ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 517 มืดบอดด้วยความโลภ
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงลุกขึ้นด้วยความเดือดดาล ในสายตาของเขามีประกายวูบวาบ “คืนสุราให้ข้า!”
ซิงอ้านนั่งนิ่งขณะที่มือของเขาจับปากไหสุรา จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงยื่นฝ่ามือออกไป แต่มันดูเคลื่อนที่อย่างยากเย็น ในระยะทางเพียงสั้นๆ เขาต้องใช้เวลาถึงครึ่งก้านธูป
ข้างๆ กองไฟ ฉินมู่ ซวีเซิงฮวา และคนอื่นๆ จ้องไปที่ฝ่ามือของพวกเขาอย่างไม่ปริปาก
ฝ่ามือของซิงอ้านมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง และแขนของเขาที่ยกไหสุราอยู่นั้นไม่ไหวติงสักนิด แต่ทว่า แขนของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงที่ยื่นออกมา สั่นเทิ้มเล็กน้อย นิ้วทั้งห้าของเขาสั่นระริกอย่างไม่หยุดนิ่ง แรงกระทบของแต่ละคลื่นกระเพื่อมอันส่งไปยังฉินมู่และคนอื่นๆ นั้นยากจะบรรยาย
ทุกครั้งที่นิ้วทั้งห้าของเขาสั่นไหว ก็เท่ากับการขับเคลื่อนทักษะเทวะหนึ่ง ปราณชีวิตอันเข้มข้นสูงปรากฏให้เห็นรางๆ อันก่อรูปขึ้นมาเป็นมังกรไร้เขาตัวเล็กละเอียดที่อยู่ระหว่างเส้นชีพจรของแขนและฝ่ามือของเขา!
ภายใต้ผิวหนัง มันดูราวกับจะมีมังกรแท้ที่ขดตัวไปมาและรวบรวมพละกำลังเอาไว้ แต่ทว่าพลานุภาพของมันไม่ได้อยู่ในสภาพเกรี้ยวกราดดุดันตลอดเวลา มันมีทั้งเขม็งเกร็งและคลายตัว
ที่จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงฝึกปรือคือวิชาเก้ามังกรราชันย์อันครั้งหนึ่งเขาเคยถ่ายทอดให้กับฉินมู่ ในภายหลังเด็กหนุ่มผู้นี้ก็ได้ตรึกตรองเข้าใจวิชาเก้ามังกรราชันย์อีกรูปแบบ อันเขาก็ได้ถ่ายทอดให้แก่หลิงอวี้จิวผู้ซึ่งส่งมันต่อให้กับบิดาของนางเช่นกัน
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงเป็นยอดอัจฉริยะไร้ปานเปรียบ เดิมทีวิชาเก้ามังกรราชันย์ของเขามิได้โดดเด่นสักเท่าไร แต่เขาได้พัฒนามันไปอย่างไม่หยุดยั้ง และยกระดับพลานุภาพของมันจนถึงสุดขีดขั้ว ทำให้ท้ายที่สุดแล้วกลายเป็นวิชาอันเลิศล้ำเหนือธรรมดา ขนาดที่ว่าสามารถประชันขันแข่งกับสามมหาแดนศักดิ์สิทธิ์
หลังจากได้รับวิชาจากรังมังกรแท้ เขาก็ลบและอุดช่องโหว่ทั้งหมดที่ซ่อนเร้นอยู่ และสมบัติเทวะของเขาก็ได้กลายเป็นแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา ความแข็งแกร่งทนทานของสมบัติเทวะของเขาก็ได้รับความชื่นชมจากซิงอ้านว่าดูเหมือนจะบรรลุถึงเขตขั้นเทวะแล้ว!
