ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 694 บนบ่าของยักษ์
เทพีหยินสวรรค์มองไปรอบๆ และเอ่ยชมพวกเขา “ความชาญฉลาดและปัญญาญาณของทุกคนที่นี่ล้วนแต่หายากยิ่งในโลกหล้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะปรากฏมีถึงหกคนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ โลกหล้าตอนนี้เป็นอย่างไรกันนะ ทำไมถึงมีผู้เปี่ยมความสามารถมากมายขนาดนี้เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กัน”
ฉินมู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เทพี คนหกคนตรงหน้าท่านนับได้ว่าเป็นผู้ทรงปัญญาในระยะยุคสมัยสองหมื่นปีนี้ กล่าวได้ว่าในระยะล้านล้านลี้ถึงจะหาเจอสักคนหนึ่ง บัดนี้ สติปัญญาของยุคสมัยสองหมื่นปีได้รวบรวมอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว”
นักบุญคนตัดไม้รวบรัดตัดบทเขา “รีบๆ ขับเคลื่อนทักษะเทวะที่เจ้าใช้ชุบชีวิตเทพีเถอะน่า เลิกยกยอตัวเองได้แล้ว ในยุคสมัยสองหมื่นปีที่ผ่านมามีผู้ทรงปัญญาแค่ห้าคนเท่านั้นแหละ เจ้ามันเป็นกายาจ้าวแดนดินต่างหาก ไม่ได้เฉลียวฉลาดอะไร”
ฉินมู่ขุ่นเคือง แต่เขาก็ยังขับเคลื่อนวิชาเพื่อนำม้วนคัมภีร์ใต้พิภพออกมา เขาร่ายนำทางวิญญาณที่ได้ปรับเปลี่ยนแล้ว และเขายังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประตูน้อมสวรรค์ ภาษาใต้พิภพดังมาอีกครั้ง และทุกคนก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงของเขา
ฉินมู่พลิกประตูน้อมสวรรค์กลับหัวกลับหางเพื่อขโมยพลังอำนาจของเทพสรรพชีวิต ก่อนจะพลิกกลับมาเพื่อขโมยพลังอำนาจของภูติบดี และในท้ายที่สุดก็ขโมยพลังอำนาจจากทั้งคู่ในเวลาเดียวกัน
ทุกคนชมดูจนละลานตา และหัวคิดของพวกเขาก็งุนงงเลอะเลือนจากการรับฟัง
“นี่เป็นภาษาใต้พิภพ ดังนั้นข้าพอเข้าใจมันอยู่สักแปดส่วน”
ท้าวยมราชขับเคลื่อนวิชาของเขา และประตูอันคล้ายคลึงกับประตูน้อมสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นมาข้างหลังตัวเขา “แต่ทว่า ข้าไม่เคยเห็นม้วนคัมภีร์นั้นมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น การขโมยพลังอำนาจของเทพสรรพชีวิตและภูติบดีก็เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเทพบรรพกาลใดในสองตนนี้ ข้าก็ไม่อาจรับมือกับความพิโรธของพวกเขาได้”
“ข้าสามารถเข้าใจภาษาใต้พิภพได้หกส่วน”
ราชครูสันตินิรันดร์กล่าว “ข้าได้ศึกษาจากอาจารย์มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็ยังคงมีส่วนที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ข้าอาจจะไม่สามารถเรียนมันได้เช่นกัน”
นักบุญคนตัดไม้ขมวดคิ้วและกล่าว “ข้าเองก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เขากล่าวได้ทั้งหมด ส่วนการขโมยพลังอำนาจของเทพสรรพชีวิตกับภูติบดีนั้น หากว่านำไปเพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร แต่หากว่ามากเกินไป ตัวตนทั้งสองก็คงไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน หากว่าพวกเราขโมยพลังอำนาจของพวกเขาเพื่อชุบชีวิตดวงวิญญาณแห่งโลกหยินสวรรค์ พวกเขาจะต้องพิโรธเป็นแน่”
ซวีเซิงฮวาและกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกไม่เคยเรียนภาษาใต้พิภพมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงงุนงง
ซวีเซิงฮวาถาม “ในเมื่อพวกเราไม่อาจขโมยพลังอำนาจของเทพสรรพชีวิตและภูติบดี ทำไมพวกเราไม่เปลี่ยนแปลงทักษะเทวะของจ้าวลัทธิฉิน และอ้อมไปอีกแบบแทนล่ะ”
ราชครูสันตินิรันดร์กล่าว “มันไม่ใช่ว่าจะอ้อมไปอีกแบบหรอก แต่เพราะว่าจ้าวลัทธิได้ก่อตั้งรากฐานอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งให้แก่พวกเราเอาไว้ เทพี โลกหยินสวรรค์คงยังไม่มีระบบทักษะเทวะอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ข้าเข้าใจถูกไหม”
เทพีหยินสวรรค์ผงกศีรษะและกล่าว “เดิมทีมีผู้ฝึกวิชาเทวะมากมายอาศัยอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้คนจากโลกภายนอก พวกเขากล่าวว่าเข้ามาที่นี่เพื่อหลบซ่อนจากไฟสงคราม และพวกเขาก็ได้นำทักษะเทวะจากโลกภายนอกเข้ามา ก่อนหน้านั้น ไม่มีผู้ฝึกวิชาเทวะใดอยู่ที่นี่ มีแต่ข้าเท่านั้น”
ราชครูสันตินิรันดร์เผยยิ้มและกล่าว “ถ้าเช่นนั้น จากนี้เป็นต้นไป โลกหยินสวรรค์ก็จะสามารถมีระบบทักษะเทวะเป็นของตนเองด้วยเช่นกัน”
ซวีเซิงฮวาตาเป็นประกาย และเขามองไปยังราชครูสันตินิรันดร์พลางคิดในใจ อัจฉริยะศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏทุกๆ ห้าร้อยปีนั้น นับว่ามีสติปัญญาอันไร้ผู้ต่อต้านอย่างแท้จริง! แต่ทว่า สาเหตุที่นักบุญคนตัดไม้ไม่ออกความเห็นอะไรเลย ก็คงเพื่อจะดูความชาญฉลาดและปัญญาญาณของศิษย์ทั้งสองของเขา
บรรพชนแรกและท้าวยมราชก็พลันเกิดพุทธิปัญญา และบรรพชนแรกก็แย้มยิ้ม “หลังจากการชี้แนะของราชครู พวกเราก็ค้นพบหนทางในที่สุด”
ท้าวยมราชถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ทักษะเทวะของกษัตริย์มนุษย์ฉิน นับว่าเป็นกุญแจที่ใช้สร้างระบบทักษะเทวะแห่งโลกหยินสวรรค์อย่างแท้จริง”
นักบุญคนตัดไม้มองไปที่ฉินมู่และกล่าว “ศิษย์ อธิบายทักษะเทวะของเจ้าให้พวกเราฟังหน่อย”
ฉินมู่อธิบายทักษะเทวะนี้อย่างละเอียด และทุกคนที่นี่ก็ล้วนทรงปัญญาเหนือธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงจดจำได้ขึ้นใจแม้เพียงจะรับฟังไปหนเดียว พวกเขาเดินไปเดินมาระหว่างที่ใช้ความคิด
ราชครูสันตินิรันดร์พร่ำภาวนาภาษาใต้พิภพอย่างเงียบๆ และทรายวิญญาณดำรอบๆ ตัวเขาก็เริ่มกระเพื่อมสั่นไหว
ซวีเซิงฮวาหยุดเดิน และสวดภาษาใต้พิภพไปยังผีเปรตที่ฉินมู่จับตัวมา ผีเปรตอ้าปากเพื่อหวีดร้อง และทรายดำก็ไหลออกมาจากร่างกายเขาอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกันนั้น ทรายดำจากภายนอกก็ไหลเข้ามาด้วยเช่นกัน
