ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 749 เถ้าถ่านและธุลีแห่งหนึ่งล้านปี
- Home
- ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods
- ตอนที่ 749 เถ้าถ่านและธุลีแห่งหนึ่งล้านปี
จากประสบการณ์ของฉินมู่ การเดินทางย้อนอดีตผ่านหมอกในแม่น้ำหย่งจะให้เวลาเพียงแค่ ‘ครึ่งวัน’ แต่ ‘ครึ่งวัน’ นี้มิได้หมายถึงสิบสองชั่วโมง มันไม่มีเวลาแน่นอนตายตัว และในทางตรงข้าม มันคือการที่ความมืดเข้ามาทดแทนแสงสว่าง
ไม่มีความมืดในสภาสวรรค์ และมันก็สว่างไสวดุจกลางวันอยู่ตลอดเวลา
เมื่อพวกเขามาที่นี่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร มันก็จะสว่างดุจทิวากาล
เมื่อภูติบดีลงมือ นั่นก็จะแตกต่างออกไป
ความมืดของแดนใต้พิภพ เข้าคลี่คลุมสภาสวรรค์ และทำให้ความมืดโถมทับลงมาในพริบตา ดังนั้นจึงสำเร็จเงื่อนไขที่จะเดินทางกลับไปยังอนาคต
ในความมืด ฉินมู่โบกมือลาจูเฉว้เอ๋อและวิญญูชนสวรรค์หลิง เงาร่างของเขา จักรพรรดิก่อตั้ง และวัวแก่ เหมือนกับเม็ดทรายดำสนิทที่ถูกดูดดึงหายเข้าไปในความมืดอันไหลเชี่ยว กระจัดกระจายไปในสายลม
วิญญูชนสวรรค์หลิงความคิดกระเจิดกระเจิง และนางมองไปที่ภาพนี้ด้วยความเหม่อลอย
จูเฉว้เอ๋อก็มีสีหน้าเหมือนเห็นผี นางรีบก้าวเข้าไปยังจุดที่ฉินมู่ จักรพรรดิก่อตั้ง และวัวแก่อยู่เมื่อครู่ และลองแตะไปดูรอบๆ แต่ทว่า ทั้งสามคนดูจะหายวับไปในอากาศธาตุ!
“แปลกเหลือเกิน! ประหลาดอะไรอย่างนี้!” จูเฉว้เอ๋อเกินคำว่าแตกตื่น
หัวใจของวิญญูชนสวรรค์หลิงเหมือนกับมีคลื่นโถมซัด และนางก็หวนระลึกถึงถ้อยคำของฉินมู่โดยไม่รู้ตัว “บางที ที่เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต เจ้าจะได้พบกับใครบางคนที่เดินทางย้อนกลับมายังอดีตผ่านทักษะเทวะของเจ้า และพิสูจน์ให้โลกหล้ารู้ว่าความเห็นที่พวกเขามีต่อเจ้านั้นผิดพลาด”
สีหน้าของนางครุ่นคิดจนงมงาย และนางมองไปที่จูเฉว้เอ๋อผู้ยังพยายามเสาะหาพวกเขาทั้งสามด้วยสายตาอันเหม่อลอย
โลกนี้มีทักษะเทวะที่ทำให้สสารไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ขยับเคลื่อน ไม่กลายรูป ไม่เพิ่มขึ้น ไม่ลดลง จริงๆ น่ะหรือ หรือว่ามันจะเป็นสิ่งที่ข้าคิดค้นขึ้นมา
คลื่นซัดในหัวใจของนางนั้นได้กลายมาเป็นความมั่นใจอันไร้เทียมทาน และสร้างความเชื่อมั่นให้นางมุ่งหน้าศึกษาค้นคว้าต่อ ข้าจะต้องคิดค้นมัน ในอนาคต วิญญูชนสวรรค์มู่ และวิญญูชนสวรรค์ฉินจะกลับมาในห้วงเวลาผ่านทางทักษะเทวะของข้า และมาให้กำลังใจข้า! ข้าจะต้องทำมันได้อย่างแน่นอน!
