ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 708 การลอบจู่โจมโอรสหยินสวรรค์
- Home
- ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods
- ตอนที่ 708 การลอบจู่โจมโอรสหยินสวรรค์
ดาบเทวะประตูจักรพรรดิฟันลงไปยังใบหน้าของโอรสหยินสวรรค์ และจังหวะเวลาก็เหมาะเจาะไร้ที่ติ มันเป็นชั่วจังหวะที่ฉินมู่ใช้นำทางวิญญาณดึงดวงวิญญาณของโอรสหยินสวรรค์พอดิบพอดี
โอรสหยินสวรรค์รับการโจมตีนี้ไปจังๆ และดาบเทวะประตูจักรพรรดิก็แทบผ่าแยกเขาออกเป็นสองเสี่ยง ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของมีดนี้ก็ไม่ใช่เพราะพลานุภาพของมันที่สามารถใช้ผ่าฟันเขาของภูติบดีได้ แต่ยังมีความสามารถอื่นของดาบเทวะที่สามารถดูดกลืนจิตวิญญาณดั้งเดิม
แม้แต่ผู้ถือครองมีดอย่างเถียนฉู่ หากว่าไม่ระวังให้ดีก็จะถูกกลืนกินจิตวิญญาณดั้งเดิมเข้าไปและติดกับอยู่ข้างในเป็นเวลาเจ็ดแปดล้านปี
ในเสี้ยววินาทีที่โอรสหยินสวรรค์ถูกโจมตี เขาก็รู้สึกได้ว่าโลกหมุนติ้วๆ และจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็ตกเข้าไปในดาบเทวะประตูจักรพรรดิ
ข้าถูกหลอก
แต่ทว่า เขาก็ตัดสินใจอย่างเฉียบขาด และในพริบตาที่เขาฟื้นคืนสติ เขาก็ขับเคลื่อนพลังอำนาจแดนบาดาลเพื่อถล่มโจมตีใส่ดาบเทวะประตูจักรพรรดิ ปราณมารแดนบาดาลไหลบ่าเข้าไปข้างหน้าทันใด และพวยพุุ่งเข้าใส่ดาบเทวะประตูจักรพรรดิอย่างเกรี้ยวกราด
“กลับชาติเกิดใหม่ไร้สิ้นสุด!”
จิตวิญญาณดั้งเดิมของโอรสหยินสวรรค์พลันขับเคลื่อนทักษะเทวะของเขาในชั่วจังหวะที่เขาหล่นเข้าไปในโลกภายในดาบ และทะเลแห่งโลกใต้บาดาลอันท่วมท้นไปถึงนภากาศก็ปรากฏขึ้นมา ที่ใจกลางทะเลคือประตูสวรรค์แดนบาดาล และโอรสหยินสวรรค์ก็เหาะเข้าไปในประตู เขาพุ่งผ่านประตูนั้นไป ก่อนที่เขาจะผ่านพ้นประตู เขายังเป็นบัณฑิตผู้เพียงพร้อมด้วยวัฒนธรรมมรรยาท แต่หลังจากที่เขาออกมาจากประตู รูปลักษณ์เขาก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขากลายเป็นสาวสะคราญเอวบางร่างน้อย
ตรงหน้าเขา ประตูสวรรค์อีกบานปรากฏขึ้นมา และโอรสหยินสวรรค์ผู้ได้แปลงกลายเป็นสตรีก็ถลันพุ่งเข้าไปในประตู
ความเร็วในการร่ายเวทมนตร์ของจิตวิญญาณดั้งเดิมเขารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ร่างของเขาเคลื่อนไหวราวกับเงาและแสงอันพร่าพราย พุ่งผ่านประตูแล้วประตูเล่า เขานั้นเร็วเกินกว่าจะมองทันด้วยตาเปล่า
