ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 747 จักรพรรดิทักษิณ
แม้ว่าจักรพรรดิก่อตั้งจะเป็นบรรพชนเฒ่าของเขา แต่ฉินมู่ก็เพิ่งจะได้รู้จักเขาจริงๆ จังๆ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้นี่เอง และภายในช่วงเวลาไม่กี่วัน เขาก็สามารถมองออกถึงนิสัยใจคอของจักรพรรดิก่อตั้ง
เขาจะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตบุคคลที่เขาเพิ่งพบกันได้หนึ่งเดือน บุคคลที่เอาแต่ทะเลาะเบาะแว้งกับเขา อย่าว่าแต่ผู้ใต้บัญชาที่ติดตามเขาเป็นเวลาสองหมื่นปี อย่าว่าแต่ผู้คนแห่งยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง
บุคคลเช่นนี้ไม่มีทางซ่อนตัวในหมู่บ้านไร้กังวล และใช้ชีวิตอันไร้กังวลเป็นแน่
นี่คือธรรมชาติสันดานของเขา
นี่ไม่มีหลักเหตุผล ไม่มีการตลบตะแลง และไม่มีผลประโยชน์ นี่คือธรรมชาติของเขา
นี่คือสาเหตุที่ทำไมจักรพรรดิก่อตั้งถึงเป็นที่รักใคร่ของผู้คน
เสน่ห์ของบุคคลเช่นนี้คือสาเหตุที่เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิก่อตั้งได้
หากว่าเจ้าไม่ได้ซ่อนตัวในหมู่บ้านไร้กังวล ถ้าเช่นนั้น เจ้า…
ฉินมู่เคร่งขรึมไป เขาใช้วิชาเสกสรรเพื่อเยียวยารักษาตนเอง แรงกดดันจากภาพฉายของเทพีบรรพกาลยังทำให้เขาบาดเจ็บอยู่ แม้ว่ามรรคา วิชา และทักษะเทวะของยุคสมัยนี้จะหยาบกร้านเป็นอย่างยิ่ง แต่ความแตกต่างในพลังอำนาจนั้นมิใช่สิ่งที่ความเพริศแพร้วของทักษะเทวะจะชดเชยได้
พวกครึ่งเทพในสระหยกกรูกันมายังพวกเขา และยิ่งมาก็ยิ่งเนืองแน่นขึ้นทุกที จักรพรรดิก่อตั้งขมวดคิ้ว มีครึ่งเทพมากมายเกินไป
เขาอุ้มฉินมู่ที่ได้รับบาดเจ็บเอาไว้อยู่ และที่ฉินมู่รักษาชีวิตรอดมาได้ก็บุญโขแล้ว เขาไม่มีมือที่จะใช้จัดการกับครึ่งเทพเหล่านั้น
“เจ้าแบกข้าไว้ข้างหลังแทนได้” ฉินมู่กล่าวอย่างอ่อนแรง
จักรพรรดิก่อตั้งแบกเขาเอาไว้บนหลัง มือของฉินมู่ฟื้นฟูมาดีแล้ว ดังนั้นสามารถเกาะบ่าอีกฝ่ายเอาไว้ได้ มือของจักรพรรดิก่อตั้งจึงว่าง ความเร็วที่เขาขับเคลื่อนทักษะเทวะจึงเร็วอย่างเหลือแสน ด้วยการพลิกมือ ทักษะเทวะละเอียดยิบนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกไป
สำหรับเขาแล้ว ครึ่งเทพพวกนี้เต็มไปด้วยจุดอ่อน และตราบใดที่มีจุดอ่อน เขาก็สามารถปลิดชีพพวกมันไปได้อย่างง่ายดาย
กระนั้นก็มีครึ่งเทพไหลบ่าเข้ามากันมากกว่าเดิม มีทั้งที่อยู่บนเวหา บนผิวน้ำ ใต้มหาสมุทร ทั้งซ้ายและขวา พวกมันอยู่ไปทุกหนทุกแห่ง
“ให้ข้ายืมกระบี่เจ้า!” หน้าผากของจักรพรรดิก่อตั้งเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อเขาพบว่าการบุกไปข้างหน้ายากลำบากมากขึ้นทุกที
ฉินมู่ได้เปลี่ยนกระดูกแตกหักของตนเองไปมากกว่าครึ่ง และกำลังงอกชิ้นใหม่ เมื่อเขาได้ยินถ้อยคำ เขาก็ถาม “ต้องการใช้กระบี่กี่เล่ม”
“แค่เล่มเดียวก็พอ!”