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกยืมม้วนคัมภีร์ใต้พิภพและใช้ปราณชีวิตของเขาเพื่อลอกเลียนนิพนธ์อันจารึกไว้ในม้วนคัมภีร์ เขาพยายามจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขบางจุดในทักษะเทวะของฉินมู่
ท้าวยมราชได้ศึกษาทักษะเทวะใต้พิภพมาประมาณหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงสามารถเปลี่ยนทักษะเทวะของฉินมู่ได้โดยทันที
อีกด้านหนึ่งนั้น นักบุญคนตัดไม้เอาแต่เดินไปรอบๆ เทพแห่งจักรพรรดิก่อตั้งหนิงจิ่น และมองดูเขาไม่หยุด
พวกเขาทุกคนล้วนแต่มีความคิดเป็นของตนเอง และแต่ละคนนั้นต่างก็มีความเข้าใจที่แตกต่างกัน พวกเขาล้วนแต่กำลังปรับเปลี่ยนแก้ไขทักษะเทวะของฉินมู่
มีก็แต่เอี๋ยนจิงจิงนี่ไม่เคยศึกษาด้านนี้เลยสักนิด ดังนั้นนางจึงได้แต่มองไปยังผู้คนประหลาดเหล่านี้อย่างเรียบๆ ร้อยๆ
ฉินมู่มองไปที่พวกเขาด้วยสีหน้าดำทะมึน ในอดีตนั้นมีแต่เขาที่ไปปรับเปลี่ยนทักษะเทวะของคนอื่น และตอนนี้เขาก็ได้มาสัมผัสความรู้สึกที่ทักษะเทวะของตนถูกคนอื่นปรับเปลี่ยนจนจำหน้าเดิมไม่ได้
ผ่านไปสักพักหนึ่ง พวกเขาถ้าไม่เดิน ก็นอนแผ่ ถ้าไม่นั่ง ก็วิ่งตะบึงไป พลางครุ่นคิดหาหนทางแก้ไขอย่างทุ่มสุดตัว
ราชครูสันตินิรันดร์วาดอักษรรูนประหลาดจำนวนหนึ่งลงบนชายหาด ขณะที่บรรพชนแรกวาดบนท้องฟ้าด้วยปราณชีวิตของเขา ซวีเซิงฮวานำไม้บรรทัดและอาวุธวิญญาณการคำนวณออกมาเพื่อคิดคำนวณอย่างเร็วจี๋ เขาเขียนสมการประหลาดพิสดารบนพื้นและพยายามที่จะแก้พวกมัน
ข้างหลังท้าวยมราช มีวงแหวนโลหะขนาดใหญ่ลอยอยู่ และอักษรรูนทุกรูปแบบก็ส่องแสงเรืองวูบวาบไปมาบนวงแหวนนั้น
นักบุญคนตัดไม้ถอดสร้อยคอที่ฉินมู่ได้หลอมสร้างให้แก่หนิงจิ่น ก่อนที่จะหันกลับไปมองสัประยุทธ์ฟ้าที่โอรสหยินสวรรค์หลอมสร้างขึ้นมา
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร และในที่สุดทุกคนก็เข้ามายืนรวมกันอยู่ใต้สัประยุทธ์ฟ้า พวกเขาใช้ปราณชีวิตของตนเพื่อฝังประทับลงไปบนอากาศธาตุ และอักษรรูนอันงดงามตระการก็ปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า
พวกมันเป็นอักษรรูนสีทอง และอักษรรูนเหล่านี้ก็พวยพุ่งออกมาด้วยแสงทองอันเหมือนกับเม็ดทราย มันเหมือนกับทรายวิญญาณดำ แต่ไม่ใช่สีดำ
“พวกเขากำลังทำอะไรหรือ” เทพีหยินสวรรค์ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่นางกำลังเห็น และถามฉินมู่กับเอี๋ยนจิงจิงด้วยเสียงเบา
ฉินมู่มีสีหน้าเครียดขรึมและกล่าวตอบไปด้วยเสียงแผ่ว “พวกเขากำลังพยายามที่จะจัดระบบอักษรรูนรากฐานจำนวนหนึ่งให้แก่ทักษะเทวะแห่งโลกหยินสวรรค์ โดยอาศัยผ่านทักษะเทวะของข้าและสัประยุทธ์ฟ้าของโอรสหยินสวรรค์ จากนั้นเป็นต้นไป พวกเขาก็จะสามารถอนุมานอักษรรูนพื้นฐานออกมาได้”
เทพีหยินสวรรค์อึ้งไปเล็กน้อย “อักษรรูนพื้นฐานแห่งโลกหยินสวรรค์? มันมีของแบบนั้นอยู่ด้วยหรือ”
