ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 743 บุกเบิกปราสาทสวรรค์
ในโถงหลักแห่งราชวังข้างมีผู้ฝึกวิชาเทวะมากมาย โถงหลักนี้ใหญ่โตมโหฬาร สามารถบรรจุผู้คนนับหมื่นได้สบายๆ
ในตอนนั้น ทุกคนในโถงกำลังมองไปยังบุรุษผู้ซึ่ง ‘กลับมาจากความตาย’ เขานั้นเป็นผู้นำของผู้คนในอดีต และมรณกรรมอย่างฉับพลันของเขาก็ได้ทำให้ผู้คนมากมายต้องคร่ำครวญหวนไห้ อุบัติเหตุของเขาก็ทำให้ผู้คนสงสัยว่าเป็นพฤติการณ์ของเทพบรรพกาลหรือครึ่งเทพหรือไม่
และบัดนี้ บุคคลที่ ‘กลับมาจากความตาย’ ก็ได้ปรากฏตัวตรงหน้าคนอื่นๆ ทั้งหลาย
ทุกคนแยกออกจากกันเพื่อสร้างทางเดินให้ และพวกเขาก็มองไปที่เขาอย่างเงียบงันขณะที่เขาเดินตรงไปยังวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวอย่างเยือกเย็น
ทันใดนั้น ใครบางคนในฝูงชนก็เริ่มพึมพำ และเสียงพึมพำก็ยิ่งดังขึ้นและดังขึ้น
“วิญญูชนสวรรค์อวี้!” บางคนตะโกนไปด้วยเสียงอันดัง
“วิญญูชนสวรรค์อวี้!” ยิ่งมีคนตะโกนมากขึ้น
“วิญญูชนสวรรค์อวี้! วิญญูชนสวรรค์อวี้!”
…
เสียงร้องตะโกนหลายระลอกดังมา และแต่ละรอบก็ยิ่งดังกว่าก่อนหน้า เสียงตะโกนกึกก้องไป และทำให้มวลอากาศในโถงหลักแห่งราชวังข้างของจักรพรรดินีฟ้าพลุ่งพล่านและเห่อเหิมไปยังท้องฟ้า เป่าชั้นเมฆจนกระจัดกระจาย
ผู้ฝึกวิชาเทวะเริ่มเข้ามาสมทบมากขึ้นทุกที และทุกคนๆ ก็เอาแต่ตะโกนเรียกวิญญูชนสวรรค์อวี้ ในสายตาของพวกเขา บุรุษที่กำลังเดินขึ้นไปบนแท่นบูชานั้นคือผู้นำของพวกเขา เป็นเขานี่แหละที่ได้นำทุกเผ่าพันธุ์บุกฟันฝ่าเอาชีวิตรอด
ฉินมู่ตะลึงไปเล็กน้อย และเขาก็ชะลอฝีเท้า เขามองไปรอบๆ ยังผู้คนที่กระตือรือร้นทั้งหลาย และในฐานะของบุคคลที่มาจากอีกโลกหนึ่ง เขาไม่อาจเข้าใจได้ถึงความคลั่งไคล้ของผู้คนเหล่านี้
ในโถงวัง ผู้ฝึกวิชาทั้งหลายล้วนมาจากโลกมิติทุกรูปแบบ และพวกเขาก็นับได้ว่าเป็นผู้นำในแดนต่ำใต้ของตน กระนั้นพวกเขาก็ยังมาติดตามผู้นำอีกคนอย่างคลั่งไคล้ นี่ยากที่เขาจะเข้าใจเสียจริง
ที่เขาไม่รู้ก็คือ แม้ว่าสภาสวรรค์ในตอนนี้จะดูสมัครสมานกลมเกลียว แต่ทุกโลกมิติมิได้มีความสงบสามัคคีเช่นนี้ ในทางตรงข้าม มีอันตรายแฝงซ่อนอยู่ทุกหนแห่ง และสัตว์เทพที่มีเชื้อสายของเทพบรรพกาลก็อยู่ในทุกที่ทาง
มนุษย์ส่วนใหญ่และผู้คนจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ สวมใส่รองเท้าและเสื้อผ้าที่ทำจากหญ้า พวกเขาถือหอกอันทำจากไม้ และก็ดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยความยากลำบาก ถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับสัตว์เถื่อนก็พอทำเนา แต่หากว่าพวกเขาไปเผชิญหน้ากับสัตว์เทวะที่มีสายเลือดของเทพบรรพกาล ก็จะมีแต่บาดเจ็บและล้มตาย กลายเป็นอาหารรองท้องให้แก่ครึ่งเทพเหล่านั้น
