ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 949 เผ่าหมาป่าเงากับเผ่าพยัคฆ์เงิน
พวกเขาเป็นศิษย์หัวกะทิของนิกาย ก่อนเข้ามายังเศษซากโลกบนย่อมสรรหาวิธีต่างๆ ทำความเข้าใจสภาพขั้นต้นของแผ่นดินอื่นมาบ้างแล้ว
เผ่าหมาป่าเงาเป็นเผ่าหนึ่งของแผ่นดินหมานฮวงที่มีความเร็วและการเก็บซ่อนพลังเป็นจุดเด่น ไม่เพียงเท่านี้ปีศาจของเผ่าหมาป่าเงายังมีนิสัยกระหายเลือดและลงมือโหดเหี้ยมอย่างที่สุด กระทั่งการต่อสู้กันเองในเผ่าก็ไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย
ส่วนเผ่าพยัคฆ์เงินกลับตรงกันข้าม พวกเขามีชื่อเสียงจากพละกำลังและกายเนื้ออันแข็งแกร่ง
สรุปก็คือไม่ว่าเผ่าหมาป่าเงาหรือเผ่าพยัคฆ์เงินล้วนเป็นเผ่าระดับสูงที่โด่งดังในหมู่เผ่าปีศาจแห่งหมานฮวง
เมื่อครู่จี๋อิ่งโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ฉีกเยี่ยโจ่งเป็นชิ้นๆ แล้วยังทำร้ายหลัวเทียนเฉิงจนบาดเจ็บหนักได้อีก เรื่องนี้ทำให้หลิ่วหมิงเข้าใจความแข็งแกร่งของเผ่าปีศาจจากแผ่นดินหมานฮวงเพิ่มขึ้นอีกขั้น พลังของพวกเขาแข็งแกร่งไม่แพ้หญิงสาวเก้าหางที่พบในซากโบราณสถานแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นพวกหลิ่วหมิงก็พากันหมุนตัวกลายเป็นลำแสงหลายสายแยกย้ายหนีไป มีเพียงจินเทียนชื่อที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สบตากับจี๋อิ่งบุรุษชุดสีเลือดผู้นั้นอยู่ห่างๆ
“อยากหนี ได้ แต่ทิ้งเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณเอาไว้ให้ข้า!” ชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์ถลึงตา ร่างกายกระโจนครั้งเดียวก็ตะปบเข้าใส่ลำแสงของหลิ่วหมิง
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง ไอหมอกสีเหลืองสายแล้วสายเล่าพลันปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า พวกมันหมุนติ้วแล้วจับตัวกันกลายเป็นหัวพยัคฆ์สีเหลืองขนาดหลายสิบจั้งหัวหนึ่งพุ่งออกมา
ดวงตาสองข้างบนหัวพยัคฆ์สีเหลืองทอแสงเจิดจ้า มันคำรามแล้วโถมรวดเร็วเข้าใส่ลำแสงสีดำของหลิ่วหมิง
ในเวลาเดียวกันนี้ร่างกายของจินเทียนชื่อก็เลือนหายไป แสงดาราไหววนบนร่างครู่หนึ่ง เขาพลันกลายเป็นดาวตกสีขาวพุ่งเข้าใส่หัวพยัคฆ์สีเหลือง
แสงดาวสีขาวกะพริบวูบเดียว ดาวตกก็พุ่งทะลุปากพยัคฆ์
เสียงเปรี้ยงดังสนั่น!
