ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 729 ไม่ด้อยไปกว่าข้า
ขณะที่เขากล่าวอยู่นั่นเอง พฤกษาในสมบัติเทวะของหูปู้กุยก็ได้ทะลวงผ่านสมบัติเทวะเจ็ดดาวและชาวสวรรค์ไปแล้ว ผิวหนังของหูปู้กุยเริ่มที่จะแสดงสัญญาณของการปริแตกจากแรงกดดันอันไร้ปานเปรียบ เขานั้นเหมือนกับเครื่องลายครามที่เต็มไปด้วยรอยร้าว!
โลหิตของเขาก็ถูกบีบอัดจนเป็นหมอกโลหิตละเอียดฝอย อันปกคลุมทั่วตัวเขาไปหมด
ในขณะเดียวกันนั้น กายเนื้อของเขาก็ผอมซูบลงไปอย่างสุดขีด ความสูงของเขายังคงเดิม แต่เขากลายเป็นหนังหุ้มกระดูกไปแล้ว เสียงเป๊าะแป๊ะดังมาจากร่างกายของเขา และมันฟังเหมือนกับเสียงลูกศรคมกล้าที่แล่นออกมาจากธนูน้าว
“ดูเหมือนว่าเส้นเลือดของเขาจะถูกบดขยี้…”
จิงเอี้ยนหัวใจเต้นโครมคราม นางมองไปที่ซวีเซิงฮวาและถามด้วยเสียงเบา “เส้นเลือดของเขาแหลกละเอียดไปหมด อันหมายความว่ากระดูกของเขาก็ถึงขีดจำกัด เขาจะไม่สามารถต้านทานแรงกดดันได้หลังจากที่พฤกษาก่อนฟ้าดินทะลุเข้าไปในสมบัติเทวะเป็นตาย…”
ซวีเซิงฮวาขมวดคิ้วและกล่าวพลางถอนหายใจ “การทดลองล้มเหลว แม้ด้วยกายเนื้อที่แข็งแกร่งขนาดนี้ พี่หูก็ยังไม่สามารถต้านทานแรงกดดันได้ บางทีจ้าวลัทธิฉิน กายาจ้าวแดนดินนั่น อาจจะสามารถทำได้ ข้าพบว่ากายเนื้อของจ้าวลัทธิฉินแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน เขานั้นไม่ด้อยไปกว่าพี่หู และด้วยความเชี่ยวชาญในวิชาเสกสรรของจ้าวลัทธิ เขาก็อาจจะต้านทานแรงกดอัดระดับนี้ได้…”
จิงเอี้ยนกระซิบ “ที่รัก พี่หูกำลังจะตาย เจ้ายังมีเวลาคิดเรื่องแบบนี้อีกหรือ ครูบาสวรรค์วิชาบู๊กำลังถลึงตาจ้องเจ้าอยู่นั่นแน่ะ และวัวแก่เองก็มีสายตาไม่สบอารมณ์เช่นกัน”
ซวีเซิงฮวาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แต่เป็นความมั่นใจในตัวฉินมู่ “เจ้าลัทธิฉินเชี่ยวชาญในวิชาเสกสรร เขาไม่ปล่อยให้พี่หูตายไปหรอก คนผู้เดียวในโลกนี้ที่สามารถตามทันความคิดข้าได้ก็มีแต่เขา”
ในจังหวะนั้นเอง รากของพฤกษาก่อนฟ้าดินก็หยั่งรากลงไปยังเขตขั้นเป็นตายในที่สุด!
