ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 464 สนามรบอสุรา
ชายในผ้าโพกหัวปักลายสลายพลังวัตรของเขา และศพของผู้ฝึกวิชาเทวะหญิงแห่งตระกูลมู่ผู้นั้นก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้า “เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเท่านี้ แต่กลับมีความฝันเหลวไหลเพ้อเจ้อเหมือนกับกษัตริย์มนุษย์คนก่อน”
แม้ว่ากระบี่ของเขาจะตัดแขนของยอดฝีมือหญิงแห่งตระกูลมู่ไปเพียงข้างเดียว แต่เจตจำนงกระบี่ของเขาได้แล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กายนาง กัดกร่อนและลบล้างจิตวิญญาณดั้งเดิมของนาง
ด้วยความสำเร็จของเขาในเต๋ากระบี่ เขาไม่จำเป็นต้องทำร้ายศัตรูโดยตรง เพียงแต่เจตจำนงกระบี่ของเขาก็เพียงพอที่จะบดขยี้จิตวิญญาณดั้งเดิมของคู่ต่อสู้แล้ว
มู่ยิ่งเสว่กำหมัดแน่น แต่บังคับตนเองให้ระงับโทสะเอาไว้ นางไม่ระเบิดออกมาโดยทันที
ผู้ที่ตายเป็นคนในตระกูลของนาง แต่เมื่อเผชิญกับป้าโก่วอันลึกลับผู้นี้ นางก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ
ชายในผ้าโพกหัวปักลายกวาดตามองไปทั่วประมุขตระกูลทั้งหลาย ขณะที่เบื้องหลังเขาคือขุนเขาอันยิ่งยงและตำหนักสวรรค์แท้อันมีบรรยากาศเลิศเลอ เขากล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ประมุขตระกูลแห่งแผ่นดินตะวันตกทั้งหลาย พวกเจ้าเลือกที่จะต่อต้านขัดขืนอำนาจของตำหนักสวรรค์แท้ แต่พวกเจ้าไม่รู้เลยสักนิดว่าอำนาจเหล่านั้นมีที่มาจากข้า ข้าจะให้ทางถอยแก่พวกเจ้า พวกเจ้ากลับไปในตอนนี้ และบั่นศีรษะของกษัตริย์มนุษย์ฉินเพื่อส่งไปยังตำหนักสวรรค์แท้ เรื่องที่ผ่านมาก็จะแล้วกันไป”
ฉินมู่ตัวสั่นเทิ้มเมื่อเห็นประมุขหลายคนดูหวั่นไหว
กองทัพแห่งแผ่นดินตะวันตกที่เขาดึงมานั้นมิใช่แผ่นเหล็กอันเป็นหนึ่งเดียว แต่มัดรวมกันไว้อย่างหลวมๆ ด้วยผลประโยชน์ แม้ว่าประมุขทั้งหลายจะสะคราญโฉมประดุจดอกไม้ และฉินมู่ก็มีสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับพวกนางหลายคน แต่พวกนางก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าสำนักและจ้าวลัทธิในสันตินิรันดร์ สาวงามพวกนี้วางผลประโยชน์ของตระกูลตนเองเอาไว้เหนือสิ่งอื่นใด
อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวมิอาจบิดเบือนจิตคิดอันมีเหตุผลของพวกนางได้
หากว่าพวกนางถอยกลับไปเพราะคำพูดของชายผู้นี้ ฉินมู่ก็คงไม่ประหลาดใจนัก
ทันใดนั้น มู่ยิ่งเสว่ก็สั่นกระดิ่งที่ข้อมือนางติงตังในความเงียบด้วยเสียงอันกังสดาล จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าทั้งหมดสามารถถอนตัวไปได้ แต่ตระกูลมู่ของข้าไม่สามารถ สิ่งที่ตระกูลมู่ข้าติดค้างตระกูลเสียงเอาไว้ ก็ต้องคืนกลับไป มิเช่นนั้น มโนสำนึกของข้าคงมิอาจเป็นสุข!”
