ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 5 แม้นมีปากยากแก้ตัว (1)
สืออิงเป็นคนโปรดของแม่ทัพใหญ่ นำทัพจู่โจมเร็วจากพันลี้ ผลงานการทำศึกโดดเด่น รัชศกหรงเซิ่งปีที่ยี่สิบสี่ สืออิงมีความแค้นส่วนตัวจึงฟ้องต้วนอู๋ตี๋ว่าใช้หน้าที่ในทางมิชอบ สมคบกับพ่อค้าแคว้นศัตรู ทว่าการกระทำของต้วนอู๋ตี๋ในเวลานั้น แม่ทัพใหญ่อนุญาตอยู่กลายๆ สืออิงจึงกลายเป็นฝ่ายล่วงเกิน
…พงศาวดารเป่ยฮั่ั่น บันทึกสืออิง
ภายในจวนแม่ทัพใหญ่ หลงถิงเฟยยืนมือไพล่หลังอยู่ในห้องโถง เพลิงโทสะลุกโหมในหัวใจ ช่วงนี้ขณะที่เขาฝึกปรือพลทหาร จัดแจงชุดเกราะของทหารก็ไม่ลืมสอดส่องแม่ทัพทั้งหลายใต้บังคับบัญชา ในใจเขาต้วนอู๋ตี๋กับสืออิงน่าสงสัยที่สุด สองคนนี้ล้วนเป็นแม่ทัพคนสนิทของเขา สืออิงเชี่ยวชาญการรบพุ่ง ไม่ถนัดการเล่นเล่ห์กล ส่วนต้วนอู๋ตี๋ชำนาญการป้องกัน แม้เป็นกองหลังที่เชื่อถือได้มากที่สุดของกองทัพเป่ยฮั่น แต่ก็มีโอกาสสร้างความดีความชอบสังหารแม่ศัตรูน้อยกว่าอยู่บ้างอย่างเลี่ยงมิได้ เมื่อเป็นเช่นนี้รางวัลและตำแหน่งขั้นที่ต้วนอู๋ตี๋ได้รับย่อมด้อยกว่าอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น ต้วนอู๋ตี๋มีนิสัยสุขุมรอบคอบ หลงถิงเฟยเดิมทีสงสัยเขาอยู่เล็กน้อย แต่เซียวถงจับตามองแม่ทัพแต่ละนายแล้วกลับมิพบหลักฐานอันใดที่พิสูจน์ได้ว่าทั้งสองคนสมคบกับต้ายงเลย
นับตั้งแต่เขากลับมาถึงชิ่นโจว ต้วนอู๋ตี๋ก็ยุ่งอยู่กับการจัดแนวป้องกันตามสถานที่ต่างๆ หลงถิงเฟยเฝ้าจับตาการกระทำทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วน แนวป้องกันที่ต้วนอู๋ตี๋วางไว้แข็งแกร่งดั่งปราการเหล็ก ไม่มีช่องโหว่อย่างแน่นอน สืออิงแต่เดิมนอกจากการทำศึกล้วนคร้านจะสนใจทุกสิ่ง นอกจากช่วงนี้ลุ่มหลงหญิงขับร้องชื่อดังคนหนึ่งก็ไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษ
เซียวถงตรวจสอบหญิงขับร้องนางนั้นอย่างละเอียดแล้ว นางเป็นบุตรีของซูเอ้อบัณฑิตคนดังแห่งจิ้นหยาง ตระกูลซูแต่เดิมเป็นขุนนางผู้ภักดีสมัยตงจิ้น มิยอมเปลี่ยนมารับใช้เป่ยฮั่น เมื่อสมัยเจ้าแคว้นองค์ก่อนครองบัลลังก์เขากล่าววาจาเสียดสีอยู่หลายครั้ง สุดท้ายเจ้าแคว้นพิโรธจึงกวาดล้างตระกูลซูเป็นการลงโทษ ซูเอ้อตายในคุก นั่นเป็นเรื่องเมื่อรัชศกหรงเซิ่งปีที่สิบ ชิงไต้เป็นบุตรีสุดรักเพียงคนเดียวของซูเอ้อ หลังจากบิดาสิ้น ทรัพย์สมบัติของตระกูลถูกยึดจนไม่เหลือ สตรีผู้นี้ไร้ที่พึ่งต้องระหกระเหินเร่ร่อน แม้เป็นเช่นนี้ แต่สตรีนางนี้นิสัยหยิ่งทะนง ยึดถือศักดิ์ศรีและความบริสุทธิ์ ผู้คนจึงค่อนข้างนับถือ
