ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 746 ท่วงท่ากระบี่ที่สิบเก้า
กระบี่นี้มิใช่ใดอื่น นอกเสียจากกระบวนท่าแรกของกระบี่ภัยพิบัติของฉินมู่ กระบี่ริเริ่มภัยพิบัติ นี่คือเพลงกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
ความเร็วของไจกระบี่หมุนปั่นไปเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ไจกระบี่นี้เป็นอาวุธวิญญาณที่เขาหลอมสร้างขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้ ไจกระบี่หมุนปั่นไปด้วยความเร็วอันน่าตื่นตระหนกและลอยเข้าไปใกล้กับพื้นผิวมหาสมุทร กระบี่เล็กละเอียดจำนวนมากมายไร้ประมาณกระโจนออกไปจากไจกระบี่ และปลายกระบี่ทุกเล่มล้วนแต่ชี้ไปยังวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว
ข้างหลังไจกระบี่ ฉินมู่กำลังระเบิดไปด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี และบุกตะลุยไปเบื้องหน้า!
พลังวัตรของเขาถ่ายเทเข้าไปในไจกระบี่ และปราณชีวิตระหว่างไจกระบี่ของเขาก็เชื่อมต่อกัน กระบี่เหล่านี้แทนอักษรรูนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถักทอและแปรเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง อักษรรูนเหมือนกับประกายไฟฟ้าที่โลดเต้นออกจากกระบี่บินเล่มหนึ่งไปยังอีกเล่มหนึ่ง
ตำแหน่งของกระบี่บินก็เปลี่ยนสลับไปอย่างไม่หยุดยั้ง และพวกมันเหมือนกับฝูงมัจฉาในห้วงมหรรณพ กระบี่บินเหมือนกับปลาสีเงินที่แหวกว่ายฉวัดเฉวียน ปลดปล่อยมนตร์เสน่ห์แห่งเพลงกระบี่ของเขาออกมาอย่างไร้ที่ติ
ในเสี้ยวพริบตาถัดมา กระบี่บินนับไม่ถ้วนก็ดูราวกับจะรวมเป็นหนึ่งเดียว เมื่ออักษรรูนและปราณชีวิตได้ขับเคลื่อนความว่องไวและความยืดหยุ่นอันไร้ปานเปรียบออกมา
กระบี่พุ่งเฉียดไปบนผิวทะเล และแปรเปลี่ยนเป็นแสงรังสีอันกุก่องตระการ นั่นคือกระบี่บินทั้งหลายที่แปรรูปเปลี่ยนลักษณ์เพื่อเผยแสดงท่วงท่ากระบี่พื้นฐานทั้งสิบแปดท่าอย่างสมบูรณ์แบบ!
เมื่อมองจากไกลๆ นี่คือกระบี่บินเล่มเดียวที่มีความยาวอันน่าตื่นตระหนก มันเป็นท่วงท่ากระบี่ธรรมดาสามัญ และนั่นคือการแทงออกไป
เมื่อมองเข้าไปในรายละเอียด การเปลี่ยนแปลงมากมายไร้ประมาณถูกซ่อนเอาไว้ในท่วงท่าเรียบง่ายธรรมดานี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ขับเคลื่อนกระบวนท่ากระบี่นี้อย่างสมบูรณ์แบบ นับตั้งแต่คิดค้นมันขึ้นมา
กระนั้นมิติอวกาศตรงหน้า ก็พลันเหนียวหนืดและหนาข้น เดิมทีอวกาศไม่มีแรงต้านทาน แรงต้านทานมาจากอากาศเท่านั้น แต่กระนั้น ในเสี้ยวพริบตานี้ ดูเหมือนจะมีพลานุภาพมิอาจจะบรรยายอยู่ในมิติอวกาศ อันทำให้เพลงกระบี่ของเขาเผชิญกับแรงต้านอันสุดขีดขั้ว
ฉินมู่รีดเร้นพลังเพื่อแทงไปข้างหน้า และกระบี่ริเริ่มภัยพิบัติของเขาก็ยังคงแทงไปตรงหน้าอย่างง่ายดายราวกับเฉือนปล้องไผ่ ปลายกระบี่นั้นเข้าใกล้วิญญูชนสวรรค์ฮ่าว!
