ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1027 การจู่โจมและการถูกดักซุ่ม
ผีรองแม่ทัพตนหนึ่งกับทหารผีระดับของเหลวจิตวิญญาณหลายสิบตนเบื้องล่างเห็นเช่นนี้ต่างก็คำรามเบาๆ พร้อมกันแล้วพ่นปราณวิญญาณก้อนแล้วก้อนเล่าออกมาจากปาก ปราณวิญญาณเกี่ยวกระหวัดกันกลางอากาศรวมตัวเป็นหัวกะโหลกสีดำมหึมาหัวหนึ่งที่อ้าปากพ่นลำแสงสีดำหนาเท่าถังน้ำเส้นหนึ่งออกมา ปราณสีดำพลุ่งพล่าน ดุร้ายน่าตะลึง อึดใจเดียวก็ขวางแสงกระบี่สีม่วงที่กดลงมาเอาไว้ ทั้งสองฝั่งยันกันอยู่กลางอากาศ
ดวงตาของหลิ่วหมิงฉายแววประหลาดใจ มุมปากเผยรอยยิ้มน้อยๆ
อึดใจต่อมาพื้นดินใต้เท้าของผีรองแม่ทัพตนนั้นพลันเกิดแสงสว่างสีเงินสว่างวูบ แมงป่องสีเงินขนาดหนึ่งจั้งกว่าตัวหนึ่งจู่ๆ ก็โผล่ออกมา เซียเอ๋อร์นั่นเอง
สัญลักษณ์มงกุฎสีทองบนหน้าผากของเซียเอ๋อร์แผ่แสงสีทองเข้มข้น ร่างกายเปลี่ยนเป็นสีทองอย่างรวดเร็วแล้วสะบัดเหล็กใน เส้นไหมสีทองสิบกว่าเส้นต่างพุ่งแทงร่างของผีรองแม่ทัพ
ร่างกายของผีรองแม่ทัพตรงที่ถูกเส้นไหมสีทองเสียบทะลุกลายเป็นรูขนาดใหญ่เท่ากำปั้นสิบกว่ารู อีกทั้งปราณวิญญาณรอบบาดแผลยังทยอยสลายไปทำให้บาดแผลขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด
บนหน้าผีรองแม่ทัพเผยสีหน้าตะลึงงันออกมา ขณะที่ปากส่งเสียงกรีดร้อง
ทว่าหางของเซียเอ๋อร์สะบัดวูบหายไปอีกครั้งก็เสียบทะลุศีรษะของผีรองแม่ทัพ เสียงกรีดร้องหยุดชะงักไปทันที แสงสีทองสาดต้องร่างกายขนาดหนึ่งจั้งกว่าของผีรองแม่ทัพทำให้มันสลายหายไปอย่างรวดเร็วกลายเป็นปราณวิญญาณสีดำก้อนหนึ่งถูกเซียเอ๋อร์ดูดเข้าไปในร่าง
ภูตผีตัวอื่นเดิมทีก็หวาดกลัวแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากตัวเซียเอ๋อร์อย่างที่สุดอยู่แล้ว เมื่อเห็นหัวหน้าถูกสังหารในชั่วอึดใจก็พากันกรีดร้องหลบไปสองฝั่ง
เมื่อไม่มีพลังเวทสนับสนุน หัวกะโหลกสีดำที่สู้กับกระบี่ขู่หลุนอยู่กลางอากาศก็ระเบิดดังบึ๊มแล้วสลายไป
ในตอนนี้เองเคล็ดกระบี่ที่มือหลิ่วหมิงก็หยุดนิ่ง กระบี่ขู่หลุนส่องแสงสว่างจ้าแล้วเลือนหายกลายเป็นเงากระบี่หลายร้อยสายพุ่งเร็วรี่ลงมาดุจเม็ดฝน
เสียงแหวกอากาศดังฟึบๆ
มีผีร้ายเจ็ดถึงแปดตนถูกเงากระบี่เสียบทะลุทันที กระบวนทัพที่เดิมทีแข็งแกร่งดุจปราการเหล็กพังทลายจากตะวันตกเฉียงใต้เกิดเป็นช่องโหว่ช่องหนึ่ง
“ศิษย์น้องหลิ่ว ทำได้ดี!”
