ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 637 ต่อสู้ทะลวงร้อยชั้น
เมื่อสายตาของชื่อซีกวาดผ่านฉินมู่ ม่านตาของเขาก็หรี่แคบ เห็นได้ชัดว่าเมื่อเขาได้เห็นฉินมู่ ก็เตือนให้เขานึกถึงนักบุญคนตัดไม้และช่วงเวลาที่เขาถูกปั่นหัว
เมื่อเขาลอบโจมตีนักบุญคนตัดไม้ เขาก็ถูกต่อยตีอย่างย่อยยับ นักบุญคนตัดไม้เพียงแค่ส่งเขาไปยังเขตแดนเผ่ามารแห่งสวรรค์ไท่หวง และนั่นก็เกือบจะทำให้เขาต้องทิ้งชีวิตเอาไว้
หากว่าเขาไม่ได้พบกับผานกงสั่ว บุคคลซึ่งเชี่ยวชาญด้านการหลบหนีผู้นี้ เขาก็คงจะตายในน้ำมือของเผ่ามารไปแล้ว
เขาละสายตาออกไปและมองไปยังกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก หัวใจของเขาพลันบิดกระตุกอย่างรุนแรงราวกับว่ามีแรงกดดันล่องหนกดทับลงมายังหัวใจของเขา
มันเป็นผัสสะอันบิดเบือนที่เกิดจากรัศมีของบรรพชนแรกส่งผลต่อเขา บุคคลผู้นี้ดูราวกับลิ่มที่ตอกอยู่ระหว่างฟ้าดินอันพังทลาย โดดเดี่ยวในโลกหล้า ความโดดเดี่ยวและความเศร้าอันลึกล้ำนี้ถึงกับส่งผลกระทบต่อชื่อซี
“เจ้าเป็นเทพเจ้าแห่งยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่งหรือยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง?” ชื่อซีตั้งตัวใหม่และถาม
“จักรพรรดิก่อตั้ง”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกค่อนข้างปวดเศียรเวียนเกล้ากับฉินมู่ที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขากล่าวอย่างนุ่มนวล “มรรคา วิชา และทักษะเทวะแห่งยุคสมัยแสงฉานนับว่าน่าเลื่อมใสจริงๆ แต่พี่ทางเต๋า เจ้าคงจะเห็นแล้วว่าเจ้ามิอาจปลุกสติปัญญาของสหายเต๋าทั้งหลายของเจ้าได้อีกต่อไป ดวงจิตของเขาสาบสูญนานเกินไป พวกเขาไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”
หางตาของเทพชื่อซีกระตุก เขายิ้มหยันและกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “หรือว่าเจ้าคือคนที่วางแผนร้ายและลงมือกับผู้คนของข้า”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกขมวดคิ้วเล็กน้อย คำพูดของชื่อซีทำให้เขากระสับกระส่าย ฉินมู่เองก็ทำให้เขากระสับกระส่าย ฉินมู่ได้ขยับเข้าไปตรงหน้าวงแหวนทั้งหลายและกำลังศึกษาพิจารณาอักษรรูนบนนั้น เขากำลังขุดค้นแง่อัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในทักษะเทวะเสกสรร
จากคำพูดของชื่อซี เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นปรปักษ์ และการที่ฉินมู่ออกไปวุ่นวายในตอนนี้ เขาก็เชื่อมั่นในกำลังฝีมือของเขามากจนเกินไป
ฉินมู่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น แต่บรรพชนแรกไม่มีความเชื่อมั่นในตนเองที่แข็งแกร่งขนาดนั้น
นี่คือเมืองเทพยดาแห่งยุคสมัยแสงฉาน มองดูที่การวางผังเมือง สถานที่นี้น่าจะเป็นปราสาทสวรรค์บางแห่งในปราสาทสวรรค์แสงฉาน ที่ได้จมลงไปในทะเลใต้ เทพชื่อซีดั้นด้นกลับมาที่นี่อย่างอยากลำบาก คงไม่ใช่เพียงเพื่อวงแหวนเทวะเสกสรรอย่างเดียว แต่มันจะต้องมีเทพศาสตราที่ทรงอานุภาพอื่นๆ อยู่ด้วย!
เทพศาสตราที่ยุคสมัยแสงฉานใช้เพื่อป้องกันสภาสวรรค์ จะต้องทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเทพชื่อซีได้พวกมันมาแล้วหรือไม่!
