ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 555 แหวกเมฆแยกหมอกเห็นฟ้าคราม
โครงกระดูกและซากศพหลายหมื่นห้อมล้อมคุ้มกันฉินมู่ขณะที่พุ่งทะยานไปทางทิศตะวันออกราวน้ำหลาก ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านไปที่ใด ทุกอย่างก็ถูกโถมทับทลายไปหมด
แดนลางร้ายเต็มไปด้วยสิ่งประหลาดมากมาย พวกมันส่วนมากเป็นสิ่งมีชีวิตที่ก่อขึ้นมาจากความอาฆาตพยาบาทหรือดวงวิญญาณแตกหักของผู้ฝึกวิชาเทวะที่ตกตายในสนามรบ สิ่งมีชีวิตพวกนี้เกิดขึ้นมาจากทักษะเทวะที่หลงเหลืออยู่ของเทพและมาร ดังนั้นพวกมันจึงแข็งแกร่งอย่างผิดธรรมดา ทั้งยังพิลึกและน่าสะพรึงกลัวอย่างสุดขีดขั้ว
นี่เพราะว่าการศึกในครั้งนั้นมันขมขื่นจนเกินไป เทพ มาร และผู้ฝึกวิชาเทวะที่ตายในตอนนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์อันมืดหม่นซึ่งไปหลอมรวมกับโลหิตเทวะ ก่อขึ้นมาเป็นสถานที่ประหลาดอันเป็นที่รู้จักในชื่อแดนลางร้าย สิ่งมีชีวิตที่นี่ก็มีกรอบคิดอันบิดเบี้ยวด้วย
ระหว่างการเดินทาง ฉินมู่เห็นวัตถุพิลึกกึกกือมากมาย มันมีภูเขาที่ก่อขึ้นมาจากการผสมกันของเลือดเนื้อของเทพและมาร ตะขาบกระดูกขาวที่มีหัวนับร้อย และสัตว์ประหลาดที่มีหัวเป็นมังกร ร่างของม้า และหางยาวอันก่อขึ้นมาจากกระดูก
แต่ถึงอย่างไร ไม่ว่าสัตว์ประหลาดลางร้ายเหล่านี้จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน เทพครองดาวเจ็ดสังหารก็ส่งมันไปสู่สุคติได้ทั้งหมด พวกมันถูกกลุ้มรุมโจมตีโดยกองทัพโครงกระดูกและซากศพที่คึกคักเริงรื่น
ความกว้างใหญ่ของแดนลางร้ายนี้ยากเกินกว่าจะจินตนาการออก แม้ว่าความเร็วของฉินมู่และ ‘คน’ อื่นๆ จะไม่เชื่องช้า พวกเขาก็ต้องเดินทางไปมากกว่าสองวันถึงจะไปถึงเขตชายแดน
“สหายน้อยฉิน เจ้าเพียงแต่ต้องมุ่งหน้าไปอีกหน่อยก็จะสามารถออกไปจากแดนลางร้ายนี้ได้ พวกเราส่งเจ้าออกไปไกลกว่านี้ไม่ได้แล้ว” เว่ยเหลียวหยุดทัพและคารวะลาอย่างเป็นทางการ “แล้วพบกันใหม่ในภายภาคหน้า”
ฉินมู่ก็คารวะกลับไป “แล้วพบกันใหม่ในภายภาคหน้า หลังจากที่ข้าจากไปแล้ว ข้าจะต้องไปยังยมโลกแน่ๆ และถามท้าวยมราชว่าเขาจะสามารถหาสถานที่ให้กับพวกเจ้าทุกคนได้หรือไม่ ทุกท่าน โปรดรอฟังข่าวจากข้า” หลังจากเขากล่าวเช่นนั้น เขาก็หันกายเดินจากไป
เว่ยเหลียวส่งสายตาตามหลัง แต่ทันใดเขาก็กล่าวด้วยเสียงอันดัง “สหายน้อยฉิน เจ้าก็แซ่ฉินเช่นกัน เจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับจักรพรรดิก่อตั้งหรือ”
ฉินมู่หันกลับไปและโบกมือ “จักรพรรดิก่อตั้งเป็นบรรพบุรุษของข้า!”
