ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 719 บ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมด้วยวิชาบู๊
- Home
- ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods
- ตอนที่ 719 บ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมด้วยวิชาบู๊
วังสู้วัวน่าจะเป็นหนึ่งในสามสิบหกวังสวรรค์แห่งสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้ง ผู้ที่สามารถครอบครองวังสวรรค์ได้ล้วนแต่เป็นผู้คนที่แข็งแกร่งและเหนือธรรมดาในยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง
ฉินมู่ติดตามพวกชาวบ้านเข้าไปในวังสู้วัว และเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แล้ว วังสวรรค์นี้ดูครบสมบูรณ์ ดูไม่เหมือนกับว่าจะผ่านไฟสงครามมา
แต่อีกทางหนึ่ง วังหยกสว่างในโถงแห่งกษัตริย์มนุษย์และวังขอบทรายในยมโลก ทั้งสองล้วนแต่ปรักหักพังลงไปจากการต่อสู้ในยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง ส่วนวังสวรรค์อื่นๆ นั้น ฉินมู่ยังไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อน ดังนั้นเขาจึงคิดว่าพวกมันน่าจะถูกทำลายลงไประหว่างศึกสงคราม
“งั้นทำไมวังสู้วัวถึงถูกรักษาเอาไว้อย่างครบสมบูรณ์”
เขาอดไม่ได้ที่ฉงนฉงาย หรือว่าครูบาสวรรค์วิชาบู๊จะเป็นทหารหนีทัพในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน สาเหตุที่เขาสามารถรักษากำลังพลเอาไว้ได้ก็เพราะว่าเขาหนีมาพร้อมกับวังสู้วัวหรือ
วังสู้วัวนั้นแตกต่างจากวังสวรรค์อื่นๆ ที่ฉินมู่เคยเห็นมาก่อน วังหยกสว่างในโถงแห่งกษัตริย์มนุษย์มีกลิ่นของหนังสือและเป็นสถานที่สอนสั่งนักเรียนในบรรดาวังสวรรค์อื่นๆ ลูกศิษย์ลูกหาของเทพเจ้ามากมายมาร่ำเรียนสุดยอดวิชาที่นี่
แม้ว่าฉินมู่จะเป็นกษัตริย์มนุษย์แห่งโถงกษัตริย์มนุษย์ แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นนาน เขาได้ไปเยี่ยมชมเพียงครั้งหนึ่งกับกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก และไม่ได้เดินดูจนถ้วนทั่ว
ฉินมู่ไม่เคยเข้าไปในวังขอบทราย ท้าวยมราชซ่อนมันไว้ในส่วนลึกที่สุดของยมโลก และแม้ว่าเขาจะมองเห็นเมืองเทพยดานั้นจากที่ไกลๆ มันก็ดูพังภินท์และครำคร่า
ในตอนนี้ พวกเขาเข้ามาในโลกแห่งวังสู้วัว วังสู้วัวค่อยๆ ปรากฏให้เห็นชัดขึ้นทุกที และเขาก็สามารถมองเห็นตลอดทั้งวังสู้วัวได้
ที่ใกล้กับพวกเขาที่สุดคือประตูอันยิ่งใหญ่ยืนยง และตรงหน้าของพวกเขาคือสระหยกอันตั้งอยู่ข้างหลังหมู่ปราสาทราชวังชั้นแล้วชั้นเล่า สองสายปราณแดงโลหิตอันกระหายเลือดถักทออยู่บนท้องฟ้าราวกับมังกร หมุนวนไปมาอย่างต่อเนื่อง