ฉินมู่เคลื่อนใจคิด และกระบี่ไร้กังวลก็ลอยออกมาจากถุงเต๋าตี้ของเขา มันตกลงไปในมือของจักรพรรดิก่อตั้ง
จักรพรรดิก่อตั้งถือกระบี่เอาไว้ในมือ และตะลึงไปเล็กน้อย เขากล่าวชม “กระบี่ของเจ้าเล่มนี้เหนือธรรมดาจริงๆ เมื่อถือไว้ในมือมันเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายข้า มันเคลื่อนไหวไปตามที่ข้าคิดหวัง กระบี่ล้ำเลิศ กระบี่ล้ำเลิศ ข้าเองก็อยากที่จะหลอมสร้างกระบี่เทวะเช่นนี้ในอนาคต!”
เขาควงกระบี่และเคลื่อนที่ไกล กระบี่ไร้กังวลส่งเสียงหวีดหวิวชัดเจนในมือของเขา กระบี่ดูเหมือนจะตื่นเต้น มันทั้งสั่นระริกและร้องออกมา
แม้แต่ฉินมู่ก็ยังไม่เคยขับเคลื่อนเทวานุภาพของกระบี่ไร้กังวลออกมาได้ แต่ทว่าในบัดนี้ กระบี่ไร้กังวลแผดเทวานุภาพอันกร้าวแกร่งยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้นในมือของจักรพรรดิก่อตั้ง
เพลงกระบี่ของจักรพรรดิก่อตั้งเพริศแพร้วพิสดารอย่างถึงที่สุด เขาก็เป็นผู้ที่ย่างกรายสู่เต๋าด้วยกระบี่ เทวานุภาพของกระบี่ไร้กังวลเพิ่มพูนไปอย่างเกรี้ยวกราด และแสงกระบี่ก็เคลื่อนที่ไปอย่างไร้ต่อต้านในอากาศ พวกมันเหมือนกับแสงสว่างและสายฟ้า ในเสี้ยวพริบตานั้น ก็ดูราวกับทั้งสระหยกจมลงไปในรัตติกาล และแสงกระบี่ก็เหมือนกับเปลวแสงขาวยวงของหิมะที่กรีดผ่านความมืด
ในเวหา บนผิวน้ำ ใต้มหาสมุทร โลหิตพวยพุ่งประดุจบุปผาเบ่งบาน
ด้วยหนึ่งกระบี่ในมือ ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งจักรพรรดิก่อตั้งเอาไว้ได้!
ฉินมู่มองไปยังภาพนี้ด้วยความลุ่มหลงจับสายตา
เดิมทีกระบี่ไร้กังวลก็เป็นกระบี่ของจักรพรรดิก่อตั้งอยู่แล้ว และฉินมู่สามารถใช้สอยได้เพียงความคมกริบของมันเพื่อสังหารศัตรู แต่ทว่า ในมือของจักรพรรดิก่อตั้ง ราวกับว่ากระบี่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา ด้วยหนึ่งกระบี่ในมือ จักรพรรดิก่อตั้งรุ่งโรจน์เกรียงไกร!
ทันใดนั้น แรงระเบิดสะท้านพิภพก็ดังมา ฉินมู่หันกลับไปและเห็นหนิวซานตัวทุบทำลายภาพฉายของเทพนารี!