เหออีอีมองไปที่ผู้อื่นอย่างไม่ยินดียินร้าย “อวี้ป๋อชวนตกตายในเมืองต้นไผ่ของข้า และคงยากที่ข้าจะรอดพ้นจากโทษทัณฑ์ เช่นนั้นทำไมข้าจะไม่ลองล้มล้างการปกครองของตระกูลอวี้ล่ะ ตระกูลเหอของข้าก็ไม่ถอยกลับไปเช่นกัน”
หลิ่วหรูยินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปที่หลิ่วเจินชิงซึ่งอยู่บนโลงศพเล็กๆ ข้างๆ นางและกำลังเลียลูกกวาดอย่างจริงจัง เมื่อสังเกตเห็นสายตา เด็กหญิงจึงเงยหน้าขึ้นมาและแย้มยิ้มอย่างหวานหยด “เหมือนกับที่จ้าวลัทธิฉินกล่าว เขาเป็นเพียงแค่ร่างแยกของเทพเที่ยงแท้ และไม่ยากที่จะเข่นฆ่าสังหาร มีก็แต่เมื่อเทพเที่ยงแท้ลงมายังแดนต่ำใต้เท่านั้นมันจึงจะยากจนเกินไป ท่านแม่ ข้าได้รับกำนัลลูกกวาดพุทราเชื่อมจากฉีเอ๋อแล้ว ดังนั้นข้าจึงต้องทำบางอย่างให้กับตระกูลเสียง ยิ่งไปกว่านั้น…”
รอยยิ้มของนางยิ่งหวานกว่าเดิม “ใครจะรับประกันได้ว่าตระกูลอวี้จะไม่ตอแยหาเรื่องพวกเราอีกหลังจากเหตุการณ์นี้ พวกเขามีแต่พวกใจแคบ หากว่าพวกเราขจัดพวกเขาไปได้ แม่ลูกตระกูลเสียงก็จะปกครองตำหนักสวรรค์แท้ และยังต้องพึ่งพิงตระกูลหลิ่วของพวกเรา ผลประโยชน์นั้นสูงล้ำกว่าความเสี่ยง ทำไมจะไม่ลองดูล่ะ”
ฉินมู่ค่อยคลายใจ
แม้ว่าหลิ่วเจินชิงจะดูเหมือนเด็กหญิงตัวน้อย แต่จริงๆ แล้วนางเป็นจิ้งจอกเฒ่า ถ้อยคำของนางดูเหมือนจะไร้พิษสง แต่นางได้กล่าวจี้ใจดำของทุกๆ คน
ด้วยประโยคของนาง ตระกูลใหญ่อื่นๆ ก็ตกลงใจมั่นเหมาะ และป้าโก่วก็มิอาจเปลี่ยนความตั้งใจของพวกนางได้อีกต่อไป!
ท่ามกลางประมุขทั้งหลาย อาจจะมีเพียงมู่ยิ่งเสว่ที่ต้องการช่วยเหลือเสียงซีอวี่และเสียงฉีเอ่ออย่างจริงใจ ในเมื่อนางต้องการไถ่บาปของตนเอง คนอื่นๆ นั้นกังวลกับผลประโยชน์ของตนเองไม่มากก็น้อย แต่สำหรับฉินมู่ นั่นก็เพียงพอแล้ว
ชายในผ้าโพกหัวยิ้มกล่าว “นกตายเพราะอาหาร คนตายเพราะทรัพย์สมบัติ แม้แต่สตรีที่ชัดเจน สะคราญ และงามสง่าอย่างพวกเจ้าก็ยังโง่เขลาและทำตัวไม่สมกับร่างกายอันสูงส่งของตนเอง ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็คงได้แต่ส่งพวกเจ้าไปตามทาง”
เขานั้นกำลังจะหันกายกลับไป แต่เหออีอีพลันแย้มยิ้มแล้วกล่าว “ในเมื่อป้าโก่วมาที่นี่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกลับไป!”