ข้างหลังแท่นประหารเทพ มีเมืองเทพยดาทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส อันน่าจะเป็นอัครนครหยก และราชวังอันโอ่อ่าตระการที่สุดในอัครนครหยกก็น่าจะเป็นตำหนักชิดฟ้า
ฉินมู่ตกตะลึง แผนผังสิ่งก่อสร้างข้างในวังสู้วัวนั้นคล้ายคลึงกับปราสาทสวรรค์ข้างในเทพเจ้า
สายตาของเขาขยับเข้าไปใกล้ และเขามองไปที่ประตู เขาเห็นสะพานสายรุ้งเชื่อมต่อไปยังแผ่นปฐพีของโลกมิตินี้ สะพานนี้ยาวเป็นพิเศษและลอยโดดเดียวอยู่กลางเวหา มันเป็นเส้นทางเดียวที่นำไปสู่วังสู้วัวได้
ฉินมู่ไปยังแผ่นดินของโลกมิตินั้น และหัวใจของเขาก็สะท้านหวั่นไหว
แผ่นดินของโลกมิตินั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส และเทือกเขาห้าเทือกก็ทอดยาวจากใต้ไปเหนือ ทุกๆ เทือกเขามีภูเขาสูงลิ่วที่ตั้งตระหง่าน ขณะที่แม่น้ำใหญ่หกสายไหลเชี่ยวผ่านแผ่นดิน แม่น้ำนั้นพาดจากตะวันตกไปตะวันออก หรือไม่ก็จากเหนือไปใต้ แต่ทว่า ไม่มีสายใดเลยที่ไหลลงไปในทะเล
ที่นี่ไม่มีทะเล แม่น้ำใหญ่หกสายเพียงแต่ไหลเข้าไปในแผ่นดิน และไหลกลับลงไปในเหวลึกใต้ดินที่ใจกลางโลก อันลึกดิ่งอย่างสุดจะหยั่ง
ฉินมู่เงยศีรษะขึ้นมองไปรอบๆ และเห็นดวงตะวัน ดวงจันทร์ และดวงดาวลอยอยู่ข้างใต้วังสู้วัว ดวงตะวันลอยขึ้นมา ขณะที่ดวงจันทร์ตกลงไปเพื่อสลับระหว่างกลางวันและกลางคืน
เขากะพริบตา และหากว่าแผ่นดินคือแท่นวิญญาณ เทือกเขาทั้งห้าก็คงจะเป็นธาตุทั้งห้า แม่น้ำใหญ่หกสายน่าจะแปลงเปลี่ยนมาจากหกทิศ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว คือเจ็ดดาว และข้างใต้เหวลึกนั้นคือแดนใต้พิภพ สมบัติเทวะเป็นตาย อันหมายความว่าสะพานนี้ก็คือสะพานเทวะที่มุ่งตรงไปยังปราสาทสวรรค์
ถ้าเช่นนั้น…
สวรรค์ลับแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นมาจากกายเนื้อของยอดยุทธขั้นบัลลังก์จักรพรรดิงั้นหรือ
สายตาเขากวาดมองหา ยังคงมีชาวสวรรค์ที่ขาดหายไป จิตวิญญาณดั้งเดิมที่บ่มเพาะในขั้นชาวสวรรค์ และหากว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมเข้าไปในตำหนักชิดฟ้าและก้าวขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์จักรพรรดิ ก็ไม่มีความจำเป็นที่มันจะอยู่ในแผ่นปฐพี หรือว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมขั้นบัลลังก์จักรพรรดิ จะนั่งอยู่บนบัลลังก์ในตำหนักชิดฟ้า…ยังมีความเป็นไปได้อื่น คือสวรรค์ลับแห่งนี้ถูกหลอมสร้างขึ้นมาตามแผนผังของสมบัติเทวะและปราสาทสวรรค์ของยอดฝีมือขั้นบัลลังก์จักรพรรดิ! เพราะถึงอย่างไร ก็มียอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดิอยู่ไม่มาก และก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่ยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งจะมียอดฝีมือขั้นบัลลังก์จักรพรรดิมากขนาดนี้
