ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 608 เป็นไปตามแบบแผน
กระบี่ริเริ่มภัยพิบัติของฉินมู่เข้าไปปะทะกับหงส์เพลิงเก้าหัว พลานุภาพของสองมหาทักษะเทวะไม่ได้ด้อยไปกว่ากันและกัน กระบี่ริเริ่มภัยพิบัติแทงทะลุหงส์เพลิงและพลันระเบิดออกไป ให้กระบี่บินแปดพันเล่มเข้าไปปะทะรับมือกับทักษะเทวะจำนวนนับไม่ถ้วนในหงส์เพลิงเก้าหัว
ในตอนนั้นเอง ต้นอู่ถงโบราณก็ฟาดตามลงมา ด้วยกิ่งก้านอันแกว่งไกวและแสงอาทิตย์ที่สาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ พลานุภาพของกระบี่ริเริ่มภัยพิบัติก็ซีดจางลงไปจากการปะทะนี้
ฉินมู่ถอยไปและชักกระบี่ของเขาออกมา เขาขับเคลื่อนวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ และเสียงคำรามแปดหนของมังกรก็ดังออกมาจากร่างของเขา แรงสั่นสะเทือนของแปดสุรเสียงมังกรบรรพกาลได้แปรเปลี่ยนให้ปราณและโลหิตที่แห้งเหือดของเขากลับมาเข้มข้นในพริบตา
ในร่างกายของฉินมู่ สมบัติเทวะของเขาพลันพลิกสลับขั้ว เมื่อเขาเปลี่ยนสมบัติเทวะแห่งมรรคาเทพเป็นสมบัติเทวะแห่งมรรคามาร ทารกวิญญาณ ห้าธาตุ หกทิศ และเจ็ดดาวของเขาล้วนแต่พลิกผันไป ทำให้สมบัติเทวะแห่งมรรคาเทพคว่ำลงไปข้างใต้ และสมบัติเทวะแห่งมรรคามารก็พลิกขึ้นมาข้างบน!
จิตวิญญาณดั้งเดิม ผนวกขึ้นมาจากทารกวิญญาณและดวงวิญญาณของเขา จุติลงไปยังสมบัติเทวะทารกวิญญาณแห่งมรรคามาร และยืนตระหง่านเหนือผืนปฐพีมารที่ก่อขึ้นมาจากแท่นวิญญาณแห่งมรรคามารของเขา!
ที่เปล่งแสงเจิดจรัสบนท้องฟ้านั้นก็คือดวงตะวันมาร ดวงจันทร์มาร และมารเทวะธาตุห้าตนที่ยืนอยู่บนราชวังมารบนดาวธาตุทั้งห้า
ในพริบตาที่ฉินมู่รั้งกระบี่กลับ เขาก็แทงออกไปอีกครั้ง มันยังคงเป็นกระบวนท่าเดิม กระบี่ริเริ่มภัยพิบัติ!
ลูกกลมแสงที่ก่อขึ้นมาจากการปะทะกันของพวกเขาเมื่อครู่ก็พองขึ้นมาอีกครั้ง แต่ความนี้มันมีแสงกระบี่สีดำที่ปะปนอยู่ข้างใน ร่องรอยแสงกระบี่อันดำทมิฬประดุจหมึกก็แผ่ขยายออกไปจากแกนกลาง ย้อมสีลูกกลมแสงนี้ให้แปดเปื้อนในเสี้ยววินาที!