หินก้อนใหญ่จำนวนไร้ประมาณข้างหลังนางพุ่งโถมไปข้างหน้า ยังชายผู้นั้น
ในเวลาเดียวกันนั้น ประมุขแทบจะทุกคนก็ขับเคลื่อนกำลังฝีมือของพวกนาง ยักษ์ภูเขาเบื้องหลังฟางไฉ่ตีใช้ยอดเขาต่างอาวุธเพื่อฟาดลงไปยังชายในผ้าโพกหัว
ลัวอิ๋นอวี้ชักกระบี่ของนางแทงออกไป และกระบี่บินจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตามไปอย่างติดๆ หลังกระบี่คมกล้าของนางอันยิงเลียดไปพร้อมกับยอดเขาที่กำลังโจมตีชายผู้นั้น
มู่ยิ่งเสว่ดีดนิ้ว และฝูอวิ๋นซีก็กดฝ่ามือลงไปอย่างหนักหน่วง สายฟ้าพุ่งทะยานออกไป และพายุก็กวาดซัดเอาพิษที่มู่ยิ่งเสว่โยนเข้าเพื่อถล่มใส่ชายคนนี้!
หลิ่วหรูยินและหลิ่วเจินชิงปลดโซ่บนโลงศพทองคำ และพวกนางก็ทะยานขึ้นไปราวกับมังกรไร้เขาสีดำทมิฬ
ผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งหลายแห่งแผ่นดินตะวันตกไม่ใส่ใจในกฎเกณฑ์ของยุทธจักร พวกนางพุ่งเข้ากลุ้มรุมต่อสู้พร้อมๆ กันโดยไม่มีการบอกเตือน หมายที่จะสกัดขัดขวางมิให้ป้าโก่วกลับไปยังกองทัพได้ ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม!
ฉินมู่พยักหน้าเงียบๆ “เยี่ยมมาก”
ชายในผ้าโพกหัวเดินตรงไปยังตำหนักสวรรค์แท้ และแสงกระบี่ก็กะพริบวูบวาบข้างหลังเขา เฉือนตัดการโจมตีของทุกๆ คน
ไม่ทันที่พยุหะของเหออีอีจะล้อมปิดเอาไว้ได้ เสาภูเขาก็ถูกเฉือนตัดด้วยแสงกระบี่อันสมบูรณ์แบบ และพายุก็ถูกขัดขวางเอาไว้ด้วยกระบี่อันกรีดฟ้า โซ่ถูกสะกิดด้วยปลายกระบี่และกระดอนกลับไป
“เพลงกระบี่ที่ยอดเยี่ยม! เพียงแค่เพลงกระบี่ของเขาเพียงอย่างเดียว ก็ไม่มีใครในแผ่นดินตะวันตกที่เป็นคู่มือของเขาได้! เขานับว่ามีเพลงกระบี่ที่ล้ำเลิศไม่ใช่เล่น!”
สีหน้าของฉินมู่เคร่งขรึม เพลงกระบี่ของชายในผ้าโพกหัวปักลายผู้นี้ได้ไปถึงเขตขั้นอันสมบูรณ์แบบ และลึกลับขนาดที่ภูตผีและเทพเจ้าก็มิอาจคาดเดา
“ฉีเอ๋อ รีบใช้งานลูกแก้วมังกรเขียว!”
