ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 575 สหายประหลาดของจ้าวลัทธิ
จากสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ เด็กหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งมีขากวางสองขาเดินออกมาและเงยศีรษะขึ้นมองไปรอบด้วยความแตกตื่นอย่างถึงที่สุด เขาพึมพำ “โลกนี้ยิ่งกว้างใหญ่ไพศาลกว่าสันตินิรันดร์เสียอีก มีเทพและมารอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง…ไอ้เด็กนี่ถึงกับก่อสร้างสะพานที่เชื่อมต่อไปยังต่างโลกเช่นนี้ได้ นี่มันงานภูตเทพรังสรรค์จริงๆ ไอ้เด็กแสบมันชอบสร้างเรื่องเหลวไหลไร้สาระแบบนี้และไม่ได้ตั้งใจจดจ่อกับการฝึกปรือวิทยายุทธ สร้างสะพานนี้ต้องเสียเวลาเขาไปไม่น้อย แล้วทำไมวรยุทธของเขาถึงเพิ่มพูนเร็วขนาดนี้…”
“หัวหน้า!” หนึ่งในทหารรักษาการข้างๆ เป่าลมออกมาและกระซิบ “ดูที่เด็กหนุ่มขากวางนั่นสิ เขาใช่คนที่อยู่บนรูปภาพอันจ้าวลัทธิฉินวาดเอาไว้ไหม”
ทหารรักษาการณ์รีบนำเอาภาพที่ฉินมู่วาดออกมา และเปรียบเทียบ ดวงตาเขาลุกวาว เหมือนกันไม่มีผิด! แต่ทว่าเด็กหนุ่มในภาพวาดมีขากวางข้างเดียว ขณะที่เด็กหนุ่มผู้นี้มีขากวางสองข้าง ใช่เขาแน่ไหมนะ…
ขณะที่เขากำลังลังเล เขาก็เห็นเด็กหนุ่มกำลังเดินลงมาตามขั้นบันไดหิน
“ไม่ว่าอย่างไร จับตัวเขาไว้ก่อนค่อยว่ากัน!”
ทหารรักษาการณ์ปรายตาเป็นสัญญาณแก่ทหารคนอื่นๆ และพวกเขาก็ล้วนเข้าใจความนัยทันที พวกเขาเหาะขึ้นไปบนอากาศ และทักษะเทวะกับอาวุธวิญญาณทุกประเภทก็แผ่พุ่งไป มีทั้งไจกระบี่ ไจมีด ตึกสูง เจดีย์ กระถางยักษ์ และอาวุธวิญญาณอื่นๆ ถล่มซัดลงมาด้วยความเร็วสูงและท่วมท้นเด็กหนุ่มขากวาง คลื่นอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกไปในทุกทิศทาง สะท้อนกึกก้องไปมาเป็นเวลานาน
สะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุดของทั้งสองโลก ดังนั้นผู้ที่อารักขามันย่อมเป็นยอดยุทธฝีมือสูงเสียส่วนใหญ่ วรยุทธขั้นต่ำที่สุดก็ขั้นเป็นตาย ขณะที่มีหลายคนอยู่ในขั้นสะพานเทวะ
ทุกคนจึงรั้งอาวุธวิญญาณของพวกเขากลับ และรีบไปยังตีนแท่นสังเวยเพื่อดู พวกเขาเห็นพื้นดินโล่งว่าง แต่ไม่มีร่องรอยของเด็กหนุ่มขากวาง
ด้วยความตกตะลึง พวกเขามองไปรอบๆ แสงสาดส่องจากดวงตาของพวกเขาและยิงทะลุทะลวงทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีร้อยลี้ ทันใดนั้น พวกเขาก็เห็นเด็กหนุ่มขากวางห่างออกไปร้อยลี้ กำลังวิ่งมุ่งหน้าไปด้วยฝีเท้าอันเบากริบ