กล่าวได้ว่าสตรีนางนี้เคียดแค้นราชสำนักเป่ยฮั่น สิ่งนี้ดูจากการกระทำยามปกติของนางก็มองออก นางแทบไม่ไว้หน้าชนชั้นสูงตระกูลใหญ่ของเป่ยฮั่น ทั้งยังมิคบค้าสมาคมด้วย โชคยังดีมีคนไม่น้อยนับถือการวางตัวของสตรีนางนี้ มิเช่นนั้นนางคงมิอาจขายศิลป์อย่างสงบสุขได้
สืออิงชมชอบสตรีนางนี้ แม้จะไม่เหมาะสมอยู่บ้าง แต่ดูจากพฤติกรรมเช่นนี้ของนางย่อมทราบว่านางไม่มีทางฝักใฝ่เข้ากับต้ายง มิเช่นนั้นนางคงไม่มีทางทิ้งโอกาสเข้าใกล้ชนชั้นสูงเพื่อหาข่าวสาร ด้วยเหตุนี้หลงถิงเฟยจึงมิเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างสืออิงกับชิงไต้ ยิ่งไปกว่านั้น จากที่หลงถิงเฟยมอง สืออิงก็ไม่แน่ว่าจะทำให้สตรีนางนี้หวั่นไหวสำเร็จ
แม่ทัพผู้ต้องสงสัยมากที่สุดสองคนไม่มีวี่แววของการคิดคด หลงถิงเฟยจึงเริ่มสงสัยว่าตนติดกับแผนยุแยงให้แตกแยกของศัตรูหรือไม่ ผู้ใดจะคิดว่าจู่ๆ ก็เกิดเรื่องขึ้นมา อยู่ๆ สืออิงก็กล่าวหาว่าต้วนอู๋ตี๋สมคบกับพ่อค้าลักลอบขนของเถื่อน เรื่องนี้ทำให้หลงถิงเฟยค่อนข้างลำบาก
กล่าวจากใจจริง แม้ต้วนอู๋ตี๋จะขนของเถื่อนอย่างลับๆ แต่หากหลงถิงเฟยมิทราบแต่อย่างใดก็ออกจะไร้ความสามารถเกินไปแล้ว ทว่าสิ่งที่ต้วนอู๋ตี๋ทำเป็นเรื่องที่หลงถิงเฟยมิสะดวกทำพอดี ยิ่งไปกว่านั้น เงินทั้งหมดที่ได้มา ต้วนอู๋ตี๋ก็นำไปเสริมเบี้ยหวัดของทหาร ดังนั้นหลงถิงเฟยจึงมิเพียงไม่กล่าวโทษ ตรงกันข้าม กลับจัดแจงให้ทหารฝ่ายยุทโธปกรณ์ร่วมมือกับต้วนอู๋ตี๋ จนทำให้เงินเหล่านั้นกลายเป็นเสบียงกับเงินบำรุงขวัญได้อย่างเงียบเชียบ
เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ หลงถิงเฟยมิอาจยอมรับออกมาอย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นหากเรื่องแม่ทัพใหญ่ผู้ปกปักษ์ดินแดนทำผิดกฎเป็นที่รู้ทั่วกัน ต่อให้เจ้าแคว้นเข้าใจและให้อภัยเรื่องนี้ ขุนนางฝ่ายตรวจสอบเหล่านั้นก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ
แม่ทัพมากมายใต้บัญชาของหลงถิงเฟยส่วนใหญ่ล้วนทราบเรื่องอยู่บ้าง เว้นก็แต่สืออิงผู้เดียว ประการแรกเขามีนิสัยตรงไปตรงมา ทุกคนกังวลว่าหากเขาไม่ระวังจะแพร่งพรายออกไป ประการที่สองสืออิงไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นเรื่องที่คนมากมายรับรู้ แต่ดันมีสืออิงเพียงคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ด้วยเหตุนี้การที่จู่ๆ สืออิงใช้เรื่องนี้มาสร้างปัญหาเล่นงานต้วนอู๋ตี๋จึงทำให้หลงถิงเฟยตอบสนองไม่ทันไปชั่วขณะ เขาได้แต่ออกคำสั่งให้คุมตัวต้วนอู๋ตี๋มาอย่างไร้ทางเลือก