บุรุษแซ่หมิ่นที่อยู่ไม่ไกลเห็นเช่นนี้พลันตะโกนเสียงดัง เสียงยังไม่ทันจางหายร่างกายก็พุ่งเร็วรี่มาถึง สองมือสะบัด แสงกระบี่สีเทาเส้นหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวขยายใหญ่จนมีขนาดหลายสิบจั้งกลายเป็นกระบี่ยักษ์สีเทาหนาอย่างยิ่งเล่มหนึ่งฟันลงมา
หลิ่วหมิงดวงตาโชนแสงขณะที่มือเปลี่ยนท่าเคล็ดวิชา เงากระบี่สีม่วงทั้งหมดรวมตัวกันกลายเป็นเงากระบี่สีม่วงหนาเส้นหนึ่งร่วงลงมาอย่างรุนแรง
กระบี่ยักษ์สีม่วงหนึ่งเล่ม สีเทาหนึ่งเล่มร่วงลงมาเสียงดังสนั่น อึดใจเดียวก็ขวางกองทัพผีร้ายที่รีบเร่งเข้ามาเติมช่องโหว่จากสองฝั่งเอาไว้ด้านนอก
หญิงสาวชุดแดงที่อยู่ใกล้กับคุณชายเยาว์วัยเห็นสถานการณ์เช่นนี้ล้วนดีใจยิ่งนัก พวกเขาต่างขยับตัวเหาะเข้ามาแล้วเริ่มขวางกองทัพผีไม่ให้ตั้งกระบวนทัพอีกครั้ง
ผีแม่ทัพสองตนเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันเปลี่ยนสีหน้าไปทันที พวกมันร้องคำรามเสียงแหลม สั่งการทหารผีร้ายตนอื่นให้พยายามเติมช่องโหว่ ขณะที่ทั้งสองตนพยายามสลัดคู่ต่อสู้ของพวกมันหมายจะเหาะเข้าไปช่วยหนุน
ผู้ที่โรมรันกับผีแม่ทัพสองตนอยู่ก็คือหัวหน้าระดับแก่นแท้ของอีกสองหน่วยย่อย ในสถานการณ์เช่นนี้จะปล่อยไปได้อย่างไร พวกเขาใช้ความสามารถทั้งหมดออกมาเพื่อยื้อผีแม่ทัพทั้งสองตนไว้
เวลาเพียงชั่วครู่นี้ แสงกระบี่สีเทาสายหนึ่งกับสีม่วงสายหนึ่งทะลวงเข้าไปในกระบวนทัพของกองทัพผีร้ายจากช่องโหว่ดุจสายฟ้า
หลิ่วหมิงกับบุรุษแซ่หมิ่นใช้วิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งพร้อมกัน
แสงกระบี่สีเทาคอยปกป้อง ส่วนกระบี่ยักษ์สีม่วงส่งเสียงหวีดแหลมยาวครั้งหนึ่งแล้วเลี้ยวเปลี่ยนทิศฟันเฉียงบนหอศิลาสีน้ำเงิน
ครืน!
