ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 58 จักจั่นลอกคราบ (2)
หินหนึ่งก้อนก่อคลื่นพันระลอก ข่าวสารมิมีขาก็เดินออกไปได้ เพียงไม่กี่วันข่าวก็แพร่กระจาย เจียงเจ๋อเดินทางมาจยาซินเพื่อเซ่นไหว้ดวงวิญญาณ แม้เรื่องนี้เป็นความลับ แต่มิใช่สายน้ำที่ไหลหายไปแล้วไร้ร่องรอย ภายหลังคนที่มีเบาะแสตามสืบเสาะย่อมค้นพบเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสายลับหนานฉู่ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับอีก พวกเขาล้วนล่วงรู้ร่องรอยการเดินทางไปมาของเจียงเจ๋ออยู่แล้ว เพียงแต่มิกล้าปรากฏตัวออกมาดักขวางทางลอบสังหารก็เท่านั้น ถึงอย่างไรกองทัพต้ายงก็มีขุมกำลังยิ่งใหญ่ องครักษ์ข้างกายเจียงเจ๋อก็ร้ายกาจอย่างยิ่ง
แม้หนานฉู่ทั้งบนล่างจะก่นด่าต่อว่าเจียงเจ๋อเป็นเสียงเดียวกัน แต่ความจริงในใจกลับมีความเห็นแตกต่างกันนานาประการ มีคนที่มองเขาเป็นคนถ่อยขุนนางสองนายผู้มิภักดีต่อเจ้าแผ่นดิน แล้วก็มีบางคนลอบอิจฉาที่เขาได้รับลาภยศเช่นนั้น แต่สรุปแล้วก็คือคนที่รู้ว่าเจียงเจ๋อเก่งกาจมีอยู่ไม่มาก
ประการแรกเป็นเพราะชนชั้นสูงในหนานฉู่จงใจปิดบังความสามารถของเจียงเจ๋อ ประการที่สองเป็นเพราะว่าแม้เจียงเจ๋อจะมีบรรดาศักดิ์โหว แต่คนมากกว่าครึ่งล้วนคิดว่าจักรพรรดิต้ายงตอบแทนเขาเพราะความดีความชอบในการแย่งชิงราชบัลลังก์ บางคนก็คิดว่าเป็นเพราะองค์หญิงฉางเล่อ แม้บางคนจะสติปัญญาชาญฉลาด แต่เพราะได้รับข่าวสารมิมากพอ จึงมิอาจประเมินความสามารถของเจียงเจ๋อได้อย่างถูกต้อง
แต่สำหรับบุคคลที่เป็นแกนหลักของกองทัพหนานฉู่ พวกเขาล้วนมิดูแคลนเจียงเจ๋อ แม้แต่ซั่งเหวยจวินผู้ดึงดันจะใช้แผนการปิดหูตาประชาชนก็ไม่ดูแคลนเขา ยามนี้เจียงเจ๋อปรากฏตัวที่จยาซิง เห็นชัดว่าเขาคงเป็นที่ปรึกษาด้านกลศึกให้กับกองทัพตงไห่ เมื่อเป็นเช่นนี้การโจมตีหลักของกองทัพต้ายงก็คงเป็นทางอู๋เย่ว์อย่างแน่นอน มิเช่นนั้นเจียงเจ๋อจะมาอยู่ที่ติ้งไห่ได้เช่นไร แม้แต่ลู่ช่านก็ยังมิเชื่อว่าเจียงเจ๋อเดินทางมายังติ้งไห่เพื่อเซ่นไหว้มารดาผู้ล่วงลับ