มาบัดนี้เมื่อเขาข้ามพ้นสะพานเทวะและย่างกรายเข้าสู่เขตขั้นเทวะ พลังวัตรของเขาก็ยิ่งหนาแน่นกว่าเก่าก่อน
เมื่อฉินมู่และหลิงอวี้จิวเห็นพลานุภาพของมังกรแท้ภายใต้ผิวหนังของเขาที่เขม็งเกร็งและคลายตัวเป็นแบบแผน จิตใจของพวกเขาก็สั่นสะท้าน และเกิดความคิดและความตระหนักรู้ขึ้นมามากมาย
วิชามังกรเก้าราชันย์ที่ฉินมู่ได้ถ่ายทอดแก่หลิงอวี้จิวมิใช่วิชาฝึกปรือมังกรแท้อันครบสมบูรณ์ ก็ในเมื่อเขาไม่สามารถอ่านนิพนธ์เผ่ามังกรในนั้นได้ทั้งหมด หลังจากความช่วยเหลือของพี่ชายน้องสาวตระกูลป๋าย เขาก็เรียนรู้ความหมายของนิพนธ์นั้นมากขึ้นไปอีก และยกระดับวิชาฝึกปรือไปอีกระดับชั้น แต่ทว่าหลังจากที่กลับมายังสันตินิรันดร์ เขาก็ยังไม่มีโอกาสที่จะถ่ายทอดวิชาอันครบสมบูรณ์กว่าเดิมให้หลิงอวี้จิว
การที่จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงสามารถฝึกปรือมาได้จนถึงระดับนี้โดยใช้เพียงวิชาฝึกปรืออันไม่สมบูรณ์ วิชาเก้ามังกรราชันย์นับว่าเหลือเชื่อเกินจะคิดฝัน! เขาได้ฝึกปรือมันราวกับว่ามีมรรคาเต๋าของมันทั้งหมดอยู่ในมือ
แต่ถึงแม้ว่าทักษะเทวะมังกรแท้ของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงจะบรรลุเขตขั้นเต๋า ก็ยังยากที่เขาจะเคลื่อนที่ตรงหน้าซิงอ้านอยู่ดี
การเคลื่อนที่ไปแต่ละนิ้ว เป็นความท้าทายต่อเขา แม้ว่าเขาจะซุกงำการเปลี่ยนแปลงของทักษะเทวะทุกชนิดเอาไว้เป็นอย่างดี แต่พวกมันก็ยังคงด้อยกว่าฝ่ามือของซิงอ้านอันมั่นคงดุจขุนเขา
ท้ายที่สุด จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงก็คว้าถึงปากไหสุรา แต่ซิงอ้านพลันดีดนิ้วใส่ฝ่ามือของเขา
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงดีดนิ้วขึ้นไปเช่นกัน และนิ้วของพวกเขาปะทะกัน สายลมเบาดังมาหวึ่งๆ เคลื่อนไหวไปมาในไหสุราราวกับว่ามันถูกกวนปั่นด้วยการเคลื่อนไหวนิ้วของพวกเขา
ที่ปากไห นิ้วสองนิ้วรวดเร็วดุจเงา ซัดใส่กันไปมาด้วยความเร็วสูง
กร๊อบ
สีหน้าจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงแปรเปลี่ยนเมื่อนิ้วกลางของเขาหัก
เขากัดฟันข่มความเจ็บและปล่อยฝ่ามือของเขาออกไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาค่อยๆ ถอยและกล่าว “ในเมื่อศิษย์พี่ชมชอบสุรานี้มากขนาดนั้น ข้าก็จะมอบให้แก่ท่าน”
ซิงอ้านวางไหสุราลงไปอย่างไม่สะทกสะท้านและกล่าว “ข้าเมาง่าย และตอนนี้ข้าก็พอแล้ว”
เมื่อเขาวางไหสุราลง พยาธิสุราในท้องฮู่หลิงเอ๋อก็ร้องจ๊อกๆ และนางก็เดินเข้าไปดมกลิ่นสุราฟุดฟิด “ในเมื่อพวกท่านไม่ต้องการดื่ม เช่นนั้นข้าชิมสักหน่อย”
ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงสายลมหวึ่งเบาจากข้างในไหสุรา และก้มมองดู สุราในไหปั่นติ้วๆ อยู่ในนั้นราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เคลื่อนไหวไปมาและต่อสู้กันอยู่
นางก้มหัวเล็กๆ ลงไปใกล้ปากไห หมายจะเพ่งพิศดูอย่างละเอียด แต่ทันใดนั้นก็มีคนคว้าคอเสื้อนางและหิ้วตัวขึ้น
ฉินมู่ดึงนางกลับมา แล้วจับวางลงข้างๆ กองไฟ เขาส่ายหัวและกล่าว “อย่าไปดู มันอันตราย หากว่าเจ้าต้องการสุรา ข้าจะให้อวี้จิวไปเอามาให้เจ้าอีกสามสี่ไห”
“คุณชาย ข้างในไห…”
“มันน่ากลัวสุดๆ” ฉินมู่ลอบเหลือบตามองรอบๆ ก่อนจะพูดเสียงกระซิบ “ตอนนี้มีผู้คนอยู่เยอะแยะเกินไป ข้าจะเจาะไหนี่ให้เจ้าดูทีหลัง มันจะต้องตื่นตาอย่างแน่นอน”
ฮู่หลิงเอ๋อไม่อาจข่มระงับความตื่นเต้นของนางเอาไว้ได้ แต่เอาแต่ชายตาแลมองไหสุรา
ลมข้างในนั้นดังอึงคะนึงมากยิ่งขึ้น อันมีแต่เร้าความสงสัยใคร่รู้ของนางเข้าไปใหญ่ นางเอาแต่แหงนคอคอย แทบจะรอไม่ไหว
กลิ่นหอมจากไหสุราก็ดูราวกับจะหนาแน่นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงกลับไปที่งานเลี้ยง และจอมทัพแผนสวรรค์ก็มาหาเขาและถาม “ฝ่าบาท ได้เวลาลงมือหรือยัง”
จักรพรรดิเลิกคิ้วเล็กน้อย “เจ้าก็สัมผัสได้หรือ”
จอมทัพแผนสวรรค์ผงกหัว “บุคคลที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ฝ่าบาทปะทะกับเขาอย่างนั้นหรือ เดี๋ยวข้าจะไปเรียกเจ้านครเว่ยมา”
ในตอนที่เขากล่าวเช่นนั้น เจ้านครเว่ยก็ปรากฏตัวข้างหลังเขาและและเริ่มกล่าวด้วยเสียงเบา “เมื่อฝ่าบาทลงมือ กระหม่อมก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวอันผิดธรรมดาจากพื้นดิน ทักษะเทวะของท่านได้เขย่าสายแร่ที่อยู่ข้างใต้ บุคคลนั้นจะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งแน่นอน ฝ่าบาท…”
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงส่ายหัว “ไม่ต้องทำอะไรหรอก บุคคลนั้นคือซิงอ้าน และในช่วงระยะสั้นๆ นี้เขาก็ยังไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่ทว่า…” เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “คงจะต้องลำบากขุนนางฉิน ผู้ซึ่งเป็นข้าราชบริพารอันจงรักภักดีอย่างแท้จริง เพื่อที่จะถ่วงซิงอ้านเอาไว้ เขาถึงกับสละตัวเองและเก็บชายผู้นั้นไว้ข้างๆ ตัว ข้าไม่คิดเลยว่าจ้าวลัทธิมารฟ้าจะองอาจและห้าวหาญขนาดนี้”
เขาถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำอีก
“จ้าวลัทธิบอกว่ามีธุรกิจใหญ่งั้นหรือ” ซีอวิ๋นเซี่ยงถามพลางกะพริบตาปริบๆ ไปยังฉินมู่ “พวกเราจะร่ำรวยได้ไหม”
ฮู่หลิงเอ๋อเอาแต่สนอกสนใจไหสุราอันส่งกลิ่นหอมยวนใจนางออกมาตลอดเวลา แต่ทว่าเมื่อนางได้ยินคำว่าจะร่ำรวย หัวของนางไม่ขยับ แต่ทั้งตัวของนางหันขวับ นางจึงค่อยๆ บิดหัวเล็กๆ ของนางกลับมาด้วย “ธุรกิจใหญ่? จะร่ำรวย? คุณชาย ธุรกิจอะไรกันหรือ”