ตัวหอตั้งตระหง่านมีชั้นจำกัดที่ทอแสงสีดำชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น แต่มันทนต้านแสงอสนีบาตที่โถมทะลักออกมาจากกระบี่ยักษ์สีม่วงได้เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็แหลกเป็นชิ้นๆ
ทันทีที่แสงกระบี่สีม่วงฟันลงบนหอศิลาสีน้ำเงินก็ได้ยินเสียงดังครึก ตัวหอหักกลางพังถล่มลงมาดังโครม
ต่อจากนั้นแสงกระบี่สีเทาสายหนึ่งก็ปรากฏตามมาติดๆ มันเลือนหายวูบเดียวก็เสียบทะลุลูกกลมสีดำบนยอดหอที่หักโค่น ลูกกลมแหลกสลายลงแล้วสูญเสียแสงจิตวิญญาณทันที
การลงมือทั้งหมดนี้เร็วดุจสายฟ้าแลบ กองทัพผีร้ายไม่ทันตอบโต้ หอศิลาสีน้ำเงินกับชั้นจำกัดบนนั้นก็ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
หลังจากแสงกระบี่สองสายสลายไป เงาของบุรุษแซ่หมิ่นกับหลิ่วหมิงก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์คนอื่นต่างเผยสีหน้ายินดีอย่างยิ่งออกมาทันที ตรงกันข้ามผีร้ายทั้งหลายส่วนใหญ่ยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
บุรุษแซ่หมิ่นกับหลิ่วหมิงสบตากันครั้งหนึ่งก็แปลงเป็นแสงกระบี่สองสายอีกครั้ง พวกเขาเหาะเร็วรี่ออกไปผ่านช่องโหว่ของกองทัพผีร้าย
“เอาล่ะ ภารกิจบรรลุแล้ว ที่แห่งนี้ไม่สมควรรั้งอยู่นาน รีบถอยเถิด!” บุรุษแซ่หมิ่นออกจากกระบวนทัพมาได้ก็เอ่ยขึ้นอย่างเร็วไว
“หัวหน้าหมิ่น พลังของพวกเราเหนือกว่า ไม่สู้กำจัดผีร้ายเหล่านี้ที่นี่ให้หมดเถิด” หญิงสาวชุดแดงเวลานี้กำลังสังหารเมามัน เมื่อได้ยินจึงถามอย่างไม่เข้าใจอยู่บ้าง
“พลังของผีร้ายเหล่านี้ไม่อ่อนแอ หากสู้ต่อไป แม้พวกเราจะกำจัดพวกมันได้ ฝ่ายเราก็คงบาดเจ็บไม่น้อย อีกทั้งหากเสียเวลานานเข้าอาจมีกองทัพศัตรูกองอื่นมาช่วยเหลือ อย่าก่อเรื่องเพิ่มจะดีกว่า” บุรุษแซ่หมิ่นสั่งอย่างไม่ยอมให้โต้เถียง
ภารกิจครั้งนี้มีหน่วยย่อยที่เจ็ดเป็นกำลังหลัก บุรุษแซ่หมิ่นผู้เป็นหัวหน้าหน่วยพูดเช่นนี้ หัวหน้าอีกสองคนที่เหลือย่อมไม่สะดวกพูดอันใดอีก ต่างคนกลายเป็นลำแสงส่องสว่างพุ่งเร็วรี่จากไปไกล
หลิ่วหมิงสะบัดมือข้างหนึ่ง เซียเอ๋อร์ที่อยู่บนพื้นดินด้านล่างพลันกลายเป็นแสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งมาหาแล้วมุดเข้าไปในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ
ร่างของเขาหมุนครั้งหนึ่งปราณสีดำกลุ่มหนึ่งก็ล้อมรอบร่างเหาะจากไปไกลอย่างรวดเร็ว
หลังจากผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ผละถอยไปสี่ด้านแปดทิศดุจเกลียวคลื่น การต่อสู้ที่นั่นก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว
ผีแม่ทัพระดับแก่นแท้สองตนมองหอศิลาที่พังถล่มด้วยสีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด พวกมันหันไปมองผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ที่ถอยทัพแต่ไม่ได้ไล่ตาม