แม้แต่ครึ่งเทพที่อ่อนแอที่สุด ก็ยังแข็งแกร่งกว่าเผ่ามนุษย์มากนัก
อันตรายไม่ได้มาจากที่นี่เท่านั้น ยังคงมีปรากฏการณ์ดินฟ้าอากาศ พายุหฤโหด ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และภัยธรรมชาติทุกอย่างที่ครอบงำไปทั่วยุคสมัยดึกดำบรรพ์
และในห้วงเวลานี้นี่เอง ที่วิญญูชนสวรรค์อวี้เปิดสมบัติเทวะทารกวิญญาณ และทำให้เผ่าพันธุ์อ่อนแอมีพลังอำนาจในการปกป้องตนเอง สามารถป้องกันภัยธรรมชาติ และต่อต้านครึ่งเทพได้ เขานั้นเป็นผู้นำของมนุษย์ทั้งหมด ผู้นำแห่งเผ่าอ่อนแอ!
บนแท่นบูชาแห่งราชวังข้าง สายตาของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวดูจะร้อนรนเล็กน้อย เขารีบฟื้นสติขึ้นมาทันทีและปรายตามองโอรสหยินสวรรค์ที่อยู่ไม่ห่างไกล
โอรสหยินสวรรค์สีหน้าซีดเผือด และเขามองไปยังวิญญูชนสวรรค์อวี้ที่เดินตรงไปยังแท่นบูชาด้วยสายตาเหม่อลอย เขานั้นทั้งว้าวุ่นและจับต้นชนปลายไม่ถูก
ฉินมู่เดินขึ้นไปบนแท่นบูชา และก้าวขึ้นไปบนบันไดทีละขั้นๆ
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ผู้อยู่บนแท่นบูชา ก็จับต้นชนปลายไม่ถูกเช่นกัน เขามิได้เดินลงจากแท่นเทวะ แต่เขาก็ฟื้นกิริยาท่าทีกลับมาอย่างแช่มช้า เขามองไปยังฉินมู่ที่กำลังเดินขึ้นมาและเผยรอยยิ้ม
แม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้าเป็นตัวปลอม แต่ข้าก็ไม่อาจเปิดโปงเจ้าได้
เขามีรอยยิ้มประดับอยู่บนหน้า และดูคล้ายจะตื่นเต้น เขาคิดในใจ เจ้าตายไปแล้ว ดวงวิญญาณของเจ้าแตกสลาย เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะรอดชีวิต ใครกันนะที่ปลอมตัวมาเป็นเจ้า วิชานี้ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกายเนื้อ เปลี่ยนแปลงรูปโฉมและท่วงที นี่มันมหัศจรรย์อย่างแท้จริง ข้าไม่อาจเปิดโปงเจ้าได้ หากว่าข้าเปิดโปงเจ้า ข้าก็ถูกเปิดโปงด้วยเช่นกัน คนอื่นๆ จะรู้ว่าเจ้าตายในน้ำมือของข้า แต่ทว่า เจ้าจะต้องเปิดโปงตัวเอง
แท่นบูชาเทวะนั้นสูงเป็นอย่างยิ่ง และทุกคนข้างล่างก็ได้แต่แหงนหน้ามองขึ้นมา
ฉินมู่เดินขึ้นไปบนแท่นบูชา และวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวก็อ้าแขนกว้าง เข้ามากอดเขาไว้อย่างแนบแน่น เขานั้นดูพลุ่งพล่านเสียจนสะอื้นไห้ แต่ในใจเขาคิดอีกอย่าง วิญญูชนสวรรค์อวี้ตัวจริงได้ถ่ายทอดวิธีการบรรลุเป็นเทพเจ้าให้ข้าแล้ว แต่เขาไม่เคยถ่ายทอดให้กับผู้อื่น เจ้าไม่รู้วิธีการบรรลุเป็นเทพเจ้า ข้าเพียงแต่แค่ต้องรอให้เจ้าเปิดโปงตนเอง เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าก็จะกลายเป็นมือมีดที่สังหารวิญญูชนสวรรค์อวี้ และถูกทุกคนรุมปาหินจนตาย!