วังสู้วัวนั้นเป็นหนึ่งในสามสิบหกวังสวรรค์แห่งยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง และวังที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในสามสิบหกวังสวรรค์ก็คือสี่มหาวังสวรรค์อันสี่มหาราชาสวรรค์สถิตอยู่ วังสู้วัวมิใช่หนึ่งในสี่นั้น
จักรพรรดิก่อตั้งคงไม่ได้ไปฆ่ายอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดิเพียงเพื่อนำมาหลอมสร้างเป็นวังสู้วัวหรอกใช่ไหม
“จงไปเตรียมตัว” ชาวนาเฒ่าสั่งความแก่ชาวบ้านทั้งหลาย “บอกเด็กๆ ว่าวังสู้วัวเปิดแล้วในวันนี้ ให้พวกเขาเข้ามาฝึกฝน”
ชาวบ้านเหล่านั้นรีบเหาะขึ้นไป บ้างก็เหาะเข้าไปในวังสู้วัว ส่วนที่เหลือเหาะไปยังแผ่นปฐพีในสวรรค์ลับ
ชาวนาเฒ่าพาวัวแก่ ฉินมู่ และกิเลนมังกรเดินขึ้นไปบนสะพานเทวะ สะพานเทวะนั้นแคบเป็นอย่างยิ่ง และขณะที่ฉินมู่เดินอยู่บนสะพานได้อย่างสบายๆ กิเลนมังกรรู้สึกค่อนข้างจำกัดคับแคบ
ชาวนาเฒ่าชะงักฝีเท้าและมองไปรอบๆ ทิศเพื่อชื่นชมทัศนียภาพ
ฉินมู่ก็มองไปรอบๆ เช่นกัน และรับภาพของภูเขาและแม่น้ำทั้งหลายเข้ามาในสายตา ชื่นชมทิวทัศน์อันไร้กังวลและผ่อนคลายอย่างแท้จริง
“ศิษย์ของเหวินเทียนเก๋อ เจ้าอยู่ในขั้นชาวสวรรค์ใช่หรือไม่”
ชาวนาเฒ่ากล่าวอย่างเยือกเย็น “ในบรรดาสี่มหาครูบาสวรรค์แห่งสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้ง คนตัดไม้เป็นอันดับหนึ่ง และข้าเองก็ไม่เคยยินยอมพร้อมใจเลย เขามีฝีมือความสามารถอะไรถึงมาปีนข้ามหัวข้าได้ ท่ามกลางสี่มหาครูบาสวรรค์ เขาเป็นอันดับหนึ่ง ข้าเป็นอันดับสาม และหนอนหนังสือจื่อซีเป็นอันดับสองข้าก็ยังพอยอมรับได้ แต่คนตัดไม้มีสิทธิอะไร เขาอาศัยแต่ลิ้นคล่องๆ ของเขาเพื่อปีนข้ามหัวข้า หนอนหนังสือ และชาวประมง นั่นจึงเป็นเหตุที่ข้าไม่ยอมรับนับถือเขา”
ฉินมู่มองลงไปยังแผ่นดินในสวรรค์ลับและเห็นหนุ่มสาวกำยำมากมายวิ่งตะบึงมา ผู้คนเหล่านั้นกระโจนทะยานราวกับเหินบิน และความเร็วของพวกเขาก็เร็วอย่างยิ่งยวด
“อาจารย์คนตัดไม้ยังคงยกย่องนับถือครูบาสวรรค์วิชาบู๊อยู่”
ฉินมู่กล่าวอย่างจริงจัง “เมื่ออาจารย์กล่าวถึงท่าน เขาพูดว่าพลังวิทยายุทธของท่านเป็นอันดับหนึ่ง เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางสี่มหาครูบาสวรรค์ ในการปฏิรูปสันตินิรันดร์ อาจารย์ได้มุ่งตรงมาหาท่านทันทีหลังจากแผนการช่วยชีวิตตี้อี้เยว่ นั่นแสดงให้เห็นว่าในหัวใจของอาจารย์แล้ว ครูบาสวรรค์วิชาบู๊มีตำแหน่งแห่งที่อันไม่ด้อยไปกว่าตี้อี้เยว่”