“พี่ทางเต๋าเข้าใจผิดแล้ว”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกกล่าวอย่างใจเย็น “ข้ามิได้ลงมือกับสหายเต๋าทั้งหลายของเจ้า ในทางกลับกัน เพราะว่ายุคสมัยแสงฉานของเจ้ามุ่งเน้นค้นคว้าด้านกายเนื้อเป็นหลัก ทำให้ความสำเร็จด้านดวงวิญญาณ ทารกวิญญาณ และจิตวิญญาณดั้งเดิมนั้นค่อนข้างจะขาดพร่องไป ในเมื่อสหายเต๋าของเจ้าได้แปลงร่างมาเป็นเวลานาน นี่ก็ทำให้ดวงวิญญาณและจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาแปลงร่างไปด้วยเช่นกัน”
ดวงตาของชื่อซีฉายวาบด้วยประกายอันดุร้าย และเขาหัวเราะในคอ “ความสำเร็จของเจ้าในทักษะเทวะเสกสรรคงจะเหนือล้ำนักสินะ?”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกกล่าว “ข้ามิใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ข้าเคยพบกับผู้เชี่ยวชาญในสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้งมาก่อน การศึกษาค้นคว้าของเขาด้านกายเนื้ออาจจะด้อยกว่ายุคสมัยแสงฉาน แต่เขามุ่งเน้นไปแต่การศึกษาดวงวิญญาณ ทารกวิญญาณ และวิชาจิตวิญญาณดั้งเดิม ดังนั้นความสำเร็จของเขาจึงเหนือธรรมดา ข้าเองก็ได้เรียนรู้จากเขามาบ้างเช่นกัน”
ฉินมู่จิตหวั่นไหวเล็กน้อย หรือว่าจะเป็นนักบุญคนตัดไม้ คัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตของเขามีทั้งหมดเจ็ดนิพนธ์ และทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นวิชาเสกสรร นักบุญคนตัดไม้จะต้องมีความสำเร็จอันล้ำเลิศในวิชาเสกสรรเป็นแน่!
“ด้วยการหยั่งคะเนของข้า สหายร่วมเผ่าของเจ้าอาจจะมีบางคนที่ฟื้นคืนมาหลังจากนี้สามถึงห้าปี แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็ไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้”
กษัตริย์มนุษย์กล่าวเสริมอย่างจริงใจ “ยุคสมัยแสงฉาน และยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งมีศัตรูเดียวกัน ขอให้พี่ทางเต๋าโปรดละวางความเป็นปรปักษ์ของเจ้า หากว่าพวกเราร่วมมือเป็นพันธมิตรกัน มันก็อาจจะมีผลลัพธ์ที่ดี ข้าได้เรียนวิชาเสกสรรมาบ้าง ดังนั้นข้าอาจจะช่วยแก้ไขความเสียหายและช่วยชีวิตคนของท่านกลับมาจำนวนหนึ่ง”
ชื่อซีก้าวออกไปข้างหน้าและตะโกน “หากว่าเจ้ามีฝีมือความสามารถที่จะช่วยชีวิตสหายร่วมเผ่าของข้า ก็เอามันออกมา! เจ้าจะเก็บมันไว้กับตนเองและไม่อยากจะส่งให้ข้าอย่างนั้นรึ”
หัวข้างซ้ายของเขายิ้มหยันและกล่าว “ใช่แล้ว เขากำลังบีบบังคับพวกเรา! เขาต้องการใช้วิชาเสกสรรเพื่อบีบให้พวกเราเป็นทาสของเขาและต่อสู้ให้แก่เขา!”
