ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 923 เหยาจี
ขณะที่หลิ่วหมิงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้างามล้ำของหญิงสาวที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือก็เปลี่ยนจากตกตะลึงกลายเป็นเขียวคล้ำในพริบตา นางขยับแขนฉับพลัน ทันใดนั้นลมพายุลูกหนึ่งก็พัดขึ้นมาตรงกลางระหว่างทั้งสองคน
หลิ่วหมิงรู้สึกว่าร่างกายเย็นวูบ จากนั้นทั้งร่างก็ปลิวตะแคงออกไปห่างสิบกว่าจั้งแล้วร่วงกระแทกบนพื้นน้ำแข็งอย่างหนักหน่วง
ความรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยทำให้หลิ่วหมิงเพิ่งเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าเขาเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดงแล้วรีบร้อนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่อย่างรวดเร็ว
ยังไม่ทันที่เขาจะสวมเสื้อชั้นนอกตัวสุดท้าย สายลมแรงก็โถมมาถึงตรงหน้า หญิงสาวเก้าหางผู้สวมชุดนางในสีขาวเรียบร้อยปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง ทว่าดวงหน้างามถมึงทึงยิ่งนัก เปี่ยมไปด้วยไอสังหาร
“ดียิ่ง เจ้าฉวยโอกาสยามข้าขาดสติทำเรื่องพรรค์นี้ ข้าไม่หักกระดูกเจ้าป่นเป็นผงคงไม่ได้!”
นางปีศาจตนนี้กัดฟันกรอดเอ่ยประโยคหนึ่งแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้น เงากรงเล็บสีแดงใหญ่หนึ่งจั้งกว่าข้างหนึ่งก่อตัวออกมาในพริบตา จากนั้นตะปบเข้าใส่หลิ่วหมิงอย่างรุนแรง
หลิ่วหมิงทำได้เพียงหัวเราะฝืดเฝื่อน พร้อมกันนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อ โล่น้อยสีเหลืองชิ้นหนึ่งลอยออกมากลายเป็นโล่ยักษ์สีเหลืองขมุกขมัวขวางอยู่หน้าร่าง
หลังจากโล่ชิ้นนี้หมุนติ้วรอบหนึ่ง บนผิวก็มีเงาภูเขาลูกน้อยลอยออกมา
เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่นขึ้นครั้งหนึ่ง!
หลังจากเงากรงเล็บยักษ์สีแดงอ่อนกับภูเขาลูกน้อยสีเหลืองปะทะกัน ภูเขาน้อยก็มลายหายไปในพริบตา โล่ดินหนาทั้งชิ้นระเบิดกลายเป็นไอหมอกสีเหลืองแถบหนึ่งราวกับเป็นแค่หน้าต่างกระดาษ
หลิ่วหมิงตกตะลึง หลังจากการต่อสู้ดุเดือดของหลิ่วหมิงก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าอสูรสมุทรแปดขาบนร่างหายไปอยู่ที่ไหน ช่วงเวลาฉุกละหุกเขาจึงได้แต่ฝืนกระตุ้นเกล็ดมังกรที่เหลือไม่มากในร่างสิบกว่าเกล็ดให้ปกคลุมจุดสำคัญหลายจุดไว้
ฉับพลันเขาก็รู้สึกว่าเบื้องหน้าเต็มไปด้วยสีแดงแสบตา ความเจ็บปวดทิ่มแทงส่งผ่านจากหน้าอกไปทั่วร่าง เกล็ดมังกรสีชาดบนร่างแตกกระจุยไปหลายเกล็ดเผยให้เห็นเลือดเนื้อสีแดงสด ทั้งร่างกลายเป็นเงาสีดำสายหนึ่งถอยพรวดออกไป
เสียง “ปัง” ดังขึ้น ร่างกายของหลิ่วหมิงโซเซไปหลายก้าวจนในที่สุดก็หยุดเท้าได้ ทว่าดวงตาก็มองเห็นดาวอยู่พักหนึ่ง
“เหอะ ผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนกระจอกๆ คนหนึ่ง กายเนื้อกลับแข็งแกร่งน่าตะลึงเช่นนี้! ข้ารู้สึกได้ว่าในร่างของเจ้ามีปราณปีศาจบริสุทธิ์จำนวนหนึ่งไหลเวียนอยู่ หรือว่าเจ้าจะเคยฝึกฝนวิชาลับเผ่าปีศาจของพวกเราด้วย?”
