่อยู่บริเวณโดยรอบ หากพบร่องรอยของเจียงเจ๋อจักต้องคิดหาวิธีสังหารเขาให้จงได้ คุณชายใหญ่ต้วนก็เตรียมจะลงมือด้วยตนเองอยู่ หากสังหารเจียงเจ๋อสำเร็จ ขวัญกำลังใจของกองทัพต้ายงต้องเสียหายอย่างใหญ่หลวงเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ฉีอ๋องย่อมไม่มีหนทางอธิบายต่อจักรพรรดิต้ายงหลี่จื้อเช่นกัน เรื่องของซูชิงถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องเล็ก หากเจียงเจ๋อโชคดีรอดชีวิตมาได้ค่อยใช้ประโยชน์ก็ยังมิสาย แต่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือสังหารเจียงเจ๋อให้สำเร็จไปเสียก่อน”
ต้วนอู๋ตี๋มิได้เห็นเรื่องนี้สำคัญนัก สำหรับเขาแล้ว แม้การลอบสังหารหัวหน้าของศัตรูจะทำให้ขวัญกำลังใจของทัพศัตรูคลอนแคลนได้ แต่หากมิอาจเข่นฆ่าทำศัตรูบาดเจ็บให้ได้จำนวนมากที่สุด ถ้าเช่นนั้นก็ไม่นับว่าเป็นชัยชนะ ยิ่งไปกว่านั้น ข้างกายเจียงเจ๋อก็มีองครักษ์คนสนิทคุ้มกัน การลอบสังหารไม่แน่ว่าจะสำเร็จ แต่เขาย่อมมิขัดความกระตือรือร้นของหลงถิงเฟย จึงเบี่ยงประเด็นกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ แม้กองทัพต้ายงจะพ่ายแพ้ แต่ทหารม้าที่เป็นกำลังหลักยังอยู่ หลังจากน้ำลดพวกเขาต้องบุกมาอีกแน่ ฉีอ๋องหลี่เสี่ยนเป็นคนบ้าระห่ำ เกรงว่าคงไม่ถอยทัพง่ายๆ มิทราบว่าก้าวต่อไปท่านแม่ทัพเตรียมจะทำศึกเช่นไร”
หลงถิงเฟยกระตือรือร้นขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “ข้ากำลังจะหารือกับท่านอยู่พอดี แม้กองทัพต้ายงจะพ่ายศึก แต่มิได้เสียหายถึงเส้นเอ็นกระดูก หากท่านกับข้าวางกำลังป้องกันที่อานเจ๋อกับชิ่นหยวนให้แน่นหนาเอาไว้ ต่อให้กองทัพต้ายงยอมเสียหายสาหัสเพื่อตีแนวป้องนี้ให้แตก ทว่าต้ายงอยู่ไกลนับพันลี้ กำลังพลยังมีนับล้าน จะยกกำลังทหารนับหมื่นนับแสนมาเสริมเป็นเรื่องง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ แต่กองทัพเรากลับยากที่จะรบต่อเนื่อง
ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเราสองแคว้นต่างเสียหาย อาจปล่อยให้คนนอกมาฉกฉวยผลประโยชน์ได้ แม้ท่านกับข้าต่างหวังให้ต้ายงเผชิญศัตรูรอบด้าน แต่จังหวะเวลาในเรื่องนี้สำคัญยิ่งนัก อีกอย่างอานเจ๋อก็ยับเยินมากแล้ว หากจะป้องกันอานเจ๋อก็ออกจะยากลำบากไปสักหน่อย ข้าจึงตั้งใจว่าหลายวันนี้จะลองยั่วยุให้มาก ให้ฉีอ๋องรีบร้อนบุกโจมตี ส่วนพวกเราถอยไปที่ชิ่นหยวน
ถึงเวลานั้น เมื่อกองทัพต้ายงคิดบุกโจมตีก็จำต้องเดินทางผ่านเส้นทางที่ตอนนี้เป็นดินโคลนหลายสิบลี้กับเส้นทางบนภูเขาเกือบสี่สิบลี้ ตอนนี้กองเรือของพวกเขาเสียหายยับเยิน การขนส่งเสบียงกับยุทโธปกรณ์ลำบากยิ่งนัก ส่วนพวกเราตั้งมั่นปกป้องชิ่นหยวน ไม่เพียงแผ่นหลังมีกำแพงเมืองอันแข็งแกร่ง การจะเติมเสบียงก็สะดวกอย่างยิ่ง
ฝั่งนั้นเสียเปรียบเพิ่ม ขณะที่ฝั่งเราได้เปรียบเพิ่ม กองทัพเราชัยภูมิดี กำลังคนสามัคคีย่อมนั่งรอให้ศัตรูเหน็ดเหนื่อย ค่อยๆ ทำศึกได้ แม้จะคว้าชัยชนะมิได้ แต่ก็ถ่วงเวลากองทัพต้ายงได้ ต้ายงมีภัยในภัยนอกกล้ำกราย ขอเพียงถ่วงเวลาให้ได้สักช่วงระยะหนึ่ง กองทัพต้ายงย่อมจนตรอก พวกเราก็จะลดทอนกำลังของต้ายงได้อย่างสบายๆ จะมีสิ่งใดดีกว่านี้เล่า”