เสียงฉีเอ๋อขับเคลื่อนลูกแก้วมังกรเขียว และแสงสีเขียวก็เปล่งออกมาอย่างเจิดจ้า เสียงคำรามมังกรดังออกมา และทั้งท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยแสงมรกตอันพวยพุ่งไปทางตำหนักสวรรค์แท้
ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ใด ทุกๆ สิ่งก็จะถูกธรรมชาติไม้แทรกซึม แม้แต่ยักษ์ภูเขารอบๆ ตำหนักสวรรค์แท้ก็กลายเป็นแข็งทื่อ แสงสีเขียวสาดส่องจากร่างพวกมัน เมื่อมีเถาวัลย์เขียวจำนวนนับไม่ถ้วนงอกงามขึ้นทั่วทั้งตัวอย่างบ้าคลั่ง
พวกสตรีที่อยู่บนบ่าและศีรษะของยักษ์ภูเขา ก็ตกภายใต้การควบคุมของลูกแก้วมังกรเขียวในพริบตานั้น เป๊าะ เป๊าะ เป๊าะ ยอดไม้อ่อนพลันผลิออก และดอกไม้ก็เบ่งบานบนใบหน้าของพวกนาง!
ลูกแก้วมังกรเขียว หนึ่งในสี่สมบัติวิญญาณแห่งตำหนักสวรรค์แท้ ได้สาดส่องออกไปด้วยพลานุภาพอันสะท้านขวัญด้วยน้ำมือของเด็กหญิงผู้นี้ ชายในผ้าโพกหัวเองก็พลันแข็งทื่อเมื่อแสงสีเขียวทาบทอบนร่างของเขา ร่างกายเขาก็ดูเหมือนจะเริ่มกลายเป็นไม้ด้วยเช่นกัน!
พลานุภาพของลูกแก้วมังกรเขียวนั้นเกินจินตนาการ!
ในตอนนั้นเอง จากราชวังเหนือทะเลเมฆ หญิงสาวสามสี่คนแห่งตำหนักสวรรค์แท้ก็เดินออกมา ในมือพวกนางแต่ละคน ลูกแก้ววิเศษก็ลอยเลื่อนขึ้นไป
ลูกแก้ววิเศษทั้งสาม ทะยานขึ้นไปบนนภากาศ เปล่งแสงเจิดจรัสมากขึ้นทุกที ลูกหนึ่งนั้นมีดวงวิญญาณของเต่าและงู อีกลูกมีวิญญาณของพยัคฆ์ขาว ส่วนลูกสุดท้ายแผดเพลิงไฟออกมา และมีปักษาเทพยดาเหาะเหินอยู่ในนั้น
ลูกแก้ววิเศษทั้งสามพวยพุ่งไปด้วยรังสีแสง และรัศมีของพวกมันก็เข้าไปปะทะกับแสงจากลูกแก้วมังกรเขียว เสียงคำรามมังกรพลันกึกก้องไปทั่วทิศ เมื่อมังกรเขียวเหาะเหินออกมาจากลูกแก้ววิเศษ ในจังหวะที่มันทำเช่นนั้น มันก็ขยายร่างขึ้นมาอย่างมหึมาหาที่สุดไม่ได้ มังกรนี้จึงทะยานเข้าไปกระหวัดพันรอบขุนเขาอันยิ่งใหญ่ตระการ สร้างภาพอันน่าตื่นตะลึงอย่างเหลือล้ำ
ตรงหน้าตำหนักสวรรค์แท้ แสงของอาวุธวิญญาณทั้งสามยิ่งลุกโชนมากขึ้นทุกที พยัคฆ์ขาว เต่าดำ งูเหินหาว และหงส์แดงก็เหาะเหินออกมาจากลูกแก้ววิเศษด้วย พยัคฆ์ขาวขึ้นไปหมอบอยู่บนยอดเขาและผงาดหัวคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า หงส์แดงกู่ร้องด้วยเสียงดังยาวนานและกระพือปีกของมันเพื่อแผ่ขยายทะเลเพลิงออกไป เต่าดำเหยียบลงไปบนท้องทะเล และท้องน้ำนั้นก็สะท้านสะเทือนใต้เท้าของมัน ก็จะโถมซัดขึ้นสู่ท้องฟ้า ขณะที่งูเหินหาวบินฉวัดเฉวียนไปมาในระหว่างนั้น