เขาปล่อยฉินมู่ออกจากอ้อมกอดและปาดป้ายน้ำตา
ฉินมู่หัวเราะและกล่าว “วิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ทำไมเจ้าถึงเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่ข้าเพิ่งกลับมาจากความตายแล้วแท้ๆ เชิญนั่งก่อน”
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวนั่งลงไป และดวงตาของเขาก็แดงก่ำ “พี่อวี้ยังคงมีชีวิตอยู่ ข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว และถึงกับเฝ้าศพอยู่สิบวัน กลบฝังร่างของท่านด้วยมือของข้าเอง กระนั้นพี่อวี้ก็มาปรากฏตัวอย่างฉับพลัน เจ้าได้ทำให้น้องชายผู้โง่เขลานี้ทั้งประหลาดใจแกมยินดี พี่อวี้ ใครลอบสังหารเจ้าหรือ”
“คนสองคนที่สนิทกับข้ามาก”
ฉินมู่กล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “คนหนึ่งสังหารกายเนื้อของข้า และอีกคนหนึ่งทำลายดวงวิญญาณของข้า”
มือของโอรสหยินสวรรค์สั่นกึกๆ และม่านตาวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวก็หรี่แคบ
ฉินมู่พลันเคลื่อนไหว และท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน เขาต่อยลงไปที่ข้างหลังหัวใจของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว
“เขาใช้กระบวนท่านี้เพื่อบดขยี้ก้อนหัวใจของข้า!”
โอรสหยินสวรรค์แตกตื่น แต่ทว่า วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ก็เพราะว่าหมัดของฉินมู่นั้นไม่มีพลังข้างในเลยแม้แต่น้อย!
ร่างกายของฉินมู่เคลื่อนไหวว่องไวปานสายฟ้า และการโจมตีของเขาทั้งรวดเร็วและเขื่องข่ม แต่ละหมัดและแต่ละเตะแจ่มชัดราวทิวาเพื่อให้ทุกคนได้เห็นอย่างถนัดถนี่
“เขาใช้กระบวนท่านี้เพื่อบดขยี้ซี่โครงข้า!”
“เขาใช้กระบวนท่านี้เพื่อหักนิ้วของข้า!”
“เขาหักแขนของข้าแบบนี้!”
