ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1169 ศึกตัดสิน (3)
ขณะที่ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์กำลังฮึกเหิม เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!
จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นบนท้องฟ้าด้านหลังกองทัพใหญ่ของเผ่าหนอนผีเสื้อ
ต่อจากนั้นคลื่นรุนแรงระลอกหนึ่งก็ส่งผ่านมาบนฟ้า เงาเลือนรางของแมลงยักษ์หลายสีขนาดร้อยจั้งหกตัวปรากฏ มีตะขาบขนาดยักษ์ที่สีแดงฉานทั้งร่าง ตั๊กแตนตำข้าวดุร้ายลายจุดสีเขียว แมงมุมห้าสีที่มีใบหน้ามนุษย์งอกอยู่บนแผ่นหลัง แมลงเต่าทองเจ็ดจุดที่แผ่รัศมีเจิดจ้าเป็นต้น
หลังจากนั้นดวงแสงหนาหลากสีและคมดาบแสงเล่มแล้วเล่มเล่าก็แห่แหนออกมาจากเงาเลือนรางเหล่านี้
บึ๊ม! เสียงดังสนั่นดังขึ้นพักหนึ่ง
ลำแสงสีทองที่ยิงออกมาจากเรือรบนภาทมิฬร้อยลำกับแสงจิตวิญญาณจากอาวุธเวทที่ผู้ฝึกฝนนิกายยอดบริสุทธิ์โจมตีออกมาสัมผัสการโจมตีเหล่านี้ก็สลายไปในทันที
ต่อจากนั้นใต้เงาแมลงแต่ละตัวก็ปรากฏร่างของเผ่าหนอนผีเสื้อที่กลายร่างเป็นมนุษย์ได้เกือบครึ่งและแผ่ลมปราณระดับดาราพยากรณ์
ในเวลาเดียวกันตำแหน่งอื่นของกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อก็ปรากฏร่างของเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์ตัวอื่นเช่นเดียวกัน พวกมันสร้างร่างพลังเวทแห่งฟ้าดินหลากหลายรูปแบบออกมาสลายการโจมตีส่วนใหญ่ที่กองทัพพันธมิตรเผ่ามนุษย์ส่งมา
เมื่อกองทัพแมลงด้านล่างได้แมลงระดับดาราพยากรณ์ปกป้อง ขวัญกำลังใจก็เพิ่มพูนขึ้นทันที พวกมันแยกเขี้ยวกางกรงเล็บเหาะบีบเข้ามาใกล้
ตรงจุดที่เรือรบนภาทมิฬลอยอยู่ เนื่องจากเรือรบไม่อาจโจมตีระยะใกล้ได้ ดังนั้นผู้ฝึกฝนนิกายเทียนกงที่อยู่บนเรือจึงจนหนทางได้แต่ทยอยกระโดดลงจากเรือรบแล้วประจันหน้ากับกองทัพแมลงร่วมกับผู้ฝึกฝนนิกายยอดบริสุทธิ์
เสียงเข่นฆ่าดังขึ้นรอบทิศ!
“โอกาสยังมาไม่ถึง!”
หลิ่วหมิงมองเงาร่างของแมลงระดับดาราพยากรณ์หลายสิบตัวที่อยู่ห่างออกไปบนท้องฟ้า ขณะที่ดวงตาทอประกายวูบหนึ่งพลางเอ่ยในใจ
เวลานี้เขากับศิษย์ลับคนอื่นเช่นฉิวหลงจื่อกำลังประมือกับกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อปะปนอยู่กับศิษย์คนอื่น
พลังระดับแก่นแท้ขั้นปลายของเขาอาศัยเพียงกระบี่บินขู่หลุ่นที่มีประกายอสนีบาตล้อมรอบเล่มเดียวใช้วิชาเงากระบี่แยกแสง ทำให้เกิดเงากระบี่เต็มฟ้าปกป้องรอบกายจนแม้แต่หยดน้ำยังไม่อาจลอดผ่าน แมลงทั้งหลายก็เข้าใกล้ร่างเขาไม่ได้แม้แต่นิดแล้ว
เขาต้องเก็บรักษาพลังเอาไว้เพื่อจัดการกับสถานการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในภารกิจหลังจากนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เข่นฆ่ามากมาย
หลังจากเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์ปรากฏตัว การต่อสู้กลุ่มอื่นก็ทยอยเข้าสู่สภาพการต่อสู้ระยะประชิดอันชุลมุนเช่นกัน
แม้ระดับพลังของผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ส่วนใหญ่จะสูงกว่าเหล่าแมลงไม่น้อย แต่กองทัพแมลงจำนวนเหนือกว่าอย่างเด็ดขาด ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวจิตวิญญาณไปจนถึงระดับผลึกไม่น้อยบาดเจ็บหรือกระทั่งล้มตายทันที
สถานการณ์ย่ำแย่ลงอย่างฉับพลัน!