“แต่ไหนแต่ไร กำลังฝีมือของข้าก็ไม่ด้อยไปกว่าตี้อี้เยว่อยู่แล้ว” ชาวนาเฒ่ากล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “สองหมื่นปีก่อน ตี้อี้เยว่แข็งแกร่งกว่าข้าเล็กน้อย นางเป็นผู้นำแห่งสี่มหาราชาสวรรค์ ข้าเคยต่อสู้กับนางมาก่อน และข้าก็ยอมรับนับถือนางหลังจากพ่ายแพ้ แต่ทว่า สองหมื่นปีได้ผ่านพ้นไป และยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ เพราะถึงอย่างไร ต่อให้นางฟื้นคืนชีพมาตอนนี้ การฝึกวิทยายุทธของนางก็ล้าช้าไปสองหมื่นปี”
ฉินมู่หัวใจโลดเต้น และหนังหัวก็ชาดิก ครูบาสวรรค์วิชาบู๊ได้ฝึกปรือถึงขั้นบัลลังก์จักพรรดิแล้วหรือ! ข้าไม่อาจต้านรับสามหมัดของเขาได้จริงๆ ข้าเกรงว่าแม้แต่พี่ชายก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน…
ชาวนาเฒ่ายิ้มหยันและกล่าว “ข้าเคยต่อสู้กับหนอนหนังสือมาก่อน และเขาก็สามาารถทำให้ข้าตุปัดตุเป๋ไม่เป็นกระบวนไปเสียทุกครั้งแม้ว่าวรยุทธจะด้อยกว่าข้า ดังนั้นข้าจึงนับถือเขา เขามีฝีมือความสามารถอย่างแท้จริง แต่คนตัดไม้นั้นรู้จักแต่จะพูดจา ดังนั้นข้าจึงไม่อาจยอมรับเขาให้ไต่ข้ามหัวข้าได้ เมื่อเขามาเชื้อเชิญข้าลงจากภูเขา เขาไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างนอกจากชี้ไม้ชี้มือไปทางนั้นทีทางนี้ที ในท้ายที่สุดแล้ว ไม่ทันที่ข้าจะได้ใช้พลังฝีมืออะไร เขาก็ลงไปนอนกลิ้งอยู่ในท้องร่องแล้ว”
ฉินมู่มีรอยยิ้มอยู่บนหน้า แต่เหงื่อเม็ดเป้งผุดที่หน้าผากเขา
เขาสามารถนึกภาพออกได้ว่านักบุญคนตัดไม้จะต้องยับเยินน่าสังเวชขนาดไหน
ต่อให้ถูกต้อง แต่บัณฑิตก็ไม่อาจเถียงชนะทหารได้
เมื่อผู้ฝึกวิชาเทวะบนแผ่นดินเหล่านั้นเข้ามาใกล้ ฉินมู่ก็ตะลึงไปเล็กน้อย เขาเห็นว่าพวกเขาน่าจะเป็นผู้ฝึกวิชาเทวะจากประเทศบนแผ่นปฐพี แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ ไม่มีผู้ฝึกวิชาเทวะคนใดเลยที่เป็นมนุษย์
มีทั้งผู้คนที่มีหัวนกและร่างมนุษย์ บ้างก็เป็นหัวสัตว์ป่าและร่างมนุษย์ บ้างก็มีกระดองเต่าอยู่ที่หลัง บ้างก็มีขนของสัตว์เถื่อน และบ้างก็มีสามหัวหกแขน และบ้างก็มีหลายหัวหลายตา
เผ่าเทพแห่งยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง!
ฉินมู่หรี่ตามอง เขาเห็นกระทั่งผู้ฝึกวิชาเทวะของเผ่าเทพค้างคาวขาวจำนวนหนึ่ง!
ผู้คนในวังสู้วัวนั้นกลายเป็นว่าคือลูกหลานแห่งเผ่าเทพจากยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง
“จ้าวลัทธิ มีเด็กสาวในเผ่าเทพค้างคาวขาวด้วย!”
