ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1079 ผนึกแก่นแท้ (ปลาย)
แสงสีเหลืองสว่างขึ้นวูบหนึ่ง เมื่อมุกบรรพตธาราเม็ดสุดท้ายแผ่ปราณเรืองรองสีเหลืองผสานเข้าไปในยอดเขายักษ์ เสียงหวีดแหลมก็ดังขึ้น ด้านนอกยอดเขายักษ์ปรากฏแสงเรืองรองสีเหลืองหม่นชั้นหนึ่ง มองเห็นดวงแสงสีเหลืองสิบสองลูกที่ส่องสว่างอยู่ด้านในอย่างชัดเจน
ต่อจากนั้นแสงสีดำก็ส่องสว่าง เงาแม่น้ำสายยาวสีดำสิบสองเส้นม้วนออกมาจากดวงแสงสีเหลืองสิบสองดวงอีกครั้ง ปราณดำที่แตกสลายอยู่นอกยอดเขายักษ์ต่างโอบล้อมรวมตัวกันก่อตัวเป็นเงาแม่น้ำยาวสีดำอันทรงพลังเส้นหนึ่งอีกหน กระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลล้อมยอดเขายักษ์เอาไว้
แสงสีเหลืองเข้มกับประกายน้ำสีดำผสานเข้าด้วยกันทำให้รอยแตกมหึมาบนยอดเขาสมานกันอย่างรวดเร็ว อสนีบาตสีเงินที่เดิมทียึดครองผิวของยอดเขาสีเหลืองเข้มอยู่ก็ทยอยสลายไปเช่นกัน
ยังไม่ทันที่หลิ่วหมิงจะได้โล่งอก เสียงเปรี้ยงดังสะเทือนฟ้าก็ดังมาจากท้องนภา อสนีบาตสีเงินมากมายเต็มผืนฟ้าฟาดลงมาจากเมฆอสนีบาตสีดำสนิท พลังน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด
เส้นอสนีบาตสีเงินทั้งหมดฟาดตัดกันกลางท้องฟ้า พริบตาเดียวก็กลายเป็นลูกบอลสายฟ้าสีเงินขนาดมหึมานับไม่ถ้วน บนผิวมีสายฟ้าเต้นระริกไม่หยุด พุ่งเร็วจี๋ลงมาประหนึ่งเม็ดฝน จุดที่พุ่งผ่านทิ้งเงาเลือนรางสีเงินเส้นแล้วเส้นเล่าส่องรอบด้านจนสว่างดุจกลางวัน
ลมหายใจของหลิ่วหมิงสะดุด ดวงตาฉายแววเหี้ยมเกรียม สิบนิ้วที่สองมือใช้เคล็ดวิชาเร็วไวดั่งกงล้อ พร้อมกับที่ปากท่องมนตร์งึมงำฟังไม่ชัดออกมา
แม่น้ำมืดด้านล่างเกิดวังน้ำวนสีดำใหญ่น้อยมากมายเกือบร้อยลูกกระจายไปทั่ว แทบจะหาจุดที่นิ่งสงบไม่พบแม้แต่จุดเดียว
ปราณหยินสีดำทะลักออกมาจากในวังน้ำวนทั้งหมด พวกมันลอยขึ้นไปด้านบนแล้ววนเวียนอยู่รอบตัวหลิ่วหมิงราวกับมีจิตวิญญาณ จากนั้นถูกเขาสูบเข้าไปแปรเปลี่ยนเป็นพลังเวททดแทนพลังเวทที่เสียไปอย่างรวดเร็วของเขา
เมื่อเคล็ดวิชาสีดำสายแล้วสายเล่าจากมือหลิ่วหมิงพุ่งหายเข้าไปในยอดเขายักษ์สีเหลืองเข้มด้านบน ยอดเขายักษ์ทั้งลูกก็มีแสงสีเหลืองเคลื่อนอยู่บนผิว
เกิดเสียงดังสนั่น ผิวของยอดเขายักษ์ทั้งลูกปริแตกไม่หยุด หินสีน้ำตาลขนาดเท่าไหนับไม่ถ้วนล่อนออกมาจากตัวภูเขา แล้วพุ่งขึ้นฟ้าประจันหน้ากับลูกบอลสายฟ้าสีเงินที่ร่วงลงมาด้านล่าง