ทักษะเทวะของทั้งคู่แทบจะหักล้างกันไปโดยสมบูรณ์ ก่อนที่พลานุภาพที่เปล่งออกมาจากแสงในบริเวณรอบๆ จะได้ระเบิดออกมา ต้นไม้นับไม่ถ้วนในหุบเขาก็ล้มครืน ด้วยลูกกลมแสงอยู่ใจกลางจุดระเบิด พวกมันก็ล้มระเนระนาดออกเป็นวง
สะเก็ดหินภูเขาลอยขึ้นไปในอากาศ ปลิวว่อนไปทั่วทิศด้วยความเร็วอันน่าตระหนก
ในแสง ฉินมู่ถอยกลับไปเมื่อเขารั้งกระบี่กลับมาเป็นหนที่สอง ฉีเจี่ยวอี๋ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งและมือของเขาก็ประกบเข้าหากัน รังหงส์เพลิงบนต้นไม้พลันลอยออกมา เมื่อซังข้าวสีทองและกิ่งอู่ถงซัดไปยังฉินมู่
ฉินมู่รั้งกระบี่มาและพลิกเขย่า กระบี่บินแปดพันเล่มพลันเข้ามาประกอบกันเป็นหนึ่งเดียว แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ไร้กังวลในมือของเขา ด้วยแสงกระบี่อันวูบวาบ เขาก็มาปะทะกันซึ่งๆ หน้ากับซังข้าวสีทองและกิ่งอู่ถง
คีตาเต๋าอันเข้าใกล้มรรคาเต๋าปรากฏบนร่างของเขา กระบี่ในมือราวกับสัญลักษณ์ตัวเลขที่กำลังแปรเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา
นิพนธ์ที่สิบสี่แห่งกระบี่เต๋า
เต๋าหล่อเลี้ยงทุกสรวงสวรรค์ รังสรรค์ทุกหลักกฎ คืนพิภพทั้งหมดสู่หนึ่งเดียว!
แม้แต่เจ้าสำนักเต๋าเฒ่าแห่งสำนักเต๋าก็ไม่อาจเข้าใจกระบวนท่านี้โดยสมบูรณ์ได้ เขาฝึกปรือมันได้เพียงครึ่งเดียว แม้กระนั้นกระบวนท่าที่ไม่ครบสมบูรณ์ก็ยังเพียงพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นเพลงกระบี่เทพนิพนธ์เพียงหนึ่งเดียวในสันตินิรันดร์
นี่ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าสำนักเต๋าเฒ่าไม่มีพรสวรรค์หรือปฏิภาณ แต่เป็นเพราะว่ากระบี่เต๋านั้นเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางคณิตศาสตร์ของทุกสิ่งทุกอย่างในฟ้าและดิน หากว่ามีข้อผิดพลาดใดๆ กระบี่เต๋าก็ไม่อาจถูกฝึกปรือออกมาได้
ไม่เพียงเท่านั้น ในเมื่อดวงตะวัน ดวงจันทร์ และดวงดาวในสันตินิรันดร์ล้วนแต่เป็นของปลอม มันก็มีความผิดพลาดอันละเอียดยิบในพีชคณิตวงโคจรหมู่ดาวสวรรค์ การใช้ข้อผิดพลาดเหล่านี้มาตรึกตรองนิพนธ์ที่สิบสี่ ย่อมทำให้เขาตรึกตรองไม่สำเร็จ
ฉินมู่เองก็ได้เรียนรู้นิพนธ์ที่สิบสี่แห่งกระบี่เต๋าเช่นกัน และความสำเร็จของเขาในพีชคณิตก็สูงล้ำอยู่แล้ว สาเหตุที่เขาสามารถตรึกตรองนิพนธ์ที่สิบสี่ได้โดยง่ายก็ไม่ใช่เพราะว่าพรสวรรค์และปฏิภาณของเขาเหนือล้ำกว่าเจ้าสำนักเต๋าเฒ่า แต่เพราะว่าเขาได้เห็นแผนภาพหมู่ดาวจากเมื่อสามหมื่นห้าพันปีก่อน และยังได้ศึกษาพยุหะดวงดาวที่บรรพจารย์ก่อตั้งทิ้งเอาไว้ปกป้องมีดปริศนาประหารเทพนี้
ด้วยแบบนั้น เขาจึงสามารถตรึกตรองเข้าใจแง่อัศจรรย์ของนิพนธ์ที่สิบสี่ ในเวลาเดียวกันเขาก็คำนวณวิธีการในการไขพยุหะสังหารได้ด้วย
เมื่อกระบวนท่าคืนพิภพทั้งหมดสู่หนึ่งเดียวถูกร่ายรำออกไป เขาก็ไม่ได้แตะต้องพลังวัตรและปราณชีวิตของตนเลยแม้แต่น้อย พลานุภาพของฟ้าและดินถูกเพลงกระบี่ของเขาหยิบยืมมาใช้ และด้วยแสงกระบี่อันแปลบปลาบ มันก็ทำลายซังข้าวทองคำและกิ่งอู่ถงที่ฟาดเข้ามา
เขาได้ขับเคลื่อนกระบี่ภัยพิบัติถึงสองครั้งเพื่อทำลายมหาทักษะเทวะของฉีเจี่ยวอี๋ ดังนั้นปราณชีวิตของเขาจึงแห้งเหือดไปอย่างมาก นิพนธ์ที่สิบสี่กระบี่เต๋ามิได้มีพลานุภาพเหนือล้ำไปกว่ากระบี่ภัยพิบัติ มันยังด้อยกว่าเล็กน้อย แต่สำหรับฉินมู่ในตอนนี้ มันคือทางเลือกที่ดีที่สุด!