ในตอนนี้เอง ด้านหลังของกองทัพพันธมิตรเผ่ามนุษย์ก็มีลำแสงขยับไหวบนท้องฟ้า ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ที่สวมเสื้อผ้าของแต่ละนิกายหลายสิบคนทะยานข้ามการต่อสู้เบื้องล่างโถมเข้าใส่เผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์เบื้องหน้า
ผู้ที่เป็นนำอยู่ด้านหน้าก็คือเทียนเกอเจินเหรินจากนิกายยอดบริสุทธิ์กับประมุขนิกายของสามยอดนิกายใหญ่ที่เหลือ
ร่างกายของพวกเทียนเกอเจินเหรินยังไม่ทันมาถึง ด้านหลังก็มีร่างพลังเวทสูงหลายสิบจั้งถึงร้อยจั้งตนแล้วตนเล่าปรากฏขึ้นมา บางตนถือกระบี่ยักษ์ บางตนยกกำปั้นเปล่าสีแดงฉานพุ่งพรวดเข้าใส่เผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์เหล่านั้นประหนึ่งสายรุ้ง
ยอดฝีมือระดับดาราพยากรณ์ของทั้งสองฝ่ายยังไม่ทันปะทะกัน ร่างพลังเวทแห่งฟ้าดินที่ทั้งสองฝ่ายเรียกออกมาก็ปะทะกันอย่างรุนแรงกลางท้องฟ้าก่อนแล้ว รัศมีแสงหลากสีหลายรูปแบบแผ่ออกไปรอบทิศบนท้องฟ้าเป็นระยะ
ในชั่วเวลาสั้นๆ ไม่กี่ลมหายใจสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าก็เกิดเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าสะเทือนดินร้อยกว่าครั้ง ท้องฟ้าบริเวณใกล้เคียงฉับพลันเปลี่ยนสี ประเดี๋ยวแดงก่ำ ประเดี๋ยวมืดดำ รุ้งสีเงิน แสงหลากสี สายลมทมิฬและพลังสารพัดรูปแบบโฉบผ่านไปอย่างว่องไว เสียงระเบิดดั่งอสนีบาตฟาดดังขึ้นไม่ขาดหู
ทันใดนั้นเทียนเกอเจินเหรินพลันตวาดลั่น ผู้อาวุโสจากนิกายยอดบริสุทธิ์อีกสามคนข้างกายขยับร่างอย่างไม่ลังเลสักนิด สองแขนหมุนวนประหนึ่งวงล้อ ปากเอ่ยท่องมนตร์ดังงึมงำฟังยาก
ต่อจากนั้นแสงดาบสีเงินเล่มหนึ่ง ภูตผีเขี้ยวโง้งหน้าเขียวตัวหนึ่งและลูกปัดหยกสีขาวที่เปล่งแสงแสบตาเส้นหนึ่งพลันโจมตีประสานกับแสงกระบี่สีครามของเทียนเกอเจินเหริน เกิดแสงสว่างจ้ากลางท้องฟ้าพาพลังอันน่าหวาดกลัวพุ่งพรวดเข้าใส่เผ่าหนอนผีเสื้อร่างมนุษย์ที่มีสี่แขนตัวหนึ่งทางด้านหน้า
การโจมตีเหล่านี้แทบจะพุ่งออกไปพร้อมกัน ปิดตายทางถอยทั้งหมดของเผ่าหนอนผีเสื้อสี่แขนตัวนั้นแทบจะในพริบตา ใบหน้าของมันเผยสีหน้าพรั่นพรึง สี่แขนวาดเร็วไวเบื้องหน้า สร้างเกราะสีดำผืนหนึ่งขึ้นมาได้อย่างหวุดหวิด
“บึ๊ม!”