ครั้งนี้พวกมันถูกเล่นงานจนทำอันใดไม่ถูกจนได้แต่อาศัยกองทัพฝืนต้านทานพวกหลิ่วหมิงไว้ แล้วตอนนี้ก็ได้แต่เบิ่งตามองเผ่ามนุษย์ทั้งหลายค่อยๆ ลับหายไปจากขอบฟ้า
……
ครึ่งปีหลังจากนั้นบนท้องฟ้าเหนือภูเขาร้างแห่งหนึ่ง คณะเดินทางหกคนของหน่วยย่อยที่เจ็ดแห่งกองทัพแสงทองกำลังหันหลังชนกันแล้วต่อสู้อย่างชุลมุนเพราะถูกทหารผีร้ายหลายร้อยตนล้อมเอาไว้หลายชั้น
ในกลุ่มของทั้งหกคน บุรุษหัวล้านผู้ถือค้อนยักษ์กับชายหนุ่มผอมแห้งอัปลักษณ์ผู้ถือดาบคู่เป็นคนใหม่ที่เข้ามาแทนบุรุษผู้สะพายคันศรกับผู้เฒ่าหลังค่อม
“น่าตาย ทำไมจู่ๆ มีทหารผีโผล่มามากมายเช่นนี้ได้!” หญิงสาวชุดแดงกระตุ้นวงแหวนสีแดงในมือพลางปล่อยเมฆอัคคีก้อนแล้วก้อนเล่าออกมาขวางเบื้องหน้า นางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยอย่างชิงชัง
“ถุย ผีร้ายพวกนี้สังหารไม่หมดไม่สิ้นจริงๆ!” บุรุษหัวล้านเหวี่ยงค้อนยักษ์ที่สูงกว่าตัวอันหนึ่งอย่างดุดัน ขณะที่ปากก็บ่นอย่างฉุนเฉียวอยู่บ้าง
คนที่เหลือควบคุมอาวุธจิตวิญญาณในมือต้านการโจมตีที่โถมมาดังคลื่นน้ำพร้อมกับสีหน้าอึมครึม มีเพียงหัวหน้าแซ่หมิ่นกับหลิ่วหมิงสองคนที่ใบหน้ายังคงนับว่านิ่งสงบ
แต่ยังดีที่ในหมู่กองทัพผีร้ายที่รุมโจมตีอยู่มีผีแม่ทัพเพียงสองตน ผีรองแม่ทัพไม่นับว่ามาก สถานการณ์จึงไม่นับว่าสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง
หลิ่วหมิงกวาดสายตาไปรอบด้านอย่างเร็วไว ในใจถอนหายใจนิดๆ
ครั้งนี้หน่วยย่อยที่เจ็ดได้รับภารกิจสืบค้นง่ายๆ ใครจะคิดว่าจู่ๆ กลับถูกกองทัพผีร้ายกองใหญ่ดักซุ่ม
สิ่งที่โชคกดีก็คือกองทัพผีร้ายครั้งนี้ไม่ได้ตั้งค่ายกลผี สถานการณ์จึงดีกว่าภารกิจที่ทำครั้งแรกอยู่บ้าง
“ทุกท่าน เวลานานเข้าพวกเราจะยิ่งเสียเปรียบ อีกประเดี๋ยวผู้แซ่หมิ่นจะสร้างโอกาสให้ทุกคนครั้งหนึ่ง ทุกท่านต่างคิดหาวิธีฝ่าวงล้อมออกไปเถิด” บุรุษแซ่หมิ่นขยับริมฝีปากนิดๆ เสียงดังขึ้นในหูคนที่เหลือที่นั่นชัดเจนอย่างยิ่ง
คนที่เหลือฟังแล้วก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที
สิ้นเสียง แสงกระบี่สีเทาสายหนึ่งพลันล้อมร่างบุรุษแซ่หมิ่นไว้ด้านในกลายเป็นแสงกระบี่สีเทาขนาดยักษ์ใหญ่ห้าถึงหกสิบจั้งกวาดขวางไปด้านหน้า
ทหารผีหลายสิบตนด้านหน้าไม่ทันป้องกัน พวกมันต่างหน้าถอดสีคิดจะหลบแต่ไม่ทันกาล มีทหารผียี่สิบถึงสามสิบตนถูกแสงสีเทากวาดฟันขาดสะบั้นเป็นชิ้นๆ ในทันใด
ในตอนนี้เองผีแม่ทัพสวมเกราะสีน้ำเงินตนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลก็หัวเราะเสียงประหลาด ร่างกายขยับวูบหนึ่งหายไปดุจสายลม อึดใจต่อมามันก็ขวางอยู่หน้าบุรุษแซ่หมิ่นผู้กลายเป็นแสงกระบี่ มือยกกรงเล็บผีมหึมาขึ้นกลางอากาศ แสงกรงเล็บสีน้ำเงินเข้มห้าสายพุ่งออกไปโจมตีบุรุษแซ่หมิ่นอย่างบ้าคลั่ง
เปรี้ยง!
