ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 753 ฟื้นคืนชีพ (1)
โลงศพของวิญญูชนสวรรค์อวี้ถูกพิทักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี และมีอักษรรูนใต้พิภพกะพริบวูบวาบอยู่ภายนอก พวกมันห้อมล้อมโลงศพเอาไว้และให้บรรยากาศลี้ลับปริศนาในความเงียบสงัด
เมื่อฉินมู่มาถึงที่นี่ หัวใจของเขาก็ไม่มีความตื่นเต้นอีกต่อไป ในทางตรงข้าม เขาสำรวจตรวจตราดูอักษรรูนด้วยสีหน้าอันเยือกเย็น และวิเคราะห์แง่อัศจรรย์ในอักษรรูน
ภูติบดีเป็นผู้ทิ้งอักษรรูนเหล่านี้เอาไว้ และพวกมันก็ใช้เพื่อปกป้องกายเนื้อของวิญญูชนสวรรค์อวี้
อันที่จริงแล้ว ต่อให้ภูติบดีมิได้ใช้อักษรรูนของเขาเพื่อปกปักษ์ กายเนื้อของวิญญูชนสวรรค์อวี้ก็ไม่แก่เฒ่าและตายไป
นั่นเพราะว่าวิญญูชนสวรรค์อวี้เป็นผู้เดียวที่ได้รับการอวยพรจากเทพบรรพกาลทั้งหมด!
เจ็ดวิญญูชนสวรรค์แห่งอดีตกาล ล้วนแต่ได้รับการอวยพรจากเทพบรรพกาลทั้งหลาย!
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ผู้บุกเบิกสมบัติเทวะห้าธาตุ ได้รับการอวยพรจากเทพครองดาวห้าธาตุและเทพสรรพชีวิต กายเนื้อของเขาไม่มีทางแก่ชรา และโชควาสนาทั้งห้าก็ฉายส่องลงมายังเขา
วิญญูชนสวรรค์หลิง ผู้บุกเบิกเขตขั้นหกทิศ ได้รับการอวยพรจากพระแม่ธรณี มีโชควาสนาอันไร้สิ้นสุด และไม่มีทางแก่และตาย
วิญญูชนสวรรค์เยว่ ผู้บุกเบิกสมบัติเทวะเจ็ดดาว ได้รับการอวยพรจากเทพครองดาวมหาตะวัน เทพครองดาวมหาจันทรา และเทพสรรพชีวิต กายเนื้อของนางก็ไม่แก่และตายเช่นกัน ทั้งยังไม่ป่วยไข้อีกด้วย
วิญญูชนสวรรค์หั่ว ผู้บุกเบิกเขตขั้นเป็นตาย ได้รับการอวยพรจากภูติบดี และจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็แข็งแกร่งชั่วนิรันดร์
วิญญูชนสวรรค์โยว ผู้บุกเบิกสมบัติเทวะเป็นตาย ได้รับการอวยพรจากภูติบดี เขานั้นเป็นอมตะไม่มีวันตาย และจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็จะแข็งแกร่งไปตลอดกาล
วิญญูชนสวรรค์อวิ๋น ผู้บุกเบิกเขตขั้นสะพานเทวะ ได้รับการอวยพรจากเทพสรรพชีวิต เขาเป็นอมตะและไม่มีทางแก่เฒ่า ทั้งจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็จะกระจ่างสดใส
แม้ว่าหกวิญญูชนสวรรค์จะได้รับการอวยพรและความอมตะ แต่รายละเอียดในการอวยพรแต่ละอย่างนั้นแตกต่างกันไป
ยกตัวอย่างเช่น วิญญูชนสวรรค์โยวได้รับการอวยพรจากจากภูติบดีให้เป็นอมตะ ไม่มีทางตายและมีจิตวิญญาณดั้งเดิมอันกล้าแข็งไปชั่วนิรันดร์ แต่ทว่าการที่เขาเป็นอมตะไม่มีวันตายนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่แก่เฒ่า ดังนั้นวิญญูชนสวรรค์โยวจึงยังคงแก่เฒ่า นี่เพราะว่าภูติบดีมิได้ควบคุมหลักกฎเกี่ยวกับกายเนื้อไม่มีวันชรา เขาสามารถมอบอายุขัยชั่วนิรันดร์ให้แก่วิญญูชนสวรรค์โยวได้ แต่เขาไม่อาจยับยั้งวิญญูชนสวรรค์โยวจากความชราได้
