ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 571 วิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนา
ในรังมังกรแท้ ในที่สุดฉินมู่ก็บรรลุสิ่งที่เขาหมายมาดเอาไว้ และเข้าใจภาษามังกรทั้งหมดในนั้นจนกระจ่างแจ้ง
ผู้เฒ่าชิงหวงเป็นมังกรเทพยดา ดังนั้นเขาจึงรู้ภาษามังกรทั้งหมด กำลังฝีมือของเขาก็สูงล้ำถึงขั้นที่ฉินมู่ไม่รู้ว่าเขตขั้นวรยุทธของเขาคืออะไร
ถึงอย่างไร การที่จะได้เป็นจ้าวปราสาทมังกรเขียว หนึ่งในสี่มหาปราสาทสวรรค์แห่งสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้ง เขาก็น่าจะแข็งแกร่งกว่านักบุญคนตัดไม้และท้าวยมราช
การประกอบเข้าด้วยกันของหมู่ดาวทั้งหลายเป็นที่เรียกขานว่าสภาสวรรค์ และเมื่อแยกกันแล้วพวกมันรู้จักกันในนามห้าปราสาท ปราสาทสวรรค์มังกรเขียวปกครองดวงดาวหกสิบดวงแห่งสวรรค์บูรพา ปราสาทสวรรค์พยัคฆ์ขาวปกครองดวงดาวยี่สิบเจ็ดดวงแห่งสวรรค์ประจิม ปราสาทสวรรค์หงส์แดงปกครองดาวดาวสามสิบเก้าดวงแห่งสวรรค์ทักษิณ และปราสาทสวรรค์เต่าดำปกครองสวรรค์อุดร
ที่ใจกลางนั้นคือปราสาทสวรรค์จักรพรรดิฟ้า ซึ่งปกครองหมู่ดาวจักรพรรดิฟ้า
นอกจากนั้น ปราสาทสวรรค์มังกรเขียวยังเป็นตำแหน่งนำของสี่มหาปราสาทสวรรค์อื่นๆ ดังนั้นใครก็คงนึกออกว่าผู้เฒ่าชิงหวงนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
เขาไม่ถอดความหมายวิชาฝึกปรือแห่งจ้าวแห่งมังกรแท้เหมือนกับมังกรน้อยเจียงเหมี่ยวที่แปลไปทีละคำทีละคำ ในทางตรงข้าม เขาได้แปรเปลี่ยนนิพนธ์ทั้งหมดให้กลายเป็นวิชาฝึกปรือ และถ่ายทอดให้กับทั้งสองคน โดยเรียงตั้งแต่ง่ายที่สุดไปยังยากที่สุด
วิชาฝึกปรือหลักนั้นเรียกว่าวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนา และมันขับเคลื่อนภาษามังกรทั้งหมดเพื่อก้องสะท้อนไปมาในกายเนื้อและจิตวิญญาณดั้งเดิมด้วยเสียงคำรามมังกร วิธีการขัดเกลาปราณชีวิต ทักษะเทวะ และร่างกาย ล้วนแต่ซ่อนอยู่ในนิพนธ์
สำหรับผู้ฝึกแล้ว วิชานี้ได้ยกระดับทุกๆ ด้านของตน อันเกี่ยวพันถึงความพลุ่งพล่านของปราณชีวิต ความเพริศแพร้วของทักษะเทวะ และความแข็งแกร่งของร่างกาย–พวกเหล่านี้ล้วนแต่เป็นที่สุดของที่สุดในสุดยอดวิชาที่อยู่ในเขตขั้นเต๋า!
