ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 684 อาละวาด
ยิ่งเข้าใกล้ความจริงมากเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น
เทพยุคจักรพรรดิก่อตั้งอาจจะได้ค้นพบความจริงเกี่ยวกับความมืดแล้ว แต่เขาไม่อาจนำมันออกไปได้ ในทางตรงข้าม เขาตายลงไปตรงหน้าหินปักปันเขตแห่งโลกหยินสวรรค์ มีก็แต่เมื่อฉินมู่มาถึง เขาจึงตื่นขึ้นมา
ฉินมู่ตามเขามุ่งหน้าต่อไป และทะเลสาบใต้สะพานก็เริ่มจะดูเหมือนมหาสมุทรเข้าไปทุกทีๆ เขามองไม่เห็นแผ่นดินอีกต่อไป
ฉินมู่มองลงไปจากสะพาน และสามารถมองเห็นปลายักษ์อยู่รางๆ ในทะเล ปลาสีดำทมิฬตัวมหึมาแหวกว่ายในมหาสมุทร และพวกมันถึงกับกัดทึ้งกันไปมาอย่างอำมหิต พยายามที่จะกลืนกินซึ่งกันและกัน แต่ทว่าไม่ว่าพวกมันจะกินไปเท่าไร ก็ดูจะไม่อิ่มท้อง
สัตว์ทะเลพวกนี้ก็เป็นเปรตด้วยเหมือนกัน พวกมันกินไม่หยุด แต่ก็ยังกินไม่พอ
ในที่สุด ฉินมู่ก็เห็นสุดปลายสะพานยาว และแม้ว่าสะพานจะมาถึงจุดสิ้นสุด แต่มหาสมุทรก็ยังคงกว้างไกลต่อไป มันมีนาฬิกาทรายมหึมาและโปร่งใสลอยอยู่เหนือทะเลสีเทา มันดูเหมือนกับว่าจะทำขึ้นมาจากแก้วผลึก
ข้างในนาฬิกาทรายคือทรายสีดำ และทรายในครึ่งบนของนาฬิกาทรายกำลังไหลลงมา ทรายมากกว่าครึ่งจากกระเปาะส่วนบนไหลลงมาแล้ว และทรายดำข้างล่างก็เกือบจะเต็ม
ฉินมู่มองไปที่ไกลๆ และเห็นปราสาทราชวังเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ นาฬิกาทราย สาเหตุที่มันดูเล็กนั้นก็เพราะว่าเมื่อเทียบกับนาฬิกาทรายแล้ว พวกมันดูเล็กจิ๋วเหลือเกิน แต่ทว่า หลังจากที่ฉินมู่วัดคำนวณ เขาก็ตระหนักว่ากลุ่มปราสาทราชวังนั้นกว้างยาวมากกว่าสิบลี้ ดังนั้นมันจึงไม่เล็กเลยแม้แต่นิด มันเหมือนกับเกาะน้อยอยู่กลางมหาสมุทร
หมู่ปราสาทราชวังเชื่อมต่อกับสะพานยาว และเมื่อฉินมู่มองไปข้างหลังหมู่ปราสาทนี้ เขาก็ค้นพบสะพานแขวนสายยาวเหยียดอีกเส้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันเชื่อมต่อไปที่ไหน
เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งหยุดเท้า และชี้ไปยังราชวังเหล่านั้น
วิชามารฟ้าเสกสรรได้ปิดผนึกเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่อาจพูดจาหรือใช้พลังวัตรได้
ฉินมู่คิดอยู่นิดหนึ่ง และนำเอากระดาษกับพู่กันออกมา “ผุ้อาวุโส หากว่าท่านได้เบาะแสอะไรมา ทำไมท่านไม่เขียนสักหน่อยล่ะ”
เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งยกพู่กันและเขียนลงไปอย่างรวดเร็วบนสมุด ฉินมู่มองดู และตัวเขียนนั้นก็แข็งแกร่งราวกับต้นสนโบราณ
“นั่นคือสถานที่รวมตัวของศิษย์แห่งแดนบาดาลอย่างนั้นหรือ”
ฉินมู่มองไปยังถ้อยคำบนกระดาษและกล่าวด้วยความตกตะลึง “มีคนอยู่ที่นั่นเท่าไร พวกเขามีขั้นวรยุทธอย่างไร…มีเทพเจ้าแห่งแดนบาดาลอยู่ด้วยหรือเปล่า เรื่องนี้จัดการไม่ง่ายเลย…พวกเขาตายหรือว่ายังเป็นๆ โอ้ พวกเขายังมีชีวิตอยู่…”
ฉินมู่หรี่ตาและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นหรือตายก็ไม่ได้น่ากลัวนัก แต่ทว่าที่น่ากลัวก็คือ พวกเขามาจากที่ไหน และเข้ามาในโลกหยินสวรรค์ได้อย่างไร ต่อให้ข้าสังหารยอดฝีมือจากแดนบาดาลในราชวังเหล่านี้ ก็อาจจะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าจากแดนบาดาลกรูกันมาอีก ข้าจะต้องตัดสะบั้นเส้นทางจากแดนบาดาลมายังโลกหยินสวรรค์…”
เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งยกพู่กันและเขียนต่อ
ฉินมู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและร้องออกมา “เทพีหยินสวรรค์? ทำไมท่านถึงเขียนชื่อของนาง ไม่ใช่ว่านางถูกพวกผีเปรตกินไปจนหมดแล้วหรือ…ช้าก่อน! ข้าเข้าใจความหมายของท่านล่ะ!”