กระนั้นฉินมู่ก็รู้สึกว่าแรงต้านทานเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างหนักหนาสาหัส
พลังอำนาจนี้มิใช่พลานุภาพของทักษะเทวะล้วน แต่ดูเหมือนจะเป็นแรงกดดันจากหลักกฎอันเหนือธรรมดา
ฉินมู่เคยประสบกับแรงกดดันเช่นนี้เมื่อเขาเข้าข้างในประตูสวรรค์ทักษิณแห่งโลกสู้วัว แรงกดดันที่มาจากประตูสวรรค์ทักษิณทั้งส่งมาจากทุกทิศทาง และมันก็ส่งผลกระทบต่อทุกส่วนของกายเนื้อและจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขา
มันถึงกับมีผลต่อกระบี่ริเริ่มภัยพิบัติของเขา!
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินมู่ได้ประสบกับตัวอย่างเหตุการณ์ที่ทักษะเทวะมรรคากระบี่ของเขาถูกสะกดข่ม!
ปลายกระบี่ของกระบี่ไร้กังวลยังคงแทงไปข้างหน้า แต่ความเร็วของมันกลายเป็นช้าลงและช้าลงไป เมื่อมันมาถึงใบหน้าของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ความเร็วของแสงกระบี่ก็เชื่องช้าพอๆ กับหอยทาก
และในจังหวะนั้น แสงอาทิตย์ก็สาดส่องออกมาจากข้างหลังของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว มันคือรัศมีแสงนับพันหมื่นที่รวบรวมมาจากทุกสารทิศ
นั้นมิใช่มารดาของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวจุติลงมาด้วยตนเอง มันเป็นเพียงภาพฉายของนาง
กายที่แท้จริงของนางคงยังอยู่ในสภาสวรรค์ นางมิได้จุติลงมาด้วยตนเอง
นั่นคือเทพนารี และรอบๆ กายของนาง แสงอาทิตย์ก็ล่องลอยไปมาประดุจแถบแพร พวกมันวิจิตรตระการอย่างเหนือธรรมดา
ร่างกายของนางงามสง่า แตกต่างไปจากการตกแต่งเรือนกายของเทพีหยินสวรรค์ที่ดูป่าเถื่อน การประดับประดาของนางนั้นเพริศแพร้วประณีต
แสงอาทิตย์ก่อตัวขึ้นมาเป็นแถบแพรที่ล่องลอยไปมารอบๆ นาง และนอกจากมันจะห่อหุ้มเรือนกายของนางเอาไว้อย่างดี มันยังคงเผยส่วนโค้งเว้าของนางอีกด้วย
อีกด้านหนึ่ง เทพีหยินสวรรค์ใช้วิธีการอันหยาบกร้านในการขับเคลื่อนแสงอาทิตย์และสายรุ้งให้มาปิดบังเฉพาะจุดซ่อนเร้นของนาง ขณะที่เปิดเผยส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เทพีหยินสวรรค์มีเครื่องประดับเพียงหนึ่งถึงสองชิ้น ขณะที่เทพนารีตนนี้มีเครื่องประดับมากมายบนเรือนร่าง ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังคงเพริศแพร้วประณีตอีกด้วย
ในบรรดาเรื่องประดับสิบกว่าชิ้นนั้น มีทั้งปิ่นปักผม พู่ประดับผมหยก สร้อยคออันมีไข่มุกดุจดวงจันทร์รอบคอของนาง กำไลหยกที่ข้อมือ แหวนที่นิ้ว และไข่มุกอันดูเหมือนกระดิ่งเล็กๆ ที่ข้อศอก
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวยืนอยู่ตรงหน้าแสงกระบี่ของเขา และระบายลมหายใจโล่งอก ฉินมู่ยังคงพยายามอย่างเต็มกำลังที่จะเคลื่อนขยับไปข้างหน้า และเขาปลดปล่อยพลานุภาพของริเริ่มภัยพิบัติ เขาพยายามที่จะทำลายการสะกดข่มของเทพนารีตนนี้
กระนั้นก็ยังยากที่กระบี่ของเขาจะขยับต่อไป กระบี่เคลื่อนไปได้เพียงแค่นิ้วเดียว และนั่นก็ถึงขีดจำกัดของพละกำลังฉินมู่แล้ว
