ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 745 กระบี่ราวมังกรบนมหรรณพ
สระหยกประดุจห้วงมหรรณพ
สำหรับเทพบรรพกาลที่มีกายเนื้อใหญ่โตมโหฬาร สระหยกเหมือนกับสระน้ำสำหรับพวกเขา แต่สำหรับมนุษย์ สถานที่นี้กว้างไกลราวมหาสมุทร อันที่จริงแล้ว สระหยกก็ยังมีอีกนามเรียกขาน คือทะเลหยก
ในทะเล เต่าเทวะนั้นกำลังแบกขุนเขาศักดิ์สิทธิ์อันว่างกลวงข้างในไว้บนหลัง ขณะที่พวกมันแหวกว่ายไปทั่วด้วยความสำราญ และยังมีดอกบัวใหญ่ กลีบของพวกมันใหญ่โตเท่าภูเขา พวกมันมีสีสันอันละลานตา และแจ่มจ้าสดใส
เมื่อมาถึงสระหยก ผู้ฝึกวิชาเทวะจะไม่รู้สึกว่าสระหยกนั้นกว้างใหญ่เกินไป ในทางตรงข้าม พวกเขารู้สึกเหมือนว่าตนเองย่อหดร่างลงไปไม่รู้ตั้งกี่เท่า
ข้างหน้านั้น วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวได้หยุดเดินแล้ว สถานที่นี้ห่างไกลจากตึกน้อยสระหยก และเกาะสมบัติสระหยก รอบๆ เขา ครึ่งเทพมากมายเดินเข้ามา และยังมีทั้งที่เหาะอยู่บนท้องฟ้าและซ่อนตัวอยู่ในก้อนเมฆ
มีทั้งพวกที่ซ่อนอยู่ใต้ทะเล เมื่อฉินมู่เดินไปบนผิวน้ำ เขาก็สามารถมองเห็นร่างของสัตว์ยักษ์ที่แหวกว่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว เกล็ดของพวกมันเป็นสีเดียวกับระยับคลื่น
“วิญญูชนสวรรค์อวี้ นั่นคือเจ้าจริงๆ น่ะหรือ”
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวมองไปที่เขาซึ่งกำลังเดินเข้ามา และพลันถอนหายใจ เขากล่าวด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม “มันอาจจะแปลกอยู่สักหน่อยที่จะกล่าวเช่นนี้ แต่ข้าหวังด้วยใจจริงว่าเจ้าจะเป็นเขาจริงๆ แต่ข้าก็รู้ว่าเจ้าไม่น่าจะเป็นเขา เจ้านั้นตายไปแล้ว เจ้าไม่มีทางมีชีวิตอยู่ได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าจะรอดชีวิตมาได้อย่างไร กระนั้นเจ้าก็ยังคงหายใจและมีชีวิตอยู่ตรงหน้าข้า นี่ทำให้ข้าฉงนฉงายยิ่งนัก”
เขาเผยสีหน้าเหม่อลอย “ข้าได้สังหารเจ้าไปแล้วชัดๆ และทำลายดวงวิญญาณของเจ้า กระนั้นเจ้าก็ยังคงฟื้นกลับมาจากความตาย เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร”
ในท้องฟ้า เทพบรรพกาลที่มีใบหูมหึมานั้นกำลังเงี่ยหูฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสระหยก เมื่อเขาได้ยินคำพูดของวิญญูชนฮ่าว เขาก็พลันตัวสั่นเทิ้มและหันหนีไป
ในเวลาเดียวกันนั้น สีหน้าของเทพเจ้าตาเดียวภายใต้พื้นดินของสระหยกก็แปรเปลี่ยนบิดเบี้ยว เขารีบมุดดินขึ้นมาและเหาะเหินไปยังท้องฟ้า
เทพบรรพกาลทั้งสองมาพบกัน และพวกเขามีสีหน้าประหลาด
พวกเขามิใช่ใครอื่น นอกเสียจากแม่ทัพโสตสวรรค์และแม่ทัพจักษุพิภพ
“พวกเราควรรายงานเรื่องนี้แก่ฝ่าบาทไหม” โสตสวรรค์ถาม
จักษุพิภพส่ายศีรษะและครางในคอ “เจ้าไม่กลัวตายหรืออย่างไร หากว่าพวกเรารายงานฝ่าบาท พวกเราทั้งคู่ก็จะต้องตายอย่างแน่นอน”
โสตสวรรค์ขมวดคิ้ว และหูของเขาก็ม้วนขึ้น เขากล่าวด้วยเสียงเบา “ฝ่าบาทสั่งให้พวกเราสืบสวนเรื่องนี้ และมรณกรรมของวิญญูชนสวรรค์อวี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นวิญญูชนสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นวิญญูชนสวรรค์ที่ได้รับการอวยพรจากทวยเทพทั้งหมด ความตายของเขาจะต้องก่อเรื่องใหญ่ร้ายแรงอย่างแน่นอน!”
