ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 714 เสน่ห์ของนักปฏิรูป
ตี้อี้เยว่มองไปที่ฉินมู่อีกครา แต่กระนั้นนางก็มองไม่เห็นความเจ็บปวดจากร่างของเขา นางเห็นก็แต่เด็กหนุ่มอัธยาศัยดีที่กำลังหัวเราะกับบัณฑิตทั้งหลาย
“เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีเสน่ห์อันแปลกประหลาดจริงๆ”
ตี้อี้เยว่ผงกศีรษะ “เขาไม่หล่อเหลา แต่เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ พวกเรายังไม่ได้ทันจะได้พบกับราชครูสันตินิรันดร์ แต่เพียงแค่ศิษย์คนนี้ของครูบาสวรรค์ใหญ่ก็เพียงพอให้ข้ายื่นมือช่วยเหลือสันตินิรันดร์เพื่อปราบปรามภัยพิบัติครั้งนี้แล้ว”
“ราชครูสันตินิรันดร์มีมนตร์เสน่ห์อีกแบบหนึ่ง”
นักบุญคนตัดไม้เผยยิ้ม “เมื่อท่านได้พบเขา ก็จะเข้าใจว่าเสน่ห์ของเขามาจากที่ไหน อันที่จริงแล้ว การได้พบกับราชครูสันตินิรันดร์และฉินมู่ ได้กระตุ้นเตือนให้ข้านึกถึงคืนวันอันวิเศษเหนือธรรมดาเมื่อจักรพรรดิก่อตั้งเพิ่งผงาดขึ้นมาใหม่ๆ ข้า จักรพรรดิก่อตั้ง และสหายคนอื่นๆ เหล่านั้น ได้พบเจอกันในซากโบราณที่ตายไปแล้วแห่งจักรพรรดิสูงส่ง ในเวลานั้นอารยธรรมแห่งจักรพรรดิสูงส่งถูกทำลายล้างไปจนสิ้นซาก และพวกเราก็คือผู้คนที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่ในซากอารยธรรม”
เขาจมจ่อมลงไปในภวังค์หวนรำลึก และอารมณ์ของเขาก็สงบเยือกเย็นลงอย่างมาก เขายิ้มน้อยๆ และกล่าว “ใครจะคิดว่าพวกเรา ผู้คนที่ต้องกระเสือกกระสนแม้เพื่ออาหารเพียงมื้อเดียวจะสามารถก่อสร้างยุคสมัยอันรุ่งเรืองอย่างยุคจักรพรรดิก่อตั้งขึ้นมาได้ เมื่อข้าได้พบกับราชครู ฉินมู่ และสหายคนอื่นๆ ของพวกเขา ข้าก็อดไม่ได้ที่หวนนึกถึงสหายเก่าแก่เหล่านั้นและตัวข้าในอดีต”
ตี้อี้เยว่เงียบไป ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ส่ายหัวและกล่าว “อย่าพูดถึงอดีตเลย ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็ไปพบกับเขาเถอะ”
“มู่เอ๋อ พวกเราเดินทางกันต่อ!” บรรพชนแรกตะโกนเรียก
ฉินมู่รับคำและวิ่งกลับมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าอยากจะแวะไปที่สถาบันนักบุญสวรรค์ในมณฑลป้าโจว ข้ามีบางอย่างที่จะต้องมอบให้กับท่านยายซี”
นักบุญคนตัดไม้กล่าว “พวกเราจะไปสถาบันนักบุญสวรรค์กันก่อน”