แน่นอนว่าหลังจากข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไป อำนาจกลุ่มต่างๆ ในกองทัพหนานฉู่มิได้ปักใจเชื่อทันที แต่พวกเขาทุ่มกำลังรวบรวมข่าวสารที่เกี่ยวข้อง เจียงเจ๋อมีฐานะมิธรรมดา หากเขาปรากฏตัวที่ติ้งไห่ ย่อมแสดงถึงแผนการรบก้าวต่อไปของกองทัพต้ายง มิว่าผู้ใดก็คิดว่าการที่เจียงเจ๋อกลับเข้ามาร่วมทัพอีกหนเป็นพระประสงค์ของจักรพรรดิต้ายง หากมิใช่เพื่อศึกหนานฉู่ ยังจะมีสิ่งใดทำให้บัณฑิตลึกลับในสวนเหมันต์ผู้มีฐานะสูงส่งในต้ายงผู้นี้เดินทางมายังเจียงหนานได้อีก
ลู่ช่านสั่งให้คนค้นหาร่องรอย ตามหาเบาะแสในจยาซิงเป็นสิ่งแรก ในที่สุดก็แน่ใจแล้วว่าเจียงเจ๋อเคยปรากฏตัวที่จยาซิงจริง ยังมิต้องพูดถึงเรื่องที่คนตระกูลจิงแห่งจยาซิงทั้งหมดหายตัวไป คนในหมู่บ้านเองก็เคยเห็นทหารต้ายงที่สวมอาภรณ์สีดำจำนวนหนึ่งมาแล้วก็ไป ลูกจ้างกับผู้ดูแลของหอเยี่ยนอวี่ที่โชคดีรอดมาได้ก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหอเยี่ยนอวี่ให้ฟัง แม้มิทราบว่าที่ปรึกษาหนุ่มผู้นั้นคือผู้ใด แต่ฟังการกระทำของเขา ลู่ช่านก็คาดเดาฐานะของเขาได้เลือนราง
หลังรู้ข่าวว่าที่ปรึกษาหนุ่มคนนี้มีนามว่าฮั่วฉง ลู่ช่านก็ยิ่งกระจ่าง ฮั่วฉงอายุยังน้อย ต้ายงมีคนมากความสารถมากมาย หากมิใช่เพราะเจียงเจ๋อเดินทางมายังติ้งไห่ด้วยตนเองแล้วมีฮั่วฉงติดตามมาด้วย ก็คงมิมีโอกาสให้เด็กหนุ่มคนนี้แสดงความสามารถ
อีกด้านหนึ่ง ข่าวที่หนานฉู่ได้มาจากภายในแคว้นต้ายงก็ยืนยันว่าฉู่จวิ้นโหวเจียงเจ๋อหายตัวไปสักพักใหญ่แล้ว เรื่องที่จักรพรรดิต้ายงเสด็จไปเยือนสวนเหมันต์เชื้อเชิญด้วยตนเองก็ลือกันให้กระฉ่อน จนถึงขั้นมีข่าวยืนยันว่าเจียงเจ๋อเดินทางไปตงไห่จริงๆ เมื่อรวบรวมข่าวสารจากฝั่งต่างๆ แล้ว ในที่สุดลู่ช่านก็แน่ใจว่าเจียงเจ๋อติดตามกองเรือตงไห่มายังติ้งไห่จริง
รอจนกระทั่งซั่งเหวยจวินได้รับข่าวสารเหมือนกันก็ออกคำสั่งลับทันที มอบหมายให้ค่ายทหารหนิงไห่รับคำสั่งจากลู่ช่านชั่วคราว ให้ลู่ช่านทุ่มกำลังทั้งหมดกวาดล้างกองทัพต้ายงที่ยึดครองติ้งไห่อยู่ แน่นอนว่ายังมีเงื่อนไขอีกข้อ ซั่งเหวยจวินออกคำสั่งเด็ดขาดให้ลู่ช่านกำจัดภัยร้ายใหญ่หลวงที่มีนามว่าเจียงเจ๋อ แม้ยามปกติซั่งเหวยจวินจะตำหนิลู่ช่านทั้งในที่ลับและที่แจ้งว่ามีความผูกพันระหว่างศิษย์อาจารย์กับเจียงเจ๋อ แต่นั่นก็ทำเพื่อแย่งชิงอำนาจ ความจริงลึกๆ ในใจเขากลับมิคิดเช่นนี้