นางโยนเอาความล้มเหลวและท้อถอยทั้งหมดที่เกิดจากมรณกรรมของวิญญูชนอวี้ทิ้งไป และปลุกปลอบจิตวิญญาณของตนขึ้นมาใหม่
ฉินมู่และจักรพรรดิก่อตั้งได้ร่วมศึกษาค้นคว้ากับนางเป็นเวลานาน และพวกเขาก็ได้ใช้ความรู้ที่มีเพื่อช่วยให้นางกรุยทางก้าวแรก
สิ่งที่นางจะต้องทำก็คือกรุยทางก้าวถัดไป จนกว่านางจะสำเร็จในการคิดค้นสุดยอดวิชาที่สะท้านสะเทือนโลกหล้าได้ในที่สุด!
นางกล่าวลาจักรพรรดิทักษิณจูเฉว้เอ๋อ และเดินตรงไปยังสระหยก
นางพบกับวิญญูชนสวรรค์เยว่และวิญญูชนสวรรค์อวิ๋นระหว่างทาง และกล่าวทักทายพวกเขา
วิญญูชนสวรรค์เยว่และวิญญูชนสวรรค์อวิ๋นเผยสีหน้าประหลาดใจ ก็ในเมื่อวิญญูชนสวรรค์หลิงในความทรงจำของพวกเขาคือเด็กสาวแปลกประหลาด นางไม่เคยกล่าวทักทายใคร หากว่าใครทักทายนางและนางไม่ชอบคนผู้นั้น นางก็จะไม่ตอบเลยสักนิด
และบัดนี้ นางถึงกับริเริ่มเป็นฝ่ายคารวะทักทายพวกเขา นี่มันดวงอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกชัดๆ
“วิญญูชนสวรรค์หลิง โปรดอย่าเพิ่งรีบร้อนจากไป”
วิญญูชนสวรรค์เยว่พลันหยุดนางเอาไว้ และวิญญูชนสวรรค์หลิงก็ชะงักฝีเท้าเพื่อหันกายกลับมา วิญญูชนสวรรค์เยว่ และวิญญูชนสวรรค์อวิ๋นหันไปมองกันไปมา และทั้งสองคนก็เดินมายังข้างกายนาง พวกเขากล่าวด้วยเสียงเบา “เกิดเรื่องราวหลายอย่างขึ้นที่ชุมนุมสระหยก และวิญญูชนสวรรค์อวี้ก็ถึงแก่ความตาย วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวได้รับบาดเจ็บสาหัสจากน้ำมือของวิญญูชนสวรรค์มู่ และจักรพรรดิฟ้าก็ได้สั่งให้จับกุมตัววิญญูชนสวรรค์มู่และวิญญูชนสวรรค์ฉิน แต่ทว่า มีเรื่องมากมายเกินไปเกิดขึ้นที่นี่”
วิญญูชนสวรรค์หลิงรับฟังอย่างเงียบเชียบ
วิญญูชนสวรรค์เยว่รวบรวมความกล้าและหรี่เสียงของนาง “พวกเรามองออกว่าวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวเป็นผู้สังหารวิญญูชนสวรรค์อวี้ และนั่นวิญญูชนสวรรค์มู่จึงแก้แค้นให้แก่วิญญูชนสวรรค์อวี้ ข่าวลือที่แพร่ไปรอบๆ ในช่วงหลายวันมานี้ไม่ใช่เพียงคำพูดกลวงเปล่า จักรพรรดิฟ้าและจักรพรรดินีฟ้า พวกเขาล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้อง ความขัดแย้งระหว่างครึ่งเทพและเผ่าทั้งหลายได้เริ่มต้นขึ้นมาแล้ว และในฐานะผู้นำแห่งเผ่าพันธุ์ พวกเราจะต้องระแวดระวัง”
วิญญูชนสวรรค์อวิ๋นที่อยู่ข้างๆ กล่าว “วิญญูชนสวรรค์มู่ได้ถ่ายทอดวิธีการบรรลุเป็นเทพเจ้าออกไป และการที่เผ่าทั้งหลายจะผงาดขึ้นมามีบทบาทอำนาจนั้นก็ขึ้นกับเวลาเท่านั้น พวกเราทั้งสองได้ปรึกษาหารือเรื่องนี้ และพวกเรารู้สึกว่ามีอันตรายที่ซุ่มรออยู่ในกาลข้างหน้า ดังนั้นพวกเราจึงไม่อาจจะกระจัดกระจายกันอีกต่อไป พวกเราจะต้องตั้งพันธมิตรให้แก่เผ่าพันธุ์มนุษย์ เพื่อวางแผนอนาคตให้แก่เผ่าพันธุ์อื่นๆ!”