วัวแก่กระโจนมาและลงไปเหยียบตรงหน้าจักรพรรดิก่อตั้งในพริบตาถัดมา เขาคำรามเสียงกึกก้อง สร้างแรงสะเทือนยิ่งใหญ่ราวกับระฆังยักษ์ที่ผลักดันน้ำทะเลให้โถมซัดไป เทพบรรพกาลทั้งหลายถูกเป่าไปไกลด้วยพายุหมุนที่เขาโหมกระพือขึ้นจากเสียงคำราม
วัวแก่หดย่อร่างกาย และเขาก็มีสีหน้ากังวล “พวกเราก่อเรื่องใหญ่ไม่น้อย เทพบรรพกาลพวกนี้กำลังเหาะมา ข้ารับมือพวกเขามากมายขนาดนี้ไม่ไหว”
ฉินมู่ระบายลมหายใจสะท้านและกล่าว “พวกเรายังมีที่ให้ไป อย่าขยับ ให้ข้าร่ายเวทมนตร์ก่อน!”
ทั้งสองคนหยุดเคลื่อนไหว ร่างท่อนบนของฉินมู่ฟื้นฟูกลับมาแล้ว เขาพลันขับเคลื่อนปราณชีวิตของเขา และอักษรรูนจำนวนนับไม่ถ้วนก็หมุนวนรอบๆ พวกเขา อักษรรูนเคลื่อนไหวตัดกันไปมา และเริ่มหมุนวนเร็วขึ้นๆ
ที่ไกลๆ นั้น เทพบรรพกาลมากมายกำลังแห่กันมาจากทางปราสาทสวรรค์
เทพครองดาวมหาตะวันกระพือปีก และมีความเร็วสูงสุด เขาตะโกนมาจากที่ไกลๆ “เจ้าอีกแล้ว! แม่ทัพทองคำหนิวเปิน! เจ้าเพิ่งจะอาละวาดในสภาสวรรค์ไปเมื่อครู่ แล้วก็ยังไม่พอใจกับที่ฝ่าบาทแต่งตั้งตำแหน่งขุนนางให้อีก! ให้ข้าดูหน่อยซิว่าคราวนี้เจ้าจะเช็ดล้างอย่างไร แท่นประหารเทพยังไม่ได้ดื่มโลหิตเทพเจ้า ฉะนั้นเจ้าจะเป็นรายแรก!”
เขาเคลื่อนไหวราวกับแสงวูบไหวและเงาพร่าพราย โจมตีเข้ามาอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเพลิงไฟ แต่ในจังหวะนั้นเอง แสงก็สว่างมาวาบหนึ่งเมื่อทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกลระเบิดออก ฉินมู่ จักรพรรดิก่อตั้ง และหนิวซานตัว หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เทพครองดาวมหาตะวันคว้าจับความว่างเปล่าและตะโกนไป และรีบกระพือปีกขึ้นมาจากผิวทะเล ปีกของเขากางคลุมพื้นที่กว่าร้อยลี้ และดวงตาของเขาก็ยิงลำแสงสีขาวเพื่อค้นหาร่องรอยของฉินมู่กับพรรคพวกในบริเวณรอบๆ
เทพบรรพกาลตนอื่นๆ เร่งรุดเข้ามาและตะโกน “เทพครองดาว กบฏพวกนั้นมันหายไปไหน”
“ชายสามคนเมื่อครู่มีวิชาลับ และหลบหนีไปแล้ว!”
เทพครองดาวมหาตะวันกล่าว “ให้เหล่าเทพครองดาวจากกองพันวงโคจรหมู่ดาวสวรรค์วางตาข่ายล้อมจับ ให้พวกเขาไปห้อมล้อมสระหยกเอาไว้ มิให้มีสถานที่หลบหนีไปได้!”