พร้อมๆ กันนั้น ฉินมู่ก็ลงมือ
ย่างเท้าของเขาขยับไป และเขาก็ทิ้งร่องรอยของภาพค้างเอาไว้ เขาเดินวนไปรอบๆ หูปู้กุย และนิ้วของเขาก็เคลื่อนไหวขึ้นๆ ลงๆ อักษรรูนเสกสรรจำนวนหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขาเหมือนกับโน้ตดนตรีที่กระโดดขึ้นๆ ลงๆ อักษรรูนเหล่านั้นเข้าไปในร่างกายของหูปู้กุย
อักษรรูนเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเข้าไปในร่างกายของหูปู้กุยเพื่อซ่อมแซมอาการบาดเจ็บในกายเนื้อ แต่พวกมันยังเข้าไปในสมบัติเทวะและจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาอีกด้วย
อักษรรูนเสกสรรซ่อมแซ่มรอยร้าวในสมบัติเทวะของหูปู้กุยและช่วยตรึงจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขา รักษาทารกวิญญาณและดวงวิญญาณเอาไว้
จิงเอี้ยนมองไปที่ภาพดังกล่าวด้วยสีหน้าตะลึงลาน ซวีเซิงฮวาแย้มยิ้มและกล่าว “จ้าลัทธิและข้าเรียกได้ว่าหากไม่ต่อยตีก็คงไม่รู้จักกัน ข้ารู้จักเขาถึงไส้ถึงพุง และเมื่อพวกเราร่วมมือกัน แม้แต่เทพเจ้าก็สามารถช่วยกันต่อกรได้”
วี่แววของความเปรี้ยวฝาดและริษยาเอ่อขึ้นมาในหัวใจของจิงเอี้ยน แต่ทันใดนั้นนางก็ได้สติ สามีและจ้าวลัทธิฉินเป็นบุรุษทั้งคู่ ทำไมข้าต้องไปริษยาเขา
แรงกดดันในกายเนื้อของหูปู้กุยยิ่งรุนแรงมากขึ้น ภายใต้การคุ้มครองของฉินมู่ด้วยวิชาเสกสรร เขาก็สามารถต้านทานแรงกดดันเอาไว้ได้
“หลังจากที่สะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินทลายผ่านสมบัติทุกชนิด สมบัติเทวะทั้งหลายก็จะกลายเป็นหนึ่งเดียว”
ซวีเซิงฮวาประกายตาวูบไหว และดวงตาของเขาเผยแววแห่งความตื่นเต้น “หลังจากหลอมรวมเป็นหนึ่งวรยุทธและพลังวัตรของพี่หูก็จะเพิ่มพูนขึ้นเป็นเส้นตรง ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิม กายเนื้อ หรือสมบัติเทวะของเขา พวกมันทั้งหมดก็จะพัฒนายกระดับขึ้นไปอย่างรวดเร็วเกินธรรมดา! สะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินนับได้ว่าประสบความสำเร็จ!”
ฉินมู่หยุดมือ และภาพค้างทั้งหมดก็กลับเข้าไปซ้อนทับกับร่างกายของเขา เขามองไปยังหูปู้กุยด้วยความกระวนกระวาย
ชาวนาเฒ่าและวัวแก่ก็กระวนกระวายไม่แพ้กัน พวกเขายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อน ชาวนาเฒ่ากำหมัดแน่น ขณะที่วัวแก่ลุกขึ้นยืนสองขาเหมือนมนุษย์ เขายัดกีบเท้าหน้าเข้าไปในปากและเคี้ยวแทะมันอย่างว้าวุ่น
กิเลนมังกรตะกุยดินไปด้วยความกังวลใจ และไม่นานก็ขุดหลุมขนาดใหญ่
หูปู้กุยยืนอยู่ที่นั่น ไม่ขยับเป็นเวลานาน และจากนั้นหมอกโลหิตก็คืนกลับเข้าไปในร่างของเขา
บริเวณโดยรอบเงียบสงัด
รัศมีของเขาพลันพวยพุ่งขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด ปราณชีวิตของเขายิ่งเชี่ยวกรากมากขึ้นและมากขึ้น และจิตวิญญาณของเขาก็ยิ่งมั่นคงขึ้นและมั่นคงขึ้น รัศมีของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกระแสอากาศ ที่ไหลวนไปรอบๆ กายเขาอย่างกราดเกรี้ยว และบริเวณที่กระแสอากาศนี้คลี่คลุมก็แผ่กว้างออกไปมากทุกที!
จิงเอี้ยนไม่อาจยืนได้มั่น เสื้อผ้าของนางกระพือสะบัดเมื่อนางถูกดึงดูดเข้าไปยังหูปู้กุย
วรยุทธของนางค่อนข้างต่ำ และด้อยกว่าทุกๆ คนที่อยู่ที่นี่
ซวีเซิงฮวารีบคว้าจับมือนางเอาไว้ และพวกเขาก็ปราดร่างถอยออกไป
รัศมีของหูปู้กุยแข็งแกร่งขึ้นทุกขณะ และสะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินก็ได้หลอมรวมสมบัติเทวะทุกชนิดเข้าเป็นหนึ่ง และเมื่อสะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินเติบโตจนถึงขีดสุด สมบัติเทวะอันใหม่ก็ถูกรีดเร้นออกมาด้วยกำลังเถื่อน คือสมบัติเทวะสะพานเทวะ!