…
ฉินมู่ว่องไวปานสายฟ้า และเขาย้อนภาพที่วิญญูชนสวรรค์อวี้ถูกลอบสังหารออกมาอย่างรวดเร็ว เม็ดเหงื่อเย็นเยียบผุดที่หน้าผากของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวและเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่อวี้ทำให้ข้าตื่นตกใจแล้ว แล้วอีกคนหนึ่งทำลายดวงวิญญาณพี่อวี้ได้อย่างไรล่ะ”
ปราณชีวิตของฉินมู่พวยพุ่งออกมา และลมอันเยียบเย็นชั่วร้ายก็เริ่มเป่าพัด พร้อมๆ กับเมฆกลายเป็นสีดำทะมึน เขานั้นกำลังจะขับเคลื่อนทักษะเทวะของเขา
โอรสหยินสวรรค์เห็นสถานการณ์ และพลันล้มพับไปกับพื้นเสียงดังตึง เขาสลบไปด้วยความกลัว
ฉินมู่แตะนิ้วที่หน้าผากของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวและกล่าว “อีกคนหนึ่งใช้กระบวนท่านี้เพื่อทำลายดวงวิญญาณของข้าในพริบตาที่กายเนื้อของข้าสิ้นลมหายใจ”
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวเผยรอยยิ้มจริงใจและกล่าวอย่างนุ่มนวล “โชคยังดีที่พี่อวี้ไม่ตาย พี่อวี้นั้นนับว่ามีสวรรค์อวยชัยให้พรอย่างแท้จริง เป็นวาสนายิ่งนักที่พี่อวี้กลับมาอย่างปกติสุข! ดูสิ หยินเฉาจิ่นถึงกับเป็นลมไปด้วยความตื้นตัน ในเมื่อพี่อวี้มาที่นี่แล้ว ข้าจะไม่แย่งชิงความดีความชอบของเจ้า ขอพี่อวี้โปรดจงบอกเล่าพวกเราถึงวิธีการที่จะทำให้สรรพชีวิตทั้งหลายบรรลุเป็นเทพเจ้า! น้องชายผู้นี้จะลงไปก่อน...”
ฉินมู่คว้าข้อมือของเขาเอาไว้และหัวเราะ “ในเมื่อข้าได้ถ่ายทอดวิธีการบรรลุเป็นเทพเจ้าให้กับเจ้าแล้ว พวกเราก็มาถ่ายทอดวิธีการบรรลุเป็นเทพเจ้าด้วยกันเถอะ เจ้าพูดหนึ่งส่วน และข้าก็จะพูดอีกหนึ่งส่วน”
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวกล่าวด้วยความปีติยินดี “ข้าจะปฏิเสธการชี้แนะของพี่อวี้ได้อย่างไรกัน ถ้าเช่นนั้น ก็เชิญพี่อวี้กล่าวนำก่อน และข้าจะเริ่มที่ส่วนที่สอง!”
ฉินมู่สะบัดแขนเสื้อและนั่งลงไป เขาพยักพเยิดให้วิญญูสวรรค์ฮ่าวนั่งลงไปด้วย
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวนั่งลง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่อวี้ เชิญ”
จักรพรรดิก่อตั้งได้ถอยไปยังประตูโถงหลักอย่างไม่รู้ตัว และเขาเคลื่อนกายเข้าไปใกล้กับวัวแก่ กระซิบบอก “หากว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลง เจ้าต้องช่วยชีวิตเขา!”
หนิวซานตัวรีบกล่าว “ทำไมถึงจะมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอีกล่ะ สะพานเทวะได้เชื่อมต่อกับปราสาทสวรรค์ ศิษย์น้องเพียงแต่ต้องพูดถึงการให้จิตวิญญาณดั้งเดิมเหาะเหินขึ้นเบื้องบน มุ่งหน้าสู่ปราสาทสวรรค์ และเขาก็จะผ่านพ้น วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวไม่มีทางเปิดโปงเขาได้”
จักรพรรดิก่อตั้งส่ายศีรษะและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวมีเจตนาร้าย และที่เขาให้เขาพูดถึงส่วนนำนั่นก็เพื่อให้เผยไต๋ออกมา เจ้าก็รู้ว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมสามารถเหาะขึ้นไปยังปราสาทสวรรค์เบื้องบนเพื่อกลายเป็นผู้อมตะเหมือนกับเทพเจ้า เทียบเทียมกับเทพบรรพกาล แต่ทว่า ในผู้คนแห่งยุคสมัยนี้ ไม่มีปราสาทสวรรค์อยู่ในตัว!”
