ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 884
อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของปีศาจพันมายาซีดเผือดผิดปกติ เท้าโซเซหวิดจะล้มลงในทันใด
แม้ดูเหมือนเขาป้องกันการโจมตีของฝ่ามือยักษ์สีดำกลางท้องฟ้าได้ แต่เพื่อรักษา ‘ธงหยาปี้’ ต้นแบบอาวุธเวทชิ้นนี้ไว้ พลังเวทในร่างจึงทะลักออกจากร่างประหนึ่งน้ำหลากจนรู้สึกว่าทนไม่ไหวอยู่บ้างแล้ว
การโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไม่เป็นรองผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นปลายสักนิด ทว่าเมื่อจิตสัมผัสของเขากวาดผ่านไปกลับตรวจสอบพลังที่แน่นอนของหลิ่วหมิงไม่ได้แม้แต่น้อย
“นิกายยอดบริสุทธิ์ถึงกับส่งคนร้ายกาจเช่นนี้มาไล่ล่าสังหารข้า…” ในใจปีศาจพันมายาเคียดแค้นนัก แต่เขาทำได้เพียงกัดฟันกระตุ้นพลังเวทในร่าง แสงสีดำบนร่างโถมออกมาอย่างบ้าคลั่ง กรอกเข้าไปในเงาจิ้งจกต่อเนื่องไม่ขาดสาย
เงาของปีศาจอสูรตัวนี้สะบัดหางอย่างบ้าคลั่ง ต้านฝ่ามือยักษ์สีดำไว้ได้ชั่วครู่อีกครั้ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ม่านตาพลันหดลงเล็กน้อยทันที!
หลังจากตัวเขากินโอสถกระดูกมรกตนักรบพระโพธิสัตว์ไปสิบกว่าเม็ด พลังมหาศาลในร่างก็เพิ่มพรวดขึ้นจากก่อนหน้านี้หนึ่งเท่ากว่า แม้เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นต้นก็ไม่แน่ว่าจะรับการโจมตีเต็มกำลังของเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
ปีศาจพันมายาผู้นี้อาศัยธงคำสั่งสีดำที่ไม่สะดุดตาผืนหนึ่งต้านกำลังมหาศาลของเขาไว้ได้ ไม่แปลกที่จะหนีรอดจากการไล่ล่าตามจับของนิกายยอดบริสุทธิ์ได้หลายครั้ง
แต่มาถึงเวลานี้ หลิ่วหมิงย่อมไม่คิดจะออมมือ ร่างกายเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ปราณดำทั่วร่างพลุ่งพล่านออกมา เสียงมังกรกู่ร้องพยัคฆ์คำรามสะเทือนแก้วหูแทบดับดังขึ้นพักหนึ่ง มังกรหมอกห้าตัวกับพยัคฆ์สีดำห้าตัวก็บินทะลวงตามออกมา หลังจากแยกเขี้ยวกางกรงเล็บบินวนอยู่กลางอากาศรอบหนึ่งก็ผสานเข้าไปในฝ่ามือยักษ์สีดำจนหมด
ฝ่ามือยักษ์สีดำฉับพลันเปล่งแสงสีดำสว่างเจิดจ้า ชั่วพริบตาขยายพรวดขึ้นมากกว่าหลายเท่า พร้อมกันนั้นบนหลังมือก็มีลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงเข้มคล้ายเกล็ดมังกรปรากฏออกมาแผ่แสงรัศมีประหลาดเจิดจ้าแวววาว
ปีศาจพันมายารู้สึกว่าแรงกดดันเหนือศีรษะเพิ่มพรวดขึ้นหลายเท่าในพริบตา
ส่วนหางของจิ้งจกส่งเสียงแตกร้าวดังเปรี๊ยะๆ จากนั้นเพียงสองสามลมหายใจทั้งร่างของเงาปีศาจอสูรก็ส่งเสียงดัง “บึ๊ม” แล้วแตกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นธงคำสั่งสีดำที่สูญเสียพลังจิตวิญญาณจากนั้นถูกโจมตีปลิวออกไปไกล
ฝ่ามือยักษ์สีดำร่วงลงมาพร้อมเสียงดังกึกก้อง เสียงดังสนั่นราวกับอสนีบาตคำราม
ปีศาจพันหน้าสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ทันใดนั้นเขาก็กัดฟัน แสงสีขาวสว่างขึ้นบนฝ่ามือ ดอกหมู่ตันแกะสลักจากผลึกน้ำแข็งดอกหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมาจากในแขนเสื้อ มันหมุนเร็วรี่รอบหนึ่งแล้วกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งสูงสิบกว่าจั้ง หนาสองสามจั้งผืนหนึ่งขวางอยู่ด้านหน้า พร้อมกันนั้นในมืออีกข้างหนึ่งก็มียันต์สีเทาขมุกขมัวแผ่นหนึ่งเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เขาขยี้จนแหลกอย่างไม่ลังเลสักนิด
แสงสีเทาดวงหนึ่งเพิ่งหุ้มร่างกายของปีศาจพันมายาเสร็จ มือยักษ์สีดำก็ตบลงบนกำแพงน้ำแข็งแล้ว
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้นครั้งหนึ่ง!