กิเลนมังกรข่มเสียงให้เบาลงและกระซิบ “ฝูอวี่ชิวและฝูอวี้ชุนในหุบเขาภูตผีจะต้องดีใจมากๆ แน่”
ฉินมู่จดจำได้ถึงค้างคาวขาวทั้งสองในหุบเขาภูตผี และเผยรอยยิ้ม แต่สักพักหนึ่ง รอยยิ้มก็แปรเปลี่ยนเป็นคิ้วขมวด
ชาวนาเฒ่าจูงวัวแก่มุ่งหน้าไปยังประตูสวรรค์ทักษิณ เขากล่าวอย่างเยือกเย็น “อย่าเพิ่งดีใจ หากว่าเจ้าต้องการเล่นตามกฎยุทธจักร เจ้าก็ต้องทดสอบก่อนว่ามีสิทธินั้นเหมือนพวกเขาหรือไม่ ไปกันเถอะ เดินไปกับพวกเขาผ่านประตูสวรรค์ทักษิณ และต่อสู้บุกตะลุยไปจนถึงตำหนักชิดฟ้า”
ฉินมู่รีบกล่าว “ครูบาสวรรค์ ข้ายังอยู่ในขั้นชาวสวรรค์ และไม่อาจเดินผ่านประตูสวรรค์ทักษิณไปได้! นี่จะเป็นการต่อสู้ที่เป็นธรรมได้อย่างไร”
“การต่อสู้ที่เป็นธรรม?”
ชาวนาหันกลับมา และใบหน้าอันเต็มไปด้วยรอยยับย่นของเขาเผยสีหน้าเย้ยหยัน “การต่อสู้ระหว่างสภาสวรรค์นอกโลกและสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้งเคยเป็นธรรมมาก่อนหรือ หากว่าเจ้าบุกฟันฝ่าไปยังตำหนักชิดฟ้าได้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าพาคนตัดไม้จากไป!”
บนสะพานเทวะ เผ่าเทพมากมายจากทั่วทั้งแผ่นปฐพีได้ติดตามไปข้างหลังวัวแก่ และพวกเขาทั้งหมดมีทีท่าอันเคารพนบนอบ วัวแก่เดินไปอย่างเชื่องช้ายังประตูสวรรค์ทักษิณ ตามข้างหลังชาวนาเฒ่า
ฉินมู่ก็อยู่ในกลุ่มคนด้วย และเขาก็ลอบแกะใบหลิวออกเพื่อมองดูเผ่าเทพเหล่านั้น เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อพบว่าเผ่าเทพทั้งหลายล้วนแต่อยู่ในขั้นเป็นตาย!
ทุกคนแข็งแกร่งกำยำอย่างเต็มที่ และวรยุทธของพวกเขาก็สูงล้ำ แต่ทว่าไม่มีคนใดเลยที่ฝึกฝนสะพานเทวะ!
สะพานเทวะของทุกคนแตกหัก สะพานเทวะของพวกเขายิ่งพังย่อยยับกว่าสะพานเทวะของผู้ฝึกวิชาเทวะในสันตินิรันดร์!
ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสันตินิรันดร์ยังคงมีสะพานเทวะอยู่แม้ว่ามันจะขาดหักไป แต่ตราบเท่าที่พวกเขาฝึกปรือสามเคล็ดลับสะพานเทวะที่ฉินมู่เผยแพร่ออกไป พวกเขาก็จะสามารถซ่อมแซมสะพานเทวะ และเหาะข้ามไปยังประตูสวรรค์ทักษิณ
กระนั้นเผ่าเทพที่อาศัยอยู่ในวังสวรรค์สู้วัว ล้วนแต่มีสะพานเทวะที่พังย่อยยับไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่มีสะพานเทวะ!
เมื่อปราศจากสะพานเทวะ แม้แต่สามเคล็ดลับสะพานเทวะก็ไม่อาจช่วยพวกเขาซ่อมแซมสะพานเทวะได้ และพวกเขาก็ไม่มีวันฝึกปรือบรรลุเป็นเทพเจ้า!