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ นางยกมือข้างหนึ่งสะบัดอีกครั้ง กรงเล็บยักษ์ที่ทอแสงขมุกขมัวข้างหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นเหนือร่างหลิ่วหมิงอีกหน ดูราวกับภูเขาลูกย่อมร่วงหล่นลงมา
เวลานี้หลิ่วหมิงเลือดโชกทั่วร่าง บนหน้าอกเห็นรูมหึมาอยู่ห้ารูชัดเจน เขาแค่นเสียงหยันคำหนึ่ง แล้วโจมตีสองหมัดขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันใด เสียงฟู่ดังขึ้นพร้อมกับที่ปราณดำบนท่อนแขนม้วนตัวกลายเป็นมังกรหมอกสีดำห้าตัวแยกเขี้ยวสะบัดกรงเล็บพุ่งออกไป
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แสงสีแดงกับปราณสีดำโรมรันกันเป็นก้อนสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วกลายเป็นคลื่นสาดออกมา
หลิ่วหมิงสั่นสะท้านไปทั่วร่าง เลือดสายน้อยนับไม่ถ้วนพุ่งปรี๊ด สะบักสะบอมดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม
เมื่อนางปีศาจเห็นว่าการโจมตีครั้งที่สองยังคงไม่ได้ผล สีหน้าก็ประหลาดใจเล็กน้อย แต่หลังจากลังเลครู่หนึ่งนางก็ยังเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
“ดีมาก พลังระดับเจ้ากลับรับการโจมตีจากกรงเล็บเทพทะลวงฟ้าที่ข้าเพิ่งสืบทอดมาได้ ก็นับว่ามีความสามารถอยู่บ้าง หากเจ้ายังรับการโจมตีครั้งต่อไปได้ ข้าปล่อยเจ้าไปก่อนสักครั้งก็ย่อมได้ แต่เจ้าอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไปนัก สองครั้งเมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งใช้พลังเวทไปห้าส่วนเท่านั้น”
สิ้นเสียง หญิงสาวเก้าหางพลันกู่ร้องเสียงยาว ด้านหลังมีเสียงดัง “ฟึบ” “ฟึบ” ขึ้นหลายครั้ง หางจิ้งจอกขาวโพลนเก้าเส้นปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าอีกหน พวกมันสะบัดโต้ลมอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นสองมือของนางก็ตั้งท่าเคล็ดวิชาพร้อมกันแล้วจี้ดัชนีมายังท้องฟ้าเหนือร่างหลิ่วหมิง
เสียง “ครืน” ดังสนั่น ท้องนภาทั้งผืนมืดหม่น เงากรงเล็บใหญ่ค้ำฟ้าขนาดหนึ่งหมู่กว่าข้างหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าเหนือร่างหลิ่วหมิง ทั้งกรงเล็บเป็นสีชาด เมฆอัคคีนับไม่ถ้วนวนเวียนราวกับเป็นร่างจริง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันหน้าถอดสี มือข้างหนึ่งกวักไปทางบริเวณใกล้ๆ ในทันใด
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง แสงสีเงินสายหนึ่งก็พุ่งจากพื้นดินด้านข้างจมลงไปในร่างท่อนบนของเขาแล้วกลายเป็นชุดเกราะสีเงินตัวหนึ่งในพริบตา มันก็คืออสูรสมุทรแปดขานั่นเอง!