พลานุภาพของกระบี่ ซังข้าวทองคำ และกิ่งอู่ถงระเบิดออกไป ฉินมู่รุกคืบแทนที่จะล่าถอย พุ่งทะยานเข้าใส่ฉีเจี่ยวอี๋ กายเนื้อเขาพลันขยายขนาดอย่างอัศจรรย์ กล้ามเนื้อของเขาปูดโปนขึ้นมาทั้งร่าง กระบี่ละเอียดมากมายโบยบินออกมาจากกระบี่ไร้กังวลและแปรเปลี่ยนเป็นมีดเชือดหมู
มีดนั้นยาวสองวาครึ่งและกว้างสองคืบ ขณะที่ฉินมู่กวัดแกว่งมีดไป ก็เหมือนกับเขาถือบานประตูหนึ่งบาน
มีดเชือดหมูนี้แยกเป็นสอง และเขาถือมันไว้ในมือสองข้างราวกับประตูสองบาน
ฉีเจี่ยวอี๋ถอยกลับไปและไม่เข้าใกล้เขา ทันใดนั้น ปีกหงส์เพลิงก็ปรากฏข้างหลังเขาและฟาดฟันมาซ้ำๆ
เขาไม่มีพลังวัตรเหลือมากนัก ก็ในเมื่อได้ใช้อุ่นเครื่องเตรียมมหาทักษะเทวะเป็นเวลานาน การขับเคลื่อนกระบวนท่านั้นต้องใช้เวลามาก ดังนั้นจึงเผาผลาญไปไม่น้อย การที่เขาสามารถต้านทานริเริ่มภัยพิบัติจากฉินมู่ได้ถึงสองครั้ง ทั้งยังต้านทานนิพนธ์ที่สิบสี่แห่งกระบี่เต๋า ก็นับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
ท่ามกลางยอดฝีมือรุ่นเยาว์ในโลกหล้าแห่งนี้ เขานับเป็นคนแรกที่ทำให้ฉินมู่ต้องต่อสู้ถึงระดับนั้น!
พลานุภาพปีกหงส์เพลิงของเขาไม่ธรรมดา ฉินมู่ขย้ำเข้าใส่ราวกับลมเพชรหึงและมีดเชือดหมูของเขาก็ฟาดฟันขึ้นและลงให้แสงมีดพัวพันไปรอบๆ กายเขา เขาร่ายรำเพลงมีดเชือดหมู ขณะที่ท่าเท้าของเขาคือวิชาขาเทวะขโมยสวรรค์ของเฒ่าเป๋ ทำให้เขารุกและถอยไปมาอย่างไม่อาจคาดเดา
สุดยอดวิชาของเฒ่าเป๋และคนแล่เนื้อได้หลอมรวมกันอย่างไร้ที่ติในร่างกายของเขา!