หูปู้กุยและผู้ฝึกวิชาบู๊ทั้งหลายแห่งโลกสู้วัวนั้นไม่แตกต่างกัน พวกเขาไม่มีสมบัติเทวะสะพานเทวะ แต่บัดนี้ ยอดคาคบไม้ของพฤกษาก่อนฟ้าดิน ได้กลายเป็นสมบัติเทวะชนิดนี้!
นั่นคือสาเหตุที่วรยุทธของเขาเพิ่มพูนขึ้้นเป็นเส้นตรง!
ชาวนาเฒ่าประทับใจในที่สุด
เขาติดกับอยู่ในโลกสู้วัวเป็นเวลาสองหมื่นปี และนั่นก็เพื่อแก้ปัญหาที่ผู้คนในโลกสู้วัวไม่มีสมบัติเทวะสะพานเทวะ ให้พวกเขาสามารถเหาะเหินไปยังปราสาทสวรรค์ได้
วิธีการที่เขาใช้ในการแก้ปัญหานี้คือให้ผู้คนแห่งโลกสู้วัวฝึกฝนวิทยายุทธอย่างขะมักเขม้น เพื่อให้พวกเขาย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊ และดังนั้นจิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขาก็จะสามารถเหินทะยานไปยังปราสาทสวรรค์ได้
แต่ทว่า ในช่วงเวลาสองหมื่นปีที่ผ่านมา ไม่มีใครสำเร็จขั้นนี้ได้ และแม้ว่าจะมีผู้คนที่ย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊ได้สำเร็จ พวกเขาก็ไม่สามารถเหินทะยานขึ้นไปเหมือนกับจิตวิญญาณดั้งเดิมของชาวนาเฒ่า
ผู้ฝึกวิชาเทวะที่ย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊ มักจะร่วงตกลงไปเมื่อมาได้ครึ่งทางเหาะยังปราสาทสวรรค์ จิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขาจะตกลงไปในแดนใต้พิภพ และพวกเขาก็จะสิ้นชีวิต
หูปู้กุยเป็นเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวในช่วงหลายปีล่าสุดที่ผ่านมา ที่สามารถย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊ได้ การปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของฉินมู่ ทำให้หูปู้กุยสำเร็จการย่างกรายสู่มรรคาบู๊ กลายเป็นบุคคลที่่มีความหวังมากที่สุดว่าจะสามารถเจริญรอยตามชาวนาเฒ่าได้
กระนั้น โอกาสที่หูปู้กุยจะเหาะไปยังปราสาทสวรรค์ได้สำเร็จ ก็ยังคงริบหรี่
นักบุญคนตัดไม้กล่าวไม่ผิด ครูบาสวรรค์วิชาบู๊เป็นยอดคนอันดับหนึ่งแห่งมรรคาบู๊ อันไม่มีใครทัดเทียมเขาได้ ต่อให้หูปู้กุยมีความหวัง แต่ความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็ยังคงมหาศาล
เดิมทีชาวนาเฒ่าไม่ได้มีความคาดหวังต่อซวีเซิงฮวาที่ฉินมู่ชื่นชมนักหนา เขาถึงกับอยากจะต่อยซวีเซิงฮวาให้ตายแล้วค่อยมาซัดฉินมู่ให้ดับดิ้นต่อ แต่ตอนนี้ ด้วยการร่วมมือของฉินมู่และซวีเซิงฮวา พวกเขาก็สามารถสร้างสมบัติเทวะสะพานเทวะให้หูปู้กุยขึ้นมาจากอากาศธาตุ ด้วยวิธีการอันสลับซับซ้อนจำนวนหนึ่ง!
ในที่สุดหูปู้กุยก็มีสมบัติเทวะชิ้นที่เจ็ด!
ไม่เพียงเท่านั้น มหาสมบัติเทวะทั้งเจ็ดชิ้นของหูปู้กุยยังหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นสิ่งอันไม่เคยมีปรากฏมาก่อน!
ความสำเร็จระดับนี้ เหนือล้ำไปเสียยิ่งกว่าของชาวนาเฒ่า!