ในเวลาเดียวกันสองมือของหลิ่วหมิงก็ตั้งท่าเคล็ดวิชาอย่างเร็วไว หลังจากตรงซี่โครงทอแสงสีเงินออกมาครั้งหนึ่ง แต่ละฝั่งก็มีแขนสีเงินข้างหนึ่งงอกออกมา พร้อมกันนั้นกลางฝ่ามือสีเงินระยิบระยับแต่ละข้างต่างก็กำมุกพลังวารีที่มีปราณวารีเวียนวนอยู่ลูกหนึ่ง
ในเวลานี้เองกรงเล็บสีชาดค้ำฟ้ากลางอากาศก็ร่วงลงมา ระหว่างนิ้วทั้งห้ามีอสนีบาตนับไม่ถ้วนเวียนวนประหนึ่งกรงเล็บเทพมาร
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้รูม่านตาพลันหดเล็กลง เสียงคำรามบ้าคลั่งดังขึ้นครั้งหนึ่ง ปราณดำเบื้องหลังก็ถาโถมก่อตัวเป็นมังกรหมอกยาวสิบกว่าจั้งห้าตัวกับพยัคฆ์หมอกสีดำขนาดเท่าบ้านห้าตัว ในเวลาเดียวกันภายในร่างเขาก็ดังระรัวดั่งจุดประทัด ร่างกายขยายพรวดขึ้นช่วงใหญ่พร้อมกับที่บนผิวมีเส้นเลือดยึกยือเส้นแล้วเส้นเล่าปรากฏออกมา ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดหนาสีม่วงเข้มหลายชั้น
เสียง “ฟู่” “ฟู่” ดังขึ้นหลายครั้ง แขนทั้งสี่ข้างของหลิ่วหมิงต่อยอย่างบ้าคลั่งเข้าใส่กรงเล็บยักษ์ที่ร่วงลงมาพร้อมกัน
พริบตานั้นอากาศด้านบนพลันสั่นสะเทือนไปทั้งแถบ มังกรหมอกห้าตัวกับพยัคฆ์หมอกห้าตัวคำรามพุ่งขึ้นฟ้านำไปก่อน จากนั้นเงาหมัดสีดำมากมายถี่ยิบก็ตามไปติดๆ ประหนึ่งน้ำหลาก
เสียงครืดคราดดังสนั่น ทั้งมิติเกิดเสียงดังสนั่นประหนึ่งอสนีบาตกลางฟ้าแจ้ง
พริบตานั้นเสาสายลมสีเทาขมุกขมัวต้นแล้วต้นเล่าพุ่งขึ้นฟ้าแล้วซัดสาดไปสี่ด้านแปดทิศอย่างรุนแรงท่ามกลางคลื่นหมอกสีดำวงแล้ววงเล่า…
หลิ่วหมิงรู้สึกว่าหน้าอกร้อนวูบจนอดกลั้นไม่ไหวอ้าปากพ่นโลหิตออกไปสองคำ ทันใดนั้นสองขาก็หนักอึ้งจมลงไปในพื้นวังครึ่งท่อนพร้อมกับเสียงดัง “ปัง” “ปัง” แผ่นหินใกล้ๆ แตกกระจุยเป็นแถบ
แขนสีเงินสองข้างตรงซี่โครงของเขาส่งเสียงดังแล้วกลายเป็นละอองแสงสีเงินพังทลายไป แขนดั้งเดิมอีกสองข้างก็สูญเสียสัมผัสร่วงตกนิ่งสนิทในพริบตา กำปั้นที่มีเกล็ดสีดำแผ่อยู่ทั่วทั้งสองข้างเนื้อหนังฉีกขาดเลือดชุ่มโชก
ทว่าหลิ่วหมิงกลับไม่สนใจทุกสิ่งนี้ เขาเพียงจ้องมองก้อนแสงสีแดงดำมหึมาที่ค่อยๆ สลายไปกลางท้องฟ้า
หลังจากแสงรัศมีทั้งหมดดับลง กลางท้องฟ้าก็ว่างเปล่า ไม่ว่าเงาหมัดหรือกรงเล็บยักษ์ล้วนไม่เหลืออยู่อีกต่อไป
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงโล่งอก สายตากวาดพรึ่บมองไปยังหญิงสาวเก้าหางฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง จากนั้นจึงกวาดสายตามองไปยังฝักกระบี่ล่องหนข้างเอวอย่างไม่รู้ตัว
หากอีกฝ่ายยังไม่เลิกรา เขาก็คงได้แต่คลายผนึกของฝักกระบี่ เรียกลูกกลอนกระบี่ว่างเปล่าที่บำรุงอยู่ออกมา