กำแพงน้ำแข็งต้านมือยักษ์สีดำไว้ได้อย่างหวุดหวิดเพียงไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ ก็พังทลายกลายเป็นเศษน้ำแข็งเต็มฟ้า
มือยักษ์สีดำโจมตีลงบนร่างปีศาจพันมายาโดยที่พลังไม่ลดทอน ทว่าปราณสีเทาพลุ่งพล่านบนร่างปีศาจพันมายากลับกระจายหายไป จากนั้นเขาก็กลายเป็นเงาพร่ามัวแล้วหายวับไป
เสียงทึบหนักดังขึ้นครั้งหนึ่ง มือยักษ์สีดำโจมตีลงบนพื้นดิน!
เทือกเขารอบด้านสั่นไหวตามเล็กน้อย ในหุบเขามีเศษหินไม่น้อยร่วงกราวเกิดเสียงประหนึ่งอสนีบาตครวญคราง
“คิดหนีหรือ?”
หลิ่วหมิงหัวเราะแผ่วเบาแล้วโบกมือ ฝ่ามือยักษ์สีดำกลายเป็นปราณสีดำพลุ่งพล่านก่อนจะสลายไปอีกครั้ง แล้วผสานเข้าไปในร่างประหนึ่งวาฬดูดน้ำ
พื้นดินที่เดิมทีปีศาจพันมายายืนอยู่ปรากฏรอยประทับฝ่ามือขนาดสิบกว่าจั้ง ลึกหลายฉื่อรอยหนึ่ง
เมื่อครู่เขาเห็นชัดเจน พริบตาที่ฝ่ามือยักษ์ของเขาร่วงลงมา กลิ่นอายของปีศาจพันมายาพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย เนื่องจากหายไปรวดเร็วเกินไป ตอนนี้ตรงที่เดิมจึงยังเหลือเงาเลือนรางสายหนึ่งไว้
“คงจะเป็นยันต์ล้ำค่าธาตุว่างเปล่าจำพวกยันต์เคลื่อนย้าย คนผู้นี้มีลูกเล่นพอตัวทีเดียว มิน่าจึงสังหารยากนัก…”
บนใบหน้าของหลิ่วหมิงไม่ได้เผยสีหน้าเสียดายออกมา เขาโบกมือส่งปราณดำสายหนึ่งไปม้วนธงคำสั่งสีดำผืนนั้นที่อยู่ไม่ไกลมา แม้ธงนี้เสียพลังจิตวิญญาณไปแทบหมดแล้ว แต่ด้านบนยังมีพลังเวทน้อยนิดหลงเหลืออยู่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
มีของสิ่งนี้อยู่ ขอเพียงปีศาจพันมายายังอยู่ในบริเวณพันลี้ หลิ่วหมิงเชื่อมั่นว่าตนจะจับตัวเขาได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก
“บึ๊ม” คลื่นพลังเวทรุนแรงระลอกแล้วระลอกเล่าดังสนั่น หลิ่วหมิงหันศีรษะไปมอง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเย็นชาจางๆ อย่างอดไม่ได้