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวเผยรอยยิ้ม
“วิญญูชนสวรรค์อวี้ เจ้าไม่รู้ที่ต่ำที่สูง”
ภาพฉายของเทพนารีเปล่งวาจา และเสียงของนางทั้งกังวานและแจ่มชัด ทะลุทะลวงเข้าไปในหัวใจของเขา มันมีน้ำเสียงที่ไม่ยินดียินร้ายของนางผสมกับความเยือกเย็นและสงบนิ่ง “เจ้าเพิ่งฟื้นกลับมาจากความตาย เจ้าควรที่จะจะตัวสั่นงันงกเหมือนกับย่างกรายบนผิวน้ำแข็งบางเฉียบ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าถูกสะกดข่มไว้ด้วยพลังหนึ่งๆ ก่อนที่เจ้าจะตายไป ศาลาวายุแผ่ว นั่นคือสถานที่พำนักของพี่สาวข้า เจ้าไม่รู้จักพลังอำนาจของข้าอย่างนั้นหรือ”
ฉินมู่ยังคงดิ้นรนเคลื่อนต่อไปข้างหน้า และเขารีดเร้นกำลังอย่างไม่คิดชีวิต เขาจะต้องสังหารวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวให้จงได้
เทพนารีผู้นั้นขมวดคิ้ว “ไม่รู้จักสำนึกในความเมตตาของข้างั้นหรือ ฮ่าวเอ๋อ ส่งเขาไปสู่สัมปรายภพเสีย คราวนี้อย่าทิ้งเรื่องยุ่งยากเอาไว้ข้างหลัง ทำลายศพไปด้วยเสียเลย”
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวโค้งคารวะและกล่าวขอบคุณ เขาเดินอ้อมแสงกระบี่ที่ยาวสิบลี้นั้น
แสงกระบี่ถูกตรึงค้างไว้ในอากาศราวกับว่ามันถูกแช่แข็ง
ในที่สุด วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวก็คลายใจลงและเดินตรงไปยังฉินมู่ที่อยู่ห่างไปสิบลี้ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ท่านแม่ เขาไม่ใช่วิญญูชนสวรรค์อวี้”
เทพนารีตื่นตระหนก และเบือนหน้าของนางกลับมามองดูฉินมู่ แต่นางไม่อาจมองทะลุการแปลงโฉมของฉินมู่ได้
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวกระหยิ่มใจเป็นอย่างยิ่ง “เขาคือวิญญูชนสวรรค์มู่ วิญญูชนสวรรค์อวี้ตัวจริงยังนอนอยู่ในโลงศพที่ฝังลึกลงไปใต้ผิวดิน”
“วิญญูชนสวรรค์มู่ที่ฝ่าบาทเพิ่งแต่งตั้งฉายานามน่ะหรือ”
เทพนารีผู้นั้นพยักหน้าและกล่าว “ทักษะเทวะของเขาแตกต่างจากผู้อื่นจริงๆ มันมีแง่อัศจรรย์อันเกินจินตนาการทุกรูปแบบ”
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวเดินไปที่กึ่งกลางของแสงกระบี่ยาวสิบลี้และกล่าว “เขาใช้วิชาอันประหลาดมหัศจรรย์เพื่อเปลี่ยนแปลงใบหน้าให้ดูเหมือนวิญญูชนสวรรค์อวี้ วิญญูชนสวรรค์อวี้ก็ได้ถ่ายทอดวิธีการบรรลุเป็นเทพเจ้าให้กับเขาก่อนจะตายไป ทำให้เขาสามารถปลอมตัวเป็นวิญญูชนสวรรค์อวี้ได้ แต่ทว่า สิ่งที่ข้าอยากจะรู้ก็คือ โฉมหน้าเดิมของเขาคือโฉมหน้าที่แท้จริงหรือไม่ ข้าเกรงว่า แม้แต่ใบหน้าของวิญญูชนสวรรค์มู่ก็เป็นโฉมหน้าปลอม”
เทพนารีนั้นเผยยิ้มออกมา “บุตรของข้าฉลาดเสียจริง หากว่าเจ้าสังหารเขา เขาก็จะต้องเปิดเผยรูปโฉมที่แท้จริงออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โจมตีได้ตามสบาย…”
ในตอนนั้นเอง แสงกระบี่พลันหดกลับไป
แสงกระบี่ยาวสิบลี้หดไปเป็นลูกกลมเล็กๆ และลอยหยุดอยู่ตรงหน้าวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว!