วิญญูชนสวรรค์หลิงหัวใจวูบไหว “พันธมิตรสวรรค์?”
ทั้งสองคนตื่นตะลึง และพวกเขาก็รีบไต่ถาม “วิญญูชนสวรรค์หลิง เจ้ามีแผนการนี้มาเรียบร้อยแล้วหรือ เจ้าก็วางแผนที่จะก่อตั้งพันธมิตรอย่างนั้นหรือ พันธมิตรสวรรค์ เจ้าคิดชื่อนี้หรือ”
วิญญูชนสวรรค์หลิงส่ายศีรษะ “วิญญูชนสวรรค์มู่เป็นผู้คิดชื่อนี้ และวิญญูชนสวรรค์ฉินก็อยู่ในพันธมิตรสวรรค์ด้วย ข้าวางแผนที่จะไปตามหาวิญญูชนสวรรค์โยว และวิญญูชนสวรรค์หั่ว เพื่อชักจูงพวกเขาเข้ามาร่วมในพันธมิตรสวรรค์”
วิญญูชนสวรรค์อวิ๋นรีบกล่าว “วิญญูชนสวรรค์โยวนั้นก็ได้อยู่ แต่วิญญูชนสวรรค์หั่วมีอารมณ์ร้อน ปากของเขาไม่อาจเก็บความลับ ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังใกล้ชิดกับวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ดังนั้นเขาจึงไม่เหมาะที่จะเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์”
“วิญญูชนสวรรค์ฉินและวิญญูชนสวรรค์มู่อยู่ที่ไหน” วิญญูชนสวรรค์เยว่ถาม
วิญญูชนสวรรค์หลิงเผยยิ้ม และนางกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “พวกเขากำลังรอพวกเราอยู่ในอนาคต รอวันที่พวกเราจะได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง พวกเราไปตามหาตัววิญญูชนสวรรค์โยวกันเถอะ”
ทั้งสามคนเดินตรงไปยังหมู่ตึกน้อยสระหยก และวิญญูชนสวรรค์อวิ๋นก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “พวกเราจะต้องตั้งระเบียบและกฎเกณฑ์ พันธมิตรสวรรค์จะต้องคำนึงถึงสวัสดิภาพของเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย และอนุญาตให้แก่ผู้ที่มีความสามารถสูงเข้าร่วมได้ พวกเราจะต้องทดสอบนิสัยใจคอของพวกเขา เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาขึ้นมาจากภายใน”
วิญญูชนสวรรค์เยว่กล่าว “ระเบียบและกฎเกณฑ์จะต้องจัดตั้ง พวกเราไม่อาจทำดีต่อคนชั่ว และไม่อาจทำเรื่องร้ายต่อคนดี พวกเรามีแต่จะต้องปฏิบัติต่อคนดีให้ดียิ่งขึ้น และปฏิบัติต่อคนชั่วให้ร้ายยิ่งขึ้น ก็มีแต่แบบนี้พันธมิตรสวรรค์จึงจะอยู่ยง”
วิญญูชนสวรรค์หลิงกล่าว “อะไรคือเป้าหมายของพันธมิตรสวรรค์ พวกเราก็จะต้องก่อตั้งเป้าหมายขึ้นมาด้วยเช่นกัน ก่อนอื่นพวกเราไปตามหาวิญญูชนสวรรค์โยวเถอะ ยุคสมัยนี้ ยุคทอง กลับมีวี่แววของความปั่นป่วนโกลาหลเสียแล้ว พวกเราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม!”