“มิน่าล่ะ มิน่าล่ะ…” เว่ยเหลียวตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นส่งสายตาตามเงาร่างที่เดินออกไปจากแดนลางร้าย “ทหารของข้า ไปกันเถอะ ไปยึดครองแดนลางร้ายแห่งนี้และปกครองมันเสีย พวกเราจะรอการมาเยือนของจักรพรรดิก่อตั้ง!”
โครงกระดูกและซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนตามเขาไปพลางโห่ร้องยินดีเมื่อเคลื่อนทัพเข้าไปยังส่วนลึกของแดนลางร้ายอันปกคลุมอยู่ใต้ปราณมารอันหนาทึบ
เมื่อเขาพ้นจากเขตแดนประหลาด ฉินมู่ก็หันกลับไปมอง คลื่นกระเพื่อมอันน่าสะพรึงกลัวส่งออกมาถึงเขาจากในแดนลางร้าย อันน่าจะมาจากการที่เทพครองดาวเจ็ดสังหารเว่ยเหลียวได้เข้าปะทะกับสัตว์ประหลาดใหม่ๆ
แม้ว่าพวกเขาจะตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังคงต่อสู้อย่างดุเดือด ตอบแทนบุญคุณของนายเหนือหัวของพวกเขาแม้จะกลายเป็นโครงกระดูก ช่างเป็นผู้คนที่ห้าวหาญเสียจริง!
เขาเดินมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกฝ่าความมืด แดนลางร้ายได้กลายเป็นพื้นที่ใต้ปกครองของเว่ยเหลียว และมันก็จะกลายเป็นตะปูที่ปักลงไปในใจกลางเขตแดนเผ่ามาร
เอ๋ ข้ายังคงจำภาษาแดนใต้พิภพได้!
ฉินมู่กะพริบตาปริบ ภาษามารมิได้หายไปจากจิตของเขา! หรือว่าความพิลึกกึกกือของแดนลางร้ายยังคงติดตามเขามาด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังคงมองเห็นประตูที่นำไปสู่สมบัติเทวะทารกวิญญาณอีกอันหนึ่ง มันยังคงตั้งอยู่ตรงข้ามกับของเดิมของเขา
เช่นนั้นข้าก็บรรลุภาษาแดนใต้พิภพแบบนี้หรือ ตอนนี้มันพิกลเอาจริงๆ ล่ะนะ…
เขาเทวาจำแลงเป็นเทพครองดาวเสาร์อีกครั้ง และประตูน้อมสวรรค์ก็ปรากฏข้างหลังเขา หนังสือโบราณเปิดออกอีกครา เขาเปิดมันออก อ่านอย่างเงียบเชียบหน้าแล้วหน้าเล่า ไม่เอ่ยถ้อยคำใดออกมาเลยแม้แต่น้อย และตราพวกมันเอาไว้ในความทรงจำ
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็จดจำหนังสือทั้งหมด และสลายร่างเทพครองดาวเสาร์ ประตูน้อมสวรรค์ข้างหลังเขาก็หายไป
ข้าได้เห็นประตูน้อมสวรรค์บนรูปสลักหินที่ดูเหมือนกายาจ้าวแดนดินในหุบเขาภูตผี แต่ทว่า รูปสลักนี้นั้นไม่มีม้วนคัมภีร์อยู่ในมือ จากเทพเจ้าและผู้ฝึกวิชาเทวะทั้งหลายที่ข้าเคยเห็นมาจนถึงบัดนี้ ข้าเป็นเพียงผู้เดียวที่มีม้วนคัมภีร์โบราณอยู่ในมือตอนที่ข้าเทวาจำแลงเป็นเทพครองดาวเสาร์
ฉินมู่ครุ่นคิดอยู่สักพัก ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักขึ้นมา กายาจ้าวแดนดินในเวิ้งใต้ดินของหุบเขาภูตผีจะต้องเหมือนกับซวีเซิงฮวา พวกเขาทั้งคู่เป็นกายาจ้าวแดนดินปลอม มีก็แต่กายาจ้าวแดนดินแท้ที่จะมีม้วนคัมภีร์โบราณอยู่ในมือ! เมื่อข้ากลับไป ข้าจะถามผู้ใหญ่บ้านเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาน่าจะรู้มากกว่าข้า!