แสงดาวระเบิดกระจาย ปราณร้อนระอุแผดเผาอากาศจนบิดเบี้ยว หัวพยัคฆ์สีเหลืองพังทลายสลายไปไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย
“รนหาที่ตาย แต่ก็ดี ข้ากำลังหงุดหงิดที่ไม่มีใครเป็นคู่มือให้ออกกำลังขยับเส้นสายอยู่พอดี”
หัวพยัคฆ์สีเหลืองสลายไปในพริบตา ชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์เผยสีหน้าประหลาดใจชั่วขณะ แต่จากนั้นสิ่งที่มาแทนที่ก็คือสีหน้าตื่นเต้นยินดี เขาพูดพลางทะยานร่างเข้าใส่จินเทียนชื่อ สองแขนเลือนหายไปสร้างหัวพยัคฆ์สีเหลืองหน้าตาเหมือนกันกับก่อนหน้านี้ทุกประการเจ็ดถึงแปดหัวขึ้นมา พวกมันส่งเสียงแหวกอากาศราวกับจะฉีกกระชากท้องฟ้าปิดตายทางหนีทุกเส้นทางของจินเทียนชื่อ
แขนเสื้อกว้างสีทองของจินเทียนชื่อทั้งสองข้างสะบัดครั้งหนึ่ง แสงดาวสีขาวสองสายพลันลอยออกมากลายเป็นธารสีเงินหลายสายเบื้องหน้า ประจันหน้ากับหัวพยัคฆ์สีเหลืองเต็มท้องฟ้า
“หลานซือ พวกที่แยกย้ายไปนั่นยกให้เจ้า เตาหล่อหลอมวิญญาณข้าจะไปเอามาเอง!” บุรุษชุดสีเลือดไม่ขวางการกระทำของชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์ สายตาเขาเหล่มองลำแสงสีดำของหลิ่วหมิงครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยปากขึ้นเช่นนี้
พูดยังไม่ทันจบร่างกายของเขาก็ส่ายไหววูบหนึ่ง พาเงาเลือนรางสีเลือดสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกไปทันที เสียงคำว่า ‘เอง’ คำสุดท้ายนั่นเพิ่งจางหาย ร่างกายก็อยู่ห่างไปร้อยจั้งแล้ว
“อ้าก…” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นตามมาติดๆ แล้วเงียบหายไปในทันใด!
เมื่อมองตามเสียงไปก็เห็นว่าเป็นศิษย์แซ่หยวนผู้นั้นของนิกายเทียนกง เขาบังเอิญอยู่ตรงกลางระหว่างจี๋อิ่งกับหลิ่วหมิงพอดี เพียงพริบตาที่เงาของจี๋อิ่งพุ่งผ่าน ร่างกายของเขาก็ผ่ากลางจากหนึ่งเป็นสอง ถูกฉีกกระชากเป็นสองส่วนทั้งอย่างนั้น ฝนโลหิตพร่างพรมลงมาจากท้องนภา
สตรีชุดฟ้าหัวเราะคิกคัก หลังจากนั้นเสียงหวีดแหลมแสบแก้วหูก็ดังออกมาจากปากของนาง ก่อนที่ร่างกายนางจะกลายเป็นแสงสีฟ้าเส้นหนึ่งไล่ตามไปทางที่เวินเจิงกับหลัวเทียนเฉิงหนี
พร้อมกับที่เสียงหวีดแหลมนี้ดังขึ้น ผืนป่าใต้เท้าของพวกนิกายเทียนกงที่หนีออกไปเกินร้อยจั้งแล้วก็พลันมีเสียงแผ่วเบาดังขึ้น ฝุ่นดินสีเหลืองระเบิดฟุ้ง จากนั้นลำแสงสีฟ้าหลายสายก็ปรากฏขึ้นตามมาติดๆ แต่ละสายพุ่งเร็วรี่เข้าใส่ศิษย์นิกายเทียนกงแต่ละคนด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
ไม่นานนักเสียงต่อสู้ก็ดังปึงปังมาจากทั่วทุกสารทิศ
พวกเขาเหมือนถูกแบ่งเป็นสามกลุ่ม จินเทียนชื่อกับชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์จากเผ่าพยัคฆ์เงินสู้กันอยู่ ขณะที่เวินเจิง หลัวเทียนเฉิงและศิษย์จากนิกายเทียนกงห้าคนรับมือกับหลานซือและเผ่าปีศาจชุดฟ้าอีกหลายตน ส่วนหลิ่วหมิงเพิ่งเหาะออกมาร้อยกว่าจั้งก็ถูกจี๋อิ่งขวางไว้แล้วบีบบังคับให้รับศึก
ในเวลาเดียวกันนี้ธารสีเงินหลายสายที่วนล้อมอยู่รอบร่างจินเทียนชื่อก็ทยอยทะลวงผ่านหัวพยัคฆ์สีเหลืองเต็มท้องฟ้า แต่การเสียเวลาครั้งนี้กลับทำให้ชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์บุกเข้ามาห่างไม่ถึงสามจั้งเบื้องหน้า
บุรุษร่างกำยำคำรามดังลั่น สองแขนสะบัดวูบ แสงกรงเล็บสีเงินยาวหลายฉื่อสิบสายพลันตะปบเข้าใส่จินเทียนชื่ออย่างรุนแรง
เสียง “ฉึบ” ดังขึ้นหลายครั้ง!