“ยิงเขาด้วยเนตรเทวะกัน!” หัวหน้าทหารออกคำสั่ง และแสงเทวะก็รวบรวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วในดวงตาของทหารรักษาการณ์คนอื่นๆ พวกมันแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงอันมีพลานุภาพร้ายกาจ และยิงพุ่งไปยังเด็กหนุ่มขากวาง
เขาหายวับไปก่อนที่ทักษะเทวะเนตรจะไปกระทบตัวเขา และเขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกที เขาก็ไปโผล่ที่อีกหนึ่งร้อยลี้ห่างออกไป ในตอนนั้น เขาอยู่ห่างจากสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณไปถึงสองร้อยลี้แล้ว
ทุกคนพร้อมที่จะใช้ทักษะเทวะเนตรอีกครั้ง ทว่าเด็กหนุ่มขากวางหายตัวไปอีกครา และไม่อาจตรวจพบเจอได้อีกต่อไป
ทหารรักษาการณ์มองกันไปๆ มาๆ ไม่รู้ว่าจะอย่างไรต่อดี
ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังพวกเขา และเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ หีบใหญ่ตามมาข้างหลังเขา
หีบนั้นมีขาหลายขาและส่งเสียงกะล็อกก๊อกแก๊กระหว่างที่เดินมาข้างหลังเด็กหนุ่มที่มีโครงหน้าอันละเอียดงาม
“นี่ดูเหมือนหีบของจ้าวลัทธิฉิน แต่คนผู้นี้ไม่ใช่จ้าวลัทธิฉิน…”
ทุกคนกำลังฉงนฉงาย และตอนนั้นเด็กหนุ่มที่มีดวงตาสุกสกาวดุจดาราก็กล่าวด้วยเสียงอันไพเราะ “นี่คือสวรรค์ไท่หวงหรือ มารเที่ยงแท้อยู่ที่ไหน”
“น้องชายผู้นี้เป็นคนจากสันตินิรันดร์หรือ ทำไมเจ้าถึงตามหามารเที่ยงแท้ล่ะ หากว่าเจ้าต้องการหาตัวตนเช่นนั้น ก็ตรงไปทางเขตแดนมารทางโน้น ตอนนี้ราชครูสันตินิรันดร์กำลังฝึกปรือกองกำลังอยู่ในเมืองหลี ดังนั้นเจ้าอาจจะไปทางนั้นก่อนเพื่อพบเจอเขา มันจะทำให้เรื่องราวสะดวกดายมากขึ้น”
เด็กหนุ่มส่ายหัว “ข้าเพียงแต่ต้องการเก็บสะสมกายเนื้อและจิตวิญญาณดั้งเดิมของมารเทวะจำนวนหนึ่งเท่านั้น เช่นนั้นทำไมข้าถึงจะไปตามหาผู้เยาว์อย่างราชครูสันตินิรันดร์ด้วย เขาในตอนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาเป็นของสะสมของข้า”
เขานั้นกำลังจะจากไป แต่ทันใดนั้นชายแก่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นก็เดินออกมาจากสะพาน พลางแบกหีบใหญ่และเตาหลอมมาบนหลัง เขานั้นมีใบหน้าเกลื่อนยิ้มและดูค่อนข้างร่าเริง
ทำไมผู้คนที่มาจากสันตินิรันดร์ในวันนี้ถึงมีแต่แปลกพิลึก ทหารรักษาการณ์ทั้งหมดพิศวง ตอนแรกก็เป็นเด็กหนุ่มขากวางสองขา ถัดไปก็เป็นชายประหลาดสองคนพร้อมกับหีบของพวกเขา…
เด็กหนุ่มสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรงเมื่อเขาเห็นชายแก่แบกเตาหลอมและหีบ สีหน้าเขากลายเป็นมืดหมุ่นอย่างสุดขั้ว “ไอ้ใบ้ ข้าตามหาตัวเจ้ามาตั้งนาน!”
เมื่อชายแก่ผู้นั้นเห็นเขา สีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยน รอยยิ้มบนใบหน้าเขาแข็งทื่อ “อบา อา อา!”