เขาเงยศีรษะขึ้นและเพ่งมองปราสาทราชวังข้างใต้นาฬิกาทราย เขากล่าวด้วยเสียงเบา “ท่านพูดถูก พวกเราต้องการเทพีหยินสวรรค์มาจัดการเรื่องนี้ ผู้อาวุโส ความคิดของท่านนี่วิเศษจริงๆ ทำไมข้าถึงไม่มีความวิเศษเช่นนี้บ้างนะ ผู้อาวุโส ท่านจะต้องเป็นคนหัวเฉียบแหลมในยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งอย่างแน่นอน!”
เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งมึนงงและถือพู่กันค้างในอากาศ เขาไม่รู้ว่าฉินมู่กำลังพูดอะไร
ฉินมู่กล่าวอย่างตื่นเต้น “แม้ว่าเทพีหยินสวรรค์จะถูกกินไป หนังของนางก็น่าจะยังอยู่แถวๆ นี้และถูกซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง เพียงแต่ข้าไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ดังนั้นข้าไม่รู้ว่านี่จะได้ผลหรือไม่…”
เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งมีสีหน้าว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เขาเขียนนั้นแตกต่างจากที่ฉินมู่กำลังพูดอยู่ ฉินมู่เข้าใจความหมายของเขาไปคนละทาง
ฉินมู่ตบบ่าเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโส ท่านวางใจได้ ข้าเคยต่อสู้กับศิษย์แดนบาดาลมาก่อน และแม้ว่าทักษะเทวะของพวกเขาจะไม่เลว แต่พวกเขาก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน ข้าคะเนว่า ในบรรดาศิษย์แดนบาดาลที่อยู่ที่นี่ คงมีไม่กี่คนที่เป็นศิษย์สายตรงของโอรสหยินสวรรค์ ความคิดของท่านยอดเยี่ยมมาก และข้าก็อาจจะสามารถสืบสวนข้อเท็จจริงของความมืดได้ ถอนอันตรายในอนาคตอย่างถึงรากถึงโคน!”
เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งยิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่ เขายกพู่กันขึ้นและไม่แน่ใจว่าควรจะเขียนต่อดีหรือไม่
ฉินมู่เต็มไปด้วยความมั่นใจและนำไจกระบี่ของเขาออกมา ไจกระบี่ลอยอยู่ตรงหน้าใกล้อกของเขา และฉินมู่ก็กางนิ้วทั้งห้าออก กระบี่แปดพันเล่มลอยออกมาจากไจกระบี่ราวกับเข็มเล็กละเอียด และแต่ละเข็มได้เล็งไปยังใจกลางของวงกลม มันไม่สะเปะสะปะเลยแม้แต่น้อย
กระบี่บินฟาดฟันลงไป และมุดลงใต้ทะเล
ฉินมู่เดินเข้าไปและกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเคร่งขรึม
“ผู้อาวุโส ดาบกระบี่ไร้ดวงตา และแม้ว่าท่านจะมีผืนหนังเทวะ แต่ท่านก็ไม่มีพลังวัตรและวรยุทธที่จะใช้สอยมัน ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เองเถอะ รออยู่ที่นี่เงียบๆ ก่อน ข้าจะอาละวาดให้ท่านเห็นต่อหน้าเทพเจ้าแห่งแดนบาดาลทั้งหลาย!”
เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งเหม่องง เขาพลันตระหนักขึ้นมาและรีบเขียนประโยคหนึ่ง เขานั้นกำลังจะให้ฉินมู่อ่าน แต่ฉินมู่ก็สะกิดเท้าจากไปยังที่ไกลๆ แล้ว
เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งยกแผ่นกระดาษขึ้นมาอย่างหมดท่า ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี บนกระดาษนั้นเขาเขียนเอาไว้ ‘ล่อเทพีหยินสวรรค์มาโจมตีพวกมัน’ นี่ห่างไกลจากความคิดอันฉินมู่ยกย่องว่าอัศจรรย์เป็นหมื่นๆ ลี้
ฉินมู่เปิดใบหลิวที่หน้าผากของเขา และเดินไปบนสะพานอย่างเยือกเย็น กระบี่บินจำนวนนับไม่ถ้วนถักทอกันมากมายใต้ผิวทะเล เคลื่อนไหวไปข้างหน้าพร้อมๆ กับเขา
ในเวลาเดียวกันนั้น ข้างในดวงตาที่หว่างคิ้ว ดวงตากลมโตของฉินเฟิงชิงโผล่ออกมาเพื่อมองไปรอบๆ ด้วยความสนอกสนใจ เขานั้นสนใจในโลกมืดและขมุกขมัวแห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง
“อาหารน่าอร่อยมากมาย…”
ฉินมู่นำเอามีดปริศนาประหารเทพออกมา และกดลงไปที่ฝากล่อง เขานั้นได้มาถึงประตูหน้าของหมู่ปราสาทแล้ว
ทารกเต๋าสองคนกำลังสนทนาสัพเพเหระอยู่ที่หน้าประตู และหนึ่งในนั้นก็กล่าว “โลกหยินสวรรค์ทั้งมืดและหดหู่ เมื่อเจ้ามาเข้าเวรที่นี่ ก็จะต้องอยู่กะยาวนานหลายร้อยปีหรืออาจจะถึงพันปี นี่มันน่าเบื่อจริงๆ”
อีกคนหนึ่งกล่าว “หากว่าเจ้าเบื่อ เจ้าก็ไปหมู่บ้านรื่นเริงสิ มีสาวงามทุกประเภทอยู่ที่นั่น เจ้าจะปลดปล่อยมากเท่าไรก็ได้ และกลเม็ดเด็ดพรายของพวกนางก็ล้ำเลิศ สถานที่รื่นเริงแบบนี้จะหาได้ที่ไหนในแดนบาดาล หากว่าเจ้ายังคงเบื่ออยู่ เจ้าก็สังหารพวกผีเปรตสักฝูงหนึ่งในโลกหยินสวรรค์ เจ้าหาวิธีเล่นสนุกได้อยู่แล้ว”
“ศิษย์พี่พูดถูกแหละ มันไม่มีความสนุกสนานทางเนื้อหนังแบบนี้ในแดนบาดาล แต่หากว่าพวกเราอยู่ในโลกหยินสวรรค์นานเกินไป พวกเราก็ไม่มีทางได้เจอกับคนเป็นๆ เลย เอ๋?”
สองทารกเต๋าเฝ้าประตูพลันมองเห็นฉินมู่ และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเบิ่งตากว้างจ้องมองเขา ดวงตาของเขาพวกเขางงงัน
ในตอนนั้นเอง กระบี่บินสองเล่มก็พุ่งออกมาจากทะเล และแทงทะลุขมับของพวกเขาจากซ้ายไปขวา
ไม่ทันที่ทารกเต๋าทั้งสองจะได้สติ กระบี่ก็ทำลายล้างจิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขาไปแล้ว
กระบี่แปดพันเล่มค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากทะเลอย่างเงียบเชียบ และพวกมันก็แล่นเลียดพื้น ห้อมล้อมฉินมู่เอาไว้ขณะที่เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในหมู่ปราสาท
ข้างหลังเขา จิตวิญญาณดั้งเดิมสูงกว่าสิบห้าวาปราฏขึ้นอย่างเงียบงันข้างหลังเขา มันลอยไปข้างหน้าพร้อมๆ กับตัวเขา