ในทางกลับกัน เทพสรรพชีวิตสามารถอวยพรความอมตะและความไม่แก่เฒ่าแก่วิญญูชนสวรรค์อวิ๋น แต่ทว่า เทพสรรพชีวิตไม่มีวิธีการที่จะทำให้วิญญาณดั้งเดิมแข็งแกร่งตลอดกาล ดังนั้นเขาจึงไม่อาจให้การอวยพรแก่วิญญูชนสวรรค์อวิ๋นในด้านนี้ได้ เขาอวยพรได้แต่ให้วิญญูชนสวรรค์อวิ๋นมีจิตวิญญาณดั้งเดิมอันกระจ่างและสดใส มีเนตรแห่งสวรรค์
แต่ทว่า วิญญูชนสวรรค์อวี้เป็นบุคคลที่ได้รับการอวยพรจากเทพบรรพกาลทั้งหมดทั้งมวล
การอวยพรของเทพบรรพกาลนั้นคือการอวยพรของหลักกฎ และท่ามกลางการอวยพรเหล่านั้น ยังมีการอวยพรของจักรพรรดิฟ้าและจักรพรรดินีฟ้าอีกด้วย
เดิมทีวิญญูชนสวรรค์อวี้น่าจะมีจิตวิญญาณดั้งเดิมอันแข็งแกร่งชั่วนิรันดร์ และเขาก็น่าที่จะเป็นอมตะไม่มีวันตาย กระนั้นกายเนื้อของวิญญูชนสวรรค์โยวก็ตายลงไปในศาลาวายุแผ่ว ทั้งจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็แหลกสลาย ดังนั้นเขาจึงเข้าไปในแดนใต้พิภพไม่ได้ เมื่อชิ้นส่วนแหลกสลายไม่อาจเข้าไปในแดนใต้พิภพ การอวยพรก็กลายเป็นไร้ผล ช่องโหว่ในเรื่องนี้ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับมันอย่างลึกซึ้ง
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวและโอรสหยินสวรรค์สังหารวิญญูชนสวรรค์อวี้นั้นเป็นเพียงเรื่องที่แสดงออกมาอย่างผิวเผิน มันอาจจะมีความขัดแย้งที่ลึกล้ำกว่านี้อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจักรพรรดิฟ้าและน้องสาวของจักรพรรดินีฟ้าจะได้ลงมือทำอะไรลงไป ก็ไม่มีใครล่วงรู้
ฉินมู่คิดเกี่ยวกับเหตุผลลึกซึ้งที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน เมื่อครั้งนั้น การชุมนุมสระหยกดูสงบสันติ แม้กระทั่งหลังจากที่วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวลอบสังหารวิญญูชนสวรรค์อวี้ ทุกคนก็เพียงแค่ตกอยู่ในความโศกาอาดูร และไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างสงบและเงียบงัน
แต่ใครจะรู้ได้ว่า ภายใต้เปลือกนอกอันเยือกเย็น กลับมีจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่เบื้องหลัง
ตอนนี้เมื่อเขามองไปที่การอวยพรของภูติบดี เขาก็ทั้งเกิดแสงสว่างทางปัญญาและความหวาดผวาขึ้นมาพร้อมๆ กัน
วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวจะเอาชนะจักรพรรดิฟ้าเช่นนั้นได้จริงๆ ไหม ใครกันแน่ที่เป็นผู้ชนะตัวจริงท่ามกลางสามสวรรค์หลงฮั่น
เขามองไปที่วิญญูชนสวรรค์โยวข้างๆ เขา วิญญูชนสวรรค์โยวไม่เคยกล่าวถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเขาจะยินดีพูดถึงมันหรือไม่
หลังจากชุบชีวิตวิญญูชนสวรรค์อวี้ ข้าจะต้องไต่ถามวิญญูชนสวรรค์อวี้ให้ละเอียดทุกซอกมุม!