หลังจากที่ตัดสินใจเช่นนั้น เขาก็โยนเรื่องนี้ไปกองไว้หลังสมอง ภาษาแดนใต้พิภพดังออกมาจากปากของเขาอีกครั้ง และเขาท่องเนื้อความในคัมภีร์ระหว่างที่วิ่งตะบึงไปทางทิศตะวันออก
ปราณมารไหลบ่าเข้ามายังเขา และมุดเข้าไปในหว่างคิ้ว นี่ทำให้พลังวัตรของเขาในมรรคามารเพิ่มพูนขึ้นอย่างทบทวี
คราวนี้ไม่มีเหตุการณ์ประหลาดอย่างคนตายกลับฟื้นคืนชีพ นี่น่าจะเป็นเพราะการใช้คัมภีร์โบราณ ฉินมู่ค่อยสบายใจ ตราบเท่าที่เขาไม่นำคัมภีร์โบราณเล่มนั้นออกมา ภาษาแดนใต้พิภพก็จะเป็นเพียงแค่วิธีฝึกวิทยายุทธประหลาดๆ เท่านั้น เขาไม่ต้องกังวลว่าจะไปรบกวนความสงบของแดนใต้พิภพหรือถูกผู้นำทางความตายไล่ล่า
ขณะที่เขาวิ่งไปอย่างดุเดือด ปราณมารก็ไหล่บ่ามากระจุกตัวกับเขาราวกับควันสัญญาณ เขาดูไม่เหมือนผู้ฝึกวิชาเทวะ แต่เหมือนกับจอมมารที่วิ่งตะบึงไปในเส้นทาง
ทันใดนั้น เขาก็หยุดเอ่ยภาษาแดนใต้พิภพ และภาษาเทพอันสลับซับซ้อนก็ออกมาจากปากของเขาเอง พลังมารชีวาของเขาเข้าไปกระแทกกับประตูในสมบัติทารกวิญญาณของมรรคามาร ภาษามารพลันกึกก้องขึ้นมาในจิตของเขา ดังมาจากส่วนลึกของน้ำพุเหลืองเก้าชั้นข้างใต้ เสียงนั้นพิลึกกึกกือและขัดจังหวะพลังมารชีวาของเขา ป้องกันไม่ให้เขาทลายฝ่าประตูเข้าไป
ภาษาเทพบรรจุไว้ด้วยพลานุภาพประหลาดอันสามารถปะทะต้านยันภาษามารที่เพิ่งปรากฏ
เมื่อครั้งกระโน้นที่ฉินมู่ทลายเปิดสมบัติเทวะทารกวิญญาณของเขา เขาก็ได้ยินภาษาเทพที่ราวกับว่าดังมาจากสวรรค์ชั้นเก้า และขัดจังหวะการทลายกำแพงทารกวิญญาณของเขา เขาจึงหยิบยืมเสียงมารและเสียงพุทธเพื่อทลายกำแพงออกไปด้วยกำลัง เพื่อให้สามารถบ่มเพาะทารกวิญญาณของเขาได้
ตอนนั้นนับได้ว่าเป็นโชคดี
บัดนี้เขาทำเรื่องทำนองเดียวกันอีกครั้ง และความสำเร็จในภาษามารของเขาก็เหนือล้ำกว่าที่เขาครอบครองเมื่อสมัยกระโน้น เขาใช้ภาษาเทพเพื่อรับมือกับภาษามารอันมาจากน้ำพุเหลืองเก้าชั้นข้างใต้ และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างง่ายดายและราบรื่น พลังมารชีวาของเขาไหลบ่าไปโดยไร้อุปสรรค และปะทะเข้ากับกำแพงทารกวิญญาณ!