“เทพีคงไม่เคยออกไปยังโลกภายนอกมาก่อนสินะ? ท่านอาจจะยังไม่ทราบ แต่ทักษะเทวะในโลกหล้าแห่งนี้ แทบจะทั้งหมดประกอบสร้างขึ้นมาจากอักษรรูนพื้นฐาน”
ฉินมู่อธิบาย “ลม ฝน ฟ้าผ่า ฟ้าแลบ เมฆ หมอก ท้องฟ้า ดวงดาว และกระทั่งสิ่งเสกสรรทั้งหลาย ทุกๆ ทักษะเทวะมีโครงสร้างของอักษรรูนพื้นฐาน ยกตัวอย่างเช่นเพลงกระบี่ เพลงกระบี่จะมีท่วงท่ากระบี่พื้นฐานสิบแปดท่วงท่า ในขณะโลกหยินสวรรค์ของเทพี เป็นโลกอันแตกต่างจากโลกภายนอก โลกหยินสวรรค์มีหลักกฎที่แตกต่าง และสามารถกล่าวได้ว่ามันมีระบบมรรคา วิชา และทักษะเทวะที่เป็นของตัวมันเอง”
เอี๋ยนจิงจิงอาศัยฤทธานุภาพของเรือตะวันเพื่อฝืนเพิ่มพูนวรยุทธจนถึงเขตขั้นเทวะ ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของมรรคา วิชา และทักษะเทวะมากนัก ในตอนนั้น นางกำลังรับฟังอย่างจดจ่อเพื่อซ่อมปะในสิ่งที่นางขาดพร่องไป
“ทักษะเทวะที่ข้าใช้ชุบชีวิตเทพีนั้นได้สกัดออกมาจากระบบใหญ่ๆ หลายระบบ ทั้งระบบทักษะเทวะใต้พิภพ แดนบาดาล แดนปริศนา เสกสรร มรรคาเทพ มรรคามาร มรรคาพุทธ และสำนักเต๋า ทุกอย่างล้วนแต่ถูกนำมาใช้เกี่ยวข้อง พวกเหล่านี้คือระบบใหญ่ ขณะที่ระบบย่อยๆ นั้นมีมากมายเหลือคณานับ ก็ต่อเมื่อข้าหลอมรวมระบบทักษะเทวะมากมายขนาดนี้เข้าด้วยกัน ข้าจึงสามารถชุบชีวิตเทพีได้”
ฉินมู่กล่าวต่อ “แต่ว่า ที่ข้าใช้ไปนั้นมิใช่อักษรรูนพื้นฐานของโลกหยินสวรรค์ ข้าเพียงแต่ใช้ความรู้ในระบบดังกล่าวพวกนี้เพื่อเลียนแบบอักษรรูนพื้นฐานแห่งโลกหยินสวรรค์”
เทพีหยินสวรรค์เข้าใจมากขึ้นและกล่าว “ที่แท้พวกเขาก็กำลังขจัดระบบของโลกอื่นผ่านทักษะเทวะของท่านและสมบัติวิเศษของโอรสหยินสวรรค์ และพยายามสร้างสรรค์อักษรรูนพื้นฐานที่เป็นของโลกหยินสวรรค์โดยเฉพาะ ยิ่งพวกเขาถอดแยกระบบอื่นออกไปมากเท่าไร ก็ยิ่งเข้าใกล้กับอักษรรูนพื้นฐานที่แท้จริงมากเท่านั้น”
ฉินมู่ผงกศีรษะและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เทพีมองไปที่อักษรรูนอันอยู่เบื้องหน้าพวกเขาสิ มันยิ่งมีอักษรรูนจากโลกภายนอกปรากฏน้อยลงและน้อยลงทุกที นอกจากทักษะเทวะของข้าและสมบัติวิเศษของโอรสหยินสวรรค์ พวกเขายังต้องทำความเข้าใจเทวานุภาพของเทพี และอักษรรูนบนร่างของท่านอีกด้วย”
นักบุญคนตัดไม้และคนอื่นๆ เดินเข้ามา และพวกเขาก็เหาะขึ้นไปเพื่อสำรวจแสงเทวะจากร่างกายของเทพีหยินสวรรค์อย่างละเอียด พวกเขาบันทึกอักษรรูนธรรมชาติในแสงเทวะ ก่อนที่จะไปศึกษาอักษรรูนบนร่างกายของเทพีด้วยเช่นกัน อักษรรูนเหล่านี้เป็นอักษรรูนพิสดารที่เทพีหยินสวรรค์มีติดตัวมาแต่กำเนิด
เทพีหยินสวรรค์ไม่ค่อยได้ติดต่อกับโลกภายนอก ดังนั้นนางจึงไม่รู้เกี่ยวกับอักษรรูนบนร่างกายตนเองมากนัก
เวลาผ่านไปนาน ทั้งห้าคนก็เหาะลงไปเหยียบพื้น และเริ่มต้นปรึกษาหารือกันด้วยเสียงเบา
“มีอักษรรูนหนึ่งร้อยแปดชนิดบนร่างของเทพี และพวกเราก็ได้อนุมานออกมาสองร้อยสิบหกชนิดจากทักษะเทวะของจ้าวลัทธิและสมบัติวิเศษของโอรสหยินสวรรค์”