หากว่าฉินมู่สามารถตรึกตรองเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างโดยครบสมบูรณ์ การเข้าสู่เขตขั้นของวิชาก็จะไม่ใช่งานยาก
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินมู่ได้เห็นวิชาฝึกปรือในระดับนี้ และมันยังเป็นวิชาที่ครบสมบูรณ์อีกต่างหาก
สิบสี่นิพนธ์กระบี่เต๋าไม่ครบสมบูรณ์ เพราะดวงดาวบนท้องฟ้าเป็นของปลอม นิพนธ์ที่สิบสี่ไม่อาจถูกตรึกตรองเข้าใจได้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ดังนั้นกระบี่ที่สิบสี่จึงไม่มีวันไปถึงเขตขั้นมรรคาเต๋า
พระสูตรมหายานยูไลของวัดใหญ่ฟ้าคำราม ก็ฝึกปรือกรอบคิดจิตใจจึงถึงเพียงแค่เขตขั้นเต๋า ส่วนขั้นวรยุทธนั้นก็ฝึกได้เพียงแค่สวรรค์ชั้นที่ยี่สิบ เมื่อใดที่ผู้ฝึกไปถึงเขตขั้นพรหม ก็จะไม่มีวิชาให้ฝึกปรืออีกต่อไป
วิชาฝึกปรือของนครหยกน้อย สามารถทำให้ผู้คนฝึกปรือถึงเขตขั้นเทวะ อันภายหลังมันก็ถูกทำให้ขาดสะบั้น
คัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตของลัทธินักบุญสวรรค์ก็มีความสำเร็จอันเลิศล้ำในทักษะเทวะ แต่มันก็ไม่มีวิชาฝึกปรือไปต่อหลังจากที่บรรลุเป็นเทพเจ้าแล้ว
เพราะว่ามรดกยุทธของสันตินิรันดร์มีช่องว่างที่ขาดหายไปอยู่ ดังนั้นมันจะไม่ครบสมบูรณ์โดยธรรมชาติ ทุกวิชาฝึกปรือในทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนแต่บกพร่อง
สวรรค์ไท่หวงอาจจะมีมรดกยุทธที่ครบสมบูรณ์และมีเทพและมารมากมาย แต่ฉินมู่ก็ยังไม่เคยเห็นวิชาฝึกปรือใดที่ทำให้ผู้ฝึกไปถึงเขตขั้นมรรคาเต๋าได้ ได้ยินก็ยังไม่เคยได้ยิน
แม้แต่เทพเที่ยงแท้แห่งสวรรค์ไท่หวงก็ได้แต่ฝึกแง่ใดแง่หนึ่งของตนจนถึงเขตขั้นเต๋าเท่านั้น หากว่าพวกเขาต้องการให้ทุกแง่มุมของตนบรรลุเขตขั้นเต๋า พวกเขาก็จะต้องตรึกตรองและฝึกฝน
วิชาฝึกปรือของสวรรค์ไท่หวงไม่อาจทำให้ใครฝึกถึงเขตขั้นเต๋าได้
วิชาฝึกปรือหนึ่งเดียวที่สามารถไปถึงเขตขั้นเต๋าได้โดยตรง ก็คือวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนา ด้วยการฝึกตามครรลอง ผู้ฝึกก็จะสามารถบ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมมังกรบรรพกาล และเพิ่มพูนปฏิภาณความเข้าใจต่อทักษะเทวะของเผ่ามังกรไปถึงเขตขั้นเต๋า ปฏิภาณความเข้าใจของกายเนื้อก็บรรลุเขตขั้นดังกล่าวได้เช่นกัน ทำให้มันเป็นวิชาที่ท้าทายสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง!