การโจมตีมาถึงในชั่วพริบตา เสียงอสนีบาตดังกัมปนาท
เกราะสีดำของเผ่าหนอนผีเสื้อร่างมนุษย์ต้านทานได้เพียงครู่เดียว ร่างกายก็ประหนึ่งถูกปั่นจนแหลกสลาย ฝนโลหิตโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าในทันใด
อีกด้านหนึ่งผู้เฒ่าดั้งจมูกแบนผู้สวมชุดนักพรตสีเงินคนหนึ่งมีเงานักพรตถือแส้ปัดฝุ่นตนหนึ่งลอยอยู่ด้านหลัง เพียงแต่เงาตนนี้มีขนาดเพียงห้าหกสิบจั้งเท่านั้น เห็นชัดว่าเขาเป็นเพียงผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ขั้นต้น
แต่สิ่งที่ประจันหน้ากับเขาอยู่กลับเป็นเผ่าหนอนผีเสื้อหน้าตาเหมือนตั๊กแตนตำข้าวเกราะสีทองระดับดาราพยากรณ์ขั้นกลางตัวหนึ่ง แขนที่เหมือนเคียวสองข้างของร่างพลังเวทของมันสะบัดอย่างบ้าคลั่งกลายเป็นคมดาบแสงประหนึ่งพายุฝนกระหน่ำ บีบให้เงานักพรตถอยร่นไม่หยุด มีกำลังเพียงป้องกันเท่านั้น
ขณะที่ผู้เฒ่าดั้งจมูกแบนรีบเร่งใช้เคล็ดวิชาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับที่เหงื่อท่วมศีรษะ จนพอต้านได้อย่างหวุดหวิด น้ำข้นเหนียวสีขาวก้อนหนึ่งก็พุ่งพรวดมาจากด้านข้าง แล้วกลายเป็นใยแมงมุมเส้นผ่านศูนย์กลางสิบกว่าจั้งผืนหนึ่งกลางอากาศ เขาคิดจะหลบแต่ไม่ทันกาลแล้ว เขาถูกมันหุ้มไว้ด้านในทันที
เมื่อสูญเสียคนบังคับ เงานักพรตจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของร่างพลังเวทตั๊กแตนตำข้าวเกราะทองแม้แต่น้อย มันถูกโจมตีจนพังทลายในพริบตา!
เสียงกรีดร้องดังขึ้น กายเนื้อของผู้เฒ่าดั้งจมูกแบนถูกคมดาบแสงสีทองเล่มหนึ่งสะบั้นเป็นสองท่อน ต่อจากนั้นเสียงปังก็ดังขึ้นปราณสีเงินดวงหนึ่งพุ่งออกมาจากศีรษะของเขา พุ่งหายไปครั้งหนึ่งก็เหาะออกไปไกลร้อยจั้ง
ดวงวิญญาณของผู้เฒ่าดั้งจมูกแบนนั่นเอง!
ขณะที่ตั๊กแตนตำข้าวเกราะทองเผ่าหนอนผีเสื้อหมายจะไล่ตามสังหารให้แดดิ้น ผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์เผ่ามนุษย์อีกคนหนึ่งก็เหาะมาขวางการโจมตีของตั๊กแตนตำข้าวเกราะทองไว้…
ห้วงเวลานั้นผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์เผ่ามนุษย์หลายสิบคนกับเผ่าหนอนผีเสื้อระดับพยากรณ์ต่อสู้กันดุเดือดเลือดพล่าน อาวุธเวท แสงจิตวิญญาณบินว่อนเต็มฟ้า เสียงระเบิด เสียงหวีดหวิวดังสะเทือนแก้วหูแทบดับ สองฝ่ายต่างเข่นฆ่าทำร้ายกัน แต่เห็นชัดว่าในเวลาสั้นๆ ยากจะตัดสินแพ้ชนะ เกิดเป็นสถานการณ์ยืดเยื้อชั่วขณะ
ทันใดนั้นบนท้องฟ้าไกลออกไปก็ปรากฏเมฆดำหนาทึบผืนหนึ่งที่มีเงาดำเลือนรางสิบกว่าร่างแทรกอยู่ด้านใน มันมุ่งมายังแนวรบของเผ่ามนุษย์อย่างเร็วไว