หัวข้างขวาของเขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเราสามารถสับหัวของเขาออกมา และค้นหาดวงวิญญาณของเขา ไม่ใช่ว่าพวกเราก็จะได้วิชาเสกสรรมาแบบนั้นหรืออย่างไร”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกขมวดคิ้วและส่ายหัว “เจ้าไม่มีเหตุผลเลย”
ฉินมู่เอี้ยวหัวกลับมาและกล่าว “บรรพชนแรก ข้าก็บอกเจ้าแล้วนี่ ว่าศัตรูของศัตรูใช่ว่าจะเป็นมิตร ครั้งหนึ่งครูบาศักดิ์สิทธิ์เคยกล่าวว่าผู้คนแห่งยุคสมัยแสงฉานฝึกปรือวิธีการต่อสู้ของกายเนื้อ พวกเขาอาศัยกำลังความรุนแรงเพื่อจัดากรเรื่องราวต่างๆ แทบจะตลอดเวลา ชื่อซีนี้ถึงกับเป็นเพชฌฆาตแห่งสภาสวรรค์แสงฉาน เขานั้นมีวิธีการอันเผ็ดร้อนอำมหิต และเจ้ากระทืบเขาสักหน่อยน่าจะดีกว่า หากว่าเจ้าทำไม่ได้ เขาก็จะกระทืบเจ้าและตัดหัวของเจ้าออกมาดึงดวงวิญญาณออกมาค้นหา”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกยิ่งนิ่วหน้าหนักขึ้นทุกที และกล่าวอย่างอดทน “พี่ทางเต๋า พวกเราทั้งสองล้วนแต่มีศัตรูกลุ่มเดียวกัน ทำไมพวกเราไม่รวมกำลังกันเสียล่ะ พูดกันตามตรงแล้ว กษัตริย์มนุษย์ฉินผู้นี้เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งและจักรวรรดิสันตินิรันดร์ เขายังเป็นถึงกายาจ้าวแดนดินอันหาได้ยากในโลกหล้า…”
“กายาจ้าวแดนดิน?”
ชื่อซีเผยสีหน้าอันไม่เชื่อถือและร้องออกมา “ไอ้เด็กนี่เนี่ยนะที่ครอบครองกายาจ้าวแดนดิน? กายาจ้าวแดนดินในตำนานน่ะนะ? ตำนานกล่าวว่า มีการปรากฏตัวของกายาจ้าวแดนดินตนหนึ่งเมื่อสี่หมื่นปีก่อน ระหว่างยุคสมัยหลงฮั่น…”
ฉินมู่มั่นใจมากขึ้นอีก ผู้ใหญ่บ้านนับว่ารอบรู้และศึกษามาดีจริงๆ เขาถึงกับรู้ว่ามีกายาจ้าวแดนดินปรากฏเมื่อสี่หมื่นปีก่อนระหว่างยุคสมัยหลงฮั่น
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกกล่าว “ในเมื่อเจ้ารู้เกี่ยวกับกายาจ้าวแดนดิน พวกเราก็ยิ่งมีเหตุผลมากขึ้นอีกที่จะนั่งลงและสนทนากัน…”
“ข้าไม่อาจเชื่อใจใคร! ข้าไม่อาจเชื่อใจเจ้าและไอ้เด็กเจ้าเล่ห์กายาจ้าวแดนดินนี่! ข้าจะไม่มีทางเป็นสินสอดอันอยู่ไปวันๆ ของยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งและยุคสมัยสันตินิรันดร์นี้!”
ชื่อซีระเบิดเสียงคำรามออกมา รัศมีของเขาพลันพวยพุ่งออกไป “ยุคสมัยแสงฉานของข้าจะหวนคืนกลับมา และลงเยือนโลกหล้าอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสันตินิรันดร์หรือจักรพรรดิก่อตั้ง พวกเจ้าทั้งหมดก็จะต้องยอมสยบแก่พวกข้า! ส่งวิชาเสกสรรมา และข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ให้มาเป็นผู้รับใช้ติดตาม!”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกพลันผ่อนคลายและส่ายหัว “พี่ทางเต๋า ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสมัยแสงฉานอีกต่อไป หากว่าเจ้าใช้มรรคา วิชา และทักษะเทวะแห่งยุคสมัยแสงฉาน เจ้าก็ไม่มีโอกาสเอาชนะข้าได้”
ทันใดนั้น ชื่อซีก็แผ่พุ่งทักษะเทวะของเขาออกไป และฟาดฝ่ามือไปยังฉินมู่ ขณะที่ทักษะเทวะของเขากำลังทำงาน มุทราฟ้าและดินของบรรพชนแรกก็พุ่งเข้าชนวงแหวนเทวะเสกสรร ด้วยเสียงปังดังสนั่น ร่างของชื่อซีหายวับไป และโถงใหญ่ข้างหลังเขาก็ระเบิดแยกออกจากกัน!