มันเหนือล้ำกว่าแม้กระทั่งวิชากายาจ้าวแดนดินของข้า! ฉินมู่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน
เมื่อเขากล่าวลาเจ๋อหัวหลีในสวรรค์ไท่หวง เขาก็ได้จมลงไปในสภาวะที่วิชาฝึกปรือเข้าสู่เต๋า อันเขาได้แก้ไขปรับปรุงทักษะเทวะทั้งหมดของวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ และบรรลุถึงสภาวะอันสมบูรณ์แบบที่สุด แต่ทว่า ช่างน่าเสียดายที่เขาถูกขัดขวางโดยยอดฝีมือมารกลุ่มหนึ่งระหว่างกระบวนการผสานรวมเนตรเทวะ
แม้กระนั้น เขาก็ได้ย่างก้าวแรกพาวิชาฝึกปรือเข้าสู่เต๋า
แต่ว่ามันแตกต่างจากวิชาฝึกปรือเขตขั้นเต๋า วิชาฝึกปรือเข้าสู่เต๋านั้นสามารถทำให้กายเนื้อ จิตวิญญาณดั้งเดิม และทักษะเทวะของเขาไปถึงสภาวะของเทพเที่ยงแท้เยาว์ได้
ส่วนวิชาฝึกปรือเขตขั้นเทวะนั้นเป็นระดับชั้นที่สูงกว่าชั้นหนึ่ง และสามารถทำให้ทักษะเทวะ กายเนื้อ และจิตวิญญาณของผู้ฝึก บรรลุถึงเขตขั้นเต๋า ยิ่งไปกว่านั้น มันก็มีวิชาฝึกปรือต่อหลังจากย่างกรายเข้าสู่เขตขั้นเทวะ
แม้ว่าวิชาฝึกปรือนี้จะดีเลิศ แต่มันก็เพราะให้เผ่ามังกรใช้ฝึกปรือเสียมากกว่า หากว่าข้าฝึกปรือวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนา ความสำเร็จของข้าก็จะด้อยกว่าของเจียงเหมี่ยวอย่างแน่นอน สำหรับข้าแล้ว วิชาที่เหมาะสมลงตัวกับข้ามากที่สุดคือวิชาที่ดีที่สุด
ฉินมู่วางน้ำหนักบนบ่าลง แม้ว่าวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาจะดีเลิศ แต่เขาก็ยังคงเลือกวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ
แต่ถึงอย่างไร วิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาก็ยังเป็นประโยชน์แก่เขา เขาสามารถหยิบยืมมรรคาแห่งการขัดเกลาข้างในนั้นเพื่อขัดเกลากายเนื้อ จิตวิญญาณดั้งเดิม และทักษะเทวะ และทำให้วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
วิธีการขัดเกลานี้เรียกว่า แปดสุรเสียงมังกรบรรพกาล และมันเป็นวิธีการอันกร้าวแกร่งเขื่องโขจนสุดขีด มันแบ่งออกเป็นเสียงเหนียวข้น เสียงสังหาร เสียงช่วงชิง เสียงดูดซับ เสียงโน้มนำ เสียงปั่นหมุน เสียงฟาดทุบ และเสียงขัดเกลา
ฉินมู่ทดลองมันในทันที และการโคจรปราณชีวิตของเขาก็สั่นสะเทือนด้วยจังหวะอันแปลกประหลาด เสียงเหนียวข้นแผ่พุ่งออกไป และปราณชีวิตของเขาก็พลันกลายเป็นอืดอาดอย่างที่สุด สั่นสะเทือนด้วยความถี่สูงลิ่ว ในเสี้ยววินาทีนั้น ฉินมู่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอันอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในกายเนื้อของเขา โลหิตของเขากลายเป็นเหนียวข้น และเสียงระเบิดอันน่าแตกตื่นก็ดังออกมาเมื่อเขาโคจรมันไป!