ทันทีที่สองฝ่ายสัมผัสกัน ก้อนหินสีน้ำตาลก็ระเบิดอย่างไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อยแล้วกลายเป็นไอหมอกสีเหลืองผืนหนึ่ง
ส่วนลูกบอลสายฟ้าสีเงิน เมื่อโจมตีก้อนหินสีน้ำตาลก้อนหนึ่งแหลก ความเร็วที่ร่วงหล่นก็ช้าลงเล็กน้อยพร้อมกับที่ขนาดหดเล็กลงไปหน่อย
เนื่องจากเงายอดเขายักษ์สีเหลืองมหึมาเกินไปแล้วจริงๆ แม้มันจะหดเล็กลง ขณะที่ก้อนหินสีน้ำตาลจำนวนมากมายไม่ขาดสายพุ่งเร็วจี๋ออกมา จำนวนก้อนหินก็ยังมากกว่าสายฟ้าที่ร่วงหล่นมามากนัก ลูกบอลสายฟ้าสีเงินที่ร่วงลงมาเผชิญกับก้อนหินสีน้ำตาลระลอกแล้วระลอกเล่าจนหดเล็กลงอย่างรวดเร็วแล้วเริ่มสับสน
ดวงตาหลิ่วหมิงทอประกายวูบหนึ่ง โบกมือยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งออกไป เงาแม่น้ำยาวสีดำที่ล้อมรอบยอดเขาอยู่ม้วนตัวขึ้นด้านบน หนวดสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งเร็วจี๋ออกมาจากด้านใน พวกมันสะบัดบ้าคลั่งแยกย้ายกันฟาดลูกบอลสายฟ้าสีเงินจนเกิดเสียงดุจเม็ดฝนกระทบใบตอง ทำให้พวกมันหดเล็กลงเร็วขึ้นอีก
เปรี้ยง!
เป็นเช่นนี้จนยอดเขายักษ์สีเหลืองเหลือเพียงฐานขนาดยักษ์ ส่วนเงาแม่น้ำยาวสีดำก็หม่นแสงถึงที่สุด ในที่สุดลูกบอลสายฟ้าสีเงินทั้งหมดก็สลายไป
ในเวลาเดียวกันนี้เมฆอสนีบาตสีดำบนท้องฟ้าก็เล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายลูกบอลสายฟ้าสีเงินลูกสุดท้ายก็ทลาย เมฆดำเริ่มสลายตัว ท้องฟ้ากลับคืนสู่สภาพเดิม
หลิ่วหมิงยามนี้เหงื่อไหลจากหน้าผากเป็นสาย สีหน้าซีดเผือดอย่างยิ่ง อ้าปากหอบหายใจคำโต
ทว่าในตอนที่ดวงตาเขากำลังเผยแววตายินดีออกมานั่นเอง ภาพที่ทำให้เขาตระหนกก็บังเกิด!
จุดที่ลูกบอลสายฟ้าสีเงินลูกสุดท้ายพังทลาย ฉับพลันมีแสงสีทองสว่างวูบหนึ่ง อสนีบาตสีทองเล็กเท่าเส้นผมเส้นหนึ่งพุ่งออกมา
ทันทีที่มันปรากฏก็พุ่งเร็วจี๋ลงมาเบื้องล่างด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อประหนึ่งอสรพิษน้อยผู้ว่องไว เป้าหมายก็คือหลิ่วหมิง!
เนื่องจากมันเร็วเกินไปแล้วจริงๆ อีกทั้งเวลานี้หลิ่วหมิงเพิ่งจะผ่อนความระวัง จึงรับมือไม่ทันอย่างสิ้นเชิง
สีทอง…ก็คือสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสำหรับสร้างกายเนื้อใหม่!