“รวมทั้งหมดสามร้อยยี่สิบสี่อักษรรูน อักษรรูนพวกนี้เป็นรากฐานของระบบทักษะเทวะแห่งโลกหยินสวรรค์”
ซวีเซิงฮวากล่าวต่อ “เทพี โปรดชมดู การจัดเรียงอักษรรูนที่แตกต่างกันออกไป ก็จะได้ผลลัพธ์แตกต่างกัน”
ปราณชีวิตของเขาแปรเปลี่ยนและประกอบอักษรรูนหลายสิบตัวเข้าด้วยกันเพื่อแปลงเป็นทักษะเทวะ เขาฟาดทักษะเทวะลงไปบนผีเปรตหนูทดลอง และทรายดำข้างในตัวผีเปรตก็ถูกลบล้าง แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานจิตวิญญาณที่กลับคืนสู่ฟ้าและดิน
ราชครูสันตินิรันดร์ขับเคลื่อนทักษะเทวะอันประกอบขึ้นมาจากอักษรรูนสามร้อยยี่สิบสี่ตัวเช่นกัน และเขากล่าว “ท่านก็ยังสามารถรวบรวมดวงวิญญาณที่เป็นของร่างเดิมกลับเข้ามาด้วยกันได้”
หลังจากที่ผีเปรตตายไป ก็เหลือแต่ผืนหนังมนุษย์เอาไว้ และเมื่อราชครูสันตินิรันดร์ขับเคลื่อนทักษะเทวะนี้ ทรายดำในโลกหยินสวรรค์ก็ลอยเข้ามาดุจควันที่ไหลกลับไปยังผืนหนังมนุษย์
ท้าวยมราชขับเคลื่อนทักษะเทวะอีกแบบและกล่าว “ท่านก็สามารถประกอบทรายวิญญาณดำเข้าด้วยกันและสร้างดวงวิญญาณขึ้นมาใหม่ได้”
ทักษะเทวะของเขามีผลต่อทรายดำในผืนหนังมนุษย์ ทรายดำเหล่านั้นเข้ามาควบแน่นกันและมีทีท่าว่าจะกลับไปสู่สภาวะดวงวิญญาณสมบูรณ์
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกก็ขับเคลื่อนวิชามุทราที่เขาก่อขึ้นมาจากอักษรรูนและกล่าว “ท่านก็ยังสามารถสะกดข่มผีเปรต และปราบพวกมันให้ศิโรราบได้ด้วย!”
เมื่อเขาขับเคลื่อนวิชามุทรา เขาก็เหมือนราชาแห่งเปรต ทำให้ผีเปรตมากมายในโลกหยินสวรรค์ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดผวา
นักบุญคนตัดไม้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เทพี ในอดีตนั้นอักษรรูนพื้นฐานแห่งโลกหยินสวรรค์ไม่ครบสมบูรณ์ และบัดนี้พวกมันครบสมบูรณ์แล้ว เทพีสามารถควบคุมผีเปรตทั้งหลายให้สู้แทนท่านได้ และท่านก็ยังสามารถลงโทษผีเปรต ท่านยังสามารถปกป้องผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกหยินสวรรค์ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านก็ไม่ต้องวิตกกังวลอีกต่อไป”
ฉินมู่ถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อนและกล่าว “ในอนาคต วิชาฝึกปรือและทักษะเทวะจำนวนนับไม่ถ้วนแห่งโลกหยินสวรรค์ ก็คงจะมาจากอักษรรูนสามร้อยยี่สิบสี่ตัวนี้”
นักบุญคนตัดไม้นำเอาขวานตัดไม้ของเขาออกมาและเริ่มถากหน้าผาข้างทะเลให้ราบเรียบ เพื่อแกะสลักอักษรรูนเหล่านั้นไว้บนหน้าผา “เทพี เรื่องนี้ก็สำเร็จสมบูรณ์ พวกเราจะขอตัวไปก่อน”
เทพีหยินสวรรค์ลุกขึ้นเพื่อส่งพวกเขาไป “ปฏิภาณของข้าเชื่องช้า ดังนั้นจึงได้แต่ต้องรบกวนผู้ทรงปัญญาทั้งหลาย หากว่าข้าสามารถช่วยพวกท่านได้ในอนาคต ทุกท่านที่นี่สามารถมาหาข้าได้ด้วยสัญลักษณ์แทนตัวของข้า และข้าก็จะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถแน่นอน!”