“ใช่แล้ว ข้าเอง ซิงอ้าน!”
จิตสังหารของซิงอ้านพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า และเขากล่าวอย่างเย็นเยียบ “แม้ว่าข้าไม่จำเป็นต้องเก็บสะสมชิ้นส่วนร่างกายของเจ้าแล้ว แต่เจ้าขังข้าไว้ในกับดักนานขนาดนั้น ดังนั้นข้าต้องล้างแค้น…”
“เฒ่าใบ้ เจ้าวิ่งไวเหลือเกิน!”
แสงสว่างวาบมาจากสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ และชายกำยำเหี้ยมหาญผู้หนึ่งที่คลุมมาด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่ก็เดินออกมา เขาแบกมีดยักษ์พาดมาบนบ่าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หีบของเจ้ายังคงยอดเยี่ยม แปลงเป็นเรือให้เจ้าวิ่งไปไหนต่อไหน ข้าตามเจ้าแทบจะไม่ทัน…ซิงอ้าน!”
“ดาบสวรรค์!”
หางตาของซิงอ้านกระตุก และหีบข้างหลังเขาก็พลันหดขากลับและซ่อนอยู่ข้างหลังเขา เห็นได้ชัดว่ามันยังคงจำได้ว่าถูกคนแล่เนื้อสับมันออกเป็นสองเสี่ยง
ซิงอ้านยืนไพล่หลังและกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “เจ้าก็ทลายฝ่าสะพานเทวะและเข้าไปยังปราสาทสวรรค์เหมือนกันรึ หนึ่งคนใบ้ หนึ่งดาบสวรรค์ สองเทพเจ้า สองศัตรู! ฮี่ๆ เจ้าเข้ามาพร้อมกันได้เลย”
คนแล่เนื้อดวงตาลุกวาวและเขาหัวเราะด้วยเสียงอันดัง “ซิงอ้าน ข้าได้ไล่ล่าเจ้าไปตลอดระยะแปดหมื่นลี้ แต่เจ้าก็ยังคงหลบหนีไปได้ เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริง! ตาเฒ่าผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่ากำลังฝีมือของเจ้าแข็งแกร่งอย่างสุดขีด แต่น่าเสียดายที่เขาตายไปแล้ว กระนั้นเจ้ากลับยังมีชีวิตอยู่ ข้าจึงอยากพบเจอเจ้ามาตั้งนาน!”
ซิงอ้านยิ้มน้อยๆ และกล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “กษัตริย์มนุษย์เทพกระบี่? เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกต่อไป พวกเจ้าทั้งสองสามารถดาหน้าเข้ามาพร้อมๆ กันได้เลย ข้าจะสะสางหนี้แค้นกับพวกเจ้าทั้งสอง แล้วค่อยไปล่ามารเทวะจำนวนหนึ่งมาเติมเต็มชุดสะสมของข้า”
สะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณฉายแสงวาบอีกครั้ง และผู้เฒ่าสวมชุดเขียวคนหนึ่งก็เดินออกมาด้วยท่วงทีอันเหนือธรรมดา ราวกับว่าเขาคือองค์ชายซึ่งอยู่เหนือทุกสิ่ง เขาแตะหูเหล็กของตนเองและถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากที่พบว่ามันยังอยู่ดี เขาถามด้วยความฉงนสงสัย “สะพานนี่มันก่อสร้างขึ้นมาจากฝีมือมู่เอ๋อจริงๆ น่ะรึ เขายิ่งมีความสามารถมากขึ้นทุกทีๆ…ซิงอ้าน!”
“เฒ่าหนวก ไอ้เด็กนี่มันฝึกปรือถึงเขตขั้นเทวะแล้ว!” คนแล่เนื้อตะโกนไป “เจ้าอ่อนแอที่สุด ดังนั้นระวังตัวด้วย!”
สะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณส่องแสงอีกครั้ง และทุกๆ คนก็ตาลุกวาวเมื่อโฉมสะคราญหยาดฟ้ามาดินเดินออกมาจากแสง สายตาอันงดงามของนางกวาดไปทำให้ทุกๆ คนต้องเหม่อลอย
“ซิงอ้าน?” นางร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“ยายเฒ่าซี แก่กว่านี้สักหน่อยเถอะ อย่าทำให้ข้าเสียสมาธิ!” คนแล่เนื้อตะโกนไปด้วยความโมโห “พวกเรารุมมัน ถล่มไอ้หมอนี่ให้ยับ!”
ชายแก่ร่างเตี้ยเล็กคนหนึ่งเดินออกมาจากสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณพร้อมกับทวนมังกรดำบนหลังของเขา เขากล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ซิงอ้าน จองหองอะไรขนาดนี้”
ข้างหลังเขาตามมาด้วย ชายแก่ร่างผอมแกร็นที่มีรอยยิ้มใสซื่อ เมื่อเขาเห็นซิงอ้าน สีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง และเขารีบหันหลังกลับไปทางสะพาน แต่ทว่าเขาถูกผู้เฒ่าทวนดำคว้าตัวเอาไว้และก็ได้แต่เดินออกไปข้างหน้าพร้อมกับเขา
สายตาของซิงอ้านเปลี่ยนจากใบหน้าของยายเฒ่าซีไปยังร่างกายของเฒ่าบอด เขากล่าวอย่างเย็นชา “ศัตรูเก่าของข้าอยู่ที่นี่กันหมด ถ้าเช่นนั้นข้าก็สามารถส่งพวกเจ้ากลับบ้านเก่าได้อย่างพร้อมเพรียงกัน”
ในตอนนั้นเอง ชายร่างสูงสวมหน้ากากทองแดงก็เดินออกมาพลางหอบหายใจ “พวกเจ้าวิ่งเร็วเกินไป ข้าถึงกับต้องรีดเร้นพลังทั้งหมดเพียงเพื่อตามพวกเจ้าให้ทัน ทำไมพวกเจ้าไม่วิ่งกันต่อแล้วล่ะ…เอ๋? ซิงอ้านก็อยู่ที่นี่”
ซิงอ้านสีหน้าแปรเปลี่ยนบิดเบี้ยว และเขาคว้าหีบวิ่งหนีไปทันที ด้วยเสียงตูม เงาร่างของเขาฝ่าทะลวงอากาศ ทิ้งก็เพียงพวยเมฆไอน้ำไว้เป็นเส้น เขาวิ่งตะบึงไปไกลร้อยลี้ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตั้งตัว
ทุกๆ คนจ้องด้วยดวงตาเบิกกว้างจากความเร็วของเขา
นักปรุงยาแตะหน้ากากบนใบหน้าของเขาและกล่าวอย่างประหลาดใจนิดๆ “ทำไมเขาถึงวิ่งเร็วนัก ข้ายังไม่ทันมีโอกาสลงมือเลย…”
“อาจารย์ดาบสวรรค์–” จากสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ เสียงกึกก้องดังออกมา มันอึงอลจนหูแทบหนวก “ข้าเห็นท่านนะ หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้! วัวเขียว วิ่งเร็วกว่านี้อีก! อาจารย์ ข้ามีหลายเรื่องที่อยากจะพูดกับท่าน–ท่าน–ท่าน–”
คนแล่เนื้อสีหน้าซีดเผือด และเขารีบกล่าว “ป้าซานตามมาทันแล้ว หนีเร็ว!”
ยายเฒ่าซีและคนอื่นๆ ผละจากไปตามที่เขาบอก ผ่านไปสักไม่กี่อึดใจ มนุษย์วัวตัวเขียวร่างบึกบึนที่สูงกว่าสิบห้าวาและมีดอกโบตั๋นเคี้ยวอยู่ในปากก็ลงมาจากท้องฟ้า กล้ามเนื้อของเขากระเด้งกระดอนระหว่างที่เขาเดินออกมาจากแสงด้วยความตื่นเต้น ในตอนนั้น ข้างหลังเขาก็มีชายกำยำตามมาอีกคนที่มองไปมารอบๆ พลางกล่าวด้วยความยินดี “อาจารย์ดาบสวรรค์สะดุดตามาก ดังนั้นเขาไม่มีทางซ่อนจากสายตาข้าได้! วัวเขียว เผยร่างจริงของเจ้า!”