ผ่านประตูสวรรค์แดนบาดาลในแต่ละครั้ง ก็เหมือนกับการผ่านการเวียนว่ายตายเกิดครั้งหนึ่ง และจิตวิญญาณดั้งเดิมก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า เพศ เผ่าพันธุ์ พวกมันก็ล้วนแต่แตกต่างจากเมื่อก่อน ราวกับว่าเขาเป็นคนละคน
การกลับชาติเกิดใหม่ไร้สิ้นสุดเช่นนี้ทำให้เขาสามารถเวียนว่ายตายเกิดหลายพันครั้ง และความเร็วการเคลื่อนไปในวัฏสงสารก็เร็วอย่างสุดขีดขั้ว เร็วเสียจนค่ายกลพยุหะในดาบเทวะประตูจักรพรรดิไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตามได้เร็วพอ
ดาบเทวะประตูจักรพรรดิมีช่องโหว่ที่ไม่เล็กเลย นั่นก็เพราะว่ามีจุดอ่อนในวิชาฝึกปรือของพุทธเจ้าท้าวสักกะ อันเป็นผลให้เกิดตำหนิบกพร่องเล็กน้อยในการหลอมสร้างดาบเทวะ
ฉินมู่พบวิธีการออกมาจากดาบเทวะประตูจักรพรรดิด้วยการไปค้นหาจุดอ่อนของมันในคัมภีร์สักกะ และวิธีการที่โอรสหยินสวรรค์ใช้นั้นคือการเวียนว่ายตายเกิดอย่างรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวตนไปมาอย่างไม่หยุดนิ่ง
ทุกครั้งที่เขาเปลี่ยนตัวตน ดาบเทวะประตูจักรพรรดิก็จะต้องปรับโครงสร้างพยุหะภายในดาบหนึ่งหน อักษรรูนพยุหะที่จักรพรรดิก่อตั้งออกแบบมาเพื่อดาบเทวะประตูจักรพรรดิมิได้คงที่ตายตัว ในเมื่อมันเป็นวิชาพยุหะแบบหนึ่ง มันก็จะต้องเปลี่ยนแปลงไปมาตลอดเพื่อปรับให้เข้ากับบุคคลซึ่งเข้าไปในค่ายกลพยุหะ และกักขังคนผู้นั้นเอาไว้
โอรสหยินสวรรค์ใช้กลับชาติเกิดใหม่ไร้สิ้นสุดเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวตนและเผ่าพันธุ์ อันทำให้ดาบเทวะประตูจักรพรรดิจะต้องเปลี่ยนแปลงพยุหะของมันตลอดเวลาด้วยเช่นกัน เมื่อความเร็วของการเวียนว่ายตายเกิดเหนือล้ำกว่าความเร็วในการเปลี่ยนแปลงพยุหะ ก็ทำให้โอรสหยินสวรรค์เสาะพบช่องโหว่อันฉินมู่ต้องใช้เวลาคำนวณเป็นปีภายในชั่วระยะสั้นๆ
โอรสหยินสวรรค์ตาเป็นประกาย และเมื่อจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาเหินพุ่งออกมาจากประตู จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็เป็นอิสระจากดาบ เขาได้อิสรภาพกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาเหาะจากประตู เขาก็คืนกลับสู่รูปลักษณ์เดิม แต่ทว่ากายเนื้อของเขาได้ถูกผ่าเป็นสองเสี่ยงด้วยฝีมือเถียนฉู่แล้ว!
“ยอดฝีมือขั้นบัลลังก์จักรพรรดิก็งั้นๆ!”
เถียนฉู่หัวร่อด้วยเสียงอันดัง และสะบัดดาบเพื่อตัดสะบั้นคอของโอรสหยินสวรรค์ “กำลังฝีมือของเจ้าไม่เห็นจะเหนือล้ำไปกว่าข้าซึ่งอยู่ขั้นตำหนักชิดฟ้า!”