…
เมื่อความมืดเข้าคลี่คลุมพวกเขา สิ่งที่จักรพรรดิก่อตั้งเห็นนั้นแตกต่างจากที่วิญญูชนสวรรค์หลิงและจักรพรรดิทักษิณเห็น
เขายังคงเห็นตัวเขาเองยืนอยู่กับที่เดิม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือสสารรอบตัวเขา วิญญูชนสวรรค์หลิงและจักรพรรดิทักษิณจูเฉว้กระจัดกระจายไปเหมือนกับทรายดำในสายลม สภาสวรรค์อันยิ่งใหญ่ไพศาลก็กระจายหายไปราวกับภาพที่วาดด้วยเม็ดทราย
สสารเหล่านั้นล่าถอยไป และไม่ใช่กาลเวลาที่เดินไปข้างหน้า
วิญญูชนสวรรค์หลิงคิดถูก
แสงตะวันสาดส่องลงมา และความมืดทั้งหมดก็หายวับ ที่ที่เขายืนอยู่นั้นมิใช่สภาสวรรค์แห่งยุคสมัยโบราณอีกต่อไป ในทางกลับกัน มันคือทะเลทรายอันรกร้างกระผีกหนึ่ง และแม่น้ำหย่งก็ไหลรินอยู่ไม่ห่างไกล
สถานที่นี้คือแดนโบราณวินาศ ซากโบราณของยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง แดนโบราณวินาศนี้เต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาด และผู้คนที่โชคดีพอที่จะมีชีวิตรอดมาจากยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่งก็อาศัยอยู่ในแดนโบราณวินาศแห่งนี้ ยังมีบางผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกภายนอก เอาชีวิตรอดด้วยความยากลำบาก
จักรพรรดิก่อตั้งมองไปที่ภาพเหล่านี้ด้วยสายตาเหม่อลอย และเขาเดินตรงไปยังแม่น้ำหย่ง เขาคิดอยู่ในใจ วิญญูชนสวรรค์มู่ พวกเราคงจะได้พบกันอีกใช่ไหม จริงสิ ข้าอยากจะสร้างกระบี่เทวะเหมือนกับเล่มนั้น…
ไกลออกไป ผู้ฝึกวิชาเทวะมากมายกำลังออกค้นหาตามชายฝั่งแม่น้ำหย่ง และเมื่อบางคนมองเห็นจักรพรรดิก่อตั้งจากที่ไกลๆ เขาก็ร้องออกมาด้วยความยินดี “ฉินเย่อยู่ที่นี่!”
ทุกคนรีบเข้ามาต้อนรับเขา และตรงหน้าสุดนั้นคือวัวแก่ที่มีเกล็ดสีเขียวปกคลุมตัว บนหลังวัวคือชาวนาหนุ่ม เขานั้นแข็งแกร่งและกำยำ และไม่สูงมากนัก
ข้างหลังเขาคือเด็กสาวถือพัดจีบ และยังมีชาวประมงที่มีปลาคุนแดงสองตัวในข้องโผล่หัวพวกมันขึ้นมา และที่ตามมาข้างหลังคือคนตัดไม้
พวกเขาวิ่งตรงมายังจักรพรรดิก่อตั้ง และคนตัดไม้หนุ่มก็วิ่งมาช้าที่สุด เขาหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย “รอข้าด้วย พวกเจ้า รอข้าด้วยสิ…”
“ฉินเย่ เจ้าหายไปไหนมา เจ้าทำให้พวกเราต้องเปลืองแรงตามหาตัวเจ้าไม่ใช่น้อยเลยนะ!”