เดิมทีดวงดาวบนท้องฟ้าไม่ปรากฏให้เห็น แต่ทว่าพวกมันจู่ๆ ก็เปล่งแสงเจิดจ้าในตอนนี้ ดวงดาวนับไม่ถ้วนขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งก่อขึ้นมาเป็นทางช้างเผือก ดวงดาวสาดแสงส่องในทางช้างเผือก และทวยเทพเหล่านั้นก็ขับเคลื่อนวิชาทุกชนิดประเภท รังสีแสงบนฟากฟ้าราวกับพร่างพิรุณและพวกมันก็บีบรัดและถักทอกันในอากาศ ปิดผนึกสระหยกเอาไว้
บนดวงดาวเหล่านั้น เทพเจ้าผู้ยิ่งยงยื่นหัวออกมาข้างหน้า และใบหน้าของเขาก็อยู่สูงล้ำและมีความโบราณ สายตาทอดลงมาจากท้องฟ้าและมองหาไปรอบๆ
พวกเขาค้นหาเป็นเวลานานแต่ก็คว้าน้ำเหลว และเทพครองดาวมหาตะวันก็จนความคิด “แม่ทัพโสตสวรรค์กับแม่ทัพจักษุพิภพหายไปไหน คนทั้งสามนี้ขวัญกล้าบังอาจและกระทำการโดยไม่ไว้หน้าใคร ไม่ว่าพวกเขาจะหนีไปที่ไหน พวกเขาก็จะไม่รอดพ้นสายตาแม่ทัพทั้งสองไปได้!”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เทพบรรพกาลตนหนึ่งก็มารายงาน “แม่ทัพโสตสวรรค์และแม่ทัพจักษุพิภพได้ลงไปสืบสวนและค้นหาฆาตกรสังหารวิญญูชนสวรรค์อวี้ตามบัญชาของฝ่าบาท พวกเขาได้สืบหาลงไปจนถึงแดนต่ำใต้แล้ว”
เทพครองดาวมหาตะวันจ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง “พวกเขาสืบหาลงไปจนถึงแดนต่ำใต้? แทนที่จะสืบหาดูในสระหยก สองคนนี้มันจะสืบลงไปถึงแดนต่ำใต้เพื่ออะไร ใครที่ไหนในแดนต่ำใต้จะเก่งกาจมากพอที่จะสังหารวิญญูชนสวรรค์อวี้ได้ นอกจากครึ่งเทพพวกที่มีฝีมือความสามารถ หรือว่าจะเป็นครึ่งเทพ…”
เขาพลันหุบปากและกระแอมไอสองหน “แม่ทัพทองคำหนิวเปิน อาละวาดในสระหยก วางแผนฆาตกรรมวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ข้าจะต้องไปรายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาท! ข้าจะไปที่ตำหนักชิดฟ้าก่อน พวกเจ้ารอที่นี่และสืบหาต่อไป เจ้าจะต้องขุดไอ้พวกนั้นออกมาให้ได้”
เขารีบร้อนจากไป
และในตอนนั้นเอง แสงก็สว่างวาบเมื่อฉินมู่ จักรพรรดิก่อตั้ง และหนิวซานตัวปรากฏตัวในโถงใหญ่อันอลังการและเหนือธรรมดา ฉินมู่ไออย่างต่อเนื่องและรีบสะกดข่มเสียงไอของเขาด้วยเกรงว่าจะทำให้ผู้คนไหวตัว ใบหน้าของเขาแดงก่ำจากการกลั้นไอของตนเอง
“ที่นี่คือที่ไหน” วัวแก่และจักรพรรดิก่อตั้งเคลื่อนที่ไปเป็นท่าระวังป้องกันและมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
โถงวังแห่งนี้เป็นสีแดงชาดไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเสา พื้น ผนัง และเพดาน ทุกๆ อย่างล้วนแต่เป็นสีแดง แม้กระทั่งม่านหนักและฉากกั้นก็เป็นสีแดงชาดด้วยเช่นกัน