เบ้าตาของเขาพลันชุ่มชื้น และน้ำตาของเขาก็บดบังทัศนวิสัย ระหว่างยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง มีคนหนุ่มสาวแบบนี้จำนวนไม่น้อย และพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นเหมือนกับฉินมู่และซวีเซิงฮวา พวกเขาเต็มไปด้วยความคิดพิลึกพิสดาร และทุกอย่างที่พวกเขาคิดนั้นเพื่อจะเปลี่ยนแปลงยุคสมัย มอบชีวิตที่ดีกว่าให้กับผู้คน และพัฒนามรรคา วิชา และทักษะเทวะ
เมื่อก่อนนั้น ผู้คนเหล่านี้ที่ตายก็ตายไป ที่หลบหนีก็หลบหนี ที่ซ่อนตัวก็ซ่อนตัว บางคนก็จมอยู่ในความเมามายไร้สติ และบางคนก็แปรเปลี่ยนเป็นรูปสลักหินที่กรำลมกรำฝน
เมื่อย้อนนึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้น โลหิตในหัวใจของชาวนาเฒ่าก็เดือดพล่านขึ้นมา
“พี่หู เจ้าเพิ่งจะทลายขั้นวรยุทธไปยังขั้นสะพานเทวะ ปรับขั้นวรยุทธให้เสถียรก่อนจะดีที่สุด”
ฉินมู่เห็นจิตวิญญาณดั้งเดิมของหูปู้กุยไต่ขึ้นไปบนสะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดิน และดูท่าว่าจะข้ามไปยังปราสาทสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าว “ขั้นวรยุทธของเจ้ายังคงไม่เสถียร หากว่าเจ้าเหาะไปยังงปราสาทสวรรค์โดยทันที ขั้นสะพานเทวะของเจ้าก็จะบกพร่อง ต่อให้เจ้าเข้าปราสาทสวรรค์ได้สำเร็จ ก็จะหลงเหลือจุดอ่อนเอาไว้”
รัศมีของหูปู้กุยยังคงเพิ่มพูนขึ้น และวรยุทธของเขาก็เข้มข้นมากขึ้นทุกที เขานั้นดูสะพรึงกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
และบัดนี้วรยุทธของเขาก็ได้เหนือล้ำกว่ายอดฝีมือขั้นสะพานเทวะส่วนใหญ่ไปแล้ว ทว่าในสายตาของฉินมู่ เขายังคงแข็งแกร่งได้มากกว่านี้อีก!
ชาวนาเฒ่ากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ฉินมู่กล่าวถูกต้อง ปู้กุย เจ้าอย่ารีบร้อนนัก เจ้าจะต้องตรึกตรองทำความเข้าใจสมบัติเทวะสะพานเทวะอีกสักหลายปีก่อนที่จะเหาะขึ้นปราสาทสวรรค์ แบบนี้ถึงจะได้รับอานิสงส์มากขึ้น การเร่งรัดตนเองให้รีบขึ้นปราสาทสวรรค์ไปมีแต่จะทำให้เจ้าในอนาคตหยุดค้างเพียงแค่ตำหนักชิดฟ้า เจ้าจะไม่มีวาสนาต่อบัลลังก์จักรพรรดิ”
ย่างเท้าของจิตวิญญาณดั้งเดิมของหูปู้กุยหยุดชะงัก และเขามองไปที่ประตูสวรรค์ทักษิณ หัวใจของเขาถวิลหาเป็นอย่างยิ่ง
ในที่สุดจิตวิญญาณดั้งเดิมมรรคาบู๊ของเขาก็เดินลงมาจากพฤกษาก่อนฟ้าดิน และยืนอยู่ใต้ต้นไม้นั้น
“ขอบคุณศิษย์พี่ซวีและศิษย์พี่ฉิน ที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่ข้า!” เขากล่าวแก่ทั้งสองคน
ฉินมู่และซวีเซิงฮวารีบคารวะตอบ และจิงเอี้ยนก็แย้มยิ้ม “ศิษย์พี่หู สถาบันเหนือฟ้าเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมา และพวกเราก็ขาดแคลนกำลังคนอยู่ ไม่ทราบว่าศิษย์พี่หูสนใจจะมาเป็นคณบดีที่นี่และสั่งสอนบัณฑิตทั้งหลายหรือไม่”
หูปู้กุยตอบโดยไม่ลังเล “ข้าทำเช่นนั้นได้!”