ในขณะเดียวกันนั้น เมื่อฉีเจี่ยวอี๋อ้าและหุบปีก ขนนกนับไม่ถ้วนก็พรั่งพรูออกไปราวกระบี่เพื่อปะทะด้วยเสียงติงตัง เพลงกระบี่ของเขาพยายามฉวยโอกาสทุกโอกาสขณะที่เข้าไปปะทะกับเพลงมีดของฉินมู่
ขนนกหงส์เพลิงของเขาขับเคลื่อนเพลงกระบี่ ขณะที่ปีกของเขาขับเคลื่อนเพลงมีด เขานั้นนับว่าเชี่ยวชาญในทั้งมีดและกระบี่อย่างแท้จริง
ความสำเร็จในเชิงวิชาฝึกปรือของเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าฉินมู่
ทั้งสองคนต่อสู้กันด้วยความเร็ว มีดทั้งสองบางครั้งก็ซ้าย บางครั้งก็ขวา มีดของเขาราวกับลมเพชรหึง บางครั้ง มันก็เหมือนกับคลื่นใหญ่ที่โถมซัดลงมาพร้อมกับมีดวงตะวันที่สาดส่องอยู่บนริ้วคลื่นแห่งทะเลบูรพา บางครั้งมันก็เหมือนมีดที่ห้อยอยู่เหนือดวงจันทร์ รวดเร็วราวดาวตก เขานั้นโถมท่วมเหนือกว่าฉีเจี่ยวอี๋ในทุกทางจนบีบให้อีกฝ่ายต้องล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง
ฟุ่บบบ
มีดเชือดหมูสองเล่มพลันหดลงไป และกระบี่บินก็บินออกไปจากมีดราวกับปลาเงินตัวเล็กๆ พวกมันเหาะเหินในอากาศ เคลื่อนไปหน้าและหลังราวกับสายฟ้า!
กระบี่หลายร้อยนั้นราวกับยอดฝีมือเชิงกระบี่ล่องหนจำนวนมากที่กำลังกุมกระบี่วิเศษอยู่ โจมตีฉีเจี่ยวอี๋จากทุกทิศทาง!
เพลงกระบี่ของผู้ใหญ่บ้านก็ถูกฉินมู่ร่ายรำออกมา
ฉีเจี่ยวอี๋ร้องเสียงปักษาแหลมยาวและหัวบนคอของเขาก็พลันระเบิดออก แยกเป็นเก้าหัว ขนหงอนที่หัวทั้งเก้าของเขาสั่นไหว และลูกกลมแสงก็พลันสาดส่องลงมา ชนใส่กระบี่บินให้ร่วงจากฟ้า
ฉีเจี่ยวอี๋จิกหัวทั้งเก้า ฉินมู่ถือมีดหนึ่งขวางและมีดหนึ่งตั้ง ขณะที่พวกมันกำลังจะฟันลงไปยังหัวหงส์เพลิงนั่นเอง ฉีเจี่ยวอี๋ก็พลันต้านรับการโจมตีด้วยปีกของตน
มีดเชือดหมูของฉินมู่ฟันลงไปที่ปีกของเขา และฝังเข้าไปในกระดูก ดึงออกมาไม่ได้
หัวนกหงส์เพลิงของฉีเจี่ยวอี๋จิกลงมาก่อน และเล็งไปที่หน้าอกของฉินมู่ จะงอยปากทั้งหลายอ้าออก และลูกกลมแสงก็ถูกรวบรวมไว้ในปาก
ฉินมู่พลันดึงมีดของเขาออกมา มีดหนึ่งเชือดคอ ขณะที่อีกมีดปักเข้าไปในปากหงส์เพลิง ในเวลาเดียวกันนั้น มีดเชือดหมูสองเล่มอันฝังคาอยู่กับปีกของฉีเจี่ยวอี๋ก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่บินสองเล่มที่ปักเอาไว้อย่างนั้น
มีดเชือดหมูสองเล่มดังกล่าวก่อรูปขึ้นมาจากกระบี่แปดพันเล่ม และพวกมันก็เป็นอิสระจากกันตั้งแต่แรก สิ่งที่ปักอยู่ในปีกของฉีเจี่ยวอี๋คือใบคมของกระบี่สองเล่ม กระบี่บินเล่มอื่นๆ ยังสามารถใช้ก่อรูปขึ้นมาเป็นมีดเชือดหมูคู่ใหม่
คอที่ถูกมีดฟันเข้าไปพลันถูกฉีเจี่ยวอี๋ดึงรั้งกลับมาเพื่อสะกดข่มตัวมีด ทำให้มันปาดคอเขาไม่สำเร็จ ในเวลาเดียวกัน จะงอยปากของเขาก็งับแน่นเพื่อกัดคมของมีดอีกเล่มเอาไว้