ภาพนกหงส์แดงถูกแกะสลักเอาไว้บนผนัง และก็มีรอยประทับอักษรรูนหงส์แดงอันอัศจรรย์ทุกประเภทอยู่บนพื้น แม้แต่ผ้าม่านและฉากกั้นก็ปักลายเอาไว้ด้วยหงส์แดงผงาดฟ้า
และยังมีภาพจิตรกรรมของนกหงส์แดงจิกกินแมลงปีศาจและต่อสู้กับมังกรเทพยดา
“ที่นี่คือตำหนักหงส์แดง”
ฉินมู่ระบายลมหายใจสะท้าน “ที่นี่คือที่พำนักของจูเฉว้เอ๋อ พวกเรารู้จักนาง ดังนั้นสามารถมาซ่อนที่นี่ได้”
วัวแก่ค่อยคลายใจ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “จูเฉว้เอ๋อคนที่ชื่อเหมือนกับจักรพรรดิทักษิณจูเฉว้อย่างนั้นหรือ แม่นางผู้นั้นสะคราญโฉมอย่างยิ่ง แต่นางกล้าขนาดไหนที่ถึงกับใช้ชื่อเดียวกันกับจักรพรรดิทักษิณ นางนั้นไม่กลัวอายุสั้นเลยหรืออย่างไร”
จักรพรรดิก่อตั้งมีสีหน้าประหลาด และจ้องไปที่ภาพจิตรกรรมฝาผนัง เขาอึ้งพูดไม่ออกไปพักใหญ่ จากนั้นก็โพล่งถาม “หญิงในภาพจิตรกรรมนี้ใช่จูเฉว้เอ๋อไหม”
วัวแก่ก้าวเข้าไปดูและเขาก็เห็นหญิงนามจูเฉว้เอ๋อในภาพจิตรกรรมจริงๆ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นแหละนางล่ะ เป็นหญิงใจกล้าอะไรแบบนี้”
จักรพรรดิก่อตั้งยิ่งมีสีหน้าประหลาดพิลึกกว่าเดิม และบอกเตือน “ผู้อาวุโสหนิวเปิน การที่นางสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงกับภูติบดีและเทพสรรพชีวิตได้ ศักดิ์ฐานะของนางน่าจะไม่ด้อยไปกว่าพวกเขา”
วัวแก่มองไปที่ภาพจิตรกรรมฝาผนัง และมันก็เป็นภาพวาดของงานเลี้ยงฉลอง ภูติบดีและเทพสรรพชีวิตอยู่ที่นั่นด้วย และพวกเขาได้ที่นั่งแถวหน้า หญิงนามจูเฉว้เอ๋อนั้นถึงกับนั่งข้างๆ อยู่ด้วยเช่นกัน!
“เจ้าหมายถึงว่า…” วัวแก่ถามหยั่ง
จักรพรรดิก่อตั้งถอนหายใจ “นางคือจักรพรรดิทักษิณ พวกเราได้บุกรุกเข้ามาในตำหนักแห่งจักรพรรดิทักษิณ พวกเราเดินดุ่มเข้ามาในกับดัก และสถานที่นี้ยังเป็น…”
เขามองผ่านฉากกั้นไป และข้างหลังฉากกั้นคือเตียงหยกแดง เตียงหยกนั้นมีรูปทรงเหมือนกับรังนก และมีไฟศักดิ์สิทธิ์ระอุอยู่รอบๆ
เสื้อเลือดปูดขึ้นมาบนหน้าผากของจักรพรรดิก่อตั้ง และเขาพึมพำ “ที่นี่ยังคงเป็นห้องหอของจักรพรรดิทักษิณอีก ข้าว่าพวกเราควรคิดดูว่าจะตายกันอย่างไรเถอะ…”
วัวแก่ตัวสั่นเทิ้ม และมองไปที่ฉินมู่อย่างจนปัญญา “เจ้าต้องมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้ใช่ไหม เจ้ามักจะมีหนทางอยู่เสมอ…”
ฉินมู่กำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงมาจากข้างนอก เสียงของจูเฉว้เอ๋อลอยมาเข้าหูพวกเขา และนางก็กำลังหัวเราะร่า “มหาสมาคมสภาสวรรค์เต็มไปด้วยเรื่องพลิกผันจริงๆ มหาสมาคมนี้อ้างว่าเพื่อตั้งชื่อให้กับสภาสวรรค์ แต่ในความเป็นจริง มันก็เพื่อให้พวกตาเฒ่าทั้งหลายถกเถียงแก่งแย่งผลประโยชน์กัน ภูติบดีและเทพสรรพชีวิตเต็มไปด้วยขวัญกล้า และไม่ยินดีที่จะแบ่งปันผลประโยชน์ของแดนใต้พิภพและแดนปริศนา ผู้นำแห่งพวกครึ่งเทพก็มาถกเถียงขอผลประโยชน์มากขึ้น ส่วนชื่อของสภาสวรรค์แล้ว กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญ…”