เส้นด้ายปราณชีวิตนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากรอบกายจิตวิญญาณดั้งเดิม และเชื่อมต่อเข้ากับกระบี่บินแปดพันเล่ม เขาใช้จิตวิญญาณดั้งเดิมของตนเพื่อควบคุมกระบี่
แก๊ง แก๊ง แก๊ง
เสียงไพเราะของระฆังดังมา และบางคนก็ตะโกนไป “กลางวันสิ้นสุดแล้ว ดวงอาทิตย์ตกแล้ว สลับฟ้าได้”
ทรายดำเม็ดสุดท้ายในนาฬิกาทรายขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือปราสาทราชวังได้ร่วงลงมา และเทพเจ้าจำนวนหนึ่งก็เหาะออกมาจากราชวังของพวกเขา เทพเจ้าทั้งหมดขับเคลื่อนพลังวัตรเพื่อพลิกนาฬิกาทรายไปอีกด้าน
ฉินมู่เงยศีรษะและเปิดกล่อง พังผืดกระดูกของศีรษะยอดฝีมือระดับบัลลังก์จักรพรรดิสั่นสะเทือนด้วยความตื่นเต้น และส่งเสียแสกสาก
ฟิ้ว
สองเส้นแสงโลหิตพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า และไม่ทันที่ทวยเทพแห่งแดนบาดาลบนอากาศจะไหวตัว แสงโลหิตเหล่านั้นก็กรีดผ่านคอของพวกเขา
แสงโลหิตวกกลับเข้ามาในกล่อง นำเอาปราณและโลหิตทั้งหมดจากร่างเทพพวกนั้นมาด้วย บนท้องฟ้าไม่มีเลือดสาดกระเซ็นเลยแม้แต่น้อย มีแต่ศพของเทพเจ้าสองศพที่ร่วงลงมา
ไม่ทันที่ศพเทพจะตกถึงพื้น ผู้คนก็ร้องโวยวาย และศิษย์มากมายแห่งแดนบาดาลก็ทะยานออกมาจากราชวังทั้งหลาย “ใคร”
“ศัตรูบุก”
“ใครกล้ามาอาละวาดในแผ่นดินของแดนบาดาล”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว
แสงกระบี่นับไม่ถ้วยพวยพุ่งออกมาจากพื้น และก่อขึ้นมาเป็นทะเลแสงกระบี่ ในพริบตาที่ศิษย์แดนบาดาลทั้งหลายกรูกันออกมา พวกเขามากมายก็ร่วงล้ม เท้าของเขาถูกเฉือนตัดเข้าที่ข้อเท้า
และไม่ทันที่ผู้คนอันกำลังล้มไปจะหัวกระทบพื้น ใจกลางหว่างคิ้วของเขาก็ถูกรอยแสงกระบี่ยิงทะลุ!
แม้ว่าจะมีศัตรูแข็งแกร่งที่หลบหลีกแสงกระบี่ไปได้เมื่อสำเหนียกถึงสถานการณ์อันย่ำแย่ พวกเขาก็ยังคงสูญเสียชีวิตจากการโจมตีที่ซัดเข้ามาอย่างต่อเนื่องราวกับฝนเชี่ยวลมกระโชก!
มีกระบี่บินมากมายที่เหมือนกับปลาเงินตัวเล็กๆ อยู่ทั่วทั้งฟ้าและดิน เส้นทางการเคลื่อนไหวของกระบี่แต่ละเล่มล้วนแตกต่างกัน และกระบวนท่าที่ถูกขับเคลื่อนไปโดยกระบี่บินพวกนั้นล้วนแต่อัศจรรย์เกินจะบรรยาย ภายใต้วิชาคุมกระบี่บินของฉินมู่ ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานทั้งสิบแปดท่วงท่าได้ประกอบเข้าด้วยกันเป็นแบบแผนต่างๆ นานาไม่รู้จบ
ไม่เพียงเท่านั้น กระบี่แปดพันเล่มยังขยายใหญ่และหดเล็ก สั้นและยาว และบางกระบี่ถึงกับสามารถคดโค้งและเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปมาอยู่ตลอดเวลา กระบี่บินแต่ละชุดสามารถมาประกอบกันเป็นอาวุธวิญญาณชนิดอื่นๆ แปรเปลี่ยนพวกมันให้เป็นกระถาง เตา ระฆัง เจดีย์ มีด ทวน ขวาน และอาวุธวิญญาณอื่นๆ แม้กระทั่งหงส์และมังกรก็ยังปรากฏได้!
กระบี่แปดพันเล่มให้ความรู้สึกมากมายไร้ประมาณแก่ผู้คน!