จักษุพิภพมีดวงตาเพียงดวงเดียวที่หว่างคิ้วของเขา ในตอนนั้น เขาหลับตาเอาไว้และส่ายหัวไปมา “ต่อให้พวกเราบอกฝ่าบาทแล้วจะเป็นอย่างไร ฝ่าบาทก็จะปล่อยเรื่องนี้ไว้ให้ค้างคาอยู่เช่นนี้แหละ ความฉิบหายที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งใหญ่หลวง ในเวลานั้น ฝ่าบาทก็มีแต่จะฆ่าปิดปากพวกเรา”
โสตสวรรค์นั้นพลันนึกอะไรไม่ออก “งั้นพวกเราควรทำอะไร”
“ไม่เห็นความชั่ว ไม่ได้ยินความชั่ว”
เทพบรรพกาลจักษุพิภพถอนหายใจ “ข้าตาบอด ส่วนเจ้าก็หูหนวกไปเสีย แบบนี้ ชีวิตของพวกเราก็จะรอดไปได้”
เทพบรรพกาลโสตสวรรค์ผงกศีรษะ “พวกเราคงได้แต่ทำเช่นนี้ เพียงแต่วิญญูชนสวรรค์อวี้ได้เสียชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์ วิญญูชนสวรรค์มู่ได้แปลงกายเป็นวิญญูชนสวรรค์อวี้ ถ่ายทอดวิชาแทนเขา และยังไปล้างแค้นให้เขาอีกด้วย เขานั้นคงจะเสียชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นกัน น่าเสียดาย น่าเสียดาย สองวิญญูชนสวรรค์ต้องมาสูญเสียไป…”
เทพบรรพกาลจักษุพิภพกล่าวพลางถอนหายใจ “เมื่อเขานำศพของวิญญูชนสวรรค์อวี้ออกมา ข้าก็กระโดดโหยงด้วยความตกใจ เมื่อเขาแปลงร่างเป็นวิญญูชนสวรรค์อวี้ ข้าก็แตกตื่นอีกครั้ง ข้าไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร แต่เมื่อข้าได้ยินเขาถ่ายทอดวิชาฝึกปรือแทนวิญญูชนสวรรค์อวี้ ข้าก็เริ่มนับถือยกย่องเขา”
เทพบรรพกาลโสตสวรรค์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะให้คำตอบเรื่องนี้ว่าอย่างไร”
เทพบรรพกาลจักษุพิภพก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งเช่นกัน “ไม่เห็นความชั่ว ไม่ได้ยินความชั่ว พวกเราตาบอดและหูหนวก พวกเราไม่เห็นเขา และพวกเราก็ไม่รู้ว่าเขาแปลงกายเป็นวิญญูชนสวรรค์อวี้”
“ใช่แล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเราไม่รู้เลยสักอย่าง!”