ฉินมู่กล่าวอย่างแผ่วเบา “เต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าและดินกำลังเปลี่ยนแปลง”
ทุกคนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน และสัมผัสการเปลี่ยนแปลงอันละเอียดประณีตในเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าและดิน สมบัติเทวะที่ทอดยาวตรงไปถึงปราสาทสวรรค์ อันเป็นความสำเร็จที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน มันคือการปฏิรูปอันใหญ่หลวงที่สำคัญเสียยิ่งกว่านำทางจิตวิญญาณดั้งเดิมและท่วงท่ากระบี่ที่สิบแปด มีก็แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการฟื้นคืนชีพเทพีหยินสวรรค์ของฉินมู่เท่านั้นที่ทัดเทียมได้
การเปลี่ยนแปลงในเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าและดินเงียบเชียบ และมันมิได้สร้างภาพปรากฏการณ์อลังการใดๆ มันไม่ได้ทำให้โลกหล้าสะท้านหวั่นไหว แต่ทุกๆ ตัวตนในโลกที่ย่างกรายสู่เต๋าจะสามารถสัมผัสการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
ชาวนาเฒ่าอึ้งไปเล็กน้อย เขาพลันแค่นเสียงและกล่าว “สะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินของเจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ก็แต่ผู้คนที่มีวรยุทธอย่างหูปู้กุย มันไม่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ นอกจากหูปู้กุยแล้ว ไม่มีใครที่สามารถก่อสร้างสะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินได้ ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยุ่งยากอย่างสุดๆ และต้องอาศัยความสำเร็จอันสูงส่งเชิงพีชคณิต อีกครั้งยังต้องการยอดฝีมือวิชาเสกสรรอย่างฉินมู่ยื่นมือเข้าช่วย มันไม่สามารถเผยแพร่ให้แก่ผู้คนทั่วไปได้”
ซวีเซิงฮวาขมวดคิ้ว เรื่องพวกนี้คือจุดอ่อนของสะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดิน แม้ว่าหูปู้กุยจะฝึกปรือวิชานี้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ยังคงเป็นฝีมือแรงงานของซวีเซิงฮวาและฉินมู่
โดยปราศจากความช่วยเหลือของคนทั้งสอง หูปู้กุยก็จะไม่มีวันฝึกสำเร็จ
และซวีเซิงฮวากับฉินมู่ก็มีนิสัยใจคอแบบเดียวกัน พวกเขาไม่อาจไปคอยช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้ก่อสร้างสะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดิน พวกเขาจะยินดีมากกว่าที่จะคิดค้นวิชาฝึกปรือและโยนให้คนอื่นๆ ไปฝึกเอาเอง
“ดังนั้น มันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางจุด”
ฉินมู่สายตาวูบวาบไปด้วยประกายปัญญา และเขาก็รีบกล่าว “สะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินใช้วิธีการเพาะมารเข้าไปในจิตเต๋า ข้ารู้สึกว่าพวกเราสามารถทำการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยได้ พวกเราสามารถให้ผู้ฝึกวิชาเทวะหรือผู้ฝึกวิชาบู๊คนอื่นๆ เพาะสะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินตอนที่พวกเขาอยู่ในขั้นทารกวิญญาณ สะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินจะเติบโตไปพร้อมกับผู้ฝึกวิชาเทวะและผู้ฝึกวิชาบู๊ ทลายฝ่าสมบัติเทวะไปทีละชั้นๆ ด้วยแบบนี้ อันตรายก็จะไม่ใหญ่หลวงนัก”