เสี่ยงซ้ายและเสี่ยงขวาของร่างโอรสหยินสวรรค์แยกออกจากกัน และต่างก็เดินเข้าไปในประตู เมื่อพวกมันเดินออกจากประตู ก็กลายเป็นโอรสหยินสวรรค์สองคน
“ความแตกต่างระหว่างตำหนักชิดฟ้าและบัลลังก์จักรพรรดินั้นเกินกว่าเจ้าจะคิดฝัน”
โอรสหยินสวรรค์ทั้งสองกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน “เถียนฉู่ ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นราชาสวรรค์ เจ้าจะยังทำตัวเป็นเด็กๆ แบบนี้อีกหรือ เจ้าคิดว่าจะสังหารข้าได้เพียงเพราะถือดาบของจักรพรรดิก่อตั้งไว้ในมือรึ”
เขาแยกเป็นสอง และโอรสหยินสวรรค์ทั้งสองก็กลับมาเป็นสภาพเดิม เท่ากับแต่ละร่างเป็นโอรสหยินสวรรค์ที่มีพละกำลังเต็มเปี่ยม เถียนฉู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
ด้วยโอรสหยินสวรรค์สองคนโจมตีใส่เขา เถียนฉู่ไม่อาจป้องกันได้แม้ว่าเขาจะมีกำลังฝีมือเหนือธรรมดา เขาได้แต่ป้องกันเอาไว้ด้วยพลานุภาพของดาบเทวะประตูจักรพรรดิ
เสียงคลื่นดังมาจากความมืด เมื่อมหาสมุทรไร้ขอบเขตของโลกบาดาลปรากฏขึ้น ข้างใต้เท้าของเถียนฉู่คือทะเลสีดำทะมึนไร้สิ้นสุด และมันก็เป็นทะเลที่ก่อขึ้นมาจากทรายวิญญาณดำ
ทรายวิญญาณดำที่เคลื่อนไหวกระเพื่อมไปมา ช่างเป็นภาพที่ทำให้ผู้คนลืมหายใจ
ทรายวิญญาณดำในแดนบาดาลนั้นมีไม่น้อยกว่าในโลกหยินสวรรค์ และก่อขึ้นมาเป็นมหรรณพอันไพศาล เขาไม่รู้ว่าที่มาของทรายวิญญาณดำเหล่านี้มาจากที่ใด
หัวใจของเถียนฉู่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ในอดีตนั้น เขาได้ต่อสู้กับโอรสหยินสวรรค์ แต่สถานที่ต่อสู้ไม่ใช่ในแดนบาดาล พวกเขาประจันหน้ากันในโลกภายนอกและประมือกัน เพราะว่าโอรสหยินสวรรค์มั่นใจในความสามารถของตนเองมากเกินไป เขาจึงไม่ใช้ท่าไม้ตายโดยทันที ทำให้เถียนฉู่หลบหนีมาได้
แต่ในตอนนี้เขาอยู่ในแดนบาดาล และอยู่เหนือทะเลแห่งแดนบาดาล ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้ทำให้โอรสหยินสวรรค์ได้รับบาดเจ็บและกระตุ้นต่อมโทสะของอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงไม่มีความมั่นใจที่จะล่าถอยไปจากโอรสหยินสวรรค์ได้
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงดังกัมปนาทก็สะเทือนมา และทั้งแดนบาดาลก็เขย่าสะท้านหวั่นไหว โลกในความมืดได้พุ่งเข้าชนกับแดนบาดาลที่อยู่ในความมืดเช่นกัน!
ผ้าคลุมปรากฏสะบัดปลิวในความมืด และผ้าคลุมของท้าวยมราชก็แผ่คลุมไปทั้งยมโลก สายตาของเขาน่าเกรงขาม และเทพเจ้าจำนวนนับไม่ถ้วนแห่งยมโลกก็กำลังยืนอยู่ที่กำแพงเมืองใต้ผ้าคลุมนี้ พวกเขาคุกรุ่นไปด้วยจิตสังหารทะยานฟ้า
โลกอันพุ่งเข้าชนกับแดนบาดาล มิใช่อื่นใดนอกเสียจากยมโลก!