ตูม!
เสียงระเบิดอันสะเทือนเลื่อนลั่นประดุจอสุนีบาตก็ดังมาจากร่างกายของเขาเมื่อประตูเข้าไปยังสมบัติทารกวิญญาณอีกอันของเขาระเบิดเปิดออกมา พลังวัตรในมรรคามารของเขาพลันขยายพองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และดึงดูดปราณมารเข้ามามากขึ้นอีก ขณะที่เสียงมารจากใต้น้ำพุเหลืองเก้าชั้นก็หยุดยั้งลง
ในสมบัติเทวะทารกวิญญาณมรรคามารนี้ ไม่มีทารกวิญญาณอยู่!
ฉินมู่ตะลึงงัน สมบัติเทวะทารกวิญญาณมรรคามารของเขาว่างเปล่า มีเพียงแค่แท่นวิญญาณ อักษรรูนแปลกประหลาดของมรรคามารจารึกอยู่บนแท่นนั้น
“วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ!”
ฉินมู่ขับเคลื่อนมัน และพลังมารชีวาในร่างกายของเขาก็ไหลบ่าเข้าไปในสมบัติเทวะทารกวิญญาณมรรคามารของเขา แสงวาบพุ่งมาวูบหนึ่ง และทารกวิญญาณของเขาก็พลันปรากฏขึ้นมาในสมบัติเทวะทารกวิญญาณมรรคามารนี้ นั่งอยู่บนแท่นวิญญาณ มันเริ่มต้นสูดลมหายใจเอาพลังมารชีวาเข้าและออก
ในไม่ถึงอึดใจ มันก็ก่อดวงตะวันมาร และดวงจันทร์มารขึ้นมา
ผู้ใหญ่บ้านนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ! วิชากายาจ้าวแดนดินที่เขาสอนข้า สามารถใช้ฝึกปรือมรรคามารได้ด้วย!
ฉินมู่ยกย่องผู้ใหญ่บ้านอย่างสุดใจ เขาอุทานด้วยความทึ่งอยู่ในใจ “เมื่อไหร่ข้าถึงจะมีความรู้และขอบฟ้าวิสัยทัศน์ที่กว้างใหญ่ไพศาลเหมือนอย่างเขาบ้าง”
วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะไม่ขัดแย้งกับภาษาแดนใต้พิภพที่ออกมาจากปากของเขา มันขับเคลื่อนพลังมารชีวา และทารกวิญญาณก็สูดลมเข้าและออก ในขณะเดียวกันนั้น ภาษาแดนใต้พิภพก็เหนี่ยวนำปราณมารเข้าไปในร่างกายของเขา และทำให้พลังวัตรในมรรคามารของเขาเข้มข้นขึ้นทุกทีๆ
มันเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่นานหลังจากนั้น รูปทรงของดวงตะวันและจันทรามารในสมบัติเทวะทารกวิญญาณของเขาก็เสถียร พวกมันสะท้อนพ้องกับดวงตะวันและจันทราในสมบัติเทวะทารกวิญญาณอีกอัน ดูเหมือนกับเงาสะท้อนในกระจก
เมื่อฉินมู่รู้สึกว่าพลังวัตรของเขาสมบูรณ์แบบ เขาก้พุ่งไปยังสมบัติเทวะห้าธาตุ และเสียงระเบิดดังสนั่นก็ก้องออกมา เป็นสัญญาณการทลายกำแพงสมบัติเทวะห้าธาตุ ดาวธาตุห้าดวงแห่งมรรคามารลอยเลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า และส่องแสงวาบด้วยรังสีมาร
วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะของฉินมู่กลายเป็นซับซ้อนขึ้นทุกทีขณะที่เขาโคจรมันไป และพลังมารชีวาของเขาก็เชื่อมต่อดาวทั้งห้าเพื่อโคจรหมุนไปในเส้นทางอันแปลกประหลาด พลังวัตรในมรรคามารของเขายิ่งเข้มข้นขึ้นและเข้มข้นขึ้น
ฝึกปรือด้วยความเร็วระดับนี้…ข้าเกรงว่าเพียงไม่กี่วัน วรยุทธในมรรคามารของข้าก็คงไล่ตามทันวรยุทธในมรรคาเทพ
มียอดฝีมือจำนวนมากที่ตามหาเขา ตั้งกันเป็นกลุ่มเพื่อไล่ล่า มียอดฝีมือมารหลายคนที่เห็นฉินมู่แต่ไกลๆ ทว่าไม่ใส่ใจอะไร พวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าหมอนั่นที่ดูคละคลุ้งไปด้วยปราณมารอันชั่วร้ายเสียยิ่งกว่าพวกเขา จะกลายเป็นฉินมู่ที่พวกเขากำลังตามหาอยู่เสียได้
เส้นทางของฉินมู่ไม่มีอุปสรรคกีดขวางขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก หลังจากเดินทางไปสักหกเจ็ดวัน จุดแสงหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
เขาเงยศีรษะขึ้นไปมองและพบว่าแสงนั้นขยายใหญ่ขึ้นทุกทีๆ สว่างขึ้นทุกทีๆ ดวงตะวันกลมดิกก่อรูปทรงขึ้นมาเหนือหัวของเขาและนำแสงสว่างจำนวนหนึ่งมาสู่เขตแดนเผ่ามาร
ด้วยความลิงโลดอย่างเต็มปริ่มใจ ฉินมู่ก็ระบายลมหายใจโล่งอก “ดวงตะวันนี้เป็นทรงกลมและไม่แบนราบ! ราชครูสันตินิรันดร์ช่างเลิศล้ำเสียจริง!”
เขามองไปยังทิศทางที่ดวงตะวันลอยขึ้นมา และสำรวจตรวจตราดูเงาของเขาบนพื้น เขาวิ่งต่อไปอีกยี่สิบลี้และคำนวณมุมของเงา ข้าอยู่ห่างจากจุดที่ดวงตะวันลอยขึ้นมาประมาณหนึ่งหมื่นลี้ ฟู่ยื่อลัวนี่ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ ที่สามารถลักพาตัวข้ามาด้วยระยะทางไกลขนาดนี้!
ดวงตะวันบนท้องฟ้ากลมเกลี้ยง และเขามีความรู้สึกเหมือนเมฆบนท้องฟ้าแหวกออกจากกัน เผยให้เห็นห้วงฟ้าอันเป็นสีครามใส อารมณ์ของเขาพลันดีขึ้นในพริบตา
ทันใดนั้น เมืองเทพยดาแห่งหนึ่งก็ตระหง่านขึ้นมาในสายตาของเขา มีมารมากมายที่เดินไปมาๆ อยู่รอบๆ
กลุ่มไพร่พลมารและทหารม้าออกไปค้นหาทั่วทุกทิศทาง คอยดักแม้กระทั่งเผ่ามารที่ผ่านทางเมื่อตรวจสอบตัวตนของพวกเขา ฉินมู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและตัดสินใจที่จะเดินอ้อมไป
กระนั้นเสียงกุบกับของม้าก็ดังมาถึงเขา และมารกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา ตะโกนเขาแต่ไกลๆ “หยุด!”