“เทพนารี ท่านอยู่ในสภาสวรรค์ ดังนั้นท่านไม่รู้ว่าสระหยกนั้นครึกครื้นมากขนาดไหน”
“เทพนารี สระหยกแทบถูกทำลายไปจากความโกลาหล ตอนแรก วิญญูชนสวรรค์มู่และวิญญูชนสวรรค์ฉินต่อสู้กัน และหนิวเปินก็อาละวาดที่สระหยก จากนั้น วิญญูชนสวรรค์อวี้ก็ถูกลอบสังหาร และฟื้นคืนชีพกลับมาเพื่อต่อสู้กับครึ่งเทพและวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ภาพฉายของน้องสาวจักรพรรดินีฟ้าส่องลงมา และถูกแม่ทัพทองคำหนิวเปินบดขยี้…”
“มันถึงกับคึกคักขนาดนั้นเชียวหรือ ข้าไม่น่าไปที่มหาสมาคมสภาสวรรค์เลย ข้าน่าจะอยู่ที่นี่รอชมดูเรื่องสนุก!”
“ตอนนี้ยิ่งคึกคักเข้าไปใหญ่ ทวยเทพแห่งวงโคจรหมู่ดาวสวรรค์วิ่งเร่กันออกมาทั้งหมด”
…
เสียงพวกนั้นเข้ามาใกล้ทุกทีๆ และพวกนางก็สนทนากันถึงเรื่องราวในชุมนุมสระหยก จู่ๆ จูเฉว้เอ๋อก็โพล่งขึ้นมา “ข้าค่อนข้างเหนื่อย จะไปพักผ่อนก่อน พวกเจ้าไปได้”
“รับทราบ”
นางกำนัลทั้งหลายถอยออกไป
เสียงฝีเท้าดังมา และหญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงก็เดินเข้ามาในห้องและหัวเราะคิก “ขวัญกล้าอะไรอย่างนี้ ถึงกับบังอาจมาซ่อนในห้องหอของข้า เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าไม่มีวิธีการคร่าตัวพวกเจ้า…”
“พี่สาว!”
ฉินมู่เดินกะเผลกออกมาและเปลี่ยนโฉมหน้าของเขาให้กลับเป็นโฉมหน้าเดิม และโค้งคารวะ “น้องชายได้มาเพื่อขอหลบภัย ขอพี่สาวโปรดรับข้าเอาไว้ด้วย!”
จูเฉว้เอ๋อตกตะลึงและร้องออกมา “เจ้าคือ…วิญญูชนสวรรค์มู่คนใหม่? ไม่ใช่สิ เจ้าเป็นน้องชายที่ข้าพบบนแม่น้ำสวรรค์ชัดๆ ทำไมเมื่อกี้เจ้าถึงมีใบหน้าของวิญญูชนสวรรค์อวี้”
จักรพรรดิก่อตั้งมองไปที่ฉินมู่และอึ้งไปเล็กน้อย ใบหน้าของฉินมู่ตอนนี้มิใช่ของมู่ชิงอีกต่อไป แต่เป็นใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และเด็กกว่าอีกโฉมหน้าหนึ่ง
ใบหน้าของเขาดูคุ้นตาเล็กน้อย…
จักรพรรดิก่อตั้งพิศวง เขาดูคล้ายข้าอยู่ไม่ใช่เล่น…
ฉินมู่เผยรูปโฉมที่แท้จริงและกล่าวด้วยน้ำเสียงขื่น “วิญญูชนสวรรค์อวี้ตายไปแล้ว ฆาตกรคือวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวและหยินเฉาจิ่น เพื่อที่จะล้างแค้นให้กับเขา ข้าแปลงกายเป็นรูปโฉมของวิญญูชนสวรรค์อวี้ และในตอนนี้ ข้าก็ได้ล่วงเกินมารดาของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมาพึ่งพิงหลบภัยที่สถานที่ของพี่สาว”