สถาบันนักบุญสวรรค์แตกต่างจากสถาบันแม่น้ำหย่งโดยสิ้นเชิง สถาบันแม่น้ำหย่งนั้นได้ทำการทดลองทุกชนิดทุกแบบเพื่อใช้วิชาเสกสรรในการเพาะปลูกสมุนไพรยา อันใช้ป้อนผลิตหินยาอย่างไม่มีสิ้นสุดให้แก่จักรวรรดิสันตินิรันดร์
ในทางกลับกัน บรรยากาศวิชาการในสถาบันนักบุญสวรรค์นั้นยิ่งเข้มข้นกว่ามาก ใครที่มาก็จะได้เห็นอาวุธวิญญาณพิสดารและหายากมากมายเหาะเหินอยู่บนฟากฟ้าและวิ่งตะบึงไปบนพื้นดิน และบางครั้งควันขโมงก็พวยพุ่งอยู่บนท้องฟ้า จะมีบางอย่างร่วงลงมาสร้างหลุมใหญ่บนพื้น บัณฑิตที่สารรูปดูไม่ได้ก็จะคลานไต่ออกมาจากหลุม
บางครั้ง อาวุธวิญญาณอันวิ่งตะบึงไปบนพื้นดินก็เกิดระเบิด และบัณฑิตที่ควบคุมอาวุธวิญญาณอยู่ข้างในก็ถูกเป่ากระเด็นปลิวขึ้นฟ้า
บัณฑิตบางกลุ่มก็กำลังรวมตัวกันเพื่อทดสอบวิชาพยุหะ มันก็อันตรายอย่างยิ่งในการเปลี่ยนแปลงวิชาพยุหะ ก็ในเมื่อพวกมันจะสูญเสียการควบคุมเป็นพักๆ
บางวิชาพยุหะก็เป็นค่ายกลกระบี่ และแสงกระบี่ก็จะยิงออกไปทั่วสารทิศ และยังมีวิชาพยุหะที่เลียนแบบรูปร่างของเทพเจ้า เมื่อพวกมันสูญเสียการควบคุม ก็จะเป็นพลังเทพชีวา และพลังมารชีวาที่ก่อรูปเป็นเทพเจ้าและวิ่งไล่กวดคนคุมพยุหะ
มีนักปรุงยาและนักเรียนจำนวนหนึ่งคอยคุมเชิงอยู่ไม่ไกล เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา พวกเขาก็จะรีบเข้ามาแบกหามผู้ได้รับบาดเจ็บไปรักษาอย่างเร่งด่วน
“ข้าบอกเจ้าแล้ว พีชคณิต! พีชคณิต!”
นักพรตเฒ่าผู้หนึ่งทั้งหงุดหงิดและหายใจหายคอแทบไม่ออก เขาตะโกนไปยังบัณฑิตที่ถูกหามออกไปบนเปลหลังจากที่พวกเขาทำการทดลองผิดพลาด “พีชคณิตของเจ้าต้องแม่นยำ พวกเจ้าไม่เคยจะฟัง! หากว่าพวกเจ้าไม่ฟัง ก็มีแต่ต้องเจอเคราะห์กรรมแบบนี้!”
“วันนี้ พวกเรามาหลอมสร้างพยุหะอัญเชิญเทพกัน โดยใช้จากอักษรรูนถนอมพลังจิตวิญญาณแห่งฉิน พวกเราสามารถอัญเชิญสัตว์ประหลาดจากแดนใต้พิภพได้”
อีกฟากหนึ่ง ครูผู้สอนวัยกลางคนกำลังกระตุ้นสนับสนุนบัณฑิตที่อยู่ภายใต้การสั่งสอนชี้แนะของเขา “อาจารย์อยู่ที่นี่แล้ว จะเกิดอันตรายอะไรขึ้นมาได้อีกล่ะ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล…จากอักษรรูนถนอมพลังจิตวิญญาณแห่งฉิน พวกเราจะต้องใช้เครื่องสังเวยสักหน่อย ก่อนอื่นพวกเรามาทำการคำนวณพีชคณิต แล้วจึงค่อยออกแบบแท่นสังเวย…”
“อาจารย์ ศิษย์พี่ห้าถูกสัตว์ประหลาดจับตัวไป!”