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวตกตะลึง และรู้สึกโลหิตในกายเย็นเยียบ
เมื่อแสงกระบี่พลันหดกลับ มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าถูกจับจ้องด้วยเทพบรรพกาลที่ดุร้ายอำมหิต เขารู้สึกราวกับร่วงหล่นลงไปในโรงเชือดสัตว์!
ฉินมู่อยู่ห่างไปห้าลี้ และถูกตรึงแข็งค้างไว้โดยเทพนารี เขาขยับไม่ได้ และฟันของเขาก็ส่งเสียงกรอดๆ เมื่อเขาขบมันเข้าด้วยกัน โลหิตหลั่งไหลออกมาจากมุมปากของเขา
ไจกระบี่เคลื่อนไหว!
ฉินมู่พลันกู่ร้องด้วยเสียงอันน่าแตกตื่น
“ผงาดภัยพิบัติ”
เทพนารีก็ตื่นตระหนกและรีบเพิ่มพูนพลังวัตรของนางเพื่อกดลงไปบนไจกระบี่
พลังอำนาจของนางทั้งยิ่งใหญ่และเขื่องโข ดังนั้นนางจึงทำให้ไจกระบี่สั่นกราว แต่ทว่า สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือแม้ว่าไจกระบี่จะถูกตรึงสะกดเอาไว้ แต่กระบี่บินก็ยังคงโบยบินออกมาจากไจกระบี่
เทพนารีสะกดข่มอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่อาจสะกดข่มแสงกระบี่ที่บิดไปมาเหล่านั้นได้ แสงกระบี่พวกนั้นกรีดพุ่งไปยังวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว!
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวถอยไปอย่างรวดเร็ว แต่แสงกระบี่เหล่านั้นก็กระโดดไปด้วยเส้นทางอันพิลึกกึกกือ นั่นคือท่วงท่ากระบี่ที่มิได้อยู่ในสิบแปดท่วงท่ากระบี่ใดๆ แม้แต่ภาพฉายของเทพบรรพกาลก็ไม่อาจตรึงสะกดพวกมันเอาไว้ได้
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ
ร่างของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวถูกแสงกระบี่แทงทะลุ และรูอันนองเลือดก็ปรากฏทั่วร่างเขา
กระบวนท่าที่สองแห่งกระบี่ภัยพิบัติ กระบี่ผงาดภัยพิบัติ!
หลังจากริเริ่มภัยพิบัติ มันคือผงาดภัยพิบัติ ผงาดภัยพิบัติขึ้นมาเพื่อสังหารผู้คน!
ภายใต้ภาพฉายของเทพบรรพกาล และในสถานการณ์ที่เขาไม่มีทางสู้กลับไปได้เลย ในที่สุดฉินมู่ก็ตรึกตรองเข้าใจกระบวนท่าที่สองของมรรคากระบี่ เขาได้ย่างก้าวเข้าไปอีกขั้นเข้าใกล้เต๋าแห่งกระบี่!