“การเดินทางไปยมโลกกับศิษย์พี่ซิงอ้านในรอบนี้ทำให้ข้าได้สมบัติวิเศษที่เรียกว่าระหว่างเป็นตาย มันสามารถเชื่อมยมโลกเข้ากับโลกแห่งคนเป็นได้”
ฉินมู่ปรายตามองซิงอ้าน สีหน้าของบุรุษที่ดูเยือกเย็นตลอดเวลาพลันแปรเปลี่ยนบิดเบี้ยว ดูท่าว่าเขาคงจะหวนระลึกถึงประสบการณ์แสนอัปยศในยมโลก
ฉินมู่ยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าว “ธุรกิจที่ข้าจะทำนั้นอยู่ในโลกแห่งคนเป็น ข้างในยมโลกนั้นมีจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพและมารมากมายซึ่งอาจจะเป็นคนตายก็จริงอยู่ แต่ใช้ชีวิตอย่างอู้ฟู่ในยมโลก เทพและมารบางตนมีความปรารถนาที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็ม แต่ติดแหง็กอยู่ในยมโลกและไม่อาจผละออกมาได้ เพราะเช่นนั้น พวกเขาส่วนใหญ่จึงยินดีที่จะจ่ายเป็นราคาแพงเพื่อให้ผู้คนในโลกแห่งคนเป็นไปทำธุระตามที่พวกเขาจะใช้สอย”
“ข้าเองมีเรื่องต้องทำหลายอย่าง ดังนั้นข้าจึงไม่มีเวลามากมายนัก นี่จึงเป็นเหตุให้ข้าต้องการใช้สมบัติชิ้นนี้เพื่อเปิดเส้นทางให้ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสันตินิรันดร์ไปรับภารกิจมาจากคนตาย นี่คือการฝึกฝนและเช่นเดียวก็เป็นการบ่มเพาะบำเพ็ญ พวกเขาก็ยังสามารถร่ำรวยจากเรื่องนี้ได้อีกด้วย”
เขาแย้มยิ้มและกล่าวอย่างใจเย็น “เทพและมารแห่งยมโลกยังสามารถถ่ายทอดวิชาและทักษะเทวะให้แก่ผู้ฝึกวิชาเทวะผู้ซึ่งสำเร็จความปรารถนาให้แก่พวกเขา หรืออาจจะจ่ายผู้ฝึกวิชาเทวะเหล่านั้นเป็นเหรียญทองคำเพื่อใช้เข้าไปในยมโลก ส่วนสำหรับข้า ข้ากะว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางจากผู้ฝึกวิชาเทวะที่เข้าไปในระหว่างเป็นตาย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของข้า”
“วิชาและทักษะเทวะของเทพและมาร?” สีหน้าของทุกๆ คนข้างกองไฟแปรเปลี่ยนไปพร้อมๆ กันทั้งหมด และพวกเขาก็ล้วนแต่ใจสั่นสะท้าน
พึงรู้ว่าคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตคือวิชาฝึกปรือที่สามารถทำให้ผู้ฝึกบรรลุเทพหรือมารได้ และวิชาเช่นนี้คือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิมารฟ้า
กระบี่เต๋าแห่งสำนักเต๋า และพระสูตรมหายานยูไลก็เป็นวิชาฝึกปรืออันสามารถเปลี่ยนผู้ฝึกให้เป็นเทพหรือพุทธเจ้าได้ อันเป็นสาเหตุให้พวกเขากลายเป็นมหาแดนศักดิสิทธิ์
ต่อให้วิชาและทักษะเทวะของเทพและมารในยมโลกจะด้อยกว่าของพวกสามมหาแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็ยังมิใช่เรื่องเล่นๆ อยู่ดี!