ไม่ว่าทักษะเทวะของฝ่ายตรงข้ามจะโดดเด่นเหนือธรรมดาสักแค่ไหน ต่อให้พวกเขาไปซ่อนตัวในแดนบาดาล แสงกระบี่ก็จะพุ่งเข้าไปในแดนบาดาลและสังหารเขาในพริบตาถัดมา
ฉินมู่ทลายถึงขั้นชาวสวรรค์เรียบร้อยแล้ว และในขั้นวรยุทธนี้ ผู้ฝึกวิชาเทวะใดๆ ก็จะประสบการรุดหน้าก้าวใหญ่ในระดับวรยุทธ การรุดหน้านั้นเกิดจากความสามารถที่จะฉายส่องจิตวิญญาณดั้งเดิมของตนออกมาได้
และฉินมู่ก็สามารถฉายส่องจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาออกมาได้ตั้งนานแล้ว ความสำเร็จของเขาในด้านจิตวิญญาณดั้งเดิมนั้นเริ่มที่จะเข้าใกล้ขั้นที่มีทั้งจิตและรูป
การมีทั้งจิตและรูปนั้นจำต้องฝึกฝนจนกระทั่งจิตวิญญาณดั้งเดิมกลายเป็นสสารกายภาพ เพื่อควบแข็งจิตวิญญาณดั้งเดิมราวกับว่ามันคือของจริง ต่อให้เขายังไม่ทันสำเร็จเรื่องนี้ได้ แต่พละกำลังและการควบคุมจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็ก้าวหน้าไปไกลกว่าผู้ฝึกวิชาเทวะขั้นชาวสวรรค์คนอื่นๆ
ฉินมู่เดินต่อไปข้างหน้า และจิตวิญญาณดั้งเดิมสูงสิบห้าวาของเขาก็ติดตามไปอย่างเงียบงัน จิตวิญญาณดั้งเดิมควบคุมกระบี่แปดพันเล่มและสังหารผู้คนราวกับตัดผักตัดหญ้า
“บังอาจ!”
ราชวังใหญ่มหึมาระเบิดออก และเทพแดนบาดาลตนหนึ่งก็ทะยานออกมา ขณะที่เขาเหินขึ้นไปบนอากาศ กล่องเล็กในมือฉินมู่ก็เปิดออกมาแล้ว และแสงโลหิตสองสายก็ยิงไปเบื้องหน้าคอของเทพแดนบาดาล ด้วยการปาดปึดเบาๆ หัวของเขาก็หลุดออกจากร่าง
ฉินมู่เดินตรงไปยังโถงวังที่ใจกลาง และไม่ว่าเขาจะผ่านไปที่ใด ไม่ว่าผู้ฝึกวิชาเทวะหรือเทพเจ้า พวกเขาทั้งหมดก็จะตายอย่างน่าสังเวช พวกที่เขาสามารถเอาชนะได้ เขาก็จะใช้กระบี่บินเพื่อสังหาร และพวกที่เขาเอาชนะไม่ได้ ก็จะตายภายใต้มีดปริศนาประหารเทพ
ศิษย์แดนบาดาลมากมายถูกเข่นฆ่าจนกระทั่งหัวใจของพวกเขาเย็นเฉียบ พวกเขาถอยกรูดๆ และก็มีศิษย์แดนบาดาลมากกว่าร้อยที่เข้ามารวมตัวกัน พวกเขาปลดเอาระฆังใหญ่อันแขวนห้อยอยู่กับหลังคาลงมา
“ใช้ระฆังฌาปนกิจสวรรค์เพื่อสังหารเขา!”
ศิษย์แดนบาดาลหลายร้อย ตะโกนพร้อมกันเป็นเสียงเดียว ปากของระฆังเล็งไปที่ฉินมู่ และเขาเห็นวงแหวนสิบแปดวงคล้องเกาะเกี่ยวกัน ก่อขึ้นมาเป็นระฆัง เส้นวงจรอักษรรูนอันซับซ้อนปรากฏบนแต่ละวงแหวน และพวกมันล้วนแต่จารึกไว้ด้วยอักษรรูนแดนบาดาล
เมื่อระฆังฌาปนกิจสวรรค์กระตุ้นทำงาน วงแหวนเหล่านั้นก็หมุนวนไปในทิศทางต่างๆ และอักษรรูนที่สลักไว้บนนั้นก็จุดแสงติดขึ้นมา เมื่อวงแหวนสองวงบิดไปยังมุมต่างกัน ส่วนของอักษรรูนบนวงแหวนทั้งสองก็จะเข้ามาจับคู่เพื่อก่อเป็นอักษรรูนใหม่ๆ และอักษรรูนที่แตกต่างกันเหล่านี้ก็จะมีพลานุภาพและความสามารถต่างๆ กัน
พลานุภาพของระฆังฌาปนกิจสวรรค์ที่หมุนวนไปนั้นถูกกระตุ้นให้ทำงาน และปากระฆังก็พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลานุภาพอันไร้รูปลักษณ์ยิงพุ่งไปทางฉินมู่!