ธารสีเงินจากแสงดาวที่โจมตีเงาหัวพยัคฆ์สีเหลืองทลายได้อย่างง่ายดาย เมื่อเผชิญหน้ากับแสงกรงเล็บสีเงินนี้กลับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ในพริบตา
สายตาของจินเทียนชื่อเหล่มองหลิ่วหมิงกับจี๋อิ่งที่อยู่ไม่ไกล ในใจหัวเราะฝืดเฝื่อน จากนั้นหัวไหล่สองข้างก็สะบัดเล็กน้อย เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่งเขาพลันหายไปจากที่เดิม แสงกรงเล็บสีเงินมากมายที่โจมตีเขาพลาดเป้าในทันใด
อึดใจต่อมาจินเทียนชื่อก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์ สองแขนสะบัด หมัดสองข้างที่หุ้มด้วยแสงดาวพุ่งสวนเข้าใส่อุ้งเท้าพยัคฆ์ขนปุยสองข้างของบุรุษร่างกำยำดุจสายฟ้าแลบ
เสียงหนักหน่วงดังขึ้นสองครั้งทันที!
จุดที่กำปั้นกับฝ่ามือของทั้งสองคนปะทะกัน แสงสีเหลืองกับแสงสีขาวสองสีเกี่ยวกระหวัด จากนั้นร่างกายของทั้งสองคนต่างสั่นสะท้านแล้วเหาะถอยออกไปพร้อมกัน ดูเหมือนจะสูสีทัดเทียม
แต่จินเทียนชื่อเหาะออกไปเจ็ดแปดจั้งถึงหวุดหวิดตั้งหลักได้ ทว่าจุดที่ชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์ยืนห่างจากที่เดิมไม่ถึงสองสามจั้งเท่านั้น
“ไม่เลว! ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์รับฝ่ามือของข้าได้ด้วยมือเปล่า หายากอย่างที่สุด! ข้ายิ่งตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ แล้ว รับกระบวนท่า!” ชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์หัวเราะคลุ้มคลั่ง ลายจุดสีเงินยวงบนร่างกะพริบวูบวาบ ทันใดนั้นร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งเท่ากว่ากลายเป็นบุรุษกำยำร่างยักษ์สูงสามถึงสี่จั้ง
ชั่วอึดใจสองแขนของบุรุษร่างยักษ์ก็ขยับ แขนสองข้างที่มีขนปุกปุยและเส้นเอ็นปูดนูนไปทั่วหนาขึ้นหลายเท่า จากนั้นโจมตีเชื่องช้าแต่หนักหน่วงอย่างที่สุดเข้าใส่จุดที่จินเทียนชื่ออยู่
ขณะที่จินเทียนชื่อครุ่นคิดว่าบุรุษร่างยักษ์มีเจตนาใด ทันใดนั้นวงแหวนแสงสีเหลืองวงหนึ่งก็กระเพื่อมแล้วขยายตัวอย่างเงียบเชียบห่างไปไม่ถึงหนึ่งจั้งด้านหลัง กำปั้นยักษ์มหึมาคู่หนึ่งพุ่งออกมาจากในวงแหวนแสงแล้วต่อยเข้าใส่แผ่นหลังของเขา
จินเทียนชื่อคำรามเบาๆ คำหนึ่ง ก่อนที่ร่างกายจะขยับซ้ายขวาอย่างประหลาดกลายเป็นเงาเลือนรางนับไม่ถ้วนเหาะพุ่งแยกย้ายไปรอบด้าน ร่างจริงหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันใด
หมัดยักษ์คู่หนึ่งพุ่งหวีดหวิวผ่านจุดที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ เงาเลือนรางเหล่านั้นถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ ในพริบตา!
ขณะที่จินเทียนชื่อกับชายฉกรรจ์ผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์ต่อสู้โรมรันพันตูกันอยู่ ในวงต่อสู้อีกด้านหนึ่งกลับแสดงฉากไล่ล่าและหลบหนี!