การเคลื่อนไหวนี้มาจากจั่วกงเฉวียนกับเซียเอ๋อร์ที่อยู่ไม่ไกล
เวลานี้ร่างกายของจั่วกงเฉวียนลอยอยู่กลางอากาศ เส้นผมหนวดเคราสยาย สองมือที่หุ้มด้วยเปลวเพลิงร้อนระอุโบกสะบัด ส่งเปลวเพลิงร้อนแรงสีแดงฉานแถบแล้วแถบเล่าออกมา จมลงไปในหมัดยักษ์สีแดงเพลิงสองข้างด้านหน้า
กำแพงศิลาสีน้ำตาลทองที่ต้านมันไว้ถูกฝ่ามืออัคคียักษ์ที่ร้อนระอุนี้โจมตีจนเกิดหลุมลึกหลุมหนึ่งและกำลังจะถูกแผดเผาจนทะลุ
เซียเอ๋อร์ที่ถูกแสงสีเหลืองครอบรอบร่างอยู่สีหน้าซีดขาว นางกระตุ้นพลังเวทในร่างบังคับศิลาใกล้ๆ ให้เข้ามารวมกันไม่หยุด พยายามถมลงไปในหลุมลึก
แต่จั่วกงเฉวียนในเวลานี้เห็นปีศาจพันมายาหนีไปเพียงลำพังแล้ว ในใจย่อมตกตะลึง ทันใดนั้นสองแขนก็หุบลง มืออัคคียักษ์พังทลายพร้อมเสียงดังกึกก้อง พร้อมกันนั้นเขาก็กลายเป็นเปลวเพลิงดวงหนึ่งบินเร็วรี่ออกไปไกล
“ประมุขจั่วตอนนี้เพิ่งคิดจะหนี สายเกินไปหน่อยหรือไม่?” เงาดำกะพริบแล้วหายวับไป หลิ่วหมิงข้ามผ่านระยะยี่สิบกว่าจั้งในพริบตาแล้วปรากฏตัวหน้าร่างจั่วกงเฉวียนประหนึ่งภูตพราย
“สหายหลิ่ว นี่…นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด…ล้วนเป็นเจ้าฟั่น…” เปลวเพลิงสาดซัด จั่วกงเฉวียนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทว่าสีหน้าซีดเผือดไปหมดขณะที่ฝืนเค้นรอยยิ้มบางออกมา
แต่เขาเพิ่งเอ่ยคำพูดไปครึ่งหนึ่ง สองมือก็พลันสะบัดไปด้านหน้าเร็วประหนึ่งสายฟ้าแลบ หมัดสีแดงฉานที่หุ้มด้วยเปลวเพลิงร้อนระอุสองหมัดหลุดออกมาจากมือ พาคลื่นความร้อนรุนแรงสองสายโจมตีออกไปพร้อมเสียงดังกึกก้อง เขาหายวับอีกครั้งแล้วพุ่งเร็วรี่หนีไปด้านข้าง
หลิ่วหมิงเพียงยิ้มน้อยๆ เขาบิดเอวครั้งเดียว ร่างกายก็หลบพ้นพร้อมกับมุ่งไปด้านหน้าประหนึ่งภูตพราย ร่างทะลวงผ่านระหว่างกลางหมัดสีแดงสองข้างไปอย่างเฉียดฉิว
เสียง “บึ๊ม” ดังสนั่นขึ้นสองครั้ง!