วัวแก่ตกตะลึง เหงื่อเม็ดเป้งผุดที่หน้าผากของเขา
จักรพรรดิก่อตั้งกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ผู้คนแห่งยุคสมัยนี้ยังคงมิได้บุกเบิกปราสาทสวรรค์ และสะพานเทวะของพวกเขาก็เป็นเพียงสะพานเหินหาวที่ว่างเปล่า! วีรกรรมของวิญญูชนสวรรค์อวี้คือการสร้างสรรค์ปราสาทสวรรค์ขึ้นมาจากความว่างเปล่า! ตอนนี้เมื่อเขาตายไปแล้ว มีแต่วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวที่รู้วิชาฝึกปรือในการบุกเบิกปราสาทสวรรค์! มู่ชิง เขาจะรู้วิธีการบุกเบิกปราสาทสวรรค์หรือไม่ หากว่าเขารู้ เขาก็จะเป็นวิญญูชนสวรรค์อวี้อีกคน! หากว่าเขาไม่รู้ เขาก็จะถูกเปิดโปง!”
วัวแก่หัวใจตกวูบ และเขาพึมพำ “ทำไมเขาถึงไม่แค่บอกว่าวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวเป็นผู้ทำร้ายเขา และกระทืบเขาให้ตายไปก็พอ ทำไมเขาถึงต้องทำเรื่องอย่างการถ่ายทอดวิชาฝึกปรือ…”
“เขามีเจตนาอื่นในการขึ้นไปบนแท่นบูชา เขาต้องการจะจำกัดวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวเอาไว้ และยังให้วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวถ่ายทอดวิธีการบรรลุเป็นเทพเจ้าออกไป นี่เพื่อป้องกันไม่ให้อารยธรรมในอนาคตไม่มีวิธีการบรรลุเป็นเทพเจ้า ดังนั้นเขาจึงไม่อาจกำจัดวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวไปได้อย่างทันทีทันใด”
จักรพรรดิก่อตั้งหรี่เสียงลง “แต่ทว่า วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดา เขามองทะลุจิตเจตนาของมู่ชิง คนผู้นี้ทั้งอำมหิตและจะเป็นคู่อาฆาตยิ่งใหญ่ของข้า!ที่นี่คือสภาสวรรค์แห่งเทพเจ้าบรรพกาลในยุคโบราณ มีครึ่งเทพและผู้ฝึกวิชาเทวะอยู่ทั่วไปหมด หากว่าเขาตอบไม่ได้ วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวก็ไม่จำเป็นต้องโจมตี ครึ่งเทพและผู้ฝึกวิชาเทวะคนอื่นๆ จะกระทืบมู่ชิงให้ตายแทน! ยิ่งไปกว่า…”
เขาเผยสีหน้าวิตกและคิดในใจ สระหยกเป็นอุทยานของจักรพรรดินีฟ้า การที่วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวกล้าสังหารวิญญูชนสวรรค์อวี้ในสถานที่ของจักรพรรดินีฟ้า น้ำที่นี่มันลึกจนเกินไปแล้ว วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวเป็นครึ่งเทพ บุตรของเทพบรรพกาลและมนุษย์ ใครคือเทพบรรพกาลตนนั้น มู่ชิงบุ่มบ่ามจนเกินไปแล้ว พวกเรามาที่นี่ในตอนนี้ เพื่อเสาะแสวงแง่อัศจรรย์แห่งยุคโบราณ และเขาถึงกับเอาตัวเข้าไปร่วมด้วยในนั้น ผลักไสตนเองเข้าไปในอันตราย…
บนแท่นบูชา ปราณชีวิตฉินมู่ลอยขึ้นไป และมันก็วิจิตรตระการ ปราณชีวิตของเขาแปรเปลี่ยนและก่อรูปขึ้นมาเป็นทารกวิญญาณ ห้าธาตุ หกทิศ เจ็ดดาว ชาวสวรรค์ เป็นตาย และสะพานเทวะ–เจ็ดมหาสมบัติเทวะ
ด้วยการใช้ปราณชีวิตเพื่อก่อรูปพวกมันขึ้นมา เขาก็เผยให้เห็นแง่อัศจรรย์แห่งเจ็ดมหาสมบัติเทวะให้แก่ทุกคน
“พีชคณิตเพริศแพร้วพิสดาร! หลวงจีน ความสำเร็จเชิงพีชคณิตของวิญญูชนสวรรค์อวี้สูงล้ำขนาดนี้เชียว!”