หลังจากที่เทพบรรพกาลทั้งสองตนหารือกันเสร็จ พวกเราก็เหาะจากไป
ที่ผิวทะเล ครึ่งเทพมากมายตระเวนไปมาบนท้องฟ้าและพื้นผิวมหาสมุทร พวกเขาห้อมล้อมปิดกั้นบริเวณนี้
รอบๆ วิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ครึ่งเทพต่างพากันมาป้องกันพิทักษ์เขาเอาไว้
“วิญญูชนสวรรค์อวี้ เจ้ายืนกรานที่จะฉีกหน้ากันจริงๆ น่ะหรือ”
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวถอนหายใจและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าก็รู้ปูมหลังที่มาของข้า เจ้าแตะต้องข้าไม่ได้ เจ้าเพลี่ยงพล้ำเสียทีและก็ได้แต่กลืนความเจ็บช้ำเอาไว้”
“วิญญูชนสวรรค์อวี้ เจ้าถอยไปเสียเถอะ”
ตรงหน้าเขา มีครึ่งเทพที่มีหนวดของพยัคฆ์และเกล็ดของมังกร เขาเผยร่างกึ่งมนุษย์กึ่งเทพ เขากล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “แม้ว่าเจ้าจะเสียท่า แต่ร่างของเจ้าก็ไม่ตาย เจ้าเป็นอัจฉริยะ ดังนั้นก็ควรจะต้องเห็นและเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน”
“เจ้าพูดถูก”
ครึ่งเทพอีกตนก็แปลงกายเป็นร่างกึ่งมนุษย์กึ่งเทพ เขาหัวเราะในคอและกล่าว “เมื่อเจ้าตายในศาลาวายุแผ่ว เจ้าก็น่าจะรู้แล้วว่าเจ้าสู้กับวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวไม่ได้หรอก เจ้าลืมไปแล้วหรือว่า เจ้าตะเกียกตะกายอย่างไรก็หลบหนีออกไปจากศาลาวายุแผ่วไม่ได้ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าใครเป็นผู้ใช้พลังวัตรเพื่อปิดผนึกศาลาวายุแผ่วเอาไว้”
ครึ่งเทพอีกคนแปลงกายและแย้มยิ้ม “แม้ว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะแห่งเผ่ามนุษย์ และเจ้านั้นได้รับการประดับมงกุฎให้เป็นวิญญูชนสวรรค์ที่ได้รับการอวยชัยให้พรจากทวยเทพทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นแค่มนุษย์ เป็นตัวตนนั้นแหละที่สั่งให้พวกข้าไปปิดผนึกศาลาวายุแผ่วเอาไว้ นี่จึงเป็นเหตุให้เจ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะร่ำร้องอย่างไรก็ตาม”
ครึ่งเทพอีกตนก้าวออกไปข้างหน้าและยิ้มหยัน “มนุษย์อ่อนแอโดยธรรมชาติ ต่อให้เจ้าบ่มเพาะปราสาทสวรรค์ ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของครึ่งเทพ เจ้าฝืนทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ก็มีแต่ตายกับตาย! คราวนี้ เจ้าจะไม่มีทางฟื้นคืนชีพอย่างแน่นอน!”
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วิญญูชนสวรรค์อวี้…”
ฉินมู่ ผู้ซึ่งมิได้ปริปากมาเป็นเวลานาน พลันขัดจังหวะเขา “ไม่ใช่ว่าเจ้าควรจะเรียกข้าว่าพี่ชายหรือบิดาหรอกหรือ”
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวหัวเราะด้วยเสียงอันดัง “เรียกเจ้าว่าพี่ชายหรือบิดา? เจ้ารู้ไหมว่าท่านพ่อของข้าคือใคร เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่ชายของข้าคือใคร…”
ตูม!
ฉินมู่สืบเท้าไปข้างหน้า และพื้นผิวทะเลก็ระเบิด วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวตกตะลึง ทันใดนั้น ความมืดมิดก็เข้าบดบังดวงตาเขา เร็วอะไรอย่างนี้!
เขานั้นมีครึ่งเทพมากมายห้อมล้อมเอาไว้ และครึ่งเทพเหล่านี้คือลูกสมุนที่เขาคัดเลือกมาเป็นอย่างดี แต่ละตนนั้นมีกำลังฝีมืออันแข็งแกร่งสุดขีดขั้ว และมีแม้กระทั่งครึ่งเทพที่แข็งแกร่งกว่าเขา
เขานั้นก็เป็นครึ่งเทพด้วยเช่นกัน สายเลือดของเขายิ่งสูงส่งกว่าครึ่งเทพตนอื่นๆ เสียอีก ดังนั้นหลังจากที่เขาเติบโตขึ้นมา กำลังฝีมือของเขาจึงแข็งแกร่งกว่าครึ่งเทพตนอื่นๆ
กระนั้นเขาก็ยังอยู่ในวันปีของวัยรุ่น ขณะที่ผู้ติดตามครึ่งเทพของเขาเหล่านั้น อายุมากกว่ามากนัก ดังนั้น กำลังฝีมือของครึ่งเทพเหล่านั้นจึงแข็งแกร่งกว่า
กระนั้นย่างก้าวนี้ของฉินมู่ ก็เคลื่อนไหวดุจเงาภูตพรายที่มาที่หน้าเขา ครึ่งเทพตนอื่นๆ ไม่ทันมีเวลาตั้งตัว!