ชาวนากระโดดลงมาจากหลังวัวแก่ และต่อยอกเขาหมัดหนึ่ง จักรพรรดิก่อตั้งเซแซ่ดๆ จากกำปั้น และร้องโอยโอยด้วยความเจ็บ ชาวนาคนนั้นกล่าวทันที “หยุดเสแสร้ง พวกเราสู้กันมาตั้งหลายครั้งในอดีต และก็มีแต่เจ้าก็ต่อยตีข้าจนร้องหาพ่อหาแม่ เจ้าได้หายตัวไปตั้งหลายวัน และชาวประมงก็แกะรอยตามเจ้ามาถึงที่นี่ หลังจากนั้น พวกเราก็ไม่พบเบาะแสอะไรอื่น”
จักรพรรดิก่อตั้งเผยรอยยิ้มและกล่าว “ข้าได้พลั้งพลาดเข้าไปในสถานที่อันเหลือเชื่อ และประสบพบพานสิ่งมหัศจรรย์พันลึกมากมาย”
ทุกคนเข้ามามุงล้อมรอบตัวเขาและถามด้วยความสนอกสนใจ “มันคืออะไรกันแน่”
จักรพรรดิก่อตั้งเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง และพลันสลัดศีรษะ “ข้าไม่พูดจะดีกว่า”
วัวแก่ที่อยู่ข้างๆ ชาวนาอ้าปากพูด “ผู้มีพระคุณ ตอนนี้ท่านไม่ตรงไปตรงมาเลยนะ เรื่องอะไรกันที่ท่านบอกพวกเราไม่ได้”
จักรพรรดิก่อตั้งได้ยินเสียงนี้ และจิตคิดของเขาก็พลันกระเจิดกระเจิง ผ่านไปพักหนึ่งเขาจึงรวบรวมสติกลับมา และมีความรู้สึกอันขบขันตนเองเมื่อมองไปยังวัวแก่ เขายิ่งปักใจมั่นว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องราวที่เขาพบเจอมา
เวลาไหลผ่านไป
ผู้คนมาติดตามจักรพรรดิก่อตั้งมากขึ้นทุกที และหลายคนก็ได้กลายเป็นกระเดื่องดังในโลกหล้าอย่างเช่นตี้อี้เยว่ เถียนฉู่ ท้าวสักกะ และพวกเขาก็ล้วนติดตามเขา
ในวันนี้ จักรวรรดิจักรพรรดิก่อตั้งถูกสถาปนาขึ้นมา และมันก่อสร้างอยู่บนซากโบราณแห่งยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง พวกเขาก่อตั้งรัชสมัยเทวะ และเขาก็ได้ราชาภิเษกเป็นจักรพรรดิก่อตั้ง
หลังจากพิธีขึ้นครองราชย์ จักรพรรดิก่อตั้งก็เหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย เขาให้ทุกคนถอยออกไป ส่วนตัวเขาไปที่ห้องทรงอักษรเพื่ออ่านฎีกาทั้งหลายของตน
ในตอนนั้นเอง ประตูห้องทรงอักษรก็เปิดออก และหญิงสาวในชุดเขียวก็ก้าวเดินเข้ามา
จักรพรรดิก่อตั้งเงยศีรษะ และร่างของเขาสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงเมื่อเขาเห็นหญิงในชุดเขียว
“วิญญูชนสวรรค์ฉิน”
หญิงผู้นั้นเผยยิ้ม “ไม่ได้พบกันนาน ข้าได้รอเจ้ามา รอเจ้ามาอย่างยากลำบาก”
จักรพรรดิก่อตั้งลุกขึ้น และน้ำตาก็ไหลลงจากดวงตา
“วิญญูชนสวรรค์หลิง!”
“วิญญูชนสวรรค์ฉิน ผู้อาวุโสก่อตั้งแห่งพันธมิตรสวรรค์ ยินดีต้อนรับกลับสู่พันธมิตรสวรรค์!”