ทันใดนั้นแรงกดดันล่องหนสายหนึ่งก็แผ่เข้าปกคลุมผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ผู้ฝึกฝนทั้งหมดรู้สึกเลือนรางว่าพลังเวทในร่างไม่ฟังคำบัญชา แม้แต่ลำแสงสีทองที่ยิงออกมาจากเรือรบนภาทมิฬก็เชื่องช้าลงอย่างผิดปกติ
“ปัง” เสียงกังวานดังขึ้นครั้งหนึ่ง
เมฆดำกลายเป็นพายุหมุนสีดำสิบกว่าลูกในพริบตา ใจกลางพายุหมุนแต่ละลูกมีเงาดำอยู่ร่างหนึ่ง
ร่างสีดำเหล่านี้โบกมือครั้งเดียว อสนีบาตสีดำมากมายถี่ยิบกลุ่มใหญ่พลันทิ้งดิ่งลงมาจากใจกลางพายุหมุนสีดำสิบกว่าลูกอย่างรวดเร็ว เสียงระเบิดดังสนั่น
อสนีบาตสีดำฟาดลงมาเป็นลำเข้าจู่โจมกองทัพด้านหลังของเผ่ามนุษย์ จุดที่มันฟาดผ่านเกิดรอยบิดเบี้ยวฉีกขาดของมิติขึ้นมา
“ราชินีหนอนผีเสื้อ คิดจริงหรือว่าแผ่นดินจงเทียนไม่มีผู้ใดต่อกรกับเจ้าได้!”
เสียงทรงพลังของปรมาจารย์มู่คงดังขึ้นในหูของผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์อย่างทันท่วงที ทำให้คนทั้งหมดรู้สึกร่างกายเบาสบายขึ้น แรงกดดันล่องหนนั่นลดทอนลงไปไม่น้อยในพริบตา
ต่อจากนั้นด้านหลังของเผ่ามนุษย์ก็มีร่างที่สวมอาภรณ์หลากหลายสียี่สิบกว่าร่างแปลงกายเป็นสายรุ้งเจิดจ้ายี่สิบกว่าสายเหาะเข้าใส่เงาสีดำสิบกว่าร่าง
เห็นชัดว่าพวกเขาก็คือเหล่าปรมาจารย์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์จากตระกูลและนิกายใหญ่แต่ละแห่งของแผนดินจงเทียนนั่นเอง!
คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้เฒ่าที่มีชีวิตมาไม่รู้กี่ปีแล้ว ประสบการณ์การต่อสู้มากมายยิ่งนัก บางคนสองมือยิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าออกมาจนคนมองตาพร่า บางคนสะบัดแขนเสื้อยาวยกมือเรียกอาวุธเวทอันน่าทึ่งที่หายากยิ่งออกมา…
ลำแสงหลากสีสันปะทะกับอสนีบาตสีดำเหล่านั้นในพริบตา
ขณะที่ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ไม่น้อยยังคงหวาดหวั่นขวัญผวาอยู่ ไกลออกไปบนท้องฟ้าก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น พลังปราณแห่งฟ้าดินในบริเวณร้อยลี้สั่นสะเทือนอย่างฉับพลัน แสงเรืองรองหลากสีนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนจะก่อตัวเป็นก้อนสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
แสงเจิดจ้าแสบตาสว่างขึ้นวูบหนึ่งก่อนจะหายไปราวกับถูกความว่างเปล่ากลืนกิน แสงอันงดงามหลายสิบสายสลายหายไปพร้อมกับอสนีบาตสีดำสิบกว่าเส้น!