หมัดสีแดงสองข้างทยอยระเบิดด้านหลังหลิ่วหมิง จั่วกงเฉวียนคนนี้ถึงขั้นระเบิดถุงมือหมัดอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่พลังไม่ต่ำต้อยคู่หนึ่งอย่างไม่เสียดายเพื่อหนีเอาชีวิตรอด แต่น่าเสียดายที่เขาคิดไม่ถึงว่านอกจากหลิ่วหมิงจะไม่ถอยยังรุกคืบเข้ามาแล้วยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกัน เสียง “ฟุบ” ก็ดังขึ้น ‘หลิ่วหมิง’ อีกคนที่สวมชุดเกราะสีทองพลันปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าจั่วกงเฉวียน ดักเขาไว้กลางอากาศ พร้อมกันนั้นก็พลิกมือคว้าไม้เท้าหัวผี ส่งปราณดำพลุ่งพล่านบนร่างแล่นเข้าไปด้านใน
ร่างกายจั่วกงเฉวียนชะงักอย่างแรง หน้าซีดลงเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายสั่นเทิ่มเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะความหวาดกลัวหรือความเกรี้ยวกราด
เสื้อเกราะบนร่าง ‘หลิ่วหมิง’ คนที่อยู่ตรงหน้าเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าออกมา ใบหน้าเขาฉับพลันกลายเป็นสภาพกึ่งโปร่งใสแลดูน่าหวาดกลัว พร้อมกันนั้นบนผิวก็ปรากฏลวดลายจิตวิญญาณสีทองตัวแล้วตัวเล่า เวลาไม่กี่ลมหายใจทั้งร่างของเขาก็ทอแสงสีทองสว่างไสว
“พลทหารยันต์!” จั่วกงเฉวียนเห็นภาพนี้ก็หลุดปากออกมา
“นับว่าเจ้ารอบรู้อยู่บ้าง น่าเสียดายความสามารถในการประเมินสถานการณ์ย่ำแย่เกินไป หากเจ้าหนีไปตั้งแต่แรก ข้าก็คร้านจะไปไล่ล่าสังหารเจ้า ส่วนตอนนี้…” หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหลังโฉบครั้งเดียวก็ไล่ตามมาถึงบริเวณใกล้ๆ แล้วเอ่ยขึ้นนิ่งๆ
สิ้นเสียง ปราณดำบนร่างเขาก็พวยพุ่งออกมารวมตัวกันกลายเป็นมังกรหมอกสีดำยาวหลายจั้งสองตัว พวกมันร้องคำรามพุ่งโถมเข้าใส่จั่วกงเฉวียนพร้อมกันจากทางซ้ายและขวา
จั่วกงเฉวียนจนมุมแล้ว แต่เวลานี้สมองกลับเยือกเย็นลง เขาหมุนตัวไปด้านข้าง ทันใดนั้นแสงเปลวเพลิงบนร่างก็ฉายสว่าง ก่อนจะชักมีดสั้นแวววาวสีแดงฉานเล่มหนึ่งออกมา
เคล็ดวิชาในมือเขาเปลี่ยนไป มีดสั้นสีแดงฉานมีเปลวเพลิงร้อนแรงลุกไหม้ส่งเสียงดังฟู่ แสงสีแดงแสบตาส่องสว่างแล้วกลายเป็นมังกรเพลิงสีแดงยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่ง มันอ้าปากพ่นอัคคีร้อนแรงลำหนึ่งออกมาใส่มังกรหมอกสีดำสองตัว
อย่างไรเสียมังกรหมอกสีดำก็ก่อเกิดมาจากพลังเวท ส่วนมังกรเพลิงสีแดงเป็นร่างแปลงของต้นแบบอาวุธเวท ทั้งสองอย่างต่างชั้นกันตั้งแต่เนื้อใน มังกรหมอกสีดำฉับพลันถูกบีบให้ถอยหลังไม่หยุด
ทันใดนั้นร่างกายมังกรเพลิงสีแดงก็ยืดยาว พร้อมกับที่บนร่างมีเปลวเพลิงรุนแรงปะทุออกมา ล้อมมังกรหมอกของหลิ่วหมิงไว้ด้านใน
เวลานี้เองด้านหน้าจั่วกงเฉวียนพลันมีแสงสีทองฉายวาบ ร่างแยกยันต์ลึกลับพลังผ้าเหลืองโถมเข้าไป ทว่าไม้เท้าหัวผีในมือไม่ได้กลายเป็นผีร้ายสีดำ แต่แปลงร่างเป็นเงากระบองถี่ยิบจู่โจมเข้าใส่จั่วกงเฉวียน
จั่วกงเฉวียนดวงตาฉายแววเหี้ยมเกรียม เขาพลิกมือครั้งหนึ่งเรียกมีดสั้นสีแดงเพลิงที่เหมือนกันทุกประการอีกเล่มหนึ่งออกมา แสงสีแดงฉานสว่างขึ้นวูบหนึ่ง ทันใดนั้นมีดสั้นพลันกลายเป็นมังกรเพลิง
ปัง ปัง ปัง!