ปัง ปัง ปัง
วิหารและราชวังระเบิดตามๆ กันเป็นเส้นตรง ราชวังหลายสิบหลังถูกบดขยี้เป็นผุยผง และก็มีหอคอยที่ถูกตัดสะบั้นออกครึ่งหนึ่ง ทำให้พวกมันล้มฟาดลงมาข้างล่าง
ผานกงสั่ว ผู้ยังตะเกียกตะกายอยู่กับพื้น จมในความตะลึงงัน
ฉินมู่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน “ผู้สูงศักดิ์ ไม่จำเป็นต้องประหลาดใจหรอก เมื่อเจ้าใช้ทักษะเทวะเมื่อสามหมื่นห้าพันปีที่แล้วมาจู่โจมข้า นี่ก็คือผลลัพธ์เดียวกัน”
ผานกงสั่วสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง ร่างของเขาหายวับไปอีกครั้ง
ชื่อซีปะทะชนไปเป็นระยะไกลไม่น้อย ก่อนที่จะหยุดยั้งลง เขากู่ร้อง “ตึกแสงฉานสยบสวรรค์! จงออกมา…”
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และมันก็ปริแยกออก แสงล้ำค่าสาดส่องออกมาจากรอยแยกอันไม่สมมาตรนั้น แสงดังกล่าวกุก่องตระการราวกับแสงเหนือที่เขตขั้วโลก
หลังจากครู่หนึ่ง พื้นดินก็ยกตัวขึ้น ราวกับว่ามีวัตถุใหญ่มหึมาที่กำลังค่อยๆ ผงาดขึ้นข้างใต้นั้น
สิ่งก่อสร้างสูงลิ่วน่าเกรงขาม สูงราวๆ ร้อยห้าสิบวา ก็พลันผุดขึ้นมาจากพื้น แม้ว่าจะผ่านไปสามหมื่นห้าพันปี ตึกนี้ก็ยังสดสวย แสงล้ำค่าของมันส่องท้องทะเลให้สว่างเป็นสีสันต่างๆ นานา ในระยะพันลี้
ฉินมู่มองไปด้วยความทึ่งและตกตะลึง สายตาของเขากลายเป็นว่างเปล่า ทุกชั้นชายคาของตึกแสงฉานสยบสวรรค์ มีเทพศาสตราทุกชนิดแขวนเอาไว้อยู่!
ไม่เพียงแต่เทพศาสตราทั้งหลายจะมีอยู่ใต้ชายคา แต่ยังมีเทพศาสตราอันทรงพลังที่ได้รับการบูชาในแต่ละชั้นเรือน!
เทพศาสตราเหล่านี้ส่งคลื่นกระเพื่อมอันบีบรัดหัวใจผู้คน คลื่นรัศมีจากมันแทบจะก่อตัวขึ้นมาเป็นสสารและไหลรั่วออกมาจากตึกอย่างต่อเนื่อง!
ตึกนี้มีประมาณหนึ่งพันชั้นและเทพศาสตราที่ห้อยมาจากชายคาก็มีมากมายนับไม่ถ้วน เทพศาสตราอันถูกบูชาไว้บนตึกก็มีจำนวนถึงหนึ่งพัน พวกมันน่าจะเป็นเทพศาสตราพิทักษ์แต่ละชั้นเรือน!
ฉินมู่พึมพำ “หากว่าข้าสามารถเอาอันนี้ไปได้ และนำมันไปยังสันตินิรันดร์ มูลค่าของมันก็คงทำให้จักรพรรดิยอมแลกกับบัลลังก์เลยทีเดียว…”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกจ้องไปที่เขา จากนั้นก็เดินตรงไปยังตึกสยบสวรรค์ “อยู่ที่นี่แหละ อย่าวิ่งไปทั่ว อย่าแม้แต่จะคิดที่จะแตะต้องตึกนี่ด้วยเช่นกัน อยู่ศึกษาทักษะเทวะเสกสรรของเจ้าตรงนี้ดีๆ เถอะ!”
ฉินมู่ผงกหัว สายตาของเขายังคงเหม่อลอย จ้องเขม็งไปยังตึกสูงอันสาดแสงหลากสีออกมา
อีกฟากหนึ่งนั้น เทพชื่อซีได้อยู่บนชั้นแรกของตึกเทวะแล้ว เขานำเทพศาสตราที่ถูกบูชาเอาไว้บนชั้นแรกออกมา มันเป็นมีดเทวะเล่มหนึ่ง ชื่อซีนำเอามีดเทวะออกจากแท่นบูชา และก็พลันปรากฏมีดเทวะอีกเล่มบนแท่น
ชื่อซีคว้ามีดอีกเล่ม และมีดอีกเล่มก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อชื่อซีคว้ามาถือหกครั้ง ก็ไม่มีมีดปรากฏขึ้นมาอีก
ฉินมู่มองไปที่สถานการณ์ข้างในตึก และกล่าวด้วยเสียงอันดัง “บรรพชนแรก เทพศาสตราของยุคสมัยแสงฉานมีชุดละหกชิ้น!”