“เพ่ย! สัตว์ประหลาดมันไปไหนแล้ว…เสี่ยวอู๋ ไม่ต้องกังวล นั่นมันเป็นแค่เรื่องผิดพลาด พวกเรามาลองกันอีกครั้ง…หยุดวิ่งหนีแล้วกลับมานะ! เจ้าหลบหนีเงื้อมมือของอาจารย์ไม่ได้หรอก–”
…
ตี้อี้เยว่มองไปรอบๆ และนางก็อุทานไม่หยุดปาก บรรยากาศในสถาบันนักบุญสวรรค์ทำให้นางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่นางไม่ได้สัมผัสมาเป็นเวลานาน นางนั้นมิได้สัมผัสกับความรู้สึกก้าวหน้ามาเนิ่นนานแล้ว
ก่อนนั้น เมื่อนางยังคงศึกษามรรคา วิชา และทักษะเทวะกับจักรพรรดิก่อตั้งและคนอื่นๆ นางถึงได้สัมผัสกับความรู้สึกเช่นนี้ นางชื่นชมความรู้สึกเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง เมื่อนางมีชื่อเสียงโด่งดัง นางก็มีธุระเต็มมือมากขึ้นทุกที และนางก็ใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าน้อยลงๆ
ยังมีบัณฑิตจำนวนนับไม่ถ้วนในสถาบันนักบุญสวรรค์ที่กำลังหลอมสร้างอาวุธวิญญาณสำหรับการใช้สอยประจำวันทุกชนิดทุกแบบ และก็มีสถานการณ์ร้อยแปดสารพันเกิดขึ้นที่นี่
เมื่อพวกเขาเดินผ่านโรงงานผลิตขนาดใหญ่ ข้างในนั้นมีบัณฑิตที่กำลังทดสอบเตาหลอมอันมีกำลังไฟมหาศาล และอาศัยเตาหลอมเหล่านั้นเพื่อสร้างอาวุธวิญญาณประหลาดสำหรับผู้คนทั่วไปใช้สอยประจำวัน
บัณฑิตคนหนึ่งขับสัตว์ร้ายกลไกขนาดมหึมาเพื่อวิ่งผ่านพวกเขาไป และเขาก็ปรับกำลังไฟในเตาหลอม ทันใดนั้น ไจกระบี่นับร้อยก็พวยพุ่งขึ้นไปบนอากาศ ทำให้ฝนกระบี่คละคลุ้มไปทั่วฟ้า เขาหยิบยืมสัตว์กลไกเพื่อปลดปล่อยปราณชีวิตของเขา ทำให้พลานุภาพของทักษะเทวะเขาทวีคูณขึ้นไปมากกว่าสิบเท่า
บัณฑิตผู้นั้นลิงโลดดีใจและปรับกำลังไฟของเตาหลอมอีกครั้ง เขาเห็นสัตว์ร้ายกลไกพ่นไฟออกจากขาและก้นของมันเพื่อเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่นานนักก็มีเสียงหวีดร้องดังมาจาก และบัณฑิตคนนั้นก็ร่วงตกลงไปในภูเขาพร้อมกับสัตว์กลไก
“ไอ้โง่ ข้าไม่เคยเห็นใครปัญญาอ่อนขนาดนี้มาก่อน!”
เสียงอู้อี้ดังมา และนักบุญคนตัดไม้ก็มองไปยังที่มาเสียง เขาเห็นชายแก่คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนหีบ ในมือถือไห ใบหน้าของเขาถูกไหบังเอาไว้ และเขากำลังพูดกรอกเข้าไปในไหด้วยคำสบถด่าสารพัน เขาพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำและก่นด่าผู้คนด้วยความเร็วดุจไฟแลบ
“ดูเหมือนจะเป็นท่านปู่ใบ้!”
ฉินมู่ดีใจและรีบเดินเข้าไปพลางตะโกน “ท่านปู่ใบ้ ลิ้นของท่านงอกกลับมาแล้วหรือ”
ผู้เฒ่าดึงหน้าออกมาจากไหและเห็นทุกคน เขารีบลุกขึ้นและเผยรอยยิ้มใสซื่อ เขารีบส่งไม้ส่งมือเป็นสัญญาณ “อบา อา อา บา!”
“ท่านปู่ใบ้พูดว่า เขายังไม่ได้งอกลิ้นกลับคืนมา เขากล่าวว่าเขาเสียมารยาทไปที่ไม่ทันเห็นผู้อาวุโสทั้งหลายเมื่อครู่นี้” ฉินมู่ช่วยแปลภาษามือให้กับเฒ่าใบ้
เฒ่าใบ้นำทางพวกเขาอย่างตื่นเต้น เที่ยวชมรอบๆ โรงงานผลิตแห่งสถาบันนักบุญสวรรค์ และส่งภาษามือไปมาตลอด ฉินมู่คอยอยู่ข้างๆ และช่วยเป็นล่ามให้
ทุกคนชมดูรอบๆ และอุทานด้วยความทึ่งใจไม่รู้จบ หลังจากนั้นพวกเขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไปจากโรงงานผลิต
เฒ่าใบ้ส่งพวกเขาออกไป และสีหน้าของเขาก็มืดดำ เขาทุบไหในหนึ่งหมด “เจ้ารู้ความลับของข้ามากเกินไป ข้าปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้…”