แน่นอนว่าหลงถิงเฟยก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่เล็กน้อย หากเรื่องไส้ศึกยังไม่กระจ่าง เขาก็ไม่ถือสาหากจะกดอำนาจต้วนอู๋ตี๋ไว้สักหน่อย ถึงอย่างไรหากต้วนอู๋ตี๋กบฏ ถ้าเช่นนั้นกองทัพเป่ยฮั่นย่อมเสียหายหนักนัก แม้เป็นเช่นนี้หลงถิงเฟยก็ยังโกรธเกรี้ยว เหตุเพราะว่าเมื่อเรื่องต้วนอู๋ตี๋แดงออกมาแล้ว ย่อมยากยิ่งนักที่จะล้างความผิดให้เขา
เมื่อเป็นเช่นนี้ มิว่าต้วนอู๋ตี๋ทรยศหรือไม่ หลงถิงเฟยก็เผชิญกับสถานการณ์ลำบากที่ต้องเสียยอดแม่ทัพไปหนึ่งคน ด้วยเหตุนี้เขาจึงโกรธสืออิงยิ่งนัก อดนึกเสียใจมิได้ที่ก่อนหน้านี้โปรดปรานสืออิงมากเกินไป ให้ท้ายจนเขาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
เซียวถงเดินเข้ามา เขามองเงาแผ่นหลังเหยียดตรงของหลงถิงเฟยแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงก้าวเข้าไปเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพ อวี้เฟยกลับมาแล้ว เขาต้องการพบท่านทันที”
ร่างกายหลงถิงเฟยสั่นไหววูบหนึ่ง ช่วงนี้ต้ายงป้องกันเข้มงวด ยากจะส่งข่าวสารออกมาได้ เขายังมิทราบผลลัพธ์การลอบสังหารของชิวอวี้เฟย แต่เขาฟังจากน้ำเสียงของเซียวถงออกว่าการลอบสังหารไม่ประสบความสำเร็จ จึงถอนหายใจกล่าวว่า “ช่างเถิด การลอบสังหารผู้ตรวจการกองทัพคนหนึ่ง เดิมก็เป็นเรื่องยาก อวี้เฟยปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว ให้เขาเข้ามาเถิด เขามีเรื่องด่วนอันใดต้องการพบข้าหรือ”
เซียวถงตอบว่า “ให้เขารายงานท่านแม่ทัพเองเถิด เรื่องนี้เกี่ยวพันกับแม่ทัพคนสำคัญในกองทัพเรา อวี้เฟยมิเคยขัดแย้งอันใดกับเหล่าแม่ทัพ คำพูดของเขาน่าจะค่อนข้างเป็นกลาง”
หลงถิงเฟยตกตะลึง สั่งว่า “รีบให้เขาเข้ามา“ ในใจเขาเต็มไปด้วยลางสังหรณ์ร้าย
ชิวอวี้เฟยพาหลิงตวนเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ หลิงตวนเห็นหลงถิงเฟย สีหน้าก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันใด เขามองหลงถิงเฟยด้วยสายตาตื่นเต้นและเลื่อมใส ในหัวใจของทหารกองทัพเป่ยฮั่น หลงถิงเฟยคือเทพผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง เขาคุกเข่าลงไปคำนับอย่างนอบน้อม “ผู้น้อยหลิงตวนคารวะแม่ทัพใหญ่”
แววตาฉงนแล่นผ่านดวงตาของหลงถิงเฟย เขาถามขึ้นว่า “เจ้าคือผู้ใด”
หลิงตวนทราบว่าหลงถิงเฟยมิรู้จักตน ถึงอย่างไรยามตนปรากฏตัวต่อหน้าหลงถิงเฟยล้วนใส่หน้ากากอยู่เสมอ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็นึกถึงถานจี้ขึ้นมาอย่างห้ามมิได้ อดกลั้นไม่ไหวน้ำตาไหลนองหน้า “ผู้น้อยคือองครักษ์กุ่ยฉีใต้บัญชาแม่ทัพถาน”