ทั้งสองโลกมิติเป็นเศษชิ้นส่วนเขาของภูติบดี และในที่สุดพวกมันก็พุ่งเข้าชนกันในวินาทีนี้
มือของท้าวยมราชที่กดลงไปบนกระบี่พลันปล่อยออกมา และแสงกระบี่ก็แผ่ซ่านไปทั่วมหาสมุทรแดนบาดาล เขาขับเคลื่อนพลังอำนาจแห่งยมโลกและถือกระบี่พุ่งปราดเข้ามา แสงกระบี่แนวตั้งและแนวขวางนั้นตรงแหน็วราวกับว่ามันผ่านการวัดมุมองศามาอย่างเข้มงวด ขณะที่ความโค้งของแสงกระบี่เขานั้นก็เป็นรอยโค้งอันสมบูรณ์แบบ
ผู้คนที่ฝึกกระบี่น้อยคนนักที่จะเข้มงวดเถรตรงกับตนเองขนาดนี้ พวกเขาส่วนใหญ่มุ่งแสวงหาการเปลี่ยนแปลงในวิชากระบี่ของตน แต่ท้าวยมราชนั้นเข้มงวดเถรตรง เขาทุ่มเทความพยายามอย่างหนักลงไปในท่วงท่ากระบี่พื้นฐาน และไม่ว่าเพลงกระบี่ในมือของเขาใดๆ ก็จะเที่ยงตรงและเหมาะเจาะ เขาเปล่งบรรยากาศของปรมาจารย์ อันไร้ซึ่งจุดอ่อนช่องโหว่
เขานำพายมโลกมาต่อสู้กับแดนบาดาล และมันก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนปั่นป่วนโกลาหลไปหมด ทะเลอันก่อขึ้นมาจากทรายวิญญาณดำแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์จากการกระแทกชน และมันทำให้โอรสหยินสวรรค์ไม่อาจขับเคลื่อนพลังอำนาจแห่งทะเล
ดาบและกระบี่ของเถียนฉู่และท้าวยมราชฟาดฟันไปถึงโอรสหยินสวรรค์ เขาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทั้งสอง
เขาทั้งแตกตื่นและเดือดดาล สถานการณ์นี้ดูไม่เหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญ ในทางกลับกัน คล้ายกับว่าเป็นเรื่องที่ถูกวางแผนเอาไว้นานแล้ว
นับตั้งแต่การที่ศิษย์ทั้งสามคนของเขาส่งภัยพิบัติ และนักบุญคนตัดไม้กับบรรพชนแรกติดกับดัก ไปจนถึงการแปลงร่างเป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพอย่างฉับพลันของฉินมู่ และการที่โหลอวิ๋นชวีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเปิดประตูสวรรค์แดนบาดาล มันเหมือนกับว่าทุกๆ คนได้ตกลงไปในแผนการของใครบางคน
เป้าหมายของคนผู้นั้นมิใช่การยับยั้งภัยพิบัติมิให้เกิดขึ้น และก็มิใช่การทำลายโหลอวิ๋นชวีและพวกพ้อง เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือโอรสหยินสวรรค์ตั้งแต่แรก!
เป้าหมายปลาซิวปลาสร้อยอย่างโหลอวิ๋นชวีไม่อยู่ในสายตาของคนผู้นั้นเลยสักนิด เขาหมายหัวยอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดิอย่างเขา งั้นใครกันที่กำเริบเสิบสานขนาดนี้
ในทำนองเดียวกันนั้น บุคคลผู้นี้จะต้องมีศักดิ์ฐานะสูงส่งในอดีต มีก็แต่ยืนอยู่ยังที่สูงพอจึงจะมองไปได้ไกลพอ และหมายหัวบุคคลอย่างเขาได้
หากว่าเป็นคนอื่นๆ อย่างเช่นฉินมู่และราชครูสันตินิรันดร์ เป้าหมายของพวกเขาอย่างมากก็เป็นโหลอวิ๋นชวีเพื่อระงับยับยั้งภัยพิบัติ
บุคคลที่วางแผนการนี้แตกต่างจากคนอื่น เขาจะต้องเป็นผู้มีตำแหน่งสูงส่งในสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้ง มีแต่แบบนั้นถึงจะกล้าดีพอที่จะพุ่งเป้ามายังเขา!
ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร ก็กำลังจะเผยตัวออกมาแล้ว!
โอรสหยินสวรรค์ว้าวุ่นระคนเดือดดาล “ข้าถูกลอบกัดในจังหวะที่ข้าไม่ได้คิดจะลอบกัดใคร คนผู้นี้ก็คงจะมีแต่คนตัดไม้ที่เป็นผู้นำสี่มหาครูบาสวรรค์ในรัชสมัยเทียมเท็จ! ใช่แล้ว หากว่าข้าเป็นเขา ข้าก็คงจะไม่เปิดโอกาสเลยสักนิดหากว่าจะวางแผนโจมตียอดฝีมืออย่างข้า ข้าจะต้องไม่เพียงแต่เคลื่อนพลท้าวยมราชและเถียนฉู่ หากว่าข้าต้องการจะต่อสู้ ข้าก็จะรวบรวมยอดฝีมือทุกคนที่มีความบาดหมางกับข้ามา ผู้ที่เคียดแค้นข้าที่สุดก็คือเทพีหยินสวรรค์…”
เมื่อเขาคิดมาถึงตอนนี้ เทพแห่งแดนบาดาลทั้งหลายก็เหาะเข้ามาเพื่อช่วยหนุนกำลัง โลหิตในกายของโอรสหยินสวรรค์เย็นเยียบ และเขาโบกมือเพื่อไล่เทพเจ้าเหล่านั้นไป “อย่าเข้ามา–”
ห้วงมิติในแดนบาดาลพลันปริแตกออก และร่างของเทพีหยินสวรรค์ก็พลันปรากฏขึ้นในอีกโลกมิติ นางแย้มยิ้มขณะที่มองไปยังโอรสหยินสวรรค์
โอรสหยินสวรรค์หัวใจตกวูบ “ข้าล่าห่านป่ามานานปี และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการถูกนกกระจอกจิกตา…”
เทพีหยินสวรรค์ถือนาฬิกาทราย และมันก็มิใช่ใดอื่น นอกเสียจากสัประยุทธ์ฟ้าที่โอรสหยินสวรรค์สร้างขึ้นมา นางร่ายเวทมนตร์ของนาง และมหาสมุทรแห่งแดนบาดาลก็พลันผุดกระเพื่อมสูงจนค้ำหัวพวกเขา มวลทะเลลอยขึ้นเหนือหัวผู้คน และพลันซัดถล่มลงมาใส่ทุกๆ คน!
โอรสหยินสวรรค์ย่อมไม่เกรงกลัวการจู่โจมนี้ แต่เทพเจ้าแห่งแดนบาดาลทั้งหลายไม่อาจป้องกันมันได้!
โอรสหยินสวรรค์สีหน้าเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ สัประยุทธ์ฟ้าเป็นสมบัติวิเศษที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมทรายวิญญาณดำและผีเปรตทั้งหลายในโลกหยินสวรรค์ ไม่เคยคาดคิดเลยว่าสมบัตินี้จะถูกใช้มาแว้งกัดเขา!
“โอรสหยินสวรรค์ การแก้แค้นคราวนี้หอมหวานดีหรือไม่”
เสียงหัวเราะของเทพีหยินสวรรค์ดังมา และมหาสมุทรแดนบาดาลก็ถล่มจากฟ้า บดขยี้เทพเจ้ามากมายลงไปในทะเล แรงกระแทกจากทรายวิญญาณดำได้บดขยี้จิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพเจ้ามากมาย!