การโคจรปราณและโลหิตของเขากลายเป็นกว้างใหญ่ไร้ประมาณกว่าเดิม ราวกับว่าหิมะถล่มที่ลงจากภูเขาหิมะ เมื่อปราณและโลหิตของเขาโคจรมาถึงฝ่ามือ มันก็กลายเป็นใหญ่มหึมาราวกับพัดใบตาล การโคจรปราณชีวิตในฝ่ามือของเขาส่งเสียงระเบิดกึกก้องราวกับอสุนีบาตคำราม
เขาใช้เสียงเหนียวข้นเพื่อขัดเกลาเส้นโลหิตของเขา หลังจากหนึ่งรอบ เขาก็สลายมันไป รู้สึกสดชื่น
ฉินมู่จึงขับเคลื่อนเสียงสังหาร มันเขย่าสำนึกรู้ของเขา ขัดเกลามันให้บริสุทธิ์ไร้มลทิน
เขาขับเคลื่อนเสียงช่วงชิง และวิญญาณทั้งสามของเขาก็เกือบจะกระจัดกระจายไป
เสียงช่วงชิงขัดเกลาวิญญาณทั้งสาม เสียงดูดซับขัดเกลาจิตทั้งเจ็ด เสียงโน้มนำขัดเกลาหัวใจ เสียงปั่นหมุนขัดเกลาดวงจิต และเสียงขัดเกลาก็ขัดเกลาจิตเต๋า
ฉินมู่ขัดเกลามันไปทีละอย่าง ได้รับความเข้าใจจำนวนหนึ่งต่อแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาล เขาจึงสลายปราณชีวิตของเขาด้วยอาการคึกคัก และใช้มันเพื่อสร้างเส้นทางโคจรในวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะของเขา ขั้นต่อไปของเขาก้คือ การผนวกเอาสิ่งที่เขาได้เรียนรู้เข้าไปในวิชาฝึกปรือของตน
ตรงหน้าเขา ปราณชีวิตได้สร้างเส้นทางโคจรต่างๆ ออกมาอย่างมากมาย อันนำไปสู่การก่อรูปขึ้นมาคล้ายกับร่างมนุษย์ แต่เมื่อมองเข้าไปอย่างใกล้ชิด ก็จะเห็นโครงสร้างอันสลับซับซ้อน
มันเน้นไปที่สมบัติเทวะทารกวิญญาณ ห้าธาตุ และหกทิศของเขา ปราณชีวิตของเขาโคจรในสมบัติเทวะเหล่านี้ และก่อขึ้นมาเป็นระบบอันซับซ้อน เส้นทางของปราณชีวิตในแต่ละสมบัติเทวะของเขาก็ล้วนแตกต่างกัน
ไม่เพียงเท่านั้น หากว่าใครมองไปยังทุกอวัยวะในร่างกายเขา ก็จะพบว่าปราณชีวิตของเขามีเส้นทางโคจรที่แตกต่างกันออกไปในหัวใจและไต และเส้นทางการโคจรในขาของเขาก็แตกต่างจากอวัยวะทั้งห้าและโพรงทั้งหมด นี่มันเพริศแพร้วพิสดารอย่างแท้จริง
เขาพยายามที่จะผนวกเอาแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาลเข้าไปในเส้นทางโคจรปราณชีวิตของตน และก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีไม่กี่จุดเท่านั้นที่เขาต้องปรับเปลี่ยน เขาเพียงแต่ต้องขับเคลื่อนเสียงโน้มนำเมื่อปราณชีวิตของเขาไปถึงหัวใจ เสียงเหนียวข้นเมื่อปราณชีวิตไปถึงเส้นเลือด และเสียงปั่นหมุนเมื่อปราณชีวิตของเขาไปถึงทารกวิญญาณ มันก็เรียบง่ายเช่นนั้น
เขาปรับเปลี่ยนวิชาฝึกปรือของเขาในรังมังกรแท้ ระหว่างที่ไม่ใส่ใจถึงทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบ ผู้เฒ่าชิงหวงและเจียงเหมี่ยวถูกกิจกรรมของเขาดึงดูดความสนใจในทันที และสายตาของพวกเขาก็จ้องไปจับที่แผนภาพการโคจรปราณตรงหน้าพวกเขา
“หยุดมอง” ผู้เฒ่าชิงหวงกล่าวพลางส่ายหน้าให้แก่เจียงเหมี่ยว “เจ้าเรียนมันไม่ได้หรอก เจ้าหนุ่มผู้นี้กว้างขวางเป็นอย่างยิ่ง และเขาก็ราวกับอัจฉริยะปีศาจ รากฐานและปัญญาญาณของเขาได้บรรลุถึงขั้นที่เจ้าไม่มีทางเดินไปถึง ให้ข้าสนทนากับเจ้าถึงแง่อัศจรรย์ของวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาจะดีกว่า และก็จะได้ตอบปัญหาที่เจ้าอาจจะยังสงสัยอยู่”
“มาฮา” เจียงเหมี่ยวร้องเสียงแผ่ว
ผู้เฒ่าชิงหวงแย้มยิ้มให้แก่เขา “เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวข้าหรอก”
เจียงเหมี่ยวรวบรวมความกล้า และแปลงร่างเป็นมนุษย์ เขายืนอย่างสงบเสงี่ยมเชื่อฟังอยู่ข้างๆ
ผู้เฒ่าชิงหวงอธิบายวิชามังกรบรมปริศนาให้แก่เขา เขาพยายามทำให้มันง่ายที่สุดเพื่อให้เด็กหนุ่มผู้นี้เข้าใจ
การสอนบรรยายดำเนินไปสี่ห้าวัน จนกระทั่งฉินมู่ผนวกรวมแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาลเข้าไปในวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะของตนได้ในที่สุด เมื่อเขาขับเคลื่อนมันและปราณชีวิตก็โคจรไป มันก็จะเปล่งแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาลออกมาโดยอัตโนมัติเพื่อขัดเกลากายเนื้อ จิตวิญญาณดั้งเดิม ปราณชีวิต และจิตเต๋าของเขา
แม้ขณะที่เขาขับเคลื่อนทักษะเทวะทั้งหลายของตนไป แปดสุรเสียงมังกรบรรพกาลก็จะทำงานและขัดเกลาพวกมัน!