มนุษย์วัวเขียวร่างกำยำร้องมอเสียงดังสนั่นและแปลงร่างเป็นวัวเขียวที่สูงกว่าหกสิบวา ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยขนสีเขียวและเกล็ดมังกร ชายร่างบึกบึนกระโดดขึ้นไปบนหลังวัว และมันก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทหารรักษาการณ์แห่งสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณหันไปมองซึ่งกันและกันอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ผ่านไปสักพัก หัวหน้าทหารก็ระบายลมหายใจสะท้านออกมา “วันนี้มีคนประหลาดมาค่อนข้างมาก…”
ไม่ทันที่เขาจะพูดขาดคำ แสงก็พุ่งวาบอีกครั้ง และหลวงจีนเฒ่าหนึ่งคนกับหลวงจีนหนุ่มอีกสองคนก็เดินออกมาจากสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ หลวงจีนเฒ่ามีสีหน้าเคร่งขรึมสำรวมขณะที่เขาเดินมาพร้อมกับสรวงสวรรค์ยี่สิบเอ็ดชั้นข้างหลัง หลวงจีนชั้นสูงนับร้อยทุกขนาดและทุกวัยนั่งอยู่ในนั้น บ้างก็เป็นมนุษย์ บ้างก็เป็นปีศาจ
หนึ่งในหลวงจีนหนุ่มมีใบหน้าดุจพระจันทร์เต็มดวงพร้อมด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม อีกคนหนึ่งบึกบึนกำยำราวกับเจดีย์สีดำและถือไม้เท้าขักขระไว้ในมือของเขา
“จ้านคง ไปถามทาง” หลวงจีนเฒ่าบอก
หลวงจีนขนอุยที่คล้ายกับเจดีย์สีดำเดินเข้าไปและทักทายทหารรักษาการณ์ด้วยการประนมมือข้างเดียว เขาถามผู้ที่เป็นหัวหน้า “เส้นทาง?”
หัวหน้าทหารงุนงง แต่ก็ยังคงพยายามถามกลับ “ดี? ชั่ว?”
“ดี” หลวงจีนดำตอบ
“ที่นั่น!” ทหารยกมือขึ้นและชี้ไปยังทิศทางของเมืองหลี
หลวงจีนเฒ่าก้าวเท้าไปยังทิศทางนั้น และหลวงจีนหนุ่มทั้งสองก็เดินตามเขาลงไปจากสะพาน ขณะที่พวกเขาเดินไป หมิงซิ่นก็อุทานด้วยความชื่นชม “ยูไลศิษย์พี่จ้านคนนั้นช่างตรงไปตรงมาในการถามทางเสียจริง เขาถึงกับถามเส้นทางได้ภายในสองคำ! ศิษย์ผู้นี้นับว่าได้เรียนรู้เป็นอย่างมาก”
ยูไลหม่าผงกหัวและกล่าว “เขามีปัญญาอันล้ำเลิศ”
ทหารรักษาการณ์ส่งพวกเขาออกไปด้วยสีหน้าว่างเปล่า แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะได้สติ ก็มีนักพรตหญิงและชายอีกจำนวนหนึ่งเดินออกมาจากสะพาน ห้อมล้อมนักพรตหนุ่มผู้หนึ่งเอาไว้
“นี่คือสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณที่มารเฒ่าฉินสร้างขึ้นมางั้นหรือ ความสำเร็จเชิงพีชคณิตของเขานับว่าบรรลุจุดสูงสุดจริงๆ!”