นางนำเอาแสงเทวะเส้นหนึ่งออกจากร่างกาย และแบ่งมันออกเป็นเจ็ดส่วน ซึ่งหลังจากนั้นนางก็หลอมสร้างพวกมันขึ้นมาเป็นมุกเรืองแสงเจ็ดเม็ดและมอบให้แก่คนตัดไม้ ราชครู บรรพชนแรก ท้าวยมราช ซวีเซิงฮวา เช่นเดียวกับฉินมู่และเอี๋ยนจิงจิง
เอี๋ยนจิงจิงรีบปฏิเสธและกล่าว “ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าไม่กล้ารับเอาไว้หรอก”
เทพีหยินสวรรค์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่เพื่อไว้ให้คนรักหนุ่มข้างๆ ตัวเจ้า เก็บมันไว้ให้เขาเถอะ”
เอี๋ยนจิงจิงหน้าแดงและรับเก็บมุกเทวะ
ทุกคนเดินออกจากโลกหยินสวรรค์ และเมื่อเห็นแสงอาทิตย์ในโลกภายนอก ก็รู้สึกสบายตัวเป็นอย่างยิ่ง
“ศิษย์ข้า ทีนี้เจ้าก็คงเห็นแล้วใช่ไหม ว่าผู้ทรงปัญญาจริงๆ หน้าตาเป็นอย่างไร” นักบุญคนตัดไม้กล่าวกลั้วหัวเราะ
ฉินมู่ก็หัวเราะ “นั่นเพราะว่าพวกท่านทุกคนล้วนแต่ยืนอยู่บนบ่าของยักษ์ หากว่าข้าไม่ได้คิดค้นทักษะเทวะเพื่อชุบชีวิตเทพีหยินสวรรค์ พวกท่านก็คงไม่สามารถอนุมานอักษรรูนพื้นฐานแห่งโลกหยินสวรรค์ได้เลยสักตัว”
“บ่าของยักษ์?”
นักบุญคนตัดไม้หัวเราะร่า และพลันมีวงจรพยุหะเคลื่อนย้ายระยะไกลไหลวนรอบตัวเขา ด้วยเสียงฟิ้ว เขาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
“กษัตริย์มนุษย์ฉิน ลาก่อน” ท้าวยมราชถอยออกไป และความมืดก็โถมซัดไปข้างหน้า ในพริบตาถัดมา เขาหายวับไป
ราชครูสันตินิรันดร์กล่าว “พวกเราค่อยเจอกันใหม่ที่สันตินิรันดร์” หลังจากนั้น เขาก็เคลื่อนย้ายระยะไกลไปเช่นกัน
ฉินมู่มองไปที่กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก และเขาก็ส่ายหน้า “ข้าไม่อาจอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเจ้าได้ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ” เมื่อเขากล่าวจบ เขาก็เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า และสลายวับไปเป็นลำแสงเทวะที่ยิงพุ่ง
“พวกฉลาดหัวแหลมจริงๆ”
ฉินมู่ถอนหายใจและไม่หันกลับมา “พี่ซวี ข้าไม่ได้ชมเจ้า”
ซวีเซิงฮวาหัวเราะด้วยเสียงอันดัง และเขาก็เหยียบขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างของเขาปรากฏและหายวับไปๆ มาๆ ด้วยดอกบัวที่บานรองรับอย่างต่อเนื่องบนนภากาศ