ฉินมู่ดึงมีดของเขากลับอีกครั้ง และฉีเจี่ยวอี๋ก็ได้แต่งับกระบี่บินเพียงหนึ่งเล่ม เขาเห็นมีดคู่ของฉินมู่ฟาดฟันลงมายังจะงอยปากและคอของหัวอื่นๆ ของเขา มันเป็นไปตามแบบแผนเดิมไม่มีผิด เฉือนไปที่คอและฟันไปที่ศีรษะที่สองของเขา
ฉีเจี่ยวอี๋ไม่มีทางเลือก นอกจากอ้าปากเพื่องับมีดเอาไว้ และใช้คอของเขาหนีบใบมีด
ฉินมู่ดึงมีดของเขาออก และทิ้งกระบี่บินอีกสองเล่มเอาไว้ในบาดแผลของอีกฝ่าย เขายังคงฟันเข้ามาด้วยมีดเชือดหมูสองเล่มไปที่หัวและคอที่สามของเขา
ฉีเจี่ยวอี๋เดือดดาล “เจ้ายังไม่เลิกอีกหรือ”
แม้ว่าเขาจะกล่าวเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะงับมีดเอาไว้อีกหนและใช้คอของเขาหนีบมีดเชือดหมู
ฉินมู่ดึงมีดของเขากลับ ทิ้งกระบี่เอาไว้แทง ฟันไปยังหัวและคอที่สี่ของเขา
ฉีเจี่ยวอี๋กำกรงเล็บกร๊อบด้วยความโมโห หัวทั้งสี่ของเขาโซมเลือดไปหมด ความเจ็บปวดที่มาจากหัวทั้งสี่ของเขาฝังลึกเข้าไปในวิญญาณและกระดูกดำ!
“ข้า–”
ฉินมู่ดึงมีดออก ขัดจังหวะเขาฟันลงไปเป็นครั้งที่ห้า
ฉีเจี่ยวอี๋ระงับความโกรธเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเขากัดลงไปยังมีดอีกครั้ง ฉินมู่ดึงมีดออกอีกที แม้ว่าฉีเจี่ยวอี๋จะโกรธจนเนื้อเต้น แต่เขาก็ได้แต่งับมีดเอาไว้
ในพริบตา หัวและคอทั้งแปดของนกหงส์เพลิงของฉีเจี่ยวอี๋ก็ปักคาไว้ด้วยกระบี่เต็มไปหมด
“ไอ้ผู้แซ่ฉิน เจ้าทำให้ข้าโมโหจริงๆ แล้ว! จงอย่าดูถูกมรรคา วิชา และทักษะเทวะของสภาสวรรค์! เสียงกู่หงส์เพลิงสวรรค์เก้า!”
หัวหงส์เพลิงหัวสุดท้ายกู่ร้องออกมา เสียงหงส์เพลิงก้องไปในฟากฟ้า และแปรเปลี่ยนเป็นก้อนเมฆ เสียงเทพก้องสะท้อนไปมาในชั้นเมฆ ราวกับว่ามีเทพเจ้านับหมื่นกำลังสวดภาวนา ด้วยการอวยพรของเทพนับหมื่น รังสีแสงก็สาดส่องลงจากก้อนเมฆมายังร่างของฉีเจี่ยวอี๋
แสงทองอาบย้อมร่างของฉีเจี่ยวอี๋ขณะที่หัวสุดท้ายของหงส์เพลิงจิกลงมา ฉินมู่ทำแบบเดิมแต่ฉีเจี่ยวอี๋ไม่หลบหลีกเลยสักนิด เขาปะทะกับคมมีดแบบซึ่งๆ หน้า จะงอยปากของเขาฉีกขาดและเส้นเลือดที่คอของเขาก็ถูกตัด แต่ทว่า แสงทองอันกระจัดกระจายไปบนร่างของเขาทำให้เขาสามารถต้านรับมีดของฉินมู่ได้ด้วยกำลังเถื่อน และจิกจะงอยปากสวนไปยังหน้าอกฉินมู่อย่างดุดัน
ฉินมู่กระเด็นถอยไปและกลิ้งหลายตลบกับพื้น เขาใช้มีดยันตัวเองไว้เพื่อหยุดยั้งแรงกระเด็น
ฉีเจี่ยวอี๋อันอาบย้อมไปด้วยสีทองก็กระพือปีกบินเข้ามา หัวทั้งเก้าของเขาสั่นเทิ้มและกระบี่บินทั้งหลายก็ร่วงลงกับพื้น หงส์เพลิงเก้าหัวค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลับไปเป็นร่างมนุษย์ และปีกทองคำที่อยู่ข้างหลังเขาก็หายไป
“ตรึง ฉินเฟิงชิง!”