ฉินมู่พุ่งฉวัดเฉวียนไปทั่วรังมังกรแท้พลางขับเคลื่อนทักษะเทวะทักษะแล้วทักษะเล่า และพลานุภาพของกระบวนท่าของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น ภาพนี้ทำให้เขาตื่นเต้นดีใจจนระงับไว้ไม่อยู่
ชิ้ง!
เขาชักมีดเชือดหมูสองเล่มออกมาและกวัดแกว่งมันเพื่อร่ายรำลมฝนราตรีทลายเมือง แต่ทว่า ในพริบตาที่เขาทำเช่นนั้น มีดทั้งสองเล่มในมือของเขาก็แหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ จากการสั่นสะเทือน!
ฉินมู่ตกตะลึงและนำเอาไม้เท้าไผ่แท่งหนึ่งออกมาจากถุงเต๋าตี้และแทงมันออกไป ไม้เท้าไผ่พลันป่นเป็นผุยผง
พลานุภาพของแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาลนั้นแข็งแกร่งเกินไป! อาวุธวิญญาณโดยทั่วไปสุ่มๆ ไม่อาจใช้ร่วมกับมันได้
เขานำเอาไจกระบี่ออกมา และกระบี่บินก็พวยพุ่งเหมือนน้ำไหลมาก่อรูปเป็นมีดยาว ฉินมู่จับที่ด้ามของมันและดึงมันแยกออกทั้งซ้ายขวา มีดยาวถูกแยกออกเป็นสองเล่ม และเขาก็ร่ายรำทุกเมฆเคลื่อนมีริ้วแสงประกายเงิน!
แสงมีดไขว้ขัดซึ่งกันและกัน และพลานุภาพก็ยิ่งร้ายกาจกว่าเก่าก่อน มันแทบจะตัดเสาทั้งหลายของรังมังกรแท้ขาดสะบั้น และฉินมู่ก็รีบรั้งกระบวนท่าของเขากลับมาก่อนที่จะรื้อพังรังมังกร
เขาตรวจตราดูมีดยาวทั้งสอง จากนั้นโยนมันขึ้นไปบนท้องฟ้า มีดยาวแยกออกจากกันเป็นกระบี่บิน และหมุนวนอยู่รอบตัวเขา
ฉินมู่เพ่งพิศพวกมันอย่างละเอียด และระบายลมหายใจสะท้านออกมา เขากล่าวด้วยความตื่นเต้น “โชคยังดี กระบี่บินของข้าถูกหลอมสร้างมาเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้น ข้าคงไม่มีอาวุธอะไรเหลือให้ใช้”
เขาจมจ่อมในห้วงคิดอีกครั้ง นอกจากแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาล ก็ยังมีทักษะเทวะอื่นๆ ในวิชาฝึกปรือนี้ที่เขาสามารถเรียนรู้ได้
วิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนามีทักษะเทวะมากมายอันครอบครองการเปลี่ยนแปลงยากจะคะเน และพวกมันถึงกับสามารถแปรเปลี่ยนเป็นทักษะเทวะของลัทธิพุทธ บ้างก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นทักษะเทวะของสำนักเต๋า หรือแม้กระทั่งขับเคลื่อนออกไปในแบบทักษะเทวะแห่งมรรคามาร!