ความมืดตรงหน้าดวงตาของเขานั้นไม่ใช่เพราะว่าจู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดมัว แต่เพราะว่ากำปั้นของฉินมู่ที่ซัดมาตรงหน้าเขาและปิดกั้นทัศนวิสัยทั้งหมด!
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวสีหน้าบิดเบี้ยว และเมื่อกำปั้นของฉินมู่กระแทกใบหน้าของเขา เขาก็ได้ยินเสียงสันจมูกแตกร้าว และในเสี้ยวพริบตาถัดมา เขาก็ได้ยินเสียงหักเปรี๊ยะจากซี่โครง
นั่นคือกระดูกซี่โครงซี่แรก
ตามมาด้วยซี่ที่สอง และซี่ที่สาม
หมัดของฉินมู่ซัดลงไปที่ใบหน้าของเขา และในเวลาเดียวกัน เข่าของเขาก็กระแทกเข้าใส่ซี่โครงอย่างหนักหน่วง กำลังทั้งสองแบบระเบิดออกมาในเวลาเดียวกัน วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวปลิวกระเด็นไปข้างหลัง เขาก็ยังคงมองไม่เห็นสิ่งใดต่อหน้าต่อตาตนเอง
แปก
เขากระเด็นขึ้นสูง และร่วงลงกับผิวน้ำ จากนั้นเขาก็กระดอนขึ้นไปและร่วงตกลงมาอีกที
“บังอาจ!”
ครึ่งเทพมากมายไหวตัวมาทีหลัง และครึ่งเทพหนวดเสือเกล็ดมังกรก็คำราม โลหิตในร่างของเขาเดือดพล่านและหมุนเป็นเกลียววนเพื่อเฉือนตัดไปยังฉินมู่
กระบี่ในมือของฉินมู่พลันแปรเปลี่ยนเป็นแสงมีด และแสงมีดก็พุ่งฉวัดตัดไขว้กัน ครึ่งเทพตนนั้นกุมคอของมันเอง แต่ศีรษะบนคอของเขาได้ปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้าจากแรงพลุ่งพล่านของปราณและโลหิตของเขาแล้ว
ครึ่งเทพตนอื่นๆ ล้วนเข้ามาล้อมฉินมู่ และตะโกนตวาดอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมๆ กัน น้ำทะเลพวยพุ่งขึ้นมาเหมือนกับเสาวารี และร่างกายใหญ่มหึมาทั้งหลายก็เข้าจู่โจมฉินมู่พร้อมๆ กัน!
“ย้อนพันฝ่ามือ!”
รอบๆ ร่างกายฉินมู่ ภาพค้างจำนวนนับไม่ถ้วนก่อรูปเงาขึ้นมา และพวกมันพลันเข้ารวมด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว
“เหนือยอดสวรรค์พิสดาร!”
ตูม!
วิชามรรคาบู๊ของเขาระเบิดออกไป และเรือนกายใหญ่โตเหล่านั้นก็ปลิวกระเด็นไปทั่วสารทิศ กระแทกลงไปในมหาสมุทรและสร้างคลื่นยักษ์ฉาดฉาน
ฉินมู่เช็ดเลือดที่มุมปากของตนเอง และย่างเท้าตรงไปยังวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวผู้ซึ่งถูกซัดกระแทกลงไปในทะเล
ท้องทะเลพลันแหวกออก และครึ่งเทพที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำก็อ้าปากมหึมาเพื่อกัดเขา
อักษรรูนหมุนวนรอบกาย และทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกลของเขาก็กระตุ้นทำงาน ศีรษะของครึ่งเทพตนนั้นถูกเคลื่อนย้ายระยะไกลไป เหลือแต่ร่างไร้ศีรษะที่กระแทกตกลงไปในทะเล โลหิตเทวะย้อมน้ำทะเลจนแดงฉาน
ในจังหวะถัดมา ร่างของฉินมู่ก็ปรากฏขึ้นมา และเขาก็ซัดต่อยศีรษะครึ่งเทพตนนั้นจนทะลุด้วยหมัดเดียว เขาเดินต่อไปข้างหน้าโดยไม่มีโลหิตสักหยดแตะต้องกาย
ตรงหน้านั้น ใบหน้าของวิญญูชนสวรรค์เลอะเลือนไปด้วยเลือด และเขาพยายามข่มระงับอาการบาดเจ็บ เขาหันกายไปเพื่อวิ่งหนี พลางตะโกน “หยุดเขาเอาไว้!”