นักพรตที่กำลังถือเข็มทิศอยู่เงยหน้าขึ้นมอง เขาเอ่ยปากชมไม่หยุดและกล่าวกับหลวงจีนข้างๆ “สมกับที่เป็นวิญญูชนสวรรค์อวี้ เขานั้นเกือบจะย่างกรายสู่เต๋าด้วยพีชคณิตแล้ว มหัศจรรย์เกินบรรยายอย่างแท้จริง! เจ้ามองออกไหมว่าสมบัติเทวะพวกนี้ก่อรูปขึ้นมาจากโครงสร้างพีชคณิต”
ข้างเขา หลวงจีนกำลังขอบิณฑบาตอยู่ “ศิษย์พี่ท่านนี้ พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องอดอาหารมาสองวันแล้ว เห็นแก่วาสนาที่ต้องกัน โปรดบริจาคยาวิญญาณสักสองเม็ดเถอะ พีชคณิตพวกนี้ไม่มีประโยชน์กับข้า ข้าฝึกแต่จิตใจเท่านั้น”
ฉินมู่ใช้ปราณชีวิตเพื่อประกอบสร้างสมบัติเทวะ และมันก็เป็นตัวแบบเดียวกันกับที่เขาก่อสร้างกับซวีเซิงฮวาและคณะ นั่นจึงเป็นเหตุให้มันสมจริงไร้ที่ติ
ปราณชีวิตของเขาแปรเปลี่ยนเป็นรูปเงาของวิญญูชนสวรรค์อวี้ และรูปเงานั้นก็เดินไปยังจุดสูงสุดของสะพานเทวะ เขานั้นกำลังจะไปถึงอีกฟากสุดของสะพาน
จักรพรรดิก่อตั้งกระวนกระวายขึ้นมา จังหวะคับขันอยู่ตรงนี้ หากว่าฉินมู่งัดเอาวิธีบรรลุเป็นเทพเจ้าออกมาไม่ได้ วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวก็จะกล่าวหาว่าเขาเป็นตัวปลอม และก็จะใส่ร้ายป้ายสีความตายของวิญญูชนสวรรค์อวี้ไปให้แก่เขาอีก!
รูปเงาของวิญญูชนสวรรค์อวี้ที่แปรเปลี่ยนจากปราณชีวิตของฉินมู่เดินมาถึงปลายสุดสะพานและหยุดชะงัก
ฝ่ามือของจักรพรรดิก่อตั้งชื้นด้วยเหงื่อไปหมด
ผู้คนในอนาคตรู้ก็แต่ว่ามีปราสาทสวรรค์ดำรงอยู่ แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามันมาได้อย่างไร!
พวกเขาคือลูกหลานของผู้ฝึกวิชาเทวะที่บุกเบิกปราสาทสวรรค์ไว้แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสมบัติเทวะหรือปราสาทสวรรค์ พวกมันก็มีอยู่ที่นั่นอยู่ตลอด ตราบเท่าที่พวกเขาฝึกปรือถึงเขตขั้นหนึ่ง พวกเขาก็จะสามารถเปิดสมบัติเทวะของตน และเหาะเหินขึ้นไปยังปราสาทสวรรค์ได้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องขบคิดถึงเหตุผล
นี่คือสาเหตุว่าทำไมวิญญูชนสวรรค์อวี้จึงยิ่งใหญ่อัศจรรย์!