ฉินมู่รู้สึกว่าทักษะเทวะมากมายสามารถเปลี่ยนให้เป็นเพลงกระบี่ด้วยเช่นกัน หากว่าใช้มันในแบบเพลงมีด มันก็ยังมีพลานุภาพอันยิ่งใหญ่
ในทักษะเทวะตัวเบาทั้งหลายก็ยังมีจุดเด่นเหนือธรรมดามากมาย ทักษะเทวะวิชาเนตรก็ยิ่งน่าแตกตื่นสะท้านขวัญ
ยิ่งฉินมู่ศึกษาวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนาลึกซึ้งมากเท่าใด เขาก็ยิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ามันเลิศล้ำเหนือธรรมดามากแค่ไหน เขาแค้นตัวเองที่ทำไมไม่เกิดมาเป็นมังกร และไม่สามารถปลดปล่อยพลานุภาพของทักษะเทวะเหล่านี้จนถึงสุดขีดขั้วได้
เมื่อเขาฟื้นจากภวังค์อีกครั้ง เขาก็พบว่าทั้งผู้เฒ่าชิงหวงและเจียงเหมี่ยว ล้วนแต่มิได้อยู่ในรังมังกร เขารีบเหาะออกไปและเห็นเจียงเหมี่ยงกำลังฝึกปรือวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนา
เด็กหนุ่มได้แปลงร่างเป็นมังกรสีน้ำเงินไพลินอันเลื้อยไปมารอบๆ ระหว่างที่เขาขับเคลื่อนวิชาฝึกปรือและทักษะ เขาใช้ทักษะบู๊จากวิชามังกรบรรพกาลบรมปริศนา และภายในไม่กี่วันสั้นๆ วรยุทธและกำลังฝีมือของเขาก็เพิ่มพูนไปอย่างก้าวกระโดด การเปลี่ยนแปลงของเขามันยิ่งกว่าคำว่าสะดุดตา
ฉินมู่ถอนหายใจ เขาเห็นว่ามีหนุ่มสาวมากมายกำลังเฝ้าชมดูการฝึกฝนของเจียงเหมี่ยวอยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องให้กำลังใจ
ฉินมู่เดินไปหาเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกับเขา นางอาจจะอ่อนกว่าเขาสักปีสองปี เขาถามนางด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะเรียกหาน้องสาวผู้นี้ว่าอย่างไรหรือ”
เด็กสาวคนนั้นพลันมีสีหน้าแดงฉานและกล่าว “ชื่อของข้าคือชิงหยา แต่ว่าอย่าเรียกข้าว่าน้องสาวเลย ข้าอายุสามร้อยปีแล้ว เจ้าอายุเท่าไร”
ฉินมู่ก็หน้าแดงก่ำและมองไปที่เด็กหนุ่มข้างๆ ที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเช่นกัน เขาถามหยั่ง “พี่ชายท่านนี้…”
“ปีนี้ข้าอายุหกร้อยสามสิบเจ็ดปี” เด็กหนุ่มกล่าว
ฉินมู่รับคำเสียงต่ำในคอ ชายหนุ่มและหญิงสาวในหมู่บ้าน ล้วนแต่มีอายุอันน่าสะพรึงกลัว
ชายกลางคนผู้หนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าอายุสองหมื่นแปดร้อยปี”
ฉินมู่ไม่ถามอายุผู้อื่นอีกต่อไป
จิตใจของเขาพลันคึกคักแจ่มใสขึ้นมาเมื่อเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกท่านเคยไปสันตินิรันดร์ไหม ข้าเป็นจ้าวลัทธินักบุญสวรรค์แห่งสันตินิรันดร์ และช่วงนี้พวกเรากำลังต้องการกำลังคน…”
ผู้เฒ่าชิงหวงยกแหจับปลาของเขาขึ้นมา และก้าวอาดๆ ด้วยสีหน้าอันมืดดำ “อย่าได้คิดอะไรกับหมู่บ้านข้าเชียว! ข้าได้ถ่ายทอดวิชาฝึกปรือให้แล้ว ดังนั้นเจ้าควรจะไปได้แล้ว!”