เสียงหวีดหวือดังมาจากข้างบนศีรษะของฉินมู่ เมื่อครึ่งเทพตนหนึ่งกระพือปีกโฉบลงมาจากท้องฟ้า ความเร็วของเขาเร็วอย่างยิ่งยวด จนเหมือนกับดาวหาง
ครึ่งเทพครอบครองสายเลือดของเทพบรรพกาล และพวกเขาก็ล้วนแต่มีทักษะและความเชี่ยวชาญพิเศษของตน ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้ร่างเต็มวัยมากเท่าไร ก็ยิ่งมีกำลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
ครึ่งเทพบางตนไม่อ่อนด้อยไปกว่าเทพบรรพกาลเลยด้วยซ้ำ
ครึ่งเทพเหล่านี้ที่ติดตามวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวล้วนแต่เป็นรุ่นเยาว์ แต่กำลังฝีมือของพวกเราค่อนข้างจะไม่ธรรมดา กระนั้นเมื่อครึ่งปีกนกโฉบลงมา เขาก็พลันมองไม่เห็นฉินมู่
คอของเขารู้สึกเย็นเยียบ และเขาก็มองเห็นร่างไร้หัวของตนร่วงลงไปในมหาสมุทร
นี่มันทักษะเทวะอะไร ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน...
ฉินมู่ก้าวต่อไปข้างหน้า และสายตาของเขาจิกจ้องไปยังวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวที่กำลังโซซัดโซเซไปข้างหน้าอย่างน่าอนาถ ทะเลตรงหน้าระเบิดออก และคชสารเทวะที่เป็นสีขาวเผือกทั้งตัวก็วิ่งตะบึงเข้าใส่เขาบนผิวทะเล คลื่นสองลููกเห่อเหิมขึ้นมาจากทั้งซ้ายและขวา และแต่ละคลื่นก็สูงถึงหนึ่งร้อยห้าสิบวา
คชสารเทวะร้องแปร๋แปร๋น เสียงของมันกึกก้องกัมปนาท มันบุกตะลุยเข้าใส่ฉินมู่ด้วยความเร็วสูงสุด
ฉินมู่ยกมือทั้งสองขึ้น และแสงมีดก็ปรากฏผ่าลงไปเฉือนตัดคชสารเทวะออกเป็นสองเสี่ยง เขายังคงวิ่งตะบึงต่อไป ผ่านร่างที่ถูกผ่าเป็นสองของช้างตัวนี้
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวหันกลับไปมองภาพดังกล่าว และเขาก็ตื่นตระหนกใจอย่างไม่รู้จบ
ทะเลปูดนูนขึ้น และปลายักษ์ก็เหินเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า มันควบคุมมวลน้ำทะเลให้กดทับลงมายังฉินมู่!
มหาสมุทรพลันสะท้านสะเทือนและผงาดตัวขึ้นกลบใส่ฉินมู่
“ตายซะ! ตายซะ!” ปลายักษ์ร้องด้วยความลิงโลด
ครึ่งเทพตนอื่นๆ ก็เหาะเข้ามา และเหยียบอยู่บนผิวทะเล แสงเทวะสาดส่องจากดวงตาของเขา พลางมองหาวี่แววของฉินมู่
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวก็หยุดวิ่ง และถ่มเลือดในปากของเขาออกไป
ในตอนนั้นเอง ประตูสีดำมะเมื่อมก็พลันปรากฏบนทะเล และเริ่มหมุนปั่นไปอย่างดุเดือด มันซัดกวาดผ่านร่างของครึ่งเทพ และดวงวิญญาณของพวกเขาก็ตกลงไปในแดนใต้พิภพ พวกเขากลายเป็นศพและร่วงตกลงในมหาสมุทร
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวม่านตาหรี่แคบ เขาเห็นศีรษะของฉินมู่โผล่ขึ้นมาจากทะเล ก่อนจะยกตัวขึ้นสูงจากนั้นขึ้นอย่างแช่มช้า แม้ว่าเขาจะจมอยู่ในทะเลมากกว่าครึ่ง แต่ก็ยังก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างเยือกเย็น
ร่างของฉินมู่ผุดสูงขึ้นและสูงขึ้นทุกที จนในที่สุดเขาก็เดินเหยียบบนผิวน้ำอีกครั้ง
“เจ้าไม่ใช่วิญญูชนสวรรค์อวี้ วิญญูชนสวรรค์อวี้ไม่มีทักษะเทวะที่น่าแตกตื่นขนาดนี้…”
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวก้าวถอยหลังไปและจ้องเขม็งไปยังฉินมู่ ครึ่งเทพตนอื่นๆ ก็ก้าวเข้ามาและพ่นเพลิงไฟ ขณะที่บางตัวก็ยิงลำแสงออกจากดวงตา บ้างก็ใช้ขนนกต่างดาบและกระบี่ แต่สำหรับฉินมู่แล้ว ทักษะเทวะพวกนี้จากผู้คนดึกดำบรรพ์นั้นตื้นเขินจนเกินไป
ไม่ทันที่ทักษะเทวะทั้งหลายจะมาถึงเขา เจ้าของทักษะเทวะพวกนี้ก็คงจะถูกเขาปลิดชีพสังหารไปเสียก่อน
ในยุคสมัยนี้ ไม่มีทักษะเทวะใดที่คู่ควรให้เขาต้องมาเสียเวลาด้วย!