พวกเขาเดินเข้าไปในสถาบันนักบุญสวรรค์ และสถาบันนักบุญสวรรค์ก็ยิ่งคึกคักกว่าข้างนอก ตี้อี้เยว่กล่าวพลางถอนหายใจ “ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าถึงสนับสนุนราชครูสันตินิรันดร์และจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง มันไม่ใช่เรื่องของอำนาจและแผนยุทธศาสตร์ แต่เพราะผู้คนหนุ่มสาวพวกนี้ ด้วยผู้คนหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เจ้าจึงตัดสินใจที่จะสนับสนุนพวกเขา”
นักบุญคนตัดไม้ผงกศีรษะ “พวกเราไม่มีชีวิตชีวาและความกระตือรือร้นแบบนี้อีกต่อไป พวกเราคนรุ่นเก่ามีก็แต่ลมหายใจและกำลังฝีมือที่ฝึกปรือมาตลอดช่วงชีวิต พวกเราสามารถใช้กำลังฝีมือและชีวิตเพื่อต่อสู้ยื้อเวลาได้สักหน่อย เพื่อให้พวกเขาเติบโต จักรพรรดิก่อตั้งไม่เคยสู้มาก่อน แต่พวกเราสามารถช่วยให้ยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งต่อสู้ให้แก่พวกเขาจนกว่าสันตินิรันดร์จะเติบโต”
ตี้อี้เยว่ตะลึงไป และนางก็ยิ้มขื่น “ข้าเองก็ไม่เคยสู้เพื่อยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งมาก่อน…”
ฉินมู่เจอตัวยายเฒ่าซี ตอนนี้ยายเฒ่าซีกำลังนำบัณฑิตกลุ่มหนึ่งมาเรียนพีชคณิต และนางก็ลดฐานะของตนเองมาเรียนรู้กับบัณฑิตคนอื่นๆ เพื่อซ่อมปะในสิ่งที่นางขาดพร่อง
ผู้ที่สอนพีชคณิตให้แก่พวกเขาก็คือเจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียน ซวีเซิงฮวาและภรรยาก็กำลังนั่งฟังอยู่ข้างๆ เพราะถึงอย่างไรหลินเสวียนก็เป็นเจ้าสำนักเต๋า และเขาถึงกับก่อตั้งสถาบันสำนักเต๋า เขามาสอนบรรยายที่นี้นั้นเป็นโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างสถาบัน
หลังจากสอนบรรยายที่นี่แล้ว เขาก็จะเชื้อเชิญผู้เชี่ยวชาญแห่งสถบันนักบุญสวรรค์ไปสอนในสถาบันสำนักเต๋า เพื่อเติมเต็มไปในสิ่งที่สำนักเต๋าขาดไป
“จ้าวลัทธิฉิน!”
ทุกคนรีบลุกขึ้นเพื่อคารวะทักทายเขา และฉินมู่ก็คารวะตอบไป เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี ข้าเพียงแต่ผ่านมาทางนี้จึงแวะมาชมดูสักหน่อย เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียน ข้าได้เขียนตำราคำนวณบรมอนุภาค มานี่สิ มาดูสักหน่อย ช่วยข้าตรวจดู”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนรีบรับหนังสือไป และสีหน้าของเขาก็กลายเป็นเคร่งเครียดหลังจากที่พลิกอ่านสองหน้าแรก เขาถามอย่างเคร่งขรึม “พีชคณิตจุลภาค?”
ฉินมู่ผงกศีรษะและกล่าว “หลังจากที่ข้าได้วิเคราะห์อนุมานตำราคำนวณบรมอนุภาคแล้ว ข้าก็ได้ใช้ตำราคำนวณนี้เพื่อคำนวณเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งไฟสวรรค์ออกมา”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนพลิกดูมันอย่างรวดเร็วและถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน “จ้าวลัทธิฉิน ตำราคำนวณบรมอนุภาคนี้จะใช้เพียงแค่คำนวณเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งไฟสวรรค์ได้อย่างไรกัน! เจ้าได้คิดค้นระบบขึ้นมาทั้งระบบ เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือ หากว่าพวกเราวิเคราะห์อนุมานต่อไปจากตำราคำนวณนี้ มันจะเกิดทักษะเทวะพีชคณิตใหม่ๆ มากแค่ไหน!”
ซวีเซิงฮวารีบสาวเท้าเข้ามา และสองหัวก็เข้ามาชนกันเพื่ออ่านตำราคำนวณบรมอนุภาคด้วยกัน ใบหน้าของพวกเขาเครียดเข้มขึ้นไปทุกที เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนล้วนแต่เล็งเห็นความสำคัญของตำราคำนวณบรมอนุภาค
“ทุกครั้งที่จ้าวลัทธิคิดค้นระบบใหม่ๆ เขาก็โยนพวกมันเอาไว้ข้างๆ”
ซวีเซิงฮวาส่ายหัว “หากว่าเจ้ายังคงวิเคราะห์ต่อไปจากตำราคำนวณบรมอนุภาพนี้ ก็จะยังนับว่าเป็นเพียงแค่ปรมาจารย์แห่งรุ่นสมัยได้อย่างไร จะเรียกเจ้าว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เลยด้วยซ้ำ!”