สตรีทั้งสามแห่งตำหนักสวรรค์แท้ได้กระตุ้นการทำงานของสมบัติวิญญาณทั้งสามเพื่อต่อสู้กับเสียงฉีเอ๋อ พวกนางร่วมมือกันเป็นแรงเดียวเพื่อสยบพลานุภาพของลูกแก้วมังกรเขียว
ร่องรอยของการกลายเป็นไม้ของชายผู้นี้จางหายไปอย่างรวดเร็ว และเขาก็ยกยิ้มน้อยๆ กระบี่บินข้างหลังเขาลอยกลับเข้ามาเสียบในฝัก และชายผู้นี้ก็ถอยกลับเข้าไปในตำหนักสวรรค์แท้
“กำจัดพวกมัน” เขากล่าวมาจากข้างใน
ธรรมชาติไม้ที่แทรกซึมเข้าไปในสตรีบนยักษ์ภูเขาทั้งหลายก็ถูกถอนออกไปเมื่อพลานุภาพของลูกแก้วมังกรเขียวถูกสะกดข่ม ดังนั้น พวกนางก็หนีไปได้เช่นกัน
แสงสีมรกตบนร่างของยักษ์ภูเขาก็จางหายไป พวกมันเคลื่อนไหวร่างกายมหึมา และเหวี่ยงยอดเขารูปกระบี่คมกล้าเข้าโจมตีตระกูลใหญ่ทั้งหลายแห่งแผ่นดินตะวันตก
เหออีอีตะโกนไปอย่างดุดัน และเครื่องยิงหินใหญ่มหึมาก็ยิงออกไป พวกมันดีดคานยาวและส่งมนุษย์หินทะยานข้ามฟ้า พวกมันเล็กจิ๋วหลิวเมื่อเทียบกับยักษ์ภูเขา แต่ยังใจกล้าบุกเข้าไปต่อกรกับพรายวิญญาณจากศิลาแบบเดียวกัน
เพลิงไฟปะทุขึ้นมากลางอากาศและมนุษย์หินพวกนั้นก็ถูกทุบจนแหลกก่อนที่จะทันได้ลงเหยียบพื้น พวกมันถูกทำลายภายใต้การโจมตีของอาวุธมหึมาของยักษ์ภูเขา
สมบัติสืบทอดสำนักแผ่พุ่งพลานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวออกไปในมือของยักษ์ภูเขา เปลี่ยนให้มนุษย์หินพวกนั้นกลายเป็นผุยผง พวกมันโปรยร่วงเกลื่อนพื้นเป็นชั้นธุลี
กระนั้นก็ยังมีมนุษย์ศิลาหลายตนที่เข้าถึงตัวยักษ์ภูเขาได้ และไต่ขึ้นไปบนร่างของคู่ต่อสู้
ศิษย์ตำหนักสวรรค์แท้รีดเร้นทักษะเทวะของพวกนางออกจนถึงขีดจำกัดราวกับว่ากำลังเผชิญหน้าศัตรูคู่อาฆาต พวกนางดึงเอาพรายวิญญาณออกจากร่างของศัตรู ทำให้มนุษย์ศิลาหลายตนกลายเป็นแค่กองหินที่กลิ้งร่วงตกลงสู่พื้นดิน
ฟิ้ววว!
ฝนหนักเริ่มโปรยปรายลงมา และหยาดฝนสีเขียวก็ร่วงพรำๆ พร้อมกับที่มีฟ้าแลบและฟ้าร้องกึกก้องไปในอากาศ มันคือพายุพิษที่ก่อขึ้นมาจากฝีมือของผู้ฝึกวิชาเทวะตระกูลมู่และตระกูลฝู
ข้างในนั้น แม้แต่ฟ้าแลบที่แปลบปลาบไปมาก็ยังเป็นสีเขียวและมีพิษร้ายแฝงอยู่ อสุนีบาตปะปนกับสายฝนและฟาดเปรี้ยงปร้างลงทุกบนยอดเขาของยักษ์ภูเขา!