เป็นธรรมดาที่ฉินมู่ย่อมไม่รู้วิธีการบุกเบิกปราสาทสวรรค์ หากว่าเขาไม่รู้ เขาก็จะก่อความผิดพลาดในการกล่าวนำ และเข้าไปแบกรับโทษผิดของการสังหารวิญญูชนสวรรค์อวี้!
นี่คือประเด็นสำคัญ และมันก็คือจังหวะที่อันตรายร้ายกาจที่สุด!
พวกเราจะบุกเบิกปราสาทสวรรค์ขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้อย่างไร
สมองของจักรพรรดิก่อตั้งขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว และความคิดกับแนวทางทั้งหมดก็ไหลบ่าเข้ามา วิญญูชนสวรรค์อวี้บุกเบิกปราสาทสวรรค์ได้อย่างไร หากว่าเขาสามารถทำได้ คนอื่นๆ ก็ย่อมทำได้ด้วยเช่นกัน หากว่าเขาสามารถคิดค้นวิชาฝึกปรือนี้ คนอื่นก็ย่อมคิดค้นวิชาฝึกปรือดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน เขาทำมันได้อย่างไรนะ
ทันใดนั้น แสงก็สว่างวาบขึ้นมาในหัว ทำไมวิญญูชนสวรรค์อวี้ถึงจะต้องจัดงานชุมนุมในสระหยกเพื่อป่าวประกาศวิธีการบรรลุเป็นเทพเจ้าด้วยล่ะ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการหยิบยืมอิทธิพลอำนาจเท่านั้น แต่ยังมีเหตุผลอื่น! ปราสาทสวรรค์ ปราสาทสวรรค์ ที่แท้ก็แบบนี้!
เขาพลันตระหนักขึ้นมา การจัดเรียงของปราสาทสวรรค์ที่วิญญูชนสวรรค์อวี้บุกเบิกขึ้นมานั้นเหมือนกับแผนผังปราสาทสวรรค์ในสภาสวรรค์ไม่มีผิด! วิญญูชนสวรรค์อวี้บุกเบิกปราสาทสวรรค์ ก็เพราะเขาได้สังเกตดูสิ่งปลูกสร้างในปราสาทสวรรค์ เขามีความรู้สึกว่ามันพัฒนาได้ เขามีความรู้สึกว่ามันสร้างสรรค์ขึ้นมาได้!
สมบัติเทวะนั้นเพื่อที่จะปลุกพลังในกายเนื้อของผู้ฝึก ขณะที่ปราสาทสวรรค์คือ…
ขณะที่เขาคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็พลันได้ยินเสียงของฉินมู่มาจากข้างบนยอดสุดของแท่นบูชา “สมบัติเทวะนั้นเพื่อปลุกพลังอำนาจในกายเนื้อของผู้ฝึก ขณะที่ปราสาทสวรรค์นั้นเพื่อปลุกพลังอำนาจของเทพเจ้าในกายเนื้อของผู้ฝึก ข้าตั้งชื่อเขตขั้นวรยุทธอันไพศาลนี้ว่า ปราสาทสวรรค์”
จักรพรรดิก่อตั้งร่างสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง และเขาเงยศีรษะขึ้นไปมองดูชายหนุ่มเสื้อม่วงบนแท่นบูชานี่มันราวกับว่าเขาได้พบเจอวิญญูชนสวรรค์อวี้อีกคนหนึ่ง
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวหัวใจสะท้านอย่างรุนแรง และเผยสีหน้าไม่เชื่อหู
และในตอนนั้นเอง โอรสหยินสวรรค์ที่ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ และบังเอิญฟื้นมาได้ยินประโยคนั้นอย่างพอดิบพอดี ความกลัวก็เข้าจู่โจมหัวใจของเขาอย่างรุนแรง และเขาก็เป็นลมไปอีกครั้ง