นี่หมายความว่าเผ่าเทพทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนแผ่นปฐพีนี้ จะติดอยู่ในขั้นเป็นตายไปชั่วนิรันดร์
เกิดอะไรขึ้น
ฉินมู่ฉงนฉงาย ทำไมสะพานเทวะของพวกเขาถึงย่อยยับขนาดนี้
เขาฉงนใจเป็นพิเศษ และเผ่าเทพเหล่านี้ก็สนอกสนใจเขาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาเห็นว่าฉินมู่มีดวงตาอยู่ที่หน้าผาก พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองอีกทีสองที
เด็กสาวจำนวนหนึ่งกระซิบกระซาบต่อกันและเอาแต่มองมา พวกนางพูดจาอะไรบางอย่างและเริ่มหัวเราะคิกคัก
“จ้าวลัทธิ พวกนางบอกว่าท่านดูน่าเกลียดแน่ะ” กิเลนมังกรหูไว ดังนั้นเขาจึงกระซิบบอกฉินมู่
ฉินมู่สีหน้าดำทะมึน และกิเลนมังกรก็ตัวสั่นระริก เขายกอุ้งเล็บมาตบปากตนเองก่อนจะเดินไปอย่างเจี๋ยมเจี้ยม เขาคิดในใจ ข้าคงจะอดข้าวไปสามสี่วันกว่าจ้าวลัทธิจะหายโกรธ
แม้ว่าสะพานเทวะของเผ่าเทพทั้งหลายจะพังพินาศ และพวกเขาก็ติดแหง็กอยู่ในขั้นเป็นตาย แต่ทุกๆ คนก็ล้วนแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัว กำลังฝีมือของพวกเขาไม่ด้อยไปกว่ายอดฝีมือขั้นสะพานเทวะ!
ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงเขตนอกของประตูสวรรค์ทักษิณ ชาวนาเฒ่าจูงวัวแก่เดินเข้าไปในประตูสวรรค์ทักษิณ ก่อนหยุดอยู่ตรงนั้น เขาหันกลับไปมองยังทุกๆ คน
เผ่าเทพทั้งหมดหยุดยั้งฝีเท้า และยืนอยู่นอกประตูด้วยความเคารพ
ฉินมู่เองก็ชะงักเท้า และเพ่งพิศมองประตูสวรรค์ทักษิณ
เขาเคยเห็นประตูสวรรค์ทักษิณแห่งแดนโบราณวินาศ และมันทั้งสูงตระหง่านและน่ายำเกรง มันเหมือนกับประตูที่สูงล้ำค้ำสวรรค์ แม้ว่ามันจะเก่าแก่หักพังไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีรัศมีอันยากจะสยบที่เผยให้เห็นรูปลักษณ์อันเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา
ประตูสวรรค์ทักษิณตรงหน้าเขานั้นละเอียดประณีตกว่ามาก แต่แม้กระนั้น มันก็ยังคงสูงตระหง่านและน่าเกรงขาม มันเหมือนกับประตูที่แกะสลักออกมาจากภูเขาสูงหนึ่งพันคืบ
ประตูสวรรค์ทักษิณปกคลุมไปด้วยรอยประทับอันน่าจะเป็นวงจรอักษรรูน พวกมันก่อรูปขึ้นมาเป็นภาพอันละลานตาที่ส่องแสงเรืองรอง
“สะพานเทวะของพวกเจ้าขาดสะบั้น และไม่อาจซ่อมแซมให้ดีได้ พวกเจ้าไม่มีหวังที่จะมาถึงประตูสวรรค์ทักษิณได้ในชาตินี้ และไม่มีหวังที่จะบรรลุเป็นเทพเจ้า แต่ทว่า เจ้าคือความหวังของทุกๆ คนที่ถูกพังถล่มสะพานเทวะไป”
เสียงของชาวนาเฒ่ากึกก้องไปทั่วขณะที่เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “เป็นเวลาสองหมื่นปีแล้วที่ลูกหลานแห่งเทพเจ้าที่สิ้นชีวิตไป ได้ตายลงรุ่นแล้วรุ่นเล่า แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ย่อมต้องมีความหวัง! พวกเจ้าไม่มีสะพานเทวะ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าจะไม่สามารถใช้มรรคาบู๊เพื่อข้ามเวหาว่างเปล่าแห่งสะพานเทวะได้ ในเมื่อไม่มีเส้นทางให้เดิน ก็สร้างมันขึ้นมาสิ!”