หลิ่วหมิงตกใจหน้าถอดสี ต่อจากนั้นเสียงกรีดร้องอันทุกข์ทรมานอย่างยิ่งก็ดังออกมาจากปาก แต่พริบตาเดียวเสียงร้องก็หยุดไป
ทันทีที่สายฟ้าเทพสีทองเรียวเล็กเส้นนี้สัมผัสร่างกายของหลิ่วหมิง มันก็แล่นไปบนร่างหลิ่วหมิงอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ แล้วระเบิดเปรี้ยงปร้างเสียงดังกังวาน
ชั่วขณะหนึ่งร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าของหลิ่วหมิงถูกโอบล้อมด้วยอาภรณ์สายฟ้าสีทองอ่อนชั้นหนึ่ง ทั่วทั้งร่างประหนึ่งถูกหนอนกัดแทะกระดูกชอนไชหัวใจนับร้อยนับพันตัวกัดเข้าพร้อมกัน เจ็บปวดแสนสาหัสราวกับจะขาดใจ ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยวได้แม้แต่น้อย กระทั่งกรีดร้องก็ยังทำไม่ได้
เวลานี้สิ่งที่หลิ่วหมิงกำลังเผชิญก็คือสิ่งที่ผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนซึ่งกำลังจะเข้าสู่ระดับแก่นแท้ทุกคนต้องผ่าน มันคือการสร้างกายเนื้อใหม่!
ระหว่างกระบวนการนี้กายเนื้อของผู้ฝึกฝนจะถูกสายฟ้าสวรรค์หล่อหลอม ถูกทำลายไม่หยุดหลังจากนั้นอาศัยพลังเวทบริสุทธิ์ในแก่นเสมือนภายในร่างหรือพลังรักษาตนเองของกายเนื้อสร้างกายเนื้อใหม่อีกครั้ง
หากความเร็วในการฟื้นตัวสู้ความเร็วในการทำลายกายเนื้อของสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าไม่ได้ ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะสิ้นใจไม่เหลือแม้แต่ศพในยามนี้
นี่คือก้าวที่อันตรายที่สุดแต่ก็สำคัญที่สุด เป็นช่วงเวลาตัดสินระดับความแข็งแกร่งของกายเนื้อหลังจากผนึกแก่นแท้ นับแต่เวลานี้เป็นต้นไปผู้ฝึกฝนจะผลัดร่างเปลี่ยนกระดูกอย่างแท้จริง ก่อเกิดกระดูกและร่างเซียน ในอีกความหมายหนึ่งนับว่าเหยียบเข้าสู่โลกแห่งเซียนอย่างแท้จริง นับจากนี้อายุขัยเพิ่มขึ้นอีกมาก
ปกติแล้วยิ่งครอบครองผลึกพลังเวทมาก พลังของสายฟ้าสวรรค์ที่มาก็จะยิ่งแข็งแกร่ง แต่หากทนผ่านพ้นไปได้ กายเนื้อหลังผนึกแก่นแท้ก็จะยิ่งแกร่งกล้า จำนวนทวารของแก่นแท้ก็ย่อมจะมากตามไปด้วย
หลิ่วหมิงมีผลึกพลังเวททั้งหมดหนึ่งร้อยห้าสิบสามเม็ด มากกว่าหนึ่งร้อยสี่สิบสี่เม็ดที่ผู้ฝึกฝนชีพจรจิตวิญญาณสวรรค์ทั่วไปจะผนึกได้อยู่เก้าเม็ด ดังนั้นจึงเรียกสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสีทองอ่อนชนิดนี้มา พลังของมันน่าหวาดกลัวเป็นที่สุด แม้จะอ่อนแอกว่าสายฟ้าเทพห้าสีที่หลิ่วหมิงชักนำมาผนึกจิตมารในร่างอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทนได้
หากรู้ตัวว่าตนเองไม่อาจผ่านด่านเคราะห์ได้ โดยทั่วไประหว่างกระบวนการสร้างกายเนื้อใหม่นี้จะใช้สารพัดวิธีมาช่วยเหลือ บางครั้งถึงขั้นหลบการรุกรานของสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าทั้งหมด การอาศัยพลังภายนอกเช่นนี้ แม้สุดท้ายจะผนึกแก่นแท้ได้สำเร็จเช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากขัดกฎสวรรค์ ด้วยเหตุนั้นคุณสมบัติของแก่นแท้ที่ผนึกออกมาจะต่ำลงมาก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นแก่นแท้ระดับล่างสามทวาร นับจากนั้นระดับพลังยากจะก้าวหน้าได้อีก