“ตั้งแต่เมื่อจ้าวลัทธิฉินได้คิดค้นตัวแบบพีชคณิตห้วงมิติของสะพานเทวะ และเผยแพร่เคล็ดลับสะพานนกกางเขน เคล็ดลับนำทางปริศนา และเคล็ดลับเทพยดาข้ามพ้น สะพานเทวะก็มิใช่อุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่สุดในการบรรลุเป็นเทพอีกต่อไป” หลงอวี๋กล่าว
“การไม่มีวิชาฝึกปรือในเขตขั้นเทวะต่างหากที่เป็นอุปสรรคอันแท้จริง! พูดกันตามตรงแล้ว ในช่วงหลายวันนี้ มีผู้อาวุโสเฒ่าหลายต่อหลายคนที่มายังนครหยกน้อยเพื่อเสาะหาวิชาฝึกปรือ แต่พวกเรามีในนครหยกน้อยอย่างมากก็เป็นวิชาฝึกปรือในขั้นสะพานเทวะ ไม่มีวิชาฝึกปรือที่เหนือไปกว่านั้น”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนผงกหัวและกล่าว “สำนักเต๋าของเราก็ไม่มีวิชาระดับเทพเจ้าของวิชาฝึกปรือเซียนเถียนบรมปริศนา ถ้อยคำจากจ้าวลัทธิฉิน ทำให้ใจของข้าเคลื่อนไหวเป็นอย่างยิ่ง”
ปัญหาใหญ่ที่สุดของยอดฝีมือในจักรวรรดิสันตินิรันดร์ก็คือหลังจากที่กรุยทางอันไม่เคยผ่านไปได้มาก่อนสำเร็จแล้ว พวกเขาก็ไม่มีวิชาใดๆ ที่จะใช้ฝึกปรือต่อ และไม่รู้ว่าจะเดินทางต่อไปอย่างไร
หากว่าฉินมู่สามารถใช้ระหว่างเป็นตาย เพื่อเชื่อมโยงโลกทั้งสองเข้าด้วยกันได้จริง และช่วยให้พวกเขาสามารถได้รับวิชาฝึกปรือของขั้นวรยุทธอันเหนือล้ำขึ้นไป มันก็จะกลายเป็นคุณงามความกุศลอันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าเขาจะเรียกเก็บเงินเท่าไร ก็จะคุ้มค่าควรจ่ายอย่างแน่นอน!
แม้แต่ซิงอ้านก็ยังค่อนข้างหวั่นไหว แต่ทว่า เมื่อคิดถึงการที่ยมโลกได้สะกดข่มเขามา เขาก็ได้แต่ละวางความคิด
ผู้เยาว์พวกนี้ หากว่าพวกได้รับวิชาฝึกปรือหลังจากเขตขั้นเทวะมา ก็คงยากที่จะบอกได้ว่าข้าจะเป็นฝ่ายแย่งชิงชิ้นส่วนร่างกายของพวกเขา หรือว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายทำลายดวงวิญญาณของข้าไปแทน
สายตาเขาวูบวาบ ในชั่วจังหวะนั้น จิตคิดฆ่าฟันของเขาก็ตื่นขึ้นมาชั่ววินาทีหนึ่ง แต่ทว่า เขาก็ยังเป็นชนชั้นปรมาจารย์คนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงสยบความคิดเอาไว้ในเวลาไม่นาน
ซีอวิ๋นเซี่ยงและฮู่หลิงเอ๋อหายใจกระฟืดกระฟาด และดวงตาของนางสุกใสเป็นประกาย ความคิดเดียวกันผุดขึ้นในหัวของพวกนาง พวกเรากำลังจะรวยแล้ว! จะร่ำรวยเทียบเท่าจักรวรรดิ! เมื่อจัดตั้งระหว่างเป็นตายสำเร็จ แม้แต่จักรพรรดิก็คงห้ามใจตนเองไม่ให้ไปยมโลกไม่ได้หรอก!