“ในเมื่อไม่มีเส้นทาง ก็ทลายฝ่าความเป็นและความตาย และใช้มรรคาบู๊เพื่อแผ้วถางเส้นทาง ใช้วิญญาณบู๊ของเจ้าเพื่อด้นไปให้ถึงปราสาทสวรรค์!”
ฉินมู่หัวใจสะท้านหวั่นไหว ในที่สุดเขาก็เข้าใจเป้าหมายของการทดสอบ
ลูกหลานแห่งเผ่าเทพในวังสู้วัวมีสะพานเทวะที่พังย่อยยับ และครูบาสวรรค์วิชาบู๊ก็หวังที่จะใช้มรรคาบู๊เพื่อเชื่อมต่อไปยังปราสาทสวรรค์ เขาอยากจะให้พวกเขาใช้วิญญาณบู๊แทนสะพานเทวะอันไม่มีอยู่อีกต่อไป เพื่อให้สายเลือดของเผ่าเทพสืบต่อ และแผ้วถางเส้นทางใหม่!
ในเมื่อสะพานเทวะไม่มีอยู่ พวกเขาก็จะต้องอาศัยวิญญาณบู๊เพื่อข้ามผ่านเขตขั้นวรยุทธ และไปถึงปราสาทสวรรค์โดยตรง ฝึกปรือเป็นเทพเจ้า
วิญญาณบู๊คือจิตวิญญาณดั้งเดิมแห่งมรรคาบู๊ มันเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมมรรคาบู๊ที่สามารถก้าวผ่านเวหาว่างเปล่าแห่งสะพานเทวะได้!
จิตวิญญาณดั้งเดิมของผู้ฝึกวิชาเทวะคนอื่นๆ มีสะพานเทวะรองรับให้พวกเขาก้าวเดินและเข้าไปยังปราสาทสวรรค์
แม้ว่าผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสันตินิรันดร์จะมีสะพานเทวะอันขาดสะบั้น แต่พวกเขาก็ยังคงสามารถใช้สามเคล็ดลับสะพานเทวะเพื่อเขาไปยังปราสาทสวรรค์ได้ในที่สุด
ส่วนลูกหลานเผ่าเทพแห่งวังสู้วัวนั้น พวกเขาไม่มีสะพานเทวะ จนได้แต่ต้องอาศัยจิตวิญญาณดั้งเดิมของตนเองเหาะเหินข้ามเวหาว่างเปล่าไปด้วยกำลัง!
หากว่าพวกเขาเหาะไปไม่พ้น พวกเขาก็จะตกลงไปในแดนใต้พิภพในเขตขั้นเป็นตาย ชีวิตของพวกเขาจะถูกทำลายและเต๋าก็สูญสลาย!
สาเหตุที่ว่าทำไมครูบาสวรรค์วิชาบู๊จึงซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านภูเขาเป็นเวลาสองหมื่นปี นั้นก็คงเพื่อที่จะปลุกปั้นทายาทเหล่านี้เพื่อให้พวกเขาสามารถฝึกวรยุทธต่อไปได้!
“การบ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมด้วยวิชาบู๊ นั่นคือวิญญาณบู๊ เมื่อวิญญาณบู๊ย่างกรายสู่เต๋า มันก็จะเป็นมรรคาเต๋าบู๊!”
ชาวนาเฒ่าตะโกนไปและจูงวัวของเขาไปข้างหน้า “เข้าประตู! ทดสอบมรรคาบู๊ของเจ้า! ข้าจะไปรอข้างในตำหนักชิดฟ้า!”