ทว่าลมหายใจเดียวหลังจากนั้นแรงกดดันล่องหนสายหนึ่งก็แผ่ขยายออกไปมืดฟ้ามัวดิน เสียงสายลมพัดดังหวีดหวิว ลมพายุสายแล้วสายเล่ากลายเป็นความมืดแผ่ขยายออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง บดบังท้องนภากับดวงตะวันจนทำให้คนมองไม่เห็นไปชั่วขณะ
อึดใจต่อมายอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์เผ่ามนุษย์กับร่างแยกราชินีหนอนผีเสื้อสิบกว่าตัวก็ปรากฏตัวบนท้องฟ้าสูงหลายพันจั้งดุจเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา แล้วต่อสู้โรมรันกันไม่หยุด
ผู้ที่นำอยู่หน้าสุดคือผู้เฒ่าอาภรณ์เนื้อหยาบสีดำคนหนึ่ง แขนเสื้อยาวสะบัด พริบตาเดียวร่มยาวสีครามคันหนึ่งก็ปรากฏเบื้องหน้า เขาก็คือปรมาจารย์มู่คงผู้ระดับพลังสูงที่สุดในนิกายยอดบริสุทธิ์นั่นเอง
ร่มยาวสีครามประหนึ่งฝังหยกสีเขียวนับไม่ถ้วน ผืนผ้าบนร่มทอประกายแวววาวสะดุดตา
ปรมาจารย์มู่คงดีดนิ้วทั้งสิบระรัว พริบตาเดียวเคล็ดวิชาหลายสิบสายก็พุ่งออกมาแล้วทยอยจมลงไปบนผิวร่ม
เพียงชั่วครู่ เสียงวิ้งก็ดังสนั่น!
ร่มยาวสีครามโต้ลมขยายขนาดก่อนจะหมุนวนไม่หยุด ยันต์สีครามเต้นระริกอยู่บนผิวร่ม ม่านแสงสีครามก่อตัวขึ้นมาผืนแล้วผืนเล่า ขณะที่ในม่านแสงเหล่านี้มีดวงแสงสีทองขนาดเท่ากำปั้นจำนวนหนึ่งกะพริบแสงอยู่เลือนราง
“จงออกมา”
ปรมาจารย์มู่คงประสานมือทั้งสองข้างแล้วตวาดเสียงดัง
ผิวร่มส่งเสียงคำรามดังสนั่นในทันใด พายุหมุนสีครามขมุกขมัวนับไม่ถ้วนลอยออกมา หลังจากสั่นไหวเล็กน้อย พริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นพายุหมุนมหึมาอย่างยิ่งสิบกว่าลูก!
พายุหมุนเหล่านี้เพิ่งก่อตัวขึ้น ดวงแสงขนาดเท่ากำปั้นก็จมหายตามเข้าไปด้านใน พริบตาเดียวสายลมของพายุหมุนพลันฉาบด้วยแสงสีทอง
อากาศรอบด้านบิดเบี้ยวราวกับถูกบีบอัด
“ไป”
ปรมาจารย์มู่คงจี้ดรรชนีใส่พายุหมุนสีครามขนาบทองสิบกว่าลูกอย่างต่อเนื่อง พายุหมุนคำรามลั่นแล้วพัดเข้าใส่พายุหมุนสีดำลูกหนึ่งด้านหน้าในพริบตา
หญิงสาวชุดดำนางหนึ่งที่อยู่ในพายุหมุนสีดำหัวเราะหยัน ทันใดนั้นนางก็อ้าปากกว้างพ่นไอหมอกสีดำสนิทดั่งหมึกกลุ่มหนึ่งออกไปด้านหน้า
หมอกดำหนาทึบกลายเป็นทะเลเพลิงสีดำสนิทผืนหนึ่งระหว่างทาง แล้วกลืนพายุหมุนสีครามสลับทองสิบกว่าลูกเข้าไปด้านในทันที
สายลมกับเปลวเพลิงประสานกัน เปลวเพลิงสีดำยิ่งลุกโหมรุนแรง มันห้อมล้อมพายุหมุนแล้วเหมือนจะกลืนพายุหมุนเหล่านี้เข้าไป
ปรมาจารย์มู่คงดวงตาวาวโรจน์ ใบหน้าแดงก่ำ เคล็ดวิชาที่มือบังคับวิชาต่อเนื่องไม่หยุด
พายุหมุนทั้งหมดเปล่งแสงสีทองสว่างจ้าหมุนติ้วอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงสีดำแล้วขยายขนาดขึ้นอีกหลายเท่า
ทว่าหญิงสาวชุดดำกลับส่งเสียงหัวเราะประหลาดคล้ายไม่คิดจะสู้ติดพันกับปรมาจารย์มู่คง นางยกมือข้างหนึ่งจี้ดรรชนี มังกรเพลิงสีดำหลายสิบตัวผุดออกมาจากเปลวเพลิงสีดำที่ลุกโหม ส่วนหนึ่งเข้าโรมรันกับพายุหมุนสองสี อีกส่วนหนึ่งพุ่งพรวดโถมเข้าใส่ยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์คนอื่น