…
สิ่งที่ฉินมู่และวัวแก่เห็นก็คล้ายคลึงกับจักรพรรดิก่อตั้ง ฉินมู่เห็นสสารไหลห่างออกไปราวกับทรายดำเป็นหนที่สอง แต่สำหรับหนิวซานตัวนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น จึงอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นด้วยความทึ่ง
ความมืดจางหายไป และฉินมู่ก็สำรวจตรวจดูรอบๆ เขาพบว่าพวกเขายังคงอยู่ในฟากตะวันตกของสวรรค์ไท่หวง และหน้าผาขาดก็อยู่ห่างจากเขาข้างหน้าไปราวๆ ร้อยลี้
สภาสวรรค์เทพบรรพกาลจากครั้งกระโน้นก็ได้สูญสลายไปแล้ว เหลือแต่แดนโบราณวินาศ สภาสวรรค์เทพบรรพกาลน่าจะถูกฝังจมลึกลงไปในใต้ดินของแดนโบราณวินาศ ใช่ไหม
เขามองดูผืนแผ่นดินใต้เท้าของตน และหัวใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหดหู่เมื่อหวนรำลึกถึงอดีตกาล
จากสภาสวรรค์เทพบรรพกาลในยุคโบราณ จากยุคสมัยหลงฮั่นจนถึงปัจจุบัน เวลาได้ไหลผ่านไปแล้วกี่ปีกันแน่
ในประวัติศาสตร์อันยืดเยื้อและยาวนาน มียอดอัจฉริยะเปี่ยมพรสวรรค์กี่คนที่ถูกกลบฝังไว้ที่นี่
พวกเขาเหมือนกับดวงดาวดารดาษฟ้าในประวัติศาสตร์ กะพริบวิบวับในความมืด และจางหายไปราวกับสสารที่ไหลลอย
ติ๊ง
กระบี่ไร้กังวลลอยไปรอบๆ ฉินมู่ เต้นขึ้นๆ ลงๆ กระบี่นี้ได้กลับคืนสู่ยุคปัจจุบันพร้อมกับเขา และตอนนี้มันก็กำลังร้องเสียงกระบี่ด้วยความเริงใจ ราวกับว่ามันได้ฟื้นตื่นขึ้นมาจากความตายและถูกชุบชีวิต
กระบี่ไร้กังวลมิได้ติดตามจักรพรรดิก่อตั้ง
มันเป็นของยุคสมัยของฉินมู่ ดังนั้นมันจึงจากไปพร้อมกับจักรพรรดิก่อตั้งไม่ได้
ฉินมู่ลูบไล้กระบี่แต่แผ่วเบา และกระบี่ไร้กังวลก็เคลื่อนไหวอย่างแช่มช้าภายใต้ปลายนิ้วของเขา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ซ่อนอยู่ในดวงจิตของกระบี่
กระบี่แห่งจักรพรรดิก่อตั้งนี้เกิดมีชีวิตขึ้นมา
“ศิษย์พี่ซานตัว พวกเราไปกันเถอะ”
ฉินมู่ยกมือขึ้น และกระบี่ไร้กังวลก็ส่งเสียงร้องกระบี่เบาๆ แล้วมาประกอบเข้ากับไจกระบี่ของเขา
ฉินมู่มองไปยังที่ไกลๆ และเรียกหนิวซานตัวที่ยังคงเหม่อลอย เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราไปที่ยมโลกกันเถอะ พี่สาวตี้อี้เยว่และราชาสวรรค์เถียนฉู่น่าจะไปยังที่นั่นแล้ว และกำลังสร้างยมโลกขึ้นมาใหม่ ข้าอาจจะสามารถเข้าไปในแดนใต้พิภพได้จากทางยมโลก และได้ไปพบกับสหายเก่าที่มีหน้ากากหน้ามารอยู่ข้างหลังศีรษะเขา”