ฮู่หลิงเอ๋อยกหูขนปุยทั้งสองของนางตั้งขึ้นมา และกระดิกมันไปหน้าไปหลังด้วยความตื่นเต้น “คุณชาย พวกเราควรคิดเงินกับจักพรรดิเท่าไร”
ซีอวิ๋นเซี่ยงเองก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เซียนเฒ่าแห่งนครหยกน้อย หลวงจีนแห่งวัดใหญ่ฟ้าคำราม นักพรตเฒ่าแห่งสำนักเต๋า พวกนี้ล้วนแต่เป็นแกะอ้วนๆ รอให้พวกเราเชือด!”
หลวงจีนหมิงซิ่น นักพรตหลินเสวียน หวางมู่หรัน และหลิงอวี้จิวหน้าเขียวหน้าดำ ไม่ทันที่พวกเขาจะได้ทักท้วง ซีอวิ๋นเซี่ยงและและฮู่หลิงเอ๋อก็หันไปมองตากัน ก่อนจะตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียว “คุณชาย หากว่าพวกเราเก็บค่าธรรมเนียมจากโลกแห่งคนเป็น แล้วโลกแห่งคนตายล่ะ พวกเราก็สามารถไปเก็บเงินที่นั่นได้นะ!”
“มืดบอดด้วยความโลภ! เจ้าไม่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเลยแม้แต่นิด! ปล่อยรายได้บางส่วนให้คนอื่นเขาบ้าง!” ฉินมู่กล่าวพลางส่ายหัว “ข้าได้มอบการเก็บค่าธรรมเนียมที่นั่นให้แก่เหล่าอดีตกษัตริย์มนุษย์แห่งโถงกษัตริย์มนุษย์ เงินรายได้เป็นของพวกเขา ดังนั้นพวกเจ้าลืมไปได้เลย”
ซีอวิ๋นเซี่ยงและฮู่หลิงเอ๋อค่อนข้างผิดหวัง หางของฮู่หลิงเอ๋อที่ตั้งขึ้นอยู่เมื่อครู่ก็ตกลู่ แต่ทว่าเมื่อนางคิดว่ากำลังจะร่ำรวยแล้ว หางของนางก็ชี้ตั้งขึ้นมาอีกครั้ง
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว และงานเลี้ยงก็เลิกรา
ฉินมู่รอให้ทุกๆ คนบนภูเขากลับไป ก่อนที่จะดึงฮู่หลิงเอ๋อวิ่งออกไปห่างจากไหสุรา จากนั้นเขาก็โยนก้อนหินใส่มัน
ก้อนหินนั้นหล่นลงไปในไหสุรา แต่ชั่วอึดใจหนึ่งมันก็ยังไม่มีปฏิกิริยา
ฮู่หลิงเอ๋อสงสัยขึ้นมา “คุณชาย หรือว่าท่านเข้าใจผิด”
ฉินมู่ส่ายหน้า และหันไปมองยังซิงอ้านที่อยู่ข้างๆ เขา “ศิษย์พี่ซิงอ้าน ไหนี่…”
“ถูกข้าสะกดข่มเอาไว้” ซิงอ้านกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “หากว่าเจ้าหมายจะปลดปล่อยพลังงานในนั้น ข้าก็ทำตามที่เจ้าปรารถนาได้นะ เพียงแต่ว่ามีภูเขาหยกเช่นนี้สักกี่ลูกกันในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิของเจ้า”
“อย่าปล่อยมันออกมา!” ในจังหวะที่ฉินมู่อ้าปากพูดเช่นนั้น ซิงอ้านก็ปลดปล่อยพลังวัตรของเขาและมองไปที่ฉินมู่ด้วยรอยยิ้มประหลาด “ยอดหมอเทวดาฉิน ข้าก็เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันนะ”
ฉินมู่รู้สึกขนหัวทุกเส้นลุกเต็มเหยียดและรีบฉุดฮู่หลิงเอ๋อวิ่งหนีเตลิด “พวกเราอยู่ในเมืองหลวงไม่ได้แล้ว จักรพรรดิจะต้องตัดหัวข้าแน่ๆ ไปเร็วเข้า เดี๋ยวนี้เลย!”
………………..