ต้วนอู๋ตี๋พยักหน้า กล่าวว่า “แผนการนี้ของแม่ทัพใหญ่น่าจะใช้ได้ หากไปรบตัดสินแพ้ชนะที่ชิ่นหยวน ประการที่หนึ่งทำให้เส้นทางเติมเสบียงของกองทัพศัตรูไกลขึ้น กองทัพศัตรูจึงมิอาจรบเป็นเวลานาน ประการที่สองชิ่นหยวนกำแพงเมืองสูงคูน้ำลึก ทั้งยังมีเมืองชิ่นโจวเป็นโล่ด้านหลัง กองทัพเราเรียกได้ว่าตั้งอยู่ในจุดที่ไม่พ่ายแพ้ ผู้น้อยขอคำสั่งให้อพยพทหารและประชาชนอานเจ๋อไปชิ่นหยวนทันที ระหว่างทั้งสองเมืองเป็นเส้นทางภูเขาเดินทางลำบาก สองฝั่งของชิ่นสุ่ยก็กลายเป็นดินแดนแห่งผืนน้ำไปแล้ว หากมิถอยให้เร็วจนถูกกองทัพต้ายงมาถ่วงรั้ง พวกเราจะเสียหายมากเกินไป”
หลงถิงเฟยพยักหน้า กล่าวว่า “อู๋ตี๋พูดถูกต้องที่สุด แต่สายลับของกองทัพเรายังต้องอยู่ต่ออีกสักช่วงเวลาหนึ่ง หวังว่าจะฉวยโอกาสสังหารแม่ทัพที่พลัดหลงจากกองทัพต้ายงให้ได้สักจำนวนหนึ่ง คุณชายใหญ่ต้วนก็จะอยู่ต่อ น่าเสียดายคุณชายสี่ชิวถูกรั้งไว้ในตงไห่ มิเช่นนั้นหากพวกเขาร่วมมือกัน ขอเพียงหาร่องรอยของเจียงเจ๋อผู้นั้นพบจะต้องทำสำเร็จโดยง่ายเป็นแน่”
ต้วนอู๋ตี๋ขมวดคิ้วจนเป็นปม กล่าวขึ้นว่า “ผู้น้อยไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าใดนัก คุณชายสี่เดินทางไปตงไห่เพราะหวังว่าจะให้ตงไห่รักษาความเป็นกลาง แต่ตงไห่กลับร้องขอให้คุณชายสี่อยู่ที่ตงไห่จึงจะคงความเป็นกลางไว้ เรื่องนี้ออกจะประหลาดพิกล ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังช่วยเหลือส่งเสบียงกับยุทโธปกรณ์ชุดหนึ่งมาให้แก่กองทัพเราอีก ตงไห่จะสวามิภักดิ์ต่อต้ายงเมื่อใดขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
อีกทั้งเจียงเจ๋อผู้ตรวจการกองทัพของต้ายงก็อยู่ที่ตงไห่มานานหลายปี ท่านโหวน้อยแห่งตงไห่ก็เป็นลูกศิษย์ของเขา ผู้น้อยรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางสิ่งผิดปกติ ตอนนี้เสบียงส่งมาถึงมือแล้ว มิสู้ส่งข่าวไปแจ้งคุณชายสี่ ให้คุณชายสี่รีบผละตัวกลับมาในเร็ววันเป็นเช่นไร”
หลงถิงเฟยหัวเราะฝืดเฝื่อนพลางส่ายศีรษะ “ศิษย์ของท่านราชครูอย่างไรก็เป็นคนในยุทธภพ ถือสัจจะเป็นที่หนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณชายสี่เป็นผู้รักษาวาจาสัตย์ยิ่งนัก ต่อให้ท่านราชครูให้เขากลับมาก่อนเวลา เขาก็คงปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายสี่เป็นผู้มีนิสัยหยิ่งทะนง มิคุ้นชินกับชีวิตในกองทัพ ต่อให้อยู่ที่นี่ก็ไม่แน่ว่าจะใช้ประโยชน์ได้ แล้วอีกอย่าง หนนี้คุณชายใหญ่ทุ่มสุดกำลังช่วยเหลือพวกเราแล้ว คุณชายสี่จะอยู่มิอยู่ก็ไม่สำคัญอันใดอีก
กลับกัน หากเขาออกจากตงไห่ตามอำเภอใจ น่ากลัวว่าตงไห่จะโกรธจนตัดสัมพันธ์กับแคว้นเรา ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น เพียงพวกเขาส่งกองเรือสักกองหนึ่งมาช่วยกองทัพต้ายง พวกเราก็ต้านรับไม่ไหวแล้ว ถึงอย่างไรท่านก็รู้ดี ผ่านไปอีกเพียงไม่กี่วัน ระดับน้ำของแม่น้ำชิ่นสุ่ยก็จะกลับคืนเป็นปกติ ถึงยามนั้นหากกองทัพต้ายงมีกองเรือมาขนส่งเสบียง สิ่งที่พวกเราวางแผนกันไว้ย่อมไม่สมประสงค์”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังปรึกษาการศึกกันอยู่ ทันใดนั้นใต้กำแพงเมืองก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น ทั้งสองคนต่างขมวดคิ้วพร้อมกัน ต้วนอู่ตี๋ตวาดถาม “ผู้ใดส่งเสียงเอะอะอยู่ข้างล่าง”