ตระกูลลู่สนับสนุนราชวงศ์ตระกูลจ้าวมาหลายรุ่น มิมีทางทรยศแว่นแคว้นเป็นอันขาด ซั่งเหวยจวินทราบฐานะในต้ายงของเจียงเจ๋อดี แม้ซั่งเหวยจวินมีเจตนาส่วนตัวในการแย่งชิงอำนาจ แต่ถึงอย่างไรเขาก็มิได้ไร้ความสามารถเสียทีเดียว เขาเข้าใจความเก่งกาจของเจียงเจ๋อดียิ่งนัก หากมิใช่เช่นนั้น ก่อนหน้านี้เขาก็คงมิยั้งมือให้ตระกูลจิงแห่งจยาซิง หากมิใช่ว่าวันนี้มิเหลือทางให้ไกล่เกลี่ยกันได้แล้วก็ไม่แน่ว่าเขาจะลงมือกับตระกูลจิง
ในเมื่อยามนี้เขาแน่ใจแล้วว่าทิศทางการบุกหลักของต้ายงคืออู๋เย่ว์ เขาย่อมมิอาจพะวงถึงอำนาจทหารของหนิงไห่ได้แล้ว แม้อนุญาตให้ลู่ช่านเคลื่อนกองเรือหนิงไห่ได้เท่านั้น มิได้มอบอำนาจทหารทั้งหมดให้ แต่สำหรับเขาแล้วก็นับเป็นการเสียสละครั้งใหญ่หลวงแล้ว ลู่ช่านทั้งมิอาจผิดต่อ ‘เจตนาดี’ ของซั่งเหวยจวิน และเขาเองก็มีความคิดเช่นเดียวกัน
เขาคิดว่าแผนการกวาดปล้นอู๋เย่ว์ของกองทัพต้ายงมิเหมือนความบุ่มบ่ามตรงไปตรงมาแต่เดิมของกองเรือตงไห่ แต่ละเอียลออและโหดเหี้ยม ดังนั้นลู่ช่านจึงเชื่อว่าเจียงเจ๋อจะต้องอยู่ที่ติ้งไห่คอยบัญชาการสงครามกองเรือแถบอู๋เย่ว์อย่างแน่นอน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมมิอาจปล่อยให้กองทัพต้ายงยึดครองติ้งไห่ตามแผนการเดิมได้ หากลากเวลายาวนานถึงสองสามปี เกรงว่าทหารชั้นยอดของตนยังมิทันฝึกสำเร็จ กองทัพต้ายงก็คงยึดครองอู๋เย่ว์ได้แล้ว
เจียงเจ๋อเพียงผู้เดียวเป็นเหตุให้อ่าวหังโจวที่เดิมทีสถานการณ์คุมเชิงกันอยู่เกิดไฟสงครามท่วมผืนฟ้า ซั่งเหวยจวินกับลู่ช่านสองคนละทิ้งความบาดหมองแต่เก่าก่อน ร่วมใจเป็นหนึ่งต่อต้านศัตรูจากภายนอก กองเรืออวี๋หังกับกองเรือหนิงไห่ร่วมมือกันโหมโจมตีติ้งไห่
เหนือทะเลสีหยก สงครามอันเลวร้ายที่เพิ่งจบลงทิ้งซากเรือรบไว้นับมิถ้วน บนผิวทะเลมีซากศพลอยอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ล่องลอยตามกระแสน้ำไปยังมหาสมุทร กองเรือของฝั่งศัตรูและฝ่ายเราแล่นแยกไปสองทาง เวลาเพียงสิบวัน ทั้งสองฝ่ายก็รบใหญ่ติดกันหลายหน แต่ยังมิอาจตัดสินแพ้ชนะ หากพูดถึงการรบทางน้ำ ผู้ที่ต่อกรกับกองเรืออู๋เย่ว์ได้ก็คงมีเพียงกองเรือตงไห่ผู้เคยอาละวาดเหนือทะเลเพื่อดำรงชีพ
ฮั่วฉงยืนอยู่ตรงหัวเรือ สัมผัสสายลมทะเลอันเย็นฉ่ำ อาภรณ์สีเขียวสะบัดพลิ้ว ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย เรือที่โคลงเคลงแล่นว่องไวระหว่างสู้รบทำให้เขายากจะทนรับไหวอยู่เล็กน้อย อย่างไรเสียเขาก็มิใช่พลทหารตงไห่ผู้ล่องเรือทำสงครามเหนือทะเลเป็นประจำ