โครงกระดูกทั้งหลายต่างก็มีความสามารถแตกต่างกันไป และมารเทวะบางตนก็แข็งแกร่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ตายจากแรงกระแทก แต่ทว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก
เทพีหยินสวรรค์เผยยิ้มและพลิกสัประยุทธ์ฟ้าอีกครั้ง ทะเลลอยขึ้นไปอากาศ และซัดถล่มลงมาอีกหน
นางพลิกสัประยุทธ์ฟ้ากลับไปกลับมาราวกับเล่นของเล่นชิ้นเล็กๆ ทะเลซัดลงจากเวหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า บดขยี้มารเทวะโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนเป็นผุยผง จิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขาแหลกละเอียดเป็นผงทราย!
โอรสหยินสวรรค์พิโรธดาลเดือด เขานั้นไม่เคยโกรธเกรี้ยวขนาดนี้มาก่อน ชีวิตของเขาราบรื่นมาตลอดตั้งแต่ยังเยาว์ และไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาจะต้องประสบกับการหยามน้ำหน้าและความเพลี่ยงพล้ำถึงปานนี้!
เถียนฉู่และท้าวยมราชร่วมมือกันโจมตีเขาอย่างดุเดือด จิตคิดของเขาปั่นป่วนไปหมด และเกิดบาดแผลบนร่างกายของเขามากขึ้นทุกทีๆ ในตอนนั้นเอง ประตูบานหนึ่งก็ลอยขึ้นมาจากทะเล และตั้งอยู่บนพื้นผิวทะเล
ประตูสวรรค์แดนบาดาล
ประตูนี้มิใช่ทักษะเทวะ มันคือประตูสวรรค์แดนบาดาลของจริง
มีศิษย์แดนบาดาลจำนวนมากที่ได้ฝึกปรือทักษะเทวะแห่งประตูสวรรค์แดนบาดาล แต่ทว่าทักษะเทวะของพวกเขาล้วนแต่เปลี่ยนแปรมาจากประตูนี้
ในขณะเดียวกัน ประตูนี้ก็มาจากประตูน้อมสวรรค์แห่งแดนใต้พิภพ ในบางมรรคา วิชา และแง่อัศจรรย์ ประตูน้อมสวรรค์ด้อยกว่าประตูสวรรค์แดนบาดาล ยกตัวอย่างเช่น พลานุภาพการกลับชาติมาเกิดใหม่ของประตูนี้ อันประตูน้อมสวรรค์ไม่มีทางเทียบเท่าได้
ดังนั้น ประตูนี้ก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสี่มหาประตูสวรรค์ มันถูกเรียกว่าประตูสวรรค์อุดร
“หยินสวรรค์ เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวพวกเจ้าแค่ไม่กี่คนอย่างนั้นหรือ”
โอรสหยินสวรรค์ฉีกยิ้มจากความโกรธเกรี้ยว ตรึงสะกดทะเลด้วยประตูสวรรค์แดนบาดาล คลื่นพลันสงบราบเรียบลงไป และแม้แต่เมื่อเทพีหยินสวรรค์ขับเคลื่อนสัประยุทธ์ฟ้า นางก็ไม่อาจเคลื่อนไหวมหาสมุทรได้เลยแม้แต่น้อย “ได้เวลาที่พวกเจ้าจะประจักษ์มหิทธานุภาพของยอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดิ!”