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในเห็นสถานการณ์เช่นนี้ บนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าประหลาดเล็กน้อย คล้ายกับว่าทั้งโล่งอกครั้งใหญ่แล้วก็ทั้งไม่ยินยอมอยู่บ้าง
“เหอะ นับว่าเจ้าโชคดีรับการโจมตีครั้งที่สามได้ นี่บ่งบอกว่าข้าไม่มีวิธีอื่นที่จะเอาชีวิตเจ้ามาได้ง่ายๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้าช่วยให้ข้าทำพิธีกรรมสืบทอดครั้งนี้สำเร็จ จะปล่อยเจ้าไปก่อนสักครั้ง แต่เรื่องในวันนี้อย่าให้บุคคลที่สามรู้เด็ดขาด มิเช่นนั้นต่อให้ต้องข้ามแผ่นดินทั้งหลายไป ข้าก็จะหาวิธีสังหารเจ้าให้จงได้!” หลังจากสีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง ในที่สุดนางก็พ่นคำพูดยาวเหยียดออกมาในเฮือกเดียว
“แม่นางโปรดวางใจ ข้าจะไม่ให้เรื่องในนี้เล็ดลอดไปถึงผู้ใด มิเช่นนั้นข้ายินดีถูกลงทัณฑ์ให้หมื่นภูตผีกัดกินวิญญาณ!” หลิ่วหมิงสีหน้าผ่อนคลายลงแล้วรีบเอ่ยสาบานทันที
“เจ้าจงจำคำพูดเมื่อครู่ไว้เป็นดีที่สุด โอสถคืนกำเนิดเม็ดนี้ถือว่าเป็นค่าตอบแทนของเจ้าในครั้งนี้ ส่วนสิ่งนี้เป็นของที่ใช้ออกไปจากที่นี่” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเรียบๆ หลังจากมองหลิ่วหมิงอีกครั้ง ทันใดนั้นนางก็โยนโอสถสีเขียวเม็ดหนึ่งกับยันต์สีขาวแผ่นหนึ่งมาให้ จากนั้นนางก็ขยี้ยันต์ที่เหมือนกันอีกแผ่นในมืออีกข้างอย่างไม่ลังเลสักนิด แสงสีขาวสาดไปรอบด้านทันที หลังจากนั้นร่างกายของนางก็เลือนรางลงในทันใด
“ข้าคือหลิ่วหมิงแห่งแผ่นดินจงเทียน ไม่ทราบแม่นางมีชื่อเสียงเรียงนางว่าอันใด!” หลิ่วหมิงรับโอสถกับยันต์ไปแล้ว ในใจก็เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา จึงเอ่ยถามขึ้นมาประโยคหนึ่งราวกับถูกเทพดลใจ
“ข้านามว่าเหยาจี วันหน้าหากเจ้าคิดว่าพลังของตนแข็งแกร่งพอจะไปตามหาข้าที่แผ่นดินหมานฮวงก็ได้…แต่หากพลังของเจ้าไม่มากพอแล้วมาปรากฏกายต่อหน้าข้า ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นชิ้นแน่นอน” เสียงรื่นหูของหญิงสาวสะท้อนก้องแผ่วเบาในวัง ครู่ต่อมาหลังจากแสงสีขาวส่องสว่างวูบหนึ่ง เงาของสตรีนางนี้ก็หายไปจากที่เดิมอย่างสิ้นเชิง
หลิ่วหมิงเห็นเงาของสตรีนางนี้หายไปต่อหน้าเช่นนี้ เขาก็นิ่งอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง ในสมองนึกถึงช่วงเวลาไม่กี่วันสั้นๆ นี้ที่ได้รู้จักกับสตรีนางนี้ รวมถึงวาสนารักอันคิดไม่ถึงซึ่งไม่รู้ว่าสมควรนับหรือไม่ครั้งนี้ ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดในใจจึงรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
ด้วยสายเลือดปีศาจจิ้งจอกเก้าหางของสตรีนางนี้ คิดว่าฐานะบนแผ่นดินหมานฮวงคงจะไม่ธรรมดา ยิ่งตอนนี้นางรับสืบทอดมรดกวิชาของวิญญาณปีศาจจิ้งจอกเก้าหางไปอย่างสมบูรณ์แล้ว พลังคงจะห่างจากระดับดาราพยากรณ์อีกเพียงก้าวเดียว เมื่อรวมกับที่นางอาศัยอยู่บนแผ่นดินหมานฮวง การที่เขาจะได้พานพบนางอีกครั้งเกรงว่าคงเป็นความหวังที่ริบหรี่ยิ่งนัก
เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็อดไม่ได้นึกย้อนไปถึงเย่เทียนเหมยที่เคยแนบชิดกับตน วันนี้พวกเขาก็อยู่ห่างจากกันคนละแผ่นดินไม่ได้พบพานกันมาหลายสิบปี แล้วยังมีสัญญาหมั้นหมายที่ยุ่งเหยิงตัดไม่ขาดนั่นระหว่างตนกับเจียหลานอีก ในใจได้แต่ยิ้มฝืดเฝื่อน
เรื่องชายหญิงเหล่านี้แล่นผ่านในสมองหลิ่วหมิงไป หลังจากเหม่อลอยไปชั่วครู่ เขาก็ฟื้นกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
เขาสำรวจโอสถกับยันต์ในมือเล็กน้อย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหาแล้วจึงกลืนโอสถคืนกำเนิดลงไป ฤทธิ์ยาอ่อนโยนสายหนึ่งไหลตามลำคอตรงเข้าไปยังท้องน้อยจากนั้นกระจายไปยังเส้นปราณทั้งแปดของเขาอย่างรวดเร็ว
รูทั้งห้าบนเลือดเนื้อเละเทะตรงหน้าอกของเขากับรอยฉีกขาดจุดอื่นบนร่างเริ่มสมานเข้าหากันอย่างเชื่องช้าในทันที
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็ยินดี
ทว่าในเวลานี้เองไกลออกไปก็มีเสียงร้องคำรามที่ฟังดูใกล้ไกลไม่เท่ากันดังขึ้นอีกครั้ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันฮึกเหิม ตบหัวไหล่ในทันใด แสงสีน้ำเงินม้วนตัวออกมา เงาเชอฮ่วนลอยออกมาอีกหน
หลังจากหลิ่วหมิงหัวเราะลั่นครั้งหนึ่งก็พาเงาเชอฮ่วนก้าวยาวพุ่งเข้าใส่เสียงคำรามที่อยู่ตรงข้าม
ยามนี้เหยาจีไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว วิญญาณปีศาจเหล่านี้ทั้งหมดย่อมเป็นของในกระเป๋าเขา ให้เชอฮ่วนค่อยๆ กลืนกิน
อย่างไรโอกาสที่จะได้พบวิญญาณปีศาจมากมายเช่นนี้ ในโลกด้านนอกแม้แต่จินตนาการก็จินตนาการไม่ออก
ครึ่งเดือนหลังจากนั้นในสถานที่เดิม หลิ่วหมิงมองรอบด้านอย่างอาลัย หลังจากจดจำสถานที่ซึ่งเคยมอบประสบการณ์อันไม่มีวันลืมครั้งหนึ่งให้แก่เขาสลักเอาไว้ในหัวใจ เขาก็ขยี้ยันต์สีขาวแผ่นหนึ่งแล้วหลับตาทั้งสองข้างลงในเวลาเดียวกัน
เมื่อเขาลืมตาทั้งสองข้างขึ้นอีกครั้ง เขาก็อยู่ในทางเดินมืดสนิทแห่งหนึ่งแล้ว
หลิ่วหมิงคิ้วขมวดล้วงหินจันทราขนาดเท่ากำปั้นก้อนหนึ่งออกมาจากในแหวนย่อส่วนอย่างเร็วไว มันแผ่แสงระยิบระยับออกมาส่องทางเดินใต้ดินทั้งเส้นให้สว่างไสวอย่างยิ่งทันที
เมื่อเขากวาดสายตามอบรอบด้านก็พบว่าสองฟากฝั่งทางเดินค่อนไปทางด้านบน มีหัวปีศาจแปดหัวเรียงอยู่แทบจะเหมือนกันทุกประการกับที่เห็นอยู่ในห้องโถงข้างก่อนหน้านี้
ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะครุ่นคิดอะไร พื้นดินรอบด้านก็พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงกระหึ่มดังขึ้นในหู