ไกลออกไปที่เส้นขอบฟ้า นกทะเลบินโฉบยอดคลื่น เกลียวคลื่นม้วนตัวเป็นระลอก กวาดร่องรอยของสงครามเหนือผืนน้ำเมื่อครู่จากไป ฮั่วฉงทอดถอนใจอยู่ในใจ คิดถึงอาจารย์ผู้หายตัวไปมิทราบร่องรอยแล้วก็กลัดกลุ้มอย่างมิรู้จบสิ้น
การกวาดปล้นอู๋เย่ว์แต่เดิมเป็นความสำเร็จอันงดงามครั้งหนึ่ง แต่เมื่อกลับมาถึงติ้งไห่ ฮั่วฉงก็เหมือนถูกไม้กระบองฟาดศีรษะ ถูกข่าวโจมตีจนมึนงง เจียงเจ๋อผู้เดิมทีสวมควรกลับมากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงราชองครักษ์หู่จีร้อยกว่าคนที่ก้มหน้าคอตกกลับมายังติ้งไห่ เจียงไห่เทากับฮั่วฉงสอบสวนจึงทราบว่าที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
เรื่องมีอยู่ว่าหลังเจียงเจ๋อออกจากจยาซิง เขามิเพียงมิคิดจะย้อนกลับมายังติ้งไห่ แต่เตรียมตัวจะขึ้นเหนือจากจยาซิง อาศัยคลองในเจียงหนานล่องไปจนถึงทะเลสาบเจิ้นเจ๋อ จากนั้นอาศัยคลองเดินทางต่อไปยังจิงโข่ว ข้ามแม่น้ำผ่านไหวตงที่หนานฉู่ควบคุมอยู่ จากนั้นเปลี่ยนทิศไปยังอวี๋โจว มุ่งตรงไปยังสนามรบเซียงหยาง
เรื่องนี้จะให้ราชองครักษ์หู่จียอมรับได้เช่นไร เดินทางหนนี้ยาวไกลนับพันลี้ อีกทั้งเส้นทางมากกว่าครึ่งล้วนอยู่ในอาณาเขตอำนาจของหนานฉู่ หากตัวตนของเจียงเจ๋อถูกหนานฉู่ล่วงรู้ เกรงว่าคงมิอาจรักษาชีวิตไว้ได้ ฮูเหยียนโซ่วออกหน้าห้ามแต่มิมีประโยชน์ เจียงเจ๋อพูดชัดเจนยิ่งนัก หากฮูเหยียนโซ่วต้องการบังคับขัดขวาง เขาก็จะให้เงามารหลี่ซุ่นพาเขาออกเดินทางไปตามลำพัง
ถกเถียงกันอยู่นาน สุดท้ายฮูเหยียนโซ่วก็ทราบว่าห้ามมิได้แล้ว จึงได้แต่ยอมถอยก้าวหนึ่งขอติดตามไปคุ้มครอง วิงวอนอยู่เนิ่นนาน เจียงเจ๋อถึงตกลงพาราชองครักษ์หู่จีห้าคนไปด้วย ฮูเหยียนโซ่วได้แต่เลือกองครักษ์ที่วรยุทธ์สูงส่งที่สุดสี่คนให้ร่วมทางไปด้วยกันกับตนเอง ราชองครักษ์หู่จีที่เหลือถูกบังคับให้กลับมาติ้งไห่เพื่ออำพรางร่องรอยของเจียงเจ๋อ
หลังจากได้ทราบรายละเอียดของเรื่อง เจียงไห่เทากับฮั่วฉงก็โมโหจนเกือบเป็นลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจียงไห่เทา ตอนแรกที่เจียงเจ๋อขอติดตามกองเรือลงใต้ จักรพรรดิต้ายงค่อนข้างเป็นห่วง ก่อนเดินทางเคยมอบพระราชสาสน์ให้เจียงไห่เทา บอกให้เขาปกป้องเจียงเจ๋อให้ปลอดภัย คิดมิถึงว่าเพิ่งมาถึงอู๋เย่ว์ก็ถูกเจียงเจ๋อสลัดทิ้ง หากเจียงเจ๋อเป็นอันใดขึ้นมา เขาจะรายงานหลี่จื้อ หลี่เสี่ยนกับองค์หญิงฉางเล่อเช่นไร