ไม่เพียงเท่านั้น เพลงกระบี่ของเขายังเผยท่วงท่ากระบี่ที่สิบเก้าออกมาในที่สุด ผลักดันมรรคากระบี่แห่งโลกหล้าให้รุดหน้าไปอีกขั้น!
เลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากร่างกายของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว และเส้นทางอันยากจะทำนายของกระบี่ผงาดภัยพิบัติก็ทลายผ่านทุกการกดขี่ กระบวนท่ากระบี่ทั้งพิลึกกึกกือและยากจะคาดคะเน ดังนั้นเขาจึงป้องกันตนเองไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
แม้แต่เทพนารีตนนี้ก็ทำอะไรกับแสงกระบี่ไม่ได้ อย่าว่าแต่เขา
ในยุคสมัยนี้ แม้แต่ท่วงท่ากระบี่สิบสี่ท่าก็ยังไม่ถูกคิดค้นขึ้นมา อย่าว่าแต่ท่วงท่ากระบี่ที่สิบเก้า
ในเวลาเดียวกัน ภาพฉายของเทพนารีก็ตบฟาดไปยังฉินมู่ ในเมื่อนางไม่อาจสะกดข่มแสงกระบี่เหล่านั้น นางก็แค่จะตบฟาดฉินมู่ให้ตายไปก่อน นั่นก็ย่อมจะยับยั้งการโจมตีของฉินมู่!
ฝ่ามือของนางรวดเร็วอย่างสุดกู่ เมื่อฝ่ามือของนางกดลงมา มหาสมุทรก็ยุบลงเป็นรัศมีหนึ่งร้อยลี้ รอยฝ่ามือมหึมาปรากฏ
และในเวลาเดียวกันนั้น นางก็เห็นชายหนุ่มอีกคนเดินเหยียบผิวทะเลวิ่งตะบึงเข้ามาที่นี่ พื้นผิวทะเลระเบิดออกอย่างต่อเนื่องใต้เท้าของเขา
ชายหนุ่มผู้นั้นและมือของเขาเคลื่อนไหวขึ้นๆ ลงๆ ทักษะเทวะจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนรอบกายเขา และเขาก็พุ่งทะลวงไปยังฉินมู่ด้วยการเหยียบย่างอันทลายภูเขาและพลิกมหาสมุทร!
“อ่อนแอเกินไป”
เทพนารีนั้นไม่สนใจเขา แต่ทันใด กำปั้นมหึมาก็พลันซัดมาด้วยเงาอันกลบฟ้าและดิน ไม่ทันที่ทักษะเทวะของชายหนุ่มจะมาถึง กำปั้นนั้นก็เข้าไปปะทะกับฝ่ามือของนางด้วยเสียงกัมปนาท
สระหยกสะเทือนเลื่อนลั่น และกลีบบัวนับไม่ถ้วนก็ร่วงกราว เต่ายักษ์ที่แบกขุนเขาเทวะบนหลังของพวกมันก็ถูกโยนขึ้นไปบนอากาศ ดิ้นตะกุยตะกายไปมาอย่างช่วยตัวเองไม่ได้
“นางปีศาจสาว นายผู้เฒ่าของเจ้าหนิวเปินอยู่ที่นี่แล้ว!”