“ผู้อาวุโส ตอนนี้สวรรค์ไท่หวงกำลังต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอด แม้แต่อาจารย์ของข้าก็ไปที่นั่นเพื่อช่วยเหลือ…” ฉินมู่รีบกล่าว
“ชิงหยา ส่งแขก” ผู้เฒ่าชิงหวงออกคำสั่ง
เด็กสาวนามชิงหยาแผ่พุ่งออกมาด้วยปราณชีวิตอันน่าสะพรึงกลัว นางตรึงฉินมู่เอาไว้ในเสี้ยววินาที ทำให้เขากระดุกกระดิกไม่ได้
ชิงหยายื่นมืออีกข้างของนางออกไปเพื่อคว้าเจียงเหมี่ยวและกล่าว “พวกเจ้าทั้งสองอย่าขยับ ข้ากำลังจะส่งพวกเจ้าออกไปยังที่ไกลๆ อีกหนึ่งพันลี้” หลังจากกล่าวเช่นนั้น นางก็เป่าลมหายใจออกมา และเมฆหมอกก็พลันเกลื่อนฟ้า มันส่งเด็กหนุ่มทั้งสองเหาะลิ่วไปยังทิศไกลๆ
วรยุทธแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ ด้วยความตกตะลึง ฉินมู่ตะโกนออกไป “ผู้อาวุโส ข้ายังมีเรื่องที่ข้าต้องการพูด…”
ทันใดนั้น ไอเมฆและหมอกก็กระจายออกไปและทั้งสองคนก็ลงมาจอดที่ภูเขาลูกหนึ่ง ฉินมู่อึ้งไปเล็กน้อย เขามองหาหมู่บ้านภูเขาเล็กๆ แห่งนั้น แต่มองไม่พบมันอีกต่อไป
ไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยค เขาก็ถูกส่งมากไกลหนึ่งพันลี้โดยเด็กที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกับเขา
“มาฮา!” บนใบหน้าของเจียงเหมี่ยวปรากฏความอิจฉา
“เจ้าก็จะแข็งแกร่งเช่นนั้นเหมือนกัน”
ฉินมู่ถอนหายใจออกมา ทันใดนั้น รังมังกรแท้ก็ลอยลิ่วมาตรงหน้าพวกเขาในพริบตา ฉินมู่สีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง รังมังกรแท้หนักอึ้งไร้ปานเปรียบ และเขารีบพุ่งตัวหลบมัน แต่จู่ๆ เขาก็เห็นมันหยุดชะงัก ก่อนร่วงลงมาอย่างนิ่มนวลบนยอดเขา ฉินมู่ระบายลมหายใจโล่งอกพร้อมๆ กับที่เต็มไปด้วยความแตกตื่น
หรือชิงหยาก็เป็นคนโยนรังมังกรแท้นี่มาด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าพลังวัตรของนางจะแข็งแกร่งเกินไปหรอกหรือ ข้าทำได้เพียงแค่ขับเคลื่อนไจกระบี่ที่หนักสองสามร้อยชั่งในระยะห่างไม่เกินสองร้อยลี้เท่านั้น แต่นางกลับสามารถควบคุมรังมังกรแท้จากระยะหนึ่งพันลี้…
“มาฮา!” เจียงเหมี่ยวกล่าวด้วยความอิจฉา
ฉินมู่หันกลับไปหาเขาและกล่าวอย่างจนปัญญา “สหายเต๋าเจียง เจ้าสามารถพูดภาษามนุษย์ได้แล้วตอนนี้ แปลกจริงๆ ข้าไม่ใช่ดาวเคราะห์ร้ายเสียหน่อย ทำไมผู้เฒ่าชิงหวงถึงไม่ยอมให้ข้าอยู่ต่อ…”
……………….