แต่เนื่องจากหนทางแห่งการฝึกบำเพ็ญกว้างใหญ่ไพศาล ผู้ฝึกฝนระดับผลึกที่สุดท้ายผนึกแก่นเสมือนได้ยังมีไม่ถึงหนึ่งในร้อย ผู้ที่พบโอกาสผนึกแก่นแท้ได้ยิ่งน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ส่วนผู้ที่สุดท้ายทนผ่านความทรมานแสนสาหัสของด่านเคราะห์สายฟ้ามาได้ แต่สุดท้ายสิ้นใจที่ด่านของการสร้างกายเนื้อใหม่นี้ นับจากโบราณจนถึงปัจจุบันมีมากมายนับไม่ถ้วน
การอาศัยพลังภายนอกเลื่อนสู่ระดับแก่นแท้เพื่อยกระดับพลังไปถึงระดับแก่นแท้และได้อายุขัยอันยืนยาวจึงยังเป็นตัวเลือกของผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตามต่อให้เป็นแก่นแท้ระดับล่างสามทวารก็ยังดีกว่าไม่อาจผนึกแก่นแท้ได้
ช่วงเวลาหลังจากนั้นกายเนื้อของหลิ่วหมิงถูกสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสีทองอ่อนกัดกร่อน ทุกแห่งบนร่างอยู่ระหว่างกระบวนการพังทลายแล้วถือกำเนิดใหม่ จากนั้นพังทลายลงอีกครั้งซ้ำไปมาไม่หยุด
ตัวเขาในเวลานี้อาบโลหิตทั่วทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า มีร่างกายหลายส่วนไม่น้อยที่ถูกฉีกกระจุยจนเห็นกระดูกสีทองอ่อนโผล่ออกมาอยู่เลือนราง ดูแล้วน่าเวทนายิ่งนัก
แม้กายเนื้อของหลิ่วหมิงจะแข็งแกร่ง อีกทั้งเคล็ดวิชากระดูกดำก็โคจรเองดูดซับปราณหยินมาเสริมพลังเวทไม่หยุดอยู่ตลอดจนความเร็วในการฟื้นตัวน่าตะลึงอย่างยิ่ง แต่สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสีทองอ่อนนี้ ไม่ว่าความเร็วหรือพลังล้วนบรรลุถึงระดับที่น่าหวาดหวั่นอย่างที่สุด จุดที่มันวิ่งผ่าน กายเนื้อที่แตกสลายยังไม่ทันมีเนื้องอกขึ้นใหม่ สายฟ้าเทพก็แล่นไปถึงจุดต่อไปแล้ว
นี่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกทานทนไม่ไหว ในใจร้องว่าแย่แล้ว
ในตอนนี้เองโลหิตที่ซ่อนลึกอยู่สักแห่งในกายเขาฉับพลันเดือดพล่าน มันแล่นพล่านก่อตัวเป็นโลหิตหยดหนึ่งที่แตกต่างจากโลหิตบริสุทธิ์ครั้งอื่นของเขา ระหว่างที่แสงอสนีบาตสีทองอ่อนวิ่งไม่หยุด ความเปลี่ยนแปลงที่ชวนให้คนตะลึงก็เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
โลหิตปีศาจสวรรค์ที่เขาผสานเข้ามาในร่างเมื่อครั้งนั้น แม้ส่วนใหญ่จะกลืนเป็นหนึ่งกับร่างกายของเขาแล้ว แต่ก็ยังมีส่วนน้อยที่ไม่อาจกลืนกินได้แล้วหลับใหลอยู่มาตลอด
ปราณสีเทาเส้นน้อยสายแล้วสายเล่ากระจายออกมาจากผิวของหยดเลือด ทำให้โลหิตปีศาจสวรรค์หยดนี้แดงสดยิ่งขึ้นแล้วเริ่มละลายกลายเป็นสายเล็กสายน้อย