สตรีแห่งตำหนักสวรรค์แท้เหาะออกมามากขึ้นอีก และอาวุธวิญญาณมากมายก็พวยพุ่งไปข้างหน้า พวกมันเป็นกำไลเงินและกำไลทองทุกชนิดทุกขนาด ที่กระจายออกไปทั่วทั้งขุนเขาทั้งหลาย
กำไลเงินและทองอันหมุนติ้วๆ ได้ดึงดูดสายฟ้าและน้ำฝน รัดพันพวกมันเอาไว้ข้างในก่อนจะส่งมันลงไปข้างๆ ภูเขา
เมฆทะมึนบนเวหาสั่นสะเทือน และพายุหมุนก็โถมถล่มลงมา บิดเอี้ยวร่างของพวกมันเมื่อกวาดซัดไปยังกำไลเงินกำไลทอง
พวกสตรีที่ควบคุมลูกแก้วเต่าดำกระตุ้นเร้ามัน และทะเลก็โถมซัดเข้าใส่เมฆมืด กลืนพวกมันหายเข้าไปพร้อมกับพายุหมุนและสายฟ้า!
“ฆ่ามัน!”
เสียงตะโกนดังมาจากฝั่งฉินมู่ และเครื่องดีดหินก็แล่นมาเป็นะระยะหลายลี้ก่อนที่จะตั้งกับที่อีกครั้ง หญิงสาวมากมายกระโดดขึ้นไปบนโครงมหึมาของพวกมัน และถูกดีดเข้าไปร่วมการต่อสู้ด้วยเครื่องดีดหินเหล่านั้น
ยักษ์ภูเขามากมายเข้าไปปะทะกับยักษ์ภูเขาพวกที่ป้องกันตำหนักสวรรค์แท้ ศิษย์ตระกูลใหญ่นับหมื่นยืนอยู่บนพวกยักษ์และอาวุธวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนก็พรั่งพรูออกไปต่อสู้กับพวกศิษย์ตำหนักสวรรค์แท้
เถาวัลย์ยั้วเยี้ยยืดยาวออกมาจากท้องฟ้าและกวาดตวัดไปยังยักษ์ภูเขา หญิงสาวตระกูลซีเหยียบขึ้นไปบนเถาวัลย์และเดินทางข้ามขุนเขา โจมตีพวกผู้หญิงจากตำหนักสวรรค์แท้ พลางให้เถาวัลย์กระหวัดรัดรอบๆ ภูเขา
ครืนครืน…
ภูเขารูปทรงเจดีย์กดทับลงมา และบดขยี้สตรีตระกูลซีจำนวนมาก แต่ทว่าไม่มีใครมีเวลามาเศร้าโศก พวกที่ยังรอดชีวิตก็เข้าไปควบคุมแม่น้ำสายยาวอันประดุจมังกรไร้เขาและส่งพวกมันขึ้นไปบนภูเขา พวกมันฟาดฟันกับน้ำตกและแม่น้ำอันหลั่งไหลจากบนยอดเขา มียักษ์วารีมากมายที่ยืนขึ้นมาจากแม่น้ำใหญ่ด้วย แกว่งมีดควงดาบอันก่อขึ้นมาจากน้ำแข็งลึกลับ กลุ่มพรายวิญญาณเหล่านี้เข้าปะทะกับเหล่าศิษย์หญิงตรงหน้า
ดินแดนตรงหน้าตำหนักสวรรค์แท้ได้กลายเป็นสนามรบอสุราอันนองเลือด และนักรบในนั้นก็ล้วนแต่เป็นโฉมสะคราญ
“มังกรอ้วน ปกป้องฉีเอ๋อ”
ฉินมู่กระโดดขึ้นไปบนก้อนหินของเหออีอีที่กำลังลอยอยู่บนอากาศ เมืองไม้ไผ่อันใหญ่มหึมาได้แยกออกเป็นชิ้นๆ และกลายเป็นทะเลก้อนหินอันลอยเกลื่อนอยู่กลางท้องฟ้า