ฉินมู่ยกมือของเขาขึ้น และโลงศพอันทำขึ้นมาจากโครเมี่ยมแดงพุทธชีวาก็พลันเปิดออก ฝาโลงลอยออกไปห่างสักหน่อย ก่อนจะค่อยๆ วางลงแตะพื้นอย่างนุ่มนวลและไม่ก่อให้เกิดเสียงมากนัก
สถานที่นี้คือคฤหาสน์ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เมตตาเทียมสวรรค์ อันมีดวงวิญญาณของมารดาของผู้เฒ่านำทางความตายอาศัยอยู่ และฉินมู่ก็ไม่อยากที่จะรบกวนนาง
ภายใต้พลังวัตรของเขา วิญญูชนสวรรค์อวี้ลอยขึ้นไปบนอากาศ หลังจากเวลาหนึ่งล้านปี เขาก็ยังดูเหมือนกับที่เคยเป็นมาในอดีต ไม่มีร่องรอยแห่งกาลเวลาที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายของเขา
เขาเหมือนกับที่ฉินมู่เคยได้พบในสระหยก วิญญูชนสวรรค์เยาว์ผู้นี้เหมือนกับดอกไม้แก้วผลึกและต้นไม้หยก ทั้งนุ่มนวลและเยือกเย็น
เวลาผ่านไปหนึ่งล้านปี แต่สำหรับฉินมู่ มันเป็นบางสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สำหรับเขา มันก็เหมือนเดิมเช่นกัน
“ข้าสามารถอัญเชิญดวงวิญญาณของเขาในแดนใต้พิภพ และนำทางชิ้นส่วนแตกสลายเข้ามาได้ แต่ข้าไม่อาจยืมพลังของเทพสรรพชีวิตจากข้างในแดนใต้พิภพ ดังนั้นยังคงต้องกลับไปที่โลกแห่งคนเป็น มีแต่ในโลกแห่งคนเป็นเท่านั้นที่ข้าจะสามารถหยิบยืมพลังอำนาจของทั้งภูติบดีและเทพสรรพชีวิต เพื่อประกอบสร้างสามวิญญาณและเจ็ดจิตของเขาขึ้นมาใหม่” ฉินมู่กล่าวอย่างสงบนิ่ง
ผู้เฒ่านำทางความตายกระวนกระวายเล็กน้อย “เจ้าทำได้จริงๆ น่ะหรือ ดวงวิญญาณของเขาแหลกสลายไปหนึ่งล้านปีแล้ว เวลาผ่านไปมากขนาดนี้…”
ฉินมู่กล่าวอย่างอบอุ่น “เทพีหยินสวรรค์ก็ได้สิ้นชีวิตไปอย่างน้อยก็สี่ห้าแสนปีเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าข้าก็พานางกลับมาได้หรอกหรือ เทพีหยินสวรรค์เป็นเทพบรรพกาล การอัญเชิญดวงวิญญาณของนางยากเย็นยิ่งนัก และข้าถึงกับอาเจียนเป็นเลือดจากความเหน็ดเหนื่อยหมดพลัง แต่ทว่า วิญญูชนสวรรค์อวี้ตอนที่เขาตาย อย่างก็เป็นเพียงเทพเจ้าธรรมดา ดังนั้นการอัญเชิญดวงวิญญาณของเขากลับมาจึงเรียบง่ายกว่ามาก”
เขาเปิดใบหลิวที่หว่างคิ้วของเขา และทันใดนั้น สมบัติเทวะมรรคาเทพและมารของเขาก็หลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง พลังวัตรของเขาทวีคูณขึ้นไปอย่างมาก!