ด้วยเสียงกู่ตะโกน วัวแก่แปลงร่างเป็นเทพเจ้าหัววัวที่มีกล้ามเนื้ออันกระชับและชัดเจน เขาพุ่งกระโจนลงไปยังผิวทะเล
น้ำทะเลซัดโถมออก และทำลายทักษะเทวะนับไม่ถ้วนของจักรพรรดิก่อตั้ง โยนเอาฉินมู่ จักรพรรดิก่อตั้ง และวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวขึ้นไปบนท้องฟ้าอันห่างไกล
จักรพรรดิก่อตั้งเคลื่อนร่างกายในอากาศด้วยความยากลำบาก เขากระโดดขึ้นไปและคว้าจับร่างของฉินมู่ เอามาไว้ในอ้อมแขน
อีกฟากหนึ่งนั้น ลำแสงอาทิตย์กวาดม้วนเอาวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวไป และป้องกันแรงกระแทกอันน่าสะพรึงกลัว
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวโลหิตหลั่งไหลจากทวารทั้งเจ็ด ร่างกายของเขามีรูโหว่เป็นพันๆพวกมันคือรอยแผลที่เกิดขึ้นจากกระบี่ผงาดภัยพิบัติอันพิลึกและยากจะคาดเดา
ลำแสงอาทิตย์มุดเข้าไปในร่างกายของเขา และปิดผนึกบาดแผลของเขาเอาไว้ หยุดยั้งไม่ให้เขาเลือดไหล แสงอาทิตย์จึงส่งเขาไปยังศาลาหยก อันอยู่ห่างไกลออกไป
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
จักรพรรดิก่อตั้งอุ้มฉินมู่และพุ่งทะยานออกห่างอย่างไม่คิดชีวิต แม้ว่าฉินมู่ ผู้ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา จะเต็มไปด้วยกระดูกแตกหัก แต่กระดูกหักเหล่านี้ก็ถูกขับออกมาจากร่าง และกระดูกใหม่กำลังก่อตัวขึ้นมา
โดนแรงกดอัดขนาดนี้ ยังไม่ตายอีกหรือ จักรพรรดิก่อตั้งแตกตื่น
“กระบี่ของข้า…” ฉินมู่กล่าวอย่างอ่อนแรง
“ช่างหัวกระบี่มารดาเจ้า!”
จักรพรรดิก่อตั้งโกรธเกรี้ยวและดุด่า “ข้าบอกเจ้าว่าอย่าก่อเรื่องวุ่นวาย หากว่าข้าไม่ไหวตัวทันและไม่ได้เรียกผู้อาวุโสหนิวเปินมาตามหาเจ้าในทะเลหยก เจ้าก็คงตายไปนานแล้ว!”
ฉินมู่เผยรอยยิ้ม “ตอนนี้เจ้าเหมือนคนจริงๆ ที่มีชีวิตล่ะ ข้ามีความสุขอย่างยิ่ง…”
จักรพรรดิก่อตั้งอึ้งไปเล็กน้อย เขาเองก็เผยรอยยิ้มออกมา “หยุดพูด รักษาเยียวยาตนเองไป”
ฉินมู่กางฝ่ามือออก และกวักมือไปข้างหลัง แสงกระบี่ละเอียดยิบมากมายลอยเข้ามา และชนกันและกันเพื่อก่อตัวกันเป็นไจกระบี่อันลอยไปกับพวกเขา ไจกระบี่นี้ปิดเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
“พวกเราไปสังหารวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวกันเถอะ”
ฉินมู่กระอักเลือดออกมาและกล่าวอย่างระโหยโรยแรง “เขาเกือบจะตายแล้ว ข้าเพียงแต่ต้องแทงเขาอีกสักฉึก…”
“เทียบกับเขาแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าควรกังวลเรื่องความเป็นตายของพวกเราเสียมากกว่า”
จักรพรรดิก่อตั้งถอนหายใจ และเห็นครึ่งเทพในบริเวณโดยรอบมากขึ้นทุกที เขากล่าวด้วยเสียงนุ่ม “เจ้าไม่จำเป็นต้องสังหารเขา ข้าจะไปจบชีวิตเขาด้วยตนเองในอนาคต เพื่อล้างแค้นให้แก่วิญญูชนสวรรค์อวี้ ตอนนี้ข้าเพียงแค่กังวลว่าพวกเราจะหลบหนีไปได้อย่างไร”
ฉินมู่พลันปาดน้ำตาและหันหน้ากลับไป เขาคิดในใจ บรรพชนเฒ่า เจ้าทำไม่สำเร็จ…ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่…ข้าเคยคิดว่าเจ้าควรจะสู้ให้ยิบตา และตายอย่างสมเกียรติในสนามรบ แต่ทว่า ในตอนนี้ข้าหวังยิ่งกว่าอะไรว่าเจ้าจะยังคงมีชีวิตอยู่ในหมู่บ้านไร้กังวล…