ฉีเจี่ยวอี๋ยิ้มหยันและยกกระจกบานหนึ่งขึ้นมาส่องไปยังฉินมู่ “โอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพที่ถูกภูติบดีปิดผนึกเอาไว้ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ข้าเพียงแต่ทำตามคำสั่งที่จะมานำตัวเจ้าไปแต่ไม่ได้มาคร่าชีวิตเจ้า ในทางกลับกัน ข้าจะทำลายเวทปิดผนึกของเจ้าและปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเจ้าออกมา กระจกนี้ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิดำที่ควบคุมสรวงสวรรค์ในทิศเหนือของสภาสวรรค์ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ตรึงเจ้าไว้กับที่โดยเฉพาะ! เจ้าไม่เลวเลย ถึงกับทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บ–”
“ตรึงข้าไว้กับที่? ไหนให้ข้าดูหน่อย!”
ฉินมู่เอื้อมมือของเขาออกไปจับที่กระจก ฉีเจี่ยวอี๋ตกตะลึง กระจกถูกแย่งไปออกไปจากมือของเขา และที่พุ่งมาหาเขาคือมีดวาววับอันฟาดฟันมายังศีรษะ
ฉีเจี่ยวอี๋รู้สึกเจ็บปวด สมองเขาแทบจะแหลกละเอียดจากมีดเดียวเขาต้องเผยร่างที่แท้จริงอย่างไม่มีทางเลือก อันคือนกหงส์เพลิงเก้าหัว แต่ละหัวมีมีเชือดหมูปักอยู่อันได้ทำลายสมองของเขา
ฉีเจี่ยวอี๋กระพือปีกบินหนี แต่ฉินมู่นั้นเร็วกว่าหนึ่งก้าว เขากระโดดขึ้นไปบนหลังนกศักดิ์สิทธิ์แล้ว และรัวกำปั้นต่อยลงไปยังหงส์เพลิงเก้าหัว เขาระดมหมัดเป็นชุดการโจมตีต่อเนื่องและทำให้ขนนกปลิวว่อนไปหมด
ข้างล่างพวกเขา เจ๋อหัวหลีที่ได้รับบาดเจ็บเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าอันเร่งร้อนและหยิบกล่องเล็กขึ้นมา เขาเผยสีหน้าลิงโลดยินดี แต่เมื่อเขาเงยศีรษะขึ้นไปเห็นฉินมู่ขี่หงส์เพลิง เขาก็ข่มระงับความตื่นตระหนกบนใบหน้าไม่ได้
พี่ฉินช่างแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ถึงกับสามารถสยบฉีเจี่ยวอี๋เอาไว้ได้ กำลังฝีมือของเขาแข็งแกร่งกว่าข้า ตั๊กแตนตำข้าวไล่ล่าจั๊กจั่น ไม่รู้ตัวว่ามีนกขมิ้นย่องตามมาข้างหลัง และข้าก็คือนกขมิ้นนั้น! บัดนี้เมื่อกล่องอยู่ในมือของข้า มีดปริศนาประหารเทพของข้านี้ก็จะสามารถยกระดับวิชามีดของข้าให้ขึ้นไปอีกขั้น ใช่ไหม…