ฉินมู่ขับเคลื่อนนำทางวิญญาณที่เขายกระดับพัฒนา และทันใดนั้น จิตวิญญาณดั้งเดิมอันสูงยี่สิบห้าวาก็ปรากฏข้างหลังเขา ขนาดของจิตวิญญาณเดิมตอนนี้ไม่ธรรมดาเลย และด้วยมรรคาเทพและมารเป็นหนึ่ง เขาเหมือนกับเทพบรรพกาลน้อยๆ ตนหนึ่ง
ภาษาใต้พิภพอันซับซ้อนปริศนาดังออกมาจากปากของจิตวิญญาณดั้งเดิม และภาษามารถึงกับปะปนไปด้วยภาษาเทพ มันซับซ้อนเสียจนแม้แต่ผู้เฒ่านำทางความตายก็ไม่อาจเข้าใจได้หมดสิ้น
วิญญูชนสวรรค์โยว ผู้ซึ่งก็คือผู้เฒ่านำทางความตาย มีความสำเร็จเชี่ยวชาญในภาษามารใต้พิภพและทักษะเทวะใต้พิภพอย่างลึกซึ้ง แต่ทว่า เขายังขาดพร่องไปในด้านภาษาเทพ
“นำทางวิญญาณ?”
ผู้เฒ่านำทางความตายรับฟังอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถึงค่อนตระหนักขึ้นมา เขาร้อง “เจ้า นี่มันนำทางวิญญาณ แต่ถูกเจ้าเปลี่ยนไปไม่เหลือดี!”
จิตวิญญาณดั้งเดิมของฉินมู่ยังคงขับเคลื่อนนำทางวิญญาณ และเขาเดินวนไปรอบๆ วิญญูชนสวรรค์อวี้อย่างต่อเนื่อง ท่วงท่าเขาแปลกประหลาด และเมื่อเขาเดินในอากาศ มันก็เหมือนกับว่าเขากำลังเดินอยู่บนพื้นราบ
มือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และฟาดออกไปด้วยมุทราอันเปลี่ยนแปลงไปเป็นอักษรรูนที่ประทับลงบนกายเนื้อของวิญญูชนสวรรค์อวี้ เทียบกับอันตรายที่เขาต้องเผชิญตอนที่พยายามรวบรวมดวงวิญญาณของเทพีหยินสวรรค์แล้ว เขาดูคุ้นเคยและคล่องแคล่วกว่ามากในคราวนี้ เขายังมีพลังงานเหลือเพื่อที่จะหันหน้าไปและยิ้มกล่าว “ใช่แล้ว นี่คือนำทางวิญญาณ ข้าเคยสอนเจ้ามาก่อน”
ผู้เฒ่านำทางความตายถลึงตาจ้อง “ต่อให้เจ้าไม่สอนข้า ข้าก็สามารถตรึกตรองเข้าใจเองได้”
ฉินมู่หัวร่อฮาๆ
วิชามุทราของเขาและนำทางวิญญาณ ส่งคลื่นกระเพื่อมปริศนาออกไปราวกับว่ามันแตะต้องเข้ากับหลักกฎแห่งฟ้าและดินบางอย่าง เสียงตึบๆ เป็นจังหวะ ค่อยๆ แผ่กระจายไปจากแดนใต้พิภพ และยืดขยายไปยังทุกๆ โลกมิติ
เสียงเทพและมารที่จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาเปล่งออกไป ไม่อาจได้ยินด้วยหูของผู้คนธรรมดา และแม้แต่ผู้ฝึกวิชาเทวะก็ไม่ได้ยินเสียงของเขา กระนั้นในหูของตัวตนบรรพกาล มันก็เหมือนเสียงหึ่งฮัมของเต๋าอันยิ่งใหญ่ คลื่นกระเพื่อมที่ส่งออกมาจากดวงวิญญาณ
ความแตกตื่นของตัวตนบรรพกาลเหล่านั้นหนักหนาอย่างสุดลิ่ม ราวกับว่ามีเทพบรรพกาลตนหนึ่งที่ควบคุมบรมกฎกำลังขับเคลื่อนพลังอำนาจของเขาอันลึกล้ำและลี้ลับ