หลงถิงเฟยมองหลิงตวนอย่างตกตะลึงอยู่พักใหญ่ ก่อนจะก้าวเข้าไปประคองเขาให้ลุกขึ้น “คิดไม่ถึงว่าแม่ทัพถานยังมีองครักษ์ที่รอดชีวิตอยู่ หลิงตวน เจ้านามว่าหลิงตวน เฮ้อ ข้าส่งคนนำเถ้ากระดูกของแม่ทัพของเจ้ากลับไปฝังยังบ้านเกิดแล้ว ราชสำนักก็ประทานป้ายเกียรติคุณพร้อมอวยยศให้เขา น่าเสียดายที่เขามิอาจยกทัพสังหารศัตรูได้อีกแล้ว” กล่าวถึงท่อนท้าย น้ำเสียงของหลงถิงเฟยก็แฝงความโศกเศร้า แต่เขาสงบจิตใจได้รวดเร็วยิ่งนัก แล้วถามต่อว่า “เจ้าหนีกลับมาได้อย่างไร”
หลิงตวนมองชิวอวี้เฟย ชิวอวี้เฟยจึงเอ่ยเสียงราบเรียบ “เจ้ารายงานเรื่องทุกอย่างกับท่านแม่ทัพเถิด”
หลิงตวนพยักหน้าแล้วเล่าสิ่งที่ตนได้เห็นและได้ยินออกมาทุกอย่าง หลังจากนั้นชิวอวี้เฟยจึงเสริมเหตุการณ์วันที่ตนลอบสังหารต่อ หลงถิงเฟยฟังพลางขมวดคิ้วจนเป็นปม แต่เดิมในใจเขาก็สงสัยอยู่บ้างแล้ว แม้สิ่งที่ชิวอวี้เฟยกับหลิงตวนเล่าจะแทบไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่เมื่อเขากับเซียวถงฟังจบ ความจริงที่ปรากฏหลังจากเงื่อนปมถูกแกะออกไปทีละชั้นกลับทำให้ทั้งสองคนตะลึงงัน ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับต้วนอู๋ตี๋ หลงถิงเฟยก็เชื่อใจสืออิงผู้ที่ตนเองปั้นมากับมือมากกว่า ส่วนเซียวถงก็ค่อนข้างสงสัยต้วนอู๋ตี๋ผู้เฉลียวฉลาดรอบคอบมากกว่าเช่นเดียวกัน
พวกเขาย่อมไม่สงสัยชิวอวี้เฟยแม้แต่น้อย กับหลิงตวนก็มิมีสิ่งใดให้ตั้งข้อสงสัย หลงถิงเฟยมองเซียวถง เซียวถงเข้าใจความนัยจึงกระแอมครั้งหนึ่งแล้วกล่าวว่า “หลิงตวน เจ้าคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้พิสูจน์สิ่งใดได้หรือ”
หลิงตวนเอ่ยอย่างสับสน “ผู้น้อยก็มิเข้าใจนัก แม้แม่ทัพสือไม่ถูกกับแม่ทัพของพวกเรามาตลอด มักจะค่อนแคะสร้างความลำบากให้ท่านแม่ทัพ แต่หากจะบอกว่าแม่ทัพสือมีใจคิดทรยศ ผู้น้อยก็มิกล้าเชื่อจริงๆ แต่หากมิใช่เช่นนั้น เหตุใดพวกหลี่หู่จึงถูกตัดศีรษะจนหมดสิ้น เทียบกับพวกเขาแล้ว ผู้น้อยติดตามแม่ทัพถานเข่นฆ่าผู้คนในเจ๋อโจวเป็นผักปลา หากจะชดใช้ให้ประชาชนเจ๋อโจวก็สมควรสังหารผู้น้อยด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นแม้เจียงโหวมิใช่แม่ทัพคนสำคัญ แต่ผู้น้อยเห็นแม่ทัพทั้งหลายในกองทัพต่างเคารพเจียงโหวยิ่งนัก เขากล่าวว่าต้องการเก็บพวกเราสองคนไว้ข้างกายก็มิมีผู้ใดกล้าคัดค้าน แม้แต่ฉีอ๋องหลังทราบเรื่องก็เพียงเตือนพวกเราสองสามประโยคว่าให้พวกเราอย่าเนรคุณ ทว่าอยู่มาวันหนึ่งหลี่หู่ก็ถูกลากออกไปสังหาร เจียงโหวเองก็มิขัดขวาง
ข้าคิดว่าหากมิใช่ว่าข้ามิรู้สิ่งใดทั้งสิ้น เกรงว่าวันนั้นข้าก็คงถูกสังหารด้วยแล้ว เจียงโหวจิตใจกว้างขวางนัก แม้แต่หลี่หู่ที่เกือบสังหารเขาเสียแล้วยังมิคิดถือโทษ หากมิเกี่ยวพันกับเรื่องใหญ่หลวง ผู้น้อยก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาทำเช่นนี้ด้วยเหตุใด”