จูเฉว้เอ๋อพลันหัวเราะคิกคัก และเพลิงไฟไหลวนไปรอบๆ กายนาง นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าได้ล่วงเกินนังโสเภณีน้อยนั่น เจ้าตายแน่ๆ! เจ้าทั้งหมดตายแน่ๆ! แต่ทว่า เจ้าไม่ต้องกริ่งเกรงไป นางไม่กล้ามาที่นี่หรอก เจ้ามาซ่อนตัวอยู่สักสองสามวันก่อน แล้วข้าจะส่งพวกเจ้าไปยังแดนต่ำใต้เมื่อเรื่องราวซาลงไปแล้ว”
นางพลันตื่นเต้นขึ้นมาและหัวเราะคิกคัก “มารดาของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวคือน้องสาวของจักรพรรดินีฟ้า พวกเจ้าไม่รู้ถึงปูมหลังที่มาของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวหรอกใช่ไหม จักรพรรดินีฟ้าและน้องสาวของนางเป็นฝาแฝดกัน ทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกัน เมื่อจักรพรรดิฟ้าสยุมพรกับคนพี่สาว เขาก็อยากที่จะสมรสกับคนน้องสาวด้วยเช่นกัน แต่จักรพรรดินีฟ้าไม่ยินยอม มาสิ ลองเดาดู ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”
จักรพรรดิก่อตั้งมีสีหน้าพิลึกและคิดในใจ จักรพรรดิทักษิณผู้นี้แตกต่างไปจากที่ข้าจินตนาการ ทำไมนางถึงสนใจเรื่องส่วนตัวของจักรพรรดิฟ้านัก
ฉินมู่ยังคงรักษาอาการบาดเจ็บของเขาและถามด้วยความสนใจใคร่รู้ “พี่สาว เกิดอะไรขึ้นต่อหรือ”
จักรพรรดิก่อตั้งยิ่งสีหน้าพิลึกเข้าไปใหญ่ “มู่ชิงคนนี้ก็ขี้สงสัยเหลือเกิน!”
วัวแก่ชันหูของตนขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาก็สนใจเรื่องนี้ไม่น้อย
“หลังจากนั้น เมื่อวิญญูชนสวรรค์อวี้บุกเบิกสมบัติเทวะทารกวิญญาณ และทำให้ผู้คนในโลกหล้าสามารถฝึกวรยุทธได้ จักรพรรดิฟ้าก็กล่าวว่า ลูกหลานของเทพบรรพกาลทั้งหลายไม่อาจฝึกวรยุทธได้ ดังนั้นเขาจึงเกรงว่าลูกหลานแห่งเทพบรรพกาลจะถูกมนุษย์ข่มเหงรังแกในอนาคต เขามีความคิดหนึ่งขึ้นมาเพื่อที่จะสร้างครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ เพื่อให้คนผู้นั้นแสวงหาหนทางให้แก่เหล่าครึ่งเทพ ครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ผู้นี้ก็กลายมาเป็นวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว”
จูเฉว้เอ๋อแย้มยิ้มและกล่าว “และผู้ที่ให้กำเนิดแก่ครึ่งเทพผู้นี้ก็คือน้องสาวของจักรพรรดินีฟ้า มาเดาดูสิ เจ้าคิดว่าใครคือบิดาของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว”
สายตาของฉินมู่วูบไหว และเขาก็เร่งเร้านาง “พี่สาว เล่าเร็วเข้า ทิ้งค้างคาแบบนี้ข้าแทบจะตายอยู่แล้ว!”
เสียงของจูเฉว้เอ๋อทั้งเบาและเร็วขณะที่หัวเราะคิกคักไปด้วย “จักรพรรดิฟ้าจุติลงไปเป็นมนุษย์ และในที่สุดก็สำเร็จความประสงค์ที่จะได้ร่วมสมภิรมย์รักกับสาวงามของเขา”