ไม้เท้าสีดำฟาดลงบนร่างมังกรเพลิง แสงเปลวเพลิงกระเด็นพุ่งไปสี่ทิศ
ร่างกายใหญ่ยักษ์ของมังกรอัคคีสีแดงเพลิงฉวยโอกาสม้วนตัวรัดยันต์ลึกลับพลังผ้าเหลืองไว้แน่น แสงอัคคีเจิดจ้าล้อมทั้งสองไว้ด้านใน
จั่วกงเฉวียนเห็นเช่นนี้พลันสีหน้ายินดี ร่างกายพุ่งออกไปด้านหลังกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง แหวกท้องฟ้าเหาะหนีไปอีกครั้ง กระทั่งมีดสั้นสีเพลิงสองเล่มก็ไม่เก็บกลับคืน
ผลสุดท้ายเขาเพิ่งเหาะออกมาได้ไม่ไกล เงาดำก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เงาร่างที่มีปราณสีดำจางๆ ล้อมวนปรากฏตัวขวางอยู่เบื้องหน้าประหนึ่งภูตพราย
บนหน้าของจั่วกงเฉวียนไม่มีสีหน้าประหลาดใจ เขากลับตะโกนเสียงดังคำหนึ่ง ขณะที่มือข้างหนึ่งตบถุงหนังสีดำข้างเอวอย่างแรง ปราณดำก้อนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้านในพร้อมกับเสียงของวิหคที่กรีดร้องเสียงแหลม ก่อนจะกลายเป็นปีศาจอินทรีสีดำมหึมา
อินทรีมารมืดตัวนั้นที่ถูกหลิ่วหมิงไล่ล่าสังหารแล้วหายไปไร้ร่องรอยก่อนหน้านี้นั่นเอง
แต่เวลานี้สองตาของอินทรีมารมืดขุ่นมัวไปหมดราวกับว่าถูกบางสิ่งปกคลุมไว้ การเคลื่อนไหวก็คล้ายจะแข็งทื่อไปอยู่บ้าง มันปรากฏตัวขึ้นก็กางปีกสองข้างออกทันที บนร่างมีไอปีศาจสีดำผุดออกมาหมุนเร็วรี่เกิดเป็นพายุหมุนสีดำสนิทเส้นผ่านศูนย์กลางสิบกว่าจั้งลูกหนึ่งซึ่งแฝงปราณหยินน่าขนลุก และส่งเสียงบาดหูเหมือนโลหะออกมา
หลิ่วหมิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคล้ายกับอยู่ใกล้เกินไปจึงตอบสนองไม่ทันสักนิด พริบตาก็ถูกลมหมุนสีดำล้อมไว้ด้านใน
ส่วนจั่วกงเฉวียนฉวยโอกาสนี้กลายร่างเป็นลำแสงสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่หนีไปด้านข้างอีกครั้ง
แต่ขณะที่ประมุขนิกายเพลิงหยกผู้นี้โฉบไปด้านข้างพายุหมุน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเบื้องหลังมีสายลมพัดแผ่วเบา จากนั้นท้องน้อยก็เย็นวูบ แขนที่มีเกล็ดสีม่วงเข้มแผ่ทั่วข้างหนึ่งส่งฝ่ามือทะลุออกมาพร้อมกับกำแก่นแท้สีแดงระยิบระยับดวงหนึ่งไว้
จั่วกงเฉวียนสองตาเบิกโพลง พลังปราณทั่วร่างชั่วพริบตาถูกสูบออกไปจนเกลี้ยง แต่เขายังคงเอี้ยวศีรษะกลับไปมองด้านหลังอย่างยากลำบาก
เขาเห็นหลิ่วหมิงกำลังลอยอยู่หลังร่างด้วยสีหน้าเฉยชา มือข้างหนึ่งชักออกจากท้องน้อยของจั่วกงเฉวียนแล้วออกแรงกำ แก่นแท้สีแดงดวงนั้นส่งเสียงดัง “เปรี๊ยะ” จากนั้นป่นเป็นผงในทันใด
“ไม่มีทาง…เจ้าไม่ได้ถูก…”
เลือดผุดออกมาจากท้องน้อยของจั่วกงเฉวียนไม่หยุดประหนึ่งน้ำพุ แก่นแท้แตกสลายย่อมไม่มีทางมีชีวิตรอดแล้ว แต่ปากยังคงเอ่ยถามอย่างยากจะเชื่อ