แสงกรงเล็บกับแสงกระบี่ปะทะกันดังสนั่นยื้อยุดกันอยู่กลางอากาศ
คนที่เหลือปฏิกิริยาตอบสนองเร็วอย่างที่สุด หลังจากบุรุษแซ่หมิ่นลงมือได้ไม่นานก็พุ่งไปสี่ด้านแปดทิศอย่างพร้อมเพรียงยิ่ง ชั่วขณะหนึ่งแสงหลากสีโผล่ขึ้นตรงนั้นตรงนี้เกิดเสียงพุ่งชนดังสนั่นอยู่พักหนึ่ง
“เหอะ รนหาที่ตาย! สักคนก็อย่าปล่อยไป สังหารมนุษย์พวกนี้ให้หมด!”
ผีแม่ทัพผมแดงอีกตนเห็นเช่นนี้พลันขานรับคำสั่งเสียงเหี้ยม
สิ้นเสียงผีร้ายร้อยกว่าตนที่อยู่ด้านนอกสุดก็กรีดร้องออกมาพร้อมกัน ปราณหยินบนร่างพวยพุ่งหลุดออกจากร่างก่อตัวเป็นเกราะแสงสีดำสนิททรงกระบอกล้อมพวกหลิ่วหมิงกับผีร้ายที่เหลือไว้ด้านในทั้งหมด
ทันทีที่คลื่นพลังเวทที่แผ่ออกมากับแสงเรืองรองหลากสีทั้งหมดสัมผัสถูกเกราะแสงทรงกระบอกก็ถูกขวางไว้ทันที ไม่มีแม้แต่แรงกระเพื่อมสักนิด
ผีแม่ทัพผมแดงเห็นเช่นนี้พลันคำรามเสียงประหลาดอย่างตื่นเต้น ร่างกายขยับวูบเดียวโถมเข้ามา แขนทั้งสองข้างสะบัด เงากรงเล็บสีดำสนิทนับไม่ถ้วนแหวกอากาศดังฟึบๆ ล้อมคนที่อยู่ใกล้สองคนไว้ทันที
คนหนึ่งคือหญิงสาวชุดแดง อีกคนหนึ่งก็คือหลิ่วหมิง
หญิงสาวชุดแดงเห็นผีแม่ทัพขวางอยู่ด้านหน้า ดวงตาก็ฉายแววตกตะลึงวูบหนึ่ง แต่จากนั้นแสงสีแดงบนร่างพลันส่องสว่าง เข็มขัดหยกสีแดงฉานสี่เส้นเหาะออกไปกระหวัดกันกลายเป็นโล่แสงสีแดงชิ้นหนึ่งขวางอยู่หน้าร่าง
เสียงเปรี้ยงดังก้อง!
แม้โล่แสงจะขวางเงากรงเล็บไว้ได้ แต่ร่างที่กำลังพุ่งหนีของหญิงสาวชุดแดงก็ถูกหยุดเอาไว้ตรงนี้
อีกด้านหนึ่ง พริบตาที่เงากรงเล็บสีดำสนิทจวนเจียนจะมาถึง ทั้งร่างของหลิ่วหมิงที่ไม่รู้กลายเป็นลูกบอลหมอกสีดำหมุนเร็วจี๋ลูกหนึ่งตั้งแต่เมื่อไรก็เปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน เบี่ยงตัวเหาะหนีไปดังฟึบ
แม้มีเงากรงเล็บสีดำสนิทหลายข้างโจมตีถูกลูกบอลปราณสีดำ แต่ก็ราวกับตุ๊กตาวัวโคลนจมลงทะเล ไม่มีเสียงดังขึ้นสักนิด
ลูกบอลหมอกสีดำเร็วอย่างที่สุด พริบตาเดียวพุ่งเข้าไปในกองทัพผีร้าย
ผีแม่ทัพผมแดงเห็นภาพเช่นนี้ บนผน้าก็เผยสีหน้าประหลาดออกมาเล็กน้อย สองแขนพร่าเลือนหายไปหมายจะลงมือ
ในเวลานี้เอง ครืน! เสียงระเบิดสะเทือนฟ้าสะเทือนดินก็ดังขึ้นไม่ไกลจากตรงที่บุรุษแซ่หมิ่นกับผีแม่ทัพอีกตนหนึ่งสู้รบกันอยู่