เงาเลือนรางสีเลือดร่างหนึ่งกับลำแสงสีดำสลับเงินสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่บนท้องฟ้าเหนือป่าสีเหลืองตามไล่หลังกัน
ด้านในเงาเลือนรางสีเลือดคือจี๋อิ่งยอดฝีมือจากเผ่าปีศาจ ส่วนด้านในลำแสงสีดำสลับเงินที่อยู่ห่างไปสามสิบกว่าจั้งเบื้องหน้าย่อมเป็นหลิ่วหมิงที่กระพือปีกสองข้างบนแผ่นหลังจากเคล็ดวิชาเกราะอสูร
เวลานี้เขากำลังร่ำร้องโอดครวญกับตัวเอง
อีกฝ่ายเร็วเหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้ แม้ใช้เคล็ดวิชาเงาสามส่วนสลัดหนีได้ชั่วคราว แต่ผ่านไปไม่ถึงเจ็ดแปดลมหายใจก็ถูกไล่ตามทันอีกครั้ง
เสียงมังกรคำรามดังก้องท้องนภา!
เงาเลือนรางสีดำสลับเงินด้านหน้าชะงัก มังกรหมอกสีดำยาวยี่สิบกว่าจั้งตัวหนึ่งก่อตัวแล้วพุ่งใส่เงาคนสีเลือดด้านหลัง
หลิ่วหมิงลงมือแล้ว!
ปรากฏว่าแสงสีเลือดของจี๋อิ่งขยับเพียงเล็กน้อยก็หลบพ้นมังกรหมอกสีดำที่พุ่งเข้าหาด้วยมุมอันเหนือคาดได้อย่างง่ายดาย
มังกรหมอกสีดำโถมเข้าใส่ความว่างเปล่าแล้วระเบิดดังกึกก้องกลางอากาศกลายเป็นแสงสีดำดวงหนึ่งแผ่ออกไปสี่ด้านแปดทิศอย่างรวดเร็ว หมายจะขังจี๋อิ่งเอาไว้ด้านใน
ในเวลานี้เองร่างกายของจี๋อิ่งก็ขยับอีกหน แสงสีเลือดทั่วร่างกะพริบครั้งหนึ่งแล้วมลายหายไปกับอากาศ แสงสีดำม้วนเข้าใส่ความว่างเปล่าอีกครั้ง
ชั่วอึดใจต่อมาแสงสีเลือดเส้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหลิ่วหมิง ร่างของจี๋อิ่งดั่งภูตพราย หลังจากเลือนหายไปอีกครั้ง เขาก็สร้างเงาเลือนรางยากแบ่งแยกจริงลวงห้าถึงหกร่างโถมเข้าใส่หลิ่วหมิงพร้อมกัน
ทว่าจิตสัมผัสของหลิ่วหมิงแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับแก่นแท้ ทั้งยังมีหนอนพลังจิตเสริมส่ง ผนวกกับวิชานี้มีหลักการคล้ายกับเคล็ดวิชาเงาสามส่วนที่เขาฝึกฝน ดังนั้นเขาจึงตามรอยว่าร่างจริงของจี๋อิ่งอยู่ตรงไหนได้อย่างหวุดหวิด
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ถอยแต่รุกเข้าไป ปราณดำทั่วร่างพลุ่งพล่าน ร่ายกายเลือนหายกลายเป็นเงาสีดำสี่ร่างพุ่งประจันหน้าเข้าใส่
จี๋อิ่งหัวเราะหยัน เงาลวงสีเลือดห้าหกร่างขยับวูบเดียวก็จับคู่หนึ่งต่อหนึ่งกับเงาลวงสี่ร่างของหลิ่วหมิง
พริบตาเดียวกลางท้องฟ้าก็กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างร่างเงากับร่างเงา เงาสีดำกับสีแดงขยับไหววูบไม่หยุด ประกายแสงสีแดงกับแสงสีดำสอดประสานซัดคลื่นไหวกระเพื่อมระลอกแล้วระลอกเล่าออกมาเป็นระยะ
เวลานี้หลิ่วหมิงเหงื่อกาฬไหลริน แม้ร่างเงากับร่างเงาจะเหาะว่อนเต็มท้องฟ้า แต่ความจริงทั้งสองฝ่ายกลับโจมตีใส่จุดที่อีกฝ่ายอยู่อย่างแม่นยำ พวกเขาต่อสู้ประชิดตัวเป็นระยะ