ฮั่วฉงเองก็ปวดศีรษะยิ่งนัก แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกศิษย์ที่เจียงเจ๋อภาคภูมิใจที่สุด เขากลับคิดว่าเจียงเจ๋อมิใช่คนที่จะประมาทเอาตัวไปเสี่ยงอันตราย เขาตัดสินใจเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล ดังนั้นจึงกลับเป็นฝ่ายกล่อมเจียงไห่เทาว่ามิต้องกังวล
ราชองครักษ์หู่จีเหล่านั้นได้รับคำสั่งให้อยู่ข้างกายฮั่วฉงชั่วคราว พร้อมกับนำจดหมายของเจียงเจ๋อกลับมาด้วย ในจดหมายเจียงเจ๋อสั่งให้ทั้งสองคนกระจายข่าวว่าตัวเขาอยู่ที่ติ้งไห่ อย่าให้กองทัพหนานฉู่ค้นพบว่าเขามิอยู่ที่ติ้งไห่ นอกจากนั้นอธิบายอีกว่าหลังข่าวแพร่ออกไปแล้ว กองทัพหนานฉู่จะโหมโจมตีติ้งไห่ ให้เจียงไห่เทาระวัง
ทั้งสองคนขบคิดแล้วขบคิดอีกก็ทำได้เพียงทำตาม เพื่อแสร้งสร้างภาพว่าเจียงเจ๋อยังอยู่ในติ้งไห่ พวกเขาถึงขั้นเคยให้ฮั่วฉงย้อมสีจอนผม แต่งตัวเป็นเจียงเจ๋อมาปรากฏตัวบนเรือ
การโหมโจมตีของกองทัพหนานฉู่ทำให้พวกเขาลำบากสุดแสน โชคยังดีกระบี่ล้ำค่ายิ่งลับก็ยิ่งคมกริบ หลังจากการรบบนทะเลสองสามครั้ง กองทัพหนานฉู่ก็ฉวยความได้เปรียบมิได้อีกต่อไป อย่างไรเสียกองเรือหนานฉู่มากกว่าครึ่งมักจะทำศึกอยู่ในแม่น้ำ การรบบนทะเลยังสู้กองเรือตงไห่มิได้ ทั้งสองฝั่งจึงต่อสู้ยืดเยื้อกันเช่นนี้
โชคดีอีกประการก็คือติ้งไห่สร้างฐานทัพเสริมเสบียงที่ผู่ถัวสำเร็จแล้ว อีกทั้งยังปล้นชิงเงินทองกับเสบียงที่อู๋เย่ว์มาได้ แม้ค่ายทหารหนิงไห่จะตัดขาดเส้นทางหวนขึ้นเหนือ แต่ก็ฉกฉวยประโยชน์อันใดมิได้อีก แม้ลู่ช่านเคยตั้งใจจะยึดผู่ถัว แย่งประชาชนอู๋เย่ว์กลับมา แต่ประการที่หนึ่ง ผู่ถัวโจมตียาก ประการที่สองกองเรือตงไห่อ้อมมาลอบโจมตีจากด้านหลังยามเขาบุกไปอยู่หลายหน ประการที่สาม ต่อให้บุกตีผู่ถัวสำเร็จ อยากจะขนประชาชนอู๋เย่ว์ห้าแสนคนกลับมายังแผ่นดินใหญ่โดยที่มีกองเรือตงไห่คอยจับจ้องหาโอกาสอยู่ก็ดูจะเป็นไปไม่ได้นัก
ดังนั้นสุดท้ายลู่ช่านจึงละทิ้งความคิดนี้ไป ทำได้เพียงสู้รบกลางทะเลเป็นหลัก ท้องทะเลสีหยกอันเวิ้งว้างกลายเป็นสนามรบที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงและโลหิต สถานการณ์ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ถูกกองเรือตงไห่ชักจูง แม้ลู่ช่านจะเก่งกาจชำนาญศึกก็มิอาจแบ่งความคิดไปสนใจสงครามที่เซียงฝานได้ ทำได้เพียงฝากภาระทั้งหมดไว้กับหรงเยวียน