ฉินมู่หยุด และอัศวินที่นำหน้ามามองไปที่เขา จากนั้นก็ส่ายหัวพลางกล่าว “นี่ไม่ใช่คนที่พวกเราตามหา ไปกันต่อ!” ในพริบตาถัดมา เขาก็พุ่งออกไปไกลพร้อมกับผู้ฝึกวิชาเทวะมารคนอื่นๆ
ฉินมู่ระบายลมหายใจโล่งอก แต่เสียงอันคุ้นหูก็ดังมาจากข้างหลังเขา “ไอ้เด็กผู้นี้ ข้ายังต้องการผู้ติดตามรับใช้ มานี่ มาเป็นผู้ติดตามของข้า!”
ด้วยความตกตะลึง ฉินมู่มองไปยังทิศทางเสียง เขาเห็นเด็กหนุ่มแบกดาบอสูรมาบนหลังของเขายืนอยู่ไม่ห่างไม่ไกล นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเจ๋อหัวหลี
ฉินมู่เดินเข้าไป และดวงตามารบนด้ามดาบอสูรพลันลืมเปิดออก มันกลอกไปมาจนกลายเป็นสีแดงฉาน จากนั้นก็จ้องไปที่เขาด้วยความตื่นเต้น สักพักหนึ่ง ดวงตามารก็ปิดลงไป
เจ๋อหัวหลีเดินเข้ามาและกล่าว “ตามข้ามา”
ฉินมู่ทำตามที่เขาบอก และเจ๋อหัวหลีพาเขาไปยังทิศตะวันออก ละทิ้งเมืองเทพยดานั้นไว้ข้างหลัง มีด่านตรวจสอบตัวตนจำนวนมาก แต่เมื่อมารทั้งหลายเห็นเจ๋อหัวหลี พวกเขาก็ไม่ไต่ถามอะไร
เมื่อพวกเขาอยู่ห่างจากเมืองไปร้อยลี้ เจ๋อหัวหลีก็ชะงักเท้าและกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “เจ้าเดินทางไปทิศตะวันออกต่อได้”
ฉินมู่มุ่งหน้าต่อไปตามคำพูดของเขา ไม่นาน เขาก็รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งจับจ้องลงมาบนร่างกายของเขา ราวกับมีดสองเล่มที่แทงเข้ามาในตัว!
กล้ามเนื้อของเขาแข็งทื่อ และบิดไปมาสองครั้งเพื่อบดขยี้เจตจำนงมีดนั้น
เมื่อมันแหลกทำลาย ก็สร้างเสียงกริ๊งๆ สดใส
“เป็นเจ้านี่เอง” เจ๋อหัวหลีกล่าวมาจากข้างหลังเขา
ฉินมู่สลายปราณมารรอบกายของตน และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ๋อหัวหลี วิชามีดของเจ้ารุดหน้าไปมากจริงๆ”
สายตาของเด็กหนุ่มนั้นเหมือนกับมีดดาบ อันทำให้ฉินมู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบดทำลายให้แตกหัก หลังจากเมืองหลี วิชามีดของเจ๋อหัวได้เพิ่มพูนไปอย่างก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด!
“พี่ฉินหลบหนีจากเมืองครอบปิดมาได้ และถึงกระทั่งรอดชีวิตข้ามพ้นแดนลางร้ายมาได้อีกนับว่าน่าตื่นตระหนกจริงๆ หลังจากที่แยกทางกันในเมืองหลี ข้าได้วิเคราะห์ศึกษาเพลงกระบี่ของเจ้าโดยละเอียด เพลงกระบี่ริเริ่มภัยพิบัตินั้นแน่ล่ะว่าแข็งแกร่ง แต่ข้าเองก็มีปฏิภาณความเข้าใจของตนเช่นกัน” เจ๋อหัวหลีกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย
“ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายในน้ำมือของคนอื่น มีก็แต่ข้าที่สามารถสังหารเจ้าได้! ศิษย์ทุกคนของมารเทวะทั้งหลายในสวรรค์ไท่หวงกำลังเสาะหาตัวเจ้า อย่าตายในระหว่างทางเสียล่ะ”
“ขอบคุณมาก” ฉินมู่โค้ง
เจ๋อหัวหลีไม่รับคำขอบคุณ และจากไปในพริบตา
…………………