ทันใดนั้นร่างกายของจี๋อิ่งก็เลือนหายไปแล้วปรากฏตัวขึ้นหลังร่างจริงของหลิ่วหมิงดุจภูตพราย ห้านิ้วกางออก ลวดลายจิตวิญญาณสีเลือดเรียวเล็กมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนท่อนแขน ฝ่ามือสีเลือดข้างหนึ่งพุ่งฉกเข้าใส่กลางแผ่นหลังของหลิ่วหมิงดุจสายฟ้าแลบ
หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นเยียบที่แผ่นหลัง เขาสะกิดเท้าข้างหนึ่งกับพื้นเบี่ยงกายพรวดถอยครึ่งจั้ง พร้อมกันนั้นแขนขวาก็ขยับคว้าแขนที่มีลวดลายสีเลือดแผ่เต็มข้างนั้นไว้
จี๋อิ่งแค่นเสียงหยัน ดวงตาฉายแววเหี้ยมเกรียม เขาสะบัดแขนโดยแทบจะไม่ต้องคิด ทันใดนั้นแสงสีเลือดแถบหนึ่งพลันสว่างจ้า เส้นไหมแวววาวสีเลือดนับไม่ถ้วนพุ่งพรวดออกมาจากท่อนแขน
ในช่วงเวลาวิกฤติหลิ่วหมิงฝืนเคลื่อนเกล็ดมังกรสีแดงในร่างให้มันปกคลุมกลางฝ่ามือขวาของเขาไว้
ส่วนแขนอีกข้างของหลิ่วหมิงพลันส่งเสียงข้อต่อลั่นดัง “เปรี๊ยะ” แล้วลอดผ่านใต้แขนขวาต่อยเข้าใส่หัวไหล่ข้างหนึ่งของจี๋อิ่งอย่างหนักหน่วงจากมุมที่เหนือคาด
แสงสีเลือดฉายบนท้องนภา ต่อมาแสงสีดำสายหนึ่งก็พุ่งผ่านไป หลังจากนั้นเงาสีเลือดร่างหนึ่งก็ถอยพรวดออกมาก่อนจะตั้งหลักห่างออกไปหลายสิบจั้ง จี๋อิ่งนั่นเอง
บนหัวไหล่ของเขามีไอหมอกสีดำวนเวียนอยู่เลือนราง เห็นชัดว่าถูกหนึ่งหมัดก่อนหน้านี้ของหลิ่วหมิงโจมตีเข้าอย่างจัง ทว่าเพียงเขาตะโกนก้องครั้งหนึ่ง ลวดลายสีเลือดบนแขนกะพริบวูบเดียวก็ขับไล่ไอหมอกสีดำไปได้อย่างไร้ร่องรอย
อีกด้านหนึ่งหลังจากแสงสีดำสลายไปก็เผยให้เห็นหลิ่วหมิงผู้หน้าซีดลงไปเล็กน้อย
เวลานี้เงาเจ็ดแปดร่างข้างกายทั้งสองคนทยอยพังทลายในทันใด
การประมือครั้งนี้ของทั้งสองคนคล้ายจะเคลื่อนไหวซับซ้อน แต่เกิดขึ้นในเวลาเพียงสองสามลมหายใจสั้นๆ ประหนึ่งชั่วสะเก็ดไฟแลบ ผู้คนด้านข้างมองไม่ชัดอย่างสิ้นเชิง
หลิ่วหมิงมองฝ่ามือที่ถูกเส้นไหมสีเลือดแทงทะลุของตนเอง ในใจหวาดผวาตามหลัง!
หากในช่วงเวลาวิกฤติเมื่อครู่เขาไม่ใช้เกล็ดมังกรหลายเกล็ดนั่นคลุมใจกลางฝ่ามือไว้ มือทั้งข้างก็คงพิการไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ทว่าการจงใจเปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายเมื่อครู่ก็แลกกับการทำร้ายจี๋อิ่งได้ แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือหนึ่งหมัดระยะใกล้เช่นนี้กลับทำให้เขาถอยออกไปได้เพียงเท่านั้น นี่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมอีกหลายส่วน