ซวีเซิงฮวาประกายตาลุกวาบ และเขาก็ปรบมือร่า “ดังนั้น พวกเราเพียงแต่ต้องเปลี่ยนแปลงวิชาฝึกปรือนี้ไปเล็กน้อย แต่ทว่า ข้านั้นไม่เก่งกาจด้านการปรับเปลี่ยนวิชาฝึกปรือ ดังนั้นยังคงต้องอาศัยจ้าวลัทธิให้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ”
“ก็จริง ข้านั้นคืออันดับหนึ่งในโลกหล้าด้านการเปลี่ยนแปลงวิชาฝึกปรือ”
ฉินมู่ไม่ถ่อมตนแม้แต่น้อย “เมื่อครู่นี้ที่เจ้าได้ช่วยพี่หูปลูกต้นกล้าพฤกษาก่อนฟ้าดิน ข้าก็ได้ตรึกตรองเข้าใจสะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินแทบจะทั้งหมดแล้ว แต่ยังมีบางรายละเอียดที่ข้าไม่แจ่มแจ้งนัก เชิญพี่ซวีอธิบายให้ข้าฟังโดยละเอียด และข้าก็จะลองดูว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนอย่างไรได้บ้าง”
ซวีเซิงฮวาอธิบายสะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินให้แก่เขา และเขาก็กล่าวถึงตัวแบบพีชคณิตอย่างคร่าวๆ เขาไม่ลงรายละเอียดเรื่องโครงสร้าง ก็เพราะว่าฉินมู่เป็นผู้เชี่ยวชาญพีชคณิตอยู่แล้ว
ทั้งสองคนมาสุมหัวกันและเดินไปเดินมา พวกเขาหารือกันอย่างถึงพริกถึงขิง ทิ้งคนอื่นๆ ให้อยู่นอกวงสนทนา
ชาวนาเฒ่าฟังไม่เข้าใจเลยสักนิด หูปู้กุยและวัวแก่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไร จึงได้แต่จ้องมอง
จิงเอี้ยนจนปัญญา และคิดอยู่ในใจ เมื่อใดที่พวกเขาเริ่มศึกษาค้นคว้า ก็จะไม่มีคนอื่นใดในความคิด
ในคราวนี้ ฉินมู่เป็นผู้นำการอภิปราย ความคิดของฉินมู่กระจัดกระจายไปหมด และมีก็แต่ซวีเซิงฮวาที่สามารถตามทันความคิดของเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ความคิดของซวีเซิงฮวาก็เพริศแพร้วประณีตยิ่งกว่าฉินมู่ ดังนั้นเขาจึงสามารถเสริมในส่วนที่ฉินมู่ขาดไปได้
ทั้งสองรีบเปลี่ยนแปลง และปรับสะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินจนเป็นฉบับสุดท้ายในที่สุด พวกเขาคิดคำนวณซ้ำอีกหลายๆ ครั้งและซ่อมแซมจุดช่องโหว่ทั้งหลาย
ซวีเซิงฮวาปรายตาไปที่หูปู้กุยผู้ซึ่งดูไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หัวใจเขาเคลื่อนไปเล็กน้อย และเขากล่าวด้วยเสียงเบา “จ้าวลัทธิ ตอนแรกที่ข้าเห็นศิษย์พี่หูมีกำลังฝีมือที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ข้าก็คิดว่าเขาคือกายาจ้าวแดนดินด้วยเช่นกัน แต่ไม่คาดเลยว่าเขาจะไม่ใช่”
ฉินมู่เผยยิ้ม “ข้าเองก็เห็นนานแล้วว่าเขาไม่ใช่กายาจ้าวแดนดิน ความคิดของเขาบริสุทธิ์และจดจ่อกับเรื่องเดียวมากเกินไป เขาฝึกปรือก็แต่มรรคาบู๊ และเขามิได้ชาญฉลาดเท่ากับพวกเรา”
ทั้งสองคนเข้าใจซึ่งกันและกันและผงกศีรษะ
ซวีเซิงฮวาประกายตาวูบไหวและกล่าว “ตอนนี้ พี่ฉินคงยอมรับแล้วสินะว่าเจ้าด้อยกว่าข้า? เจ้าน่าจะมองออกแล้วสิว่าใครคือกายาจ้าวแดนดินแท้ ใครคือกายาจ้าวแดนดินปลอม ใช่ไหม”
ฉินมู่อ้าปากหาวและหรี่ตา “ข้านั้นด้อยกว่าปัญญาญาณของผู้คนมากมายขนาดนั้นจริงๆ นั่นแหละ”
ซวีเซิงฮวาเลิกคิ้ว “ผู้คนมากมายขนาดนั้น?”
ฉินมู่กล่าวอย่างเรียบเรื่อย “หากว่าเจ้าไม่เชิญอาจารย์คนตัดไม้ ซิงอ้าน หลินเสวียน และคนอื่นๆ มา และคิดค้นวิชาฝึกปรือนี้ด้วยตนเอง ข้าก็จะยอมรับว่าข้าคือกายาจ้าวแดนดินปลอม ส่วนเจ้าเป็นของแท้ แต่ทว่า เจ้าจะต้องหยิบยืมปัญญาญาณของพวกเขาถึงจะพอทัดเทียมได้กับข้า ดังนั้นเจ้าก็ยังด้อยกว่าข้าอยู่นิดหน่อยอยู่ดี แม้กระนั้น พี่ซวีเองก็โดดเด่นเหนือธรรมดามากแล้ว เจ้านั้นไม่ด้อยไปกว่าข้าเลย!”
ซวีเซิงฮวาแค่นเสียง