วัวแก่ฟื้นคืนสติกลับมาและกล่าวด้วยความเหม่องง “ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เหมือนกับความฝัน ข้าไม่รู้จริงๆ เลยว่าสิ่งที่ข้าประสบพบเจอนั้นเป็นมายาภาพ หรือว่าข้าได้ย้อนเวลากลับไปยังอดีตจริงๆ ศิษย์น้อง หลังจากพวกเรากลับมา เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นในยุคหลงฮั่น วิญญูชนสวรรค์หลิงสามารถก่อตั้งขั้วที่สาม สภาสวรรค์แห่งที่สาม ขึ้นมาได้ไหม สามสวรรค์หลงฮั่น ใครเป็นผู้ชนะ”
“ข้าไม่รู้ ข้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่หลังจากที่พวกเราจากมา”
ฉินมู่เดินทางไปข้างหน้าพร้อมกับเขาและกล่าว “แต่ทว่า การเดินทางย้อนอดีตนั้นมิใช่สิ่งที่พวกเราสามารถควบคุมได้ ข้ารู้สึกว่าพวกเราเข้าใกล้ที่จะเปิดเผยความจริง และเปิดเผยอดีตแห่งประวัติศาสตร์มากขึ้นไปทุกที ศิษย์พี่ ท่านคืนยันต์กระดาษเหลืองให้ข้าได้แล้วล่ะ”
วัวแก่รีบปลดยันต์กระดาษเหลืองออกและคืนมันให้แก่เขา เขามีสีหน้าประหลาดพิลึกและกล่าว “ข้าได้อัดต่อยจักรพรรดิก่อตั้งจนจมดิน อาละวาดในสภาสวรรค์ อัดผู้หญิงของจักรพรรดิฟ้าจนน่วม กระทืบเทพบรรพกาลทั้งหลายทั้งปวง และแม้กระทั่งตาข่ายสวรรค์ไร้ช่องโหว่ก็ไม่อาจจับตัวข้าเอาไว้ได้! ข้าถึงกับได้พบจักรพรรดิทักษิณจูเฉว้ก่อนที่จะได้ไปพบกับเหล่าวิญญูชนสวรรค์อันโบราณนานกาลที่สุดแห่งเผ่ามนุษย์ นายผู้เฒ่าต้องไม่เชื่อเรื่องที่ข้าเล่าแน่ๆ! ฮี่ๆ ข้าสามารถทำให้นายผู้เฒ่าตกใจจนตายได้เลย…เอ๋ ป้ายประกาศิตทองคำของข้ายังอยู่ที่นี่!”
เขาปลดป้ายประกาศิตที่สะเอวออกมา และส่องดูกับแสงอาทิตย์ เขาตรวจตราดูมันอย่างละเอียดและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เคยคิดเลยว่า ข้า หนิวซานตัว จะได้รับตำแหน่งขุนนางในสภาสวรรค์เทพบรรพกาล! ในเมื่อป้ายประกาศิตนี้ยังมีอยู่ นี่ก็แปลว่าทั้งหมดมันไม่ใช่ความฝัน มันเกิดขึ้นจริงๆ! เมื่อนายผู้เฒ่าเห็นป้ายประกาศิตนี้ เขาก็จะต้องเยี่ยวราดกางเกงแน่นอน!”
ฉินมู่มองไปที่ป้ายประกาศิตที่อยู่ใต้แสงตะวัน และสีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขานำเอาป้ายประกาศิตดึกดำบรรพ์อันบรรพจารย์ก่อตั้งเว่ยสุยเฟิงได้ฝากเอาไว้ เมื่อป้ายประกาศิตทั้งสองวางเทียบกันใต้แสงอาทิตย์ หนึ่งนั้นดูใหม่เอี่ยม และอีกหนึ่งก็ดูเก่าครำคร่า
เมื่อแสงสว่างไหลผ่านป้ายประกาศิตอันใหม่ มันก็ถึงกันกระตุ้นการทำงานของป้ายประกาศิตเก่าด้วยเช่นกัน อักขระโบราณและอักษรรูนมากมายก็ค่อยๆ ปรากฏ!