นักพรตเฒ่าทั้งชายและหญิงนำเอาเครื่องมือในการคำนวณมากมายออกมา พวกเขาเริ่มวัดรอยประทับอักษรรูนทั้งหมดบนสะพานโดยไม่สนใจพวกทหาร และเริ่มต้นสนทนาหารือเกี่ยวกับอักษรรูนพวกนี้อย่างตื่นเต้น
ทหารรักษาการณ์มองกันไปกันมาด้วยความอึ้งกิมกี่ กะว่าจะไปถามนักพรตหนุ่มว่านักพรตเฒ่าพวกนั้นกำลังทำอะไรกัน แต่ก็พบว่าตัวเขานั้นยิ่งตื่นเต้นกว่านักพรตเฒ่าเสียอีก เขากำลังวัดและคำนวณทุกสิ่งทุกอย่างพลางพึมพำอยู่กับตนเอง เขาดูเหมือนจะคลุ้มคลั่งที่สุด และลุ่มหลงในงานตรงหน้ามากที่สุด
พวกที่มาจากสันตินิรันดร์มีแต่คนประหลาด!
ขณะที่พวกนักพรตกำลังวัดโน่นนี่อยู่นั่นเอง ก็มีผู้เฒ่าจำนวนหนึ่งพร้อมกับกลิ่นอายของผู้อมตะเดินออกมากับชายหนุ่มและหญิงสาวสามสี่คน เมื่อพวกเขาเห็นพวกนักพรต หนึ่งในนั้นก็ถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียน พวกเจ้ากำลังทำอะไร”
“ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสจากนครหยกน้อย! ศิษย์พี่มู่หรันก็อยู่ที่นี่ด้วย!” เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนเงยหน้าขึ้นมาและกล่าวอย่างตื่นเต้น “พีชคณิตที่จ้าวสำนักฉินใช้สำหรับสะพานนี้นั้นน่าตื่นตระหนกจนเกินไป พวกเรายังคงคิดคำนวณอยู่!”
หวางมู่หรันยิ้มให้แก่เขา “เจ้าสำนักเต๋า ต่อให้พวกเจ้าคำนวณอยู่ไปอีกพัก พวกเจ้าก็อาจจะยังไม่สามารถค้นพบความรู้ทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในนี้ ทำไมเจ้าไม่แค่ไปขอพิมพ์เขียวจากจ้าวลัทธิฉินล่ะ”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนจึงพลันตระหนักขึ้นมาได้ถึงความผิดพลาดของตน และรีบเรียกนักพรตคนอื่นๆ กลับ จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อพวกเราเห็นสะพานนี้ พวกเราก็ลืมไปเลยว่ามันมีทางลัด จริงสิ ศิษย์พี่ซวีเซิงฮวาก็มาที่นี่ด้วยใช่ไหม”
“หลังจากที่เขากลับมาจากเหนือฟ้า เขาก็มุ่งหน้าไปยังสวรรค์ไท่หวง ดังนั้นตอนนี้เขาน่าจะมาถึงที่นี่แล้ว เขาคงจะไปที่เจดีย์สยบเทพเพื่อดูว่าเขาจะสามารถผ่านด่านทดสอบของเทพเที่ยงแท้เยาว์หรือไม่” มู่ชิงไต้กล่าว
ขณะที่กำลังพูดจากันไปมาอยู่นั้น พวกเขาก็ล้วนแต่มุ่งหน้าไปทางเมืองหลี เห็นได้ชัดว่าศิษย์บางคนเคยมาที่นี่ทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับเส้นทาง และปล่อยให้ทหารรักษาการณ์ทั้งหลายได้แต่ยืนตะลึงงันอยู่
“ผู้คนพวกนี้ทั้งหมด เป็นสหายของจ้าวลัทธิฉินอย่างนั้นหรือ พวกเขามีแต่ประหลาดพิลึก!” หัวหน้าทหารพึมพำกับตนเอง “คนดีๆ ปกติแบบจ้าวลัทธิฉินไปคบหากับคนประหลาดพวกนี้ได้อย่างไรกันนี่”
………….