แม้ด้วยกำลังฝีมือดุจเทพยดา ทักษะเทวะของคนอื่นก็เต็มไปด้วยช่องโหว่ในสายตาของเขา ตราบเท่าที่ศัตรูโจมตีเข้ามา พวกเขาก็จะต้องตายอย่างแน่นอน
เขาก้าวต่อไปข้างหน้า และวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวก็กัดฟันกรอดและยังคงวิ่งหนีต่อ เขาตะโกน “ข้ารู้ว่าเจ้าคือใคร! วิญญูชนสวรรค์มู่…”
เขาหลบหนีเข้าไปในขุนเขาเทวะและร้องตะโกนด้วยเสียงอันดัง “วิญญูชนสวรรค์มู่คิดจะฆ่าข้า!”
เต่าที่กำลังแบกขุนเขาเทวะหันกลับมาและมองไปยังฉินมู่ ผู้ซึ่งกำลังย่างก้าวมาทีละก้าวๆ เขากล่าวด้วยเสียงอันเคร่งขรึม “วิญญูชนสวรรค์อวี้ แม้ว่าเจ้าจะมีกำลังฝีมืออันเหนือธรรมดา แต่ที่นี่คือสระหยก เจ้ารู้หรือไม่ว่ามารดาของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวคือผู้ใด หากว่าเจ้ารู้…”
ฉินมู่ยกมือขึ้น และกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็วิ่งฉิวออกไปใต้ผืนน้ำ เต่าเฒ่าตัวนี้โกรธเกรี้ยวและยิ้มหยัน “เป็นแค่หิ่งห้อยริจะเปล่งแสงเทียบดวงตะวัน…”
“ริเริ่มภัยพิบัติ…”
ลำแสงของรังสีกระบี่เจิดจ้าประดุจเสา มันยืดยาวไปไกลกว่าสิบลี้ และแทงทะลุหว่างคิ้วของเต่า ก่อนที่จะทะลวงออกไปข้างหลังเกาะ
ขุนเขาเทวะทรุดฮวบลงไป
ฉินมู่เรียกกระบี่ของเขากลับมา และมันก่อขึ้นเป็นลูกกลมที่หมุนปั่นไปอย่างรวดเร็วบนพื้นผิวมหาสมุทร
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวผู้อยู่บนขุนเขาเทวะรีบกระโดดขึ้นและหนีไปทันที
อักษรรูนหมุนวนรอบกายฉินมู่ เมื่อเขาพุ่งวาบและย่นระยะห่างระหว่างทั้งสองคน
ทันใดนั้น รัศมีอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนก็แผ่พุ่งมา และทำให้มิติอวกาศในบริเวณรอบๆ สั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดหย่อน
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ลิงโลดและตะโกนออกไปด้วยเสียงอันดัง “ท่านแม่!”
ม่านตาของฉินมู่หรี่แคบ เขายื่นมือออกไปเพื่อชี้ และความเร็วของไจกระบี่พลันเพิ่มพูนไปมากกว่าสิบเท่า พลังวัตรทั้งหมดของเขา พลังงาน แก่นชีวิต และจิตวิญญาณทั้งหมดของเขา ล้วนแต่หลอมรวมเข้าไปในกระบี่นี้!
เขาจะต้องสังหารวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวให้ได้ ก่อนที่ตัวตนอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานนี้จะจุติลงมา!