“เข้าใจล่ะ!”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกเดินเข้าไปในตึก และเห็นเทพชื่อซีกำลังกวัดแกว่งมีดหกเล่มมาใส่เขา เขาได้ยินเสียงระเบิดสะท้านพิภพเมื่อเทพชื่อซีถอยกลับเข้าไปในตึกสยบสวรรค์ด้วยฝีเท้าอันซัดเซ
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกเดินเข้าไปในเรือนชั้นแรก และเพลงมีดของเทพชื่อซีก็เริ่มร่ายรำออกมา ทันใดนั้นเทพศาสตราทั้งหลายที่แขวนห้อยไว้ใต้ชายคาก็แผ่พุ่งพลานุภาพออกมาโจมตีกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก!
ฉินมู่ศึกษาอักษรรูนบนวงแหวนเทวะเสกสรรอย่างไม่รีบร้อน เขานำเอากระดาษและพู่กันออกมา จากนั้นก็คัดลอกทุกอย่างลงไป ผานกงสั่วที่อยู่ห่างไกลออกไป ส่งเสียงโห่ร้องเมื่อเห็นภาพที่อยู่ในเรือนตึก “ฆ่าได้ดี!”
ตูม
เทพศาสตรานับไม่ถ้วนแตกทำลาย และชิ้นส่วนแตกหักนั้นก็ปลิวว่อนไปทั่วทิศทาง แทงทะลุปราสาทมากมายนับไม่ถ้วน
ผานกงสั่วรีบหดหัวกลับไปด้วยความกลัว
ฉินมู่ไม่เหลียวไปมองดูเขาด้วยซ้ำ “ผู้สูงศักดิ์ อย่าดูเบากษัตริย์มนุษย์รุ่นแรกแห่งโถงกษัตริย์มนุษย์ไป ชื่อซีมีวังสวรรค์ของยุคสมัยเขา แต่กษัตริย์มนุษย์รุ่นแรกก็ควบคุมโถงแห่งกษัตริย์มนุษย์เช่นกัน ความลับเบื้องหลังโถงแห่งกษัตริย์มนุษย์นั้น ไม่ด้อยไปกว่าวังสวรรค์แสงฉานของเขา”
ขณะที่ฉินมู่กล่าวอยู่นั่นเอง ชื่อซีก็ร่วงตกไปยังชั้นที่สอง ในเสี้ยววินาที เทพศาสตรานับไม่ถ้วนบนชั้นที่สองก็ระเบิดและกลายเป็นผุยผง
เมื่อทั้งสองคนต่อสู้กัน ชื่อซีก็ถอยไปทีละก้าวๆ เขาพบว่ายากจะป้องกันตนเอง
ผานกงสั่วเงยศีรษะขึ้นมองดูและร้องออกมา “กษัตริย์มนุษย์นั่นไม่ได้ใช้อาวุธวิญญาณ และเพียงต่อสู้ด้วยมือเปล่า! เขาทำลายมหาสมบัติสยบวังสวรรค์แห่งยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง!”
เมื่อฉินมู่ได้ยินเช่นนั้น หัวใจเขาก็สั่นสะท้านเล็กน้อย เขามองไปยังตึกแสงฉานสยบสวรรค์ในทันที เขาก็ได้เห็นกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกต่อสู้ด้วยหมัดเปล่าจริงๆ และเขานั้นเป็นที่สักการะระหว่างฟ้าและดิน เขาปล่อยให้ฟ้าดินพลุ่งพล่านดาลเดือด และตราบใดที่เขายังไม่ร่วงลงไป ฟ้าและดินก็จะไม่มีวันพังทลาย!
“มุทราฟ้าและดินทรงอานุภาพจริงๆ”
ฉินมู่ถอนสายตากลับมา และยังศึกษาอักษรรูนพวกนี้ต่อ “น่าเสียดายที่พวกมันไม่ดีเลิศเท่ากับเพลงกระบี่ของข้า”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกต่อสู้กับเทพชื่อซีทะลวงไปถึงสามร้อยชั้น เขาครุ่นคิดด้วยความลิงโลดใจ เมื่อกษัตริย์มนุษย์ฉินเห็นมุทราของข้า จะต้องเปลี่ยนใจและร้องขอให้ข้าสอนมันให้เขาอย่างแน่นอน!