ฉินมู่ฉงนฉงาย และเกาหัวแกรกๆ “มันสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ ข้าเพียงแต่รู้สึกว่ามันคงจะเหนื่อยเกินไปที่จะคิดอยู่ตามลำพังตัวข้า ดังนั้นให้ทุกๆ คนมาช่วยวิเคราะห์อนุมานด้วยกันจะไม่ดีกว่าหรือ”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนตั้งสติตนเองและเก็บตำราคำนวณบรมอนุภาคเข้าไป เขากล่าว “พี่ซวี นี่เป็นของที่จ้าวลัทธิฉินให้แก่ข้า สถาบันสำนักเต๋าของข้ายังคงต้องการสิ่งนี้เพื่อเน้นย้ำชื่อเสียงของพวกเราไปต่อสู้แข่งขันกับสถาบันอื่นๆ เจ้าจะมาแย่งชิงของของข้าไม่ได้นะ!”
ซวีเซิงฮวายิ้มหยันและกล่าว “บังเอิญอะไรอย่างนี้ ข้าเองก็วางแผนที่จะก่อตั้งสถาบันเหนือฟ้า และข้าก็กำลังขาดแขนงการศึกษาค้นคว้าของสถาบันอยู่พอดี”
ทั้งสองคนจ้องกันด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ฉินมู่กล่าว “พี่ซวี ไว้ข้าค่อยเขียนหนังสือเล่มอื่นให้กับเจ้าในภายหลัง ไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสู้กันเพื่อของเล็กน้อยเช่นนี้ ข้ายังคงมีแขนงการศึกษาค้นคว้าที่ต้องการให้สถาบันนักบุญสวรรค์วิจัยเสียหน่อย มันคือทักษะเทวะพลังแม่เหล็ก ข้าอยากให้ท่านยายซีนำบัณฑิตจำนวนหนึ่งที่มีความสำเร็จเชี่ยวชาญในด้านนี้มุ่งเน้นไปยังทิศทางดังกล่าว”
ยายเฒ่าซีตกตะลึง “ทักษะเทวะพลังแม่เหล็ก? นั่นก็คือพลังแม่เหล็กปฐพี มู่เอ๋อต้องการจะพัฒนาทักษะเทวะแขนงนี้อย่างนั้นหรือ”
“ไม่เพียงแค่พลังแม่เหล็กปฐพี”
ฉินมู่อธิบาย “หากว่ามันเป็นเพียงแค่พลังแม่เหล็กปฐพี นั่นก็จะเรียบง่ายจนเกินไป มันยังมีพลังแม่เหล็กระหว่างดวงดาวบนท้องฟ้า ยกตัวอย่างเช่น เมื่อพวกเราเดินอยู่บนดวงดาวแสงฉาน พวกเราก็จะพบว่าพลังแม่เหล็กของดวงดาวกำลังดึงดูดพวกเรา พวกเราจะต้องต่อสู้กับพลังแม่เหล็กของดวงดาวเพื่อเหาะออกมา นี่หมายความว่าพลังแม่เหล็กระหว่างดวงดาวก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หากว่าเราพัฒนาสิ่งนั้นออกไป มันก็อาจจะกลายเป็นระบบทักษะเทวะที่ทรงพลังอย่างสุดขีดขั้ว”
ยายเฒ่าซีตาลุกวาบ และนางกล่าว “สนามพลังหมู่ดาวสวรรค์คลุมนภาของข้าก็คล้ายๆ กับทักษะเทวะพลังแม่เหล็กที่เจ้าพูดถึง และสถานที่ที่ศึกษาค้นคว้าทักษะเทวะพลังแม่เหล็กได้ดีที่สุดจะเป็นที่ใดไปไม่ได้นอกเสียจากสถานที่อันสวรรค์ไท่หวง สวรรค์หลัวฝู และแดนโบราณวินาศมาบรรจบกัน แรงแม่เหล็กที่นั่นซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง และเหมาะสมที่สุดสำหรับการวิจัย!”