ผ่านไปเช่นนี้ราวหนึ่งก้านธูป ขณะที่ทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าของหลิ่วหมิงแทบจะไม่มีผิวหนังสมบูรณ์ดีเหลืออยู่ กายเนื้อเกินกว่าครึ่งมลายหายไปจนเหลือลมหายใจรวยริน ทันใดนั้นเสียงแผ่วเบาแทบจะฟังไม่ได้ยินก็ดังขึ้นมาจากสักแห่งในร่าง
ต่อจากนั้นปราณโลหิตที่เปล่งแสงสีขาวเลือนรางสายหนึ่งก็ทะลักออกมาจากในร่างเขาแล้วกระจายอย่างบ้าคลั่ง คลุมทั่วทั้งร่างของเขาไว้ในพริบตา
สายฟ้าเทพสีทองอ่อนที่เดิมดุดันยิ่งนักกลับค่อยๆ แล่นช้าลงเมื่ออยู่ท่ามกลางปราณโลหิตสายนี้
อึดใจต่อมาเลือดเนื้อทั้งร่างของหลิ่วหมิงก็งอกขึ้นใหม่ด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเวลาเพียงสองสามลมหายใจก็ก่อร่างใหม่รอบโครงกระดูกสีทองอ่อนเสร็จสิ้น ทว่าเลือดที่ไหลอยู่ด้านในกลับมีประกายสีขาวบางอย่างแล้วยังแผ่ลมปราณของปีศาจออกมาเล็กน้อย
ต่อจากนั้นผิวบนร่างของเขาก็ฟื้นกลับคืนดังเดิมอย่างรวดเร็วภายใต้เลือดสายน้อยมากมายที่ถักทอประสานกัน ตั้งแต่ต้นจบจบใช้เวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจ ทั้งร่างก็หายดีดังเดิมอีกครั้ง
สายฟ้าเทพสีทองอ่อนที่เล็กเท่าเส้นผมสายนั้นจู่ๆ ก็ส่องสว่างวูบหนึ่งก่อนจะผละจากผิวของหลิ่วหมิง พุ่งเข้าไปในเมฆอสนีบาตสีดำที่ค่อยๆ หดเล็กลงด้านบนแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลิ่วหมิงรู้สึกว่าทั้งร่างเบาสบายอย่างฉับพลัน ร่างกายกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
หลังจากเขาผ่านการชำระกระดูกจากสายฟ้าเทพเกาสวรรค์ชั้นฟ้าจนสร้างกายเนื้อใหม่สำเร็จในที่สุด ทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าก็สบายอย่างยิ่ง
หลิ่วหมิงยินดียิ่งนัก สองมือใช้เคล็ดวิชาจี้ดัชนีขึ้นไปบนท้องฟ้า เงายอดเขาสีเหลืองเข้มด้านบนฉับพลันหดเล็กลงก่อนจะหายไปกลายเป็นมุกบรรพตธาราสีเหลืองหม่นสิบสองเม็ดอีกครั้ง
พร้อมกับที่เมฆด่านเคราะห์สีดำก้อนน้อยก้อนสุดท้ายสลายไปจากท้องฟ้า ปราณจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินอันบริสุทธิ์สายแล้วสายเล่าในอากาศรอบด้านก็ไหลย้อนกลับมาในร่างของหลิ่วหมิง
ในเวลาเดียวกันนี้ปราณยมโลกรอบด้านก็ถาโถมพุ่งเข้ามาดุจเดียวกัน
พลังปราณสองธาตุที่แตกต่างกันสองสายนี้เกี่ยวกระหวัดกันแล้วไหลเวียนในเส้นลมปราณของเขาจนครบรอบ ก่อนจะทะลักเข้ามาในทะเลจิตวิญญาณพร้อมเสียงดังกึกก้อง พวกมันโอบล้อมกัน เสียดสีกันจนเปลวเพลิงสีดำขาวดวงหนึ่งลุกไหม้ขึ้นในทะเลจิตวิญญาณ แล้วโอบล้อมผลึกพลังเวทหนึ่งร้อยห้าสิบสามเม็ดไว้ด้านในจากนั้นเริ่มแผดเผาพวกมัน
หลิ่วหมิงนั่งนิ่งอยู่หนึ่งปี จนในที่สุดผลึกพลังเวทที่ประสานกันสนิทแน่นก็คลายออกจากกันแล้วเริ่มผสานเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง
ใบหน้าของหลิ่วหมิงเผยสีหน้าทุกข์ทรมานออกมาเล็กน้อย รอบร่างปรากฏแสงดำขาวสองสีหุ้มทั้งร่างของเขาเอาไว้ด้านใน
เวลาไหลผ่านไปทีละเล็กทีละน้อย ทันใดนั้นเสียงหวีดแหลมก็ดังออกมาจากใจกลางแสงสีขาวดำ