ในแผ่นดินรูปตัวฉิน เทพสรรพชีวิตและจักรพรรดิแดงฉานผลัดกันมองไปยังโลกภายนอกผ่านดวงตาที่สามของฉินมู่ นับตั้งแต่เถียนฉู่มาถึง จนกระทั่งยมโลกพุ่งเข้าชน อันท้าวยมราชเข้าไปโจมตีโอรสหยินสวรรค์ และจนกระทั่งเทพีหยินสวรรค์ปราบมารเทวะหลายพันด้วยสัประยุทธ์ฟ้า ภาพเหล่านี้ทำให้จักรพรรดิแดงฉานและเทพสรรพชีวิตสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้แต่ตบมือด้วยความอัศจรรย์ใจ
“หรือว่าฉินมู่ได้ติดต่อกับคนตัดไม้และคนอื่นๆ ล่วงหน้าเพื่อเสแสร้งแสดงละครกัน”
จักรพรรดิแดงฉานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าจังหวะเวลาจะเหมาะเจาะไปหน่อยหรอกหรือ เถียนฉู่ที่ดุยังกับเสือหลังจากดื่มสุรา ท้าวยมราชแห่งยมโลก และยังมีเทพีหยินสวรรค์ที่ฟื้นคืนชีพกลับมาได้ไม่นาน เชื่อมโยงอิทธิพลอำนาจเหล่านี้ด้วยด้วยกัน นี่มันเป็นแผนการที่วางไว้นานแล้วชัดๆ! ด้วยการใช้ฉินมู่ โอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพเป็นเหยื่อล่อ โอรสหยินสวรรค์ก็ต้องเข้ามาฮุบเหยื่ออย่างไม่มีทางเลือกอื่น!”
เทพสรรพชีวิตกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันจะต้องเป็นสิ่งที่ตระเตรียมไว้นานแล้วอย่างแน่นอน การศึกครั้งนี้สนุกสมใจจริงๆ! ฉินมู่ถึงกับเสแสร้งได้สมจริงจนข้าจับผิดไม่ได้เลยสักนิด”
จักรพรรดิแดงฉานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองก็จับผิดไม่ได้เหมือนกัน ข้ายังคิดว่าเมื่อครู่นี้สันดานมารเข้าครอบงำเขาแล้วเสียอีก และตั้งใจที่จะเข่นฆ่าสังหารด้วยการกลืนกินจิตวิญญาณดั้งเดิมของมารเทวะโครงกระดูกพวกนั้น ใครจะคิดเลยว่าเขาจะใช้ดวงตาที่สามเพื่อขัดจังหวะจิตวิญญาณดั้งเดิมของโอรสหยินสวรรค์และทำให้เถียนฉู่ลอบจู่โจมสำเร็จ เขาจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของแผนลอบจู่โจมนี้อย่างแน่นอน! เมื่อเขาแสร้งทำราวกับว่าสันดานมารเข้าครอบงำ นี่มันน่าสยดสยองเลยจริงๆ”
เทพสรรพชีวิตถอนหายใจโล่งออกและแย้มยิ้ม “ในเมื่อเขาสามารถควบคุมสันดานมารใต้พิภพ ข้าก็ค่อยสบายใจหน่อย แล้วตอนนี้เขากำลังทำอะไร”
ทั้งสองคนมองผ่านดวงตาที่สามของฉินมู่ และพวกเขาก็พอมองเห็นว่าเป็นด้านหลังศีรษะของใครคนหนึ่ง
“นี่คือ…”
เทพสรรพชีวิตและจักรพรรดิแดงฉานฉงนใจเล็กน้อย พวกเขาพลันตระหนักขึ้นมาทันที “ไอ้เด็กนี่กำลังแทะหัวเทพภัยพิบัติ!”
ในตอนนั้นเอง ฉินมู่เกาะอยู่ที่หลังของเทพภัยพิบัติ และอ้าปากของเขาด้วยความตื่นเต้น เขาแทะกัดลงไปที่หัวของเทพภัยพิบัติ คอของเขาก็ส่งเสียงคำรามแฮ่ฮึ่ม
หัวของเทพภัยพิบัติโซมเลือดไปหมดจากการถูกเขาแทะ
เทพสรรพชีวิตและจักรพรรดิแดงฉานหันมามองหน้ากันและกล่าวเป็นเสียงเดียว “ไอ้เด็กนี่มันโดนมารสิงไปแล้ว เขาไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ!”