ฉินมู่อุทานในใจกับความเฉลียวฉลาดของท่านยายซี และเขาก็กล่าวต่อ “ท่านเคยได้ฝึกปรือทักษะเทวะพลังแม่เหล็กในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตมาก่อน ดังนั้นท่านจึงเหมาะสมที่สุดที่จะศึกษาค้นคว้าในแขนงสาขานี้ ทักษะเทวะพลังแม่เหล็กก็ยังต้องใช้ความรู้อันลึกซึ้งในวิชาพีชคณิต ท่านยาย พีชคณิตของท่านก้าวหน้าไปบ้างหรือไม่ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ข้าได้คำนวณสนามพลังแม่เหล็กจำนวนหนึ่งระหว่างการเดินทางมาที่นี่ และเขียนสมการเอาไว้จำนวนหนึ่ง ลองดูก่อนว่าท่านอ่านมันเข้าใจหรือไม่”
ซวีเซิงฮวาคันใจอีกแล้ว และรีบก้าวเข้ามา “พี่มู่ให้ข้าดูด้วยได้หรือไม่”
ฉินมู่นำเอากระดาษไม่กี่แผ่นออกมา และยายเฒ่าซีก็มองดูมันอย่างเนิ่นนาน เพื่อพยายามทำความเข้าใจความหมายของสมการ นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเข้าใจมันเพียงเผินๆ แต่ก็ยังต้องการความช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญพีชคณิตจำนวนหนึ่ง”
ซวีเซิงฮวาก็เข้าใจมัน และเขาก็เอ่ยปากชม “ความคิดอันเพริศแพร้วพิสดาร ด้วยการใช้สมการของเจ้า พวกเราสามารถวิเคราะห์อนุมานรูปร่างเบื้องต้นของอักษรรูนพื้นฐานได้สิบกว่าตัว แม้ว่ามันจะยังผิวเผิน แต่ด้วยทิศทางที่ได้มา ทักษะเทวะพลังแม่เหล็กก็จะมีแต่เจริญรุ่งเรือง ทำไมพี่ฉินไม่ต้องการที่จะศึกษาวิจัยด้วยตนเองล่ะ หากว่าเจ้าศึกษาเรื่องนี้ต่อ เจ้าก็อาจจะเพิ่มระบบทักษะเทวะขนาดใหญ่เข้าไปในฟ้าและดินได้ เต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าและดินก็จะเปลี่ยนแปลงไปเพราะเจ้า!”
ฉินมู่ถอนหายใจและกล่าว “ข้ามีเวลามากมายขนาดนั้นเสียเมื่อไหร่ล่ะ ไว้ข้าค่อยกลับมาเรียนอีกทีหลังจากที่พวกเจ้าคิดค้นมันออกมาแล้ว”
ทุกคนจ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เจ้าหมอนี่คิดค้นทิศทางการวิจัยออกมาได้อย่างมากมายชัดๆ เขาสามารถบรรลุความสำเร็จและได้รับการยกย่องเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ชัดๆ แต่กระนั้นเขาก็ไม่ยินดีที่จะศึกษาค้นคว้าต่อ ในทางกลับกัน เขาโยนทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามองว่าเล็กน้อยเบ็ดเตล็ดให้พวกเขาศึกษาจนสมบูรณ์
“พี่ซวี สถาบันเหนือฟ้าของเจ้ากะจะค้นคว้าตำราคำนวณบรมอนุภาค หรือว่าทักษะเทวะพลังแม่เหล็กกันล่ะ”
เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนกล่าวกลั้วหัวเราะ “เจ้าจับปลาสองมือคงไม่ได้หรอก ใช่ไหม เจ้าจะต้องเลือกเอาสักทาง”
ซวีเซิงฮวาตัดสินใจไม่ถูก
ระหว่างสองทิศทางการวิจัย ตำราคำนวณบรมอนุภาคนั้นสำคัญกว่าเล็กน้อย และความสำเร็จจากการศึกษาค้นคว้ามันต่อไปข้างหน้าก็จะยิ่งใหญ่กว่า ส่วนอีกทางหนึ่ง ทักษะเทวะพลังแม่เหล็กจะทำให้เขาสามารถคิดค้นระบบทักษะเทวะพลังแม่เหล็กขึ้นมาจากศูนย์ ดังนั้นแม้ว่าความสำเร็จจะไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับตำราคำนวณบรมอนุภาค มันก็ยังคงเหนือธรรมดาอยู่ดี เขาพบว่าการตัดใจเลือกทางไหนสักทางนั้นยากเหลือเกิน!