ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 765 สัประยุทธ์ทะลุสภาสวรรค์ (1)
- Home
- ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods
- ตอนที่ 765 สัประยุทธ์ทะลุสภาสวรรค์ (1)
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วในการกลับชาติลงไปเกิดของภูติบดี มันเป็นความทรงจำของกระถางสังหาร กระนั้นฉินมู่ก็กำลังมองความทรงจำนี้จากมุมมองของภูติบดี ดังนั้นเขาถึงรู้สึกในสิ่งที่ภูติบดีรู้สึกด้วยเช่นกัน
งูขนนกนั้นรัดพันรอบภรรยาและคว้าจับทารกทั้งสองของเขา จุดอ่อนของภูติบดีอยู่ในมือของเขา
ครึ่งเทพมากมายตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ในแดนใต้พิภพ ภูติบดีไร้เทียมทาน ไม่ใช่แค่ว่ามหิทธานุภาพของเขาจะไร้เทียมทานเท่านั้น แม้แต่กรอบคิดจิตใจของเขาก็ไร้ผู้ต่อต้าน ไม่มีใครเอาชนะเขาได้ในแดนใต้พิภพ
แต่ทว่า หลังจากที่ภูติบดีกลับชาติมาเกิด เขาก็ไม่ได้ไร้เทียมทานอีกต่อไป พลังอำนาจของภูติบดีหลังจากที่กลับชาติลงมานั้นอ่อนแออย่างหนัก และคล้ายๆ กันนั้น กรอบคิดจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยจุดอ่อน
จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือครอบครัวของเขา!
ภูติบดีหลังจากกลับชาติลงมาเกิดมิใช่ภูติบดีที่แท้จริงอีกต่อไป ในทางตรงข้าม เขาคืออาโฉ่วตามชื่อเรียกหาของมารดา และอาหนิวตามคำเรียกหาของภรรยา เขานั้นเป็นเพียงบุรุษอัปลักษณ์คนหนึ่งที่สัตย์ซื่อและสมถะในหมู่บ้าน เขานั้นยังเป็นบิดาของเด็กสองคน
เขามิใช่ภูติบดีอีกต่อไป เขาเป็นเพียงอาโฉ่ว
“ข้าไม่ได้บอกเทพบรรพกาลตนใดถึงการกลับมาชาติมาเกิดของข้า และข้าก็ไม่ได้รายงานแก่สภาสวรรค์ แล้วพวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากลับชาติมาเกิด ทั้งรู้ได้อย่างไรว่าข้าลงมาเกิดที่นี่”
อาโฉ่วไม่ได้มองไปยังครึ่งเทพเหล่านี้ และสายตาของเขาทะลุผ่านพวกเขาไป เขามองไปยังท้องฟ้าอันว่างเปล่าและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “มีก็แต่สภาสวรรค์ถึงจะสามารถล่วงรู้ได้ว่าข้ากลับชาติลงมาเกิด และรู้ว่าข้าลงมาเกิดที่ไหน ถ้าเช่นนั้น ใครกันที่หมายตาพลังอำนาจของข้าอยู่”
ไม่มีความเคลื่อนไหวจากท้องฟ้า
อาโฉ่วผิดหวังเล็กน้อย
“อาโฉ่ว เจ้าจะไม่เสียสละชีวิตตนเองเพื่อภรรยาและบุตรสาวของเจ้าหรอกหรือ”
ครึ่งเทพงูขนนกร้องออกมา “ยอมแพ้เสียด้วยการบูชายัญที่จะทำให้ดวงวิญญาณเจ้าแตกสลาย!”
อาโฉ่วไม่ตอบคำ และเขาหยิบจอบเหล็กขึ้นมาพาดไว้ที่บ่า ครึ่งเทพงูขนนกตนนั้นเดือดดาลและกำลังจะสังหารภรรยาของเขา แต่ทันใดนั้นเรือกระดาษลำหนึ่งก็พลันมาปรากฏข้างหลังอาโฉ่ว แสงส่องไปยังใบหน้าของงูขนนก และไม่ทันที่งูขนนกจะได้ร้องสักแอะ ดวงวิญญาณของเขาก็ตกลงไปในแดนใต้พิภพ
บนเรือกระดาษนั้นเป็นชายหนุ่มที่มีหน้ากากมารอยู่บนหลังศีรษะ เขาเอาตะเกียงฉายแสงส่องไปรอบๆ และครึ่งเทพทั้งหลายที่แปลงกายเป็นร่างอันใหญ่โตปานสิงขรก็ล้มครืนๆ
ชายหนุ่มผู้นั้นแขวนตะเกียงกลับไปบนหัวเรือ และมองไปยังอาโฉ่ว “คราวนี้พวกเขาเป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อย ข้าไม่อาจปกป้องท่านได้ชั่วนิรันดร์ รีบกลับมาให้เร็วที่สุดเถอะ”
อาโฉ่วหันกลับไปมองยังมารดา ภรรยา และบุตรธิดาของเขา ก่อนที่จะส่ายหัว “ตอนนี้ข้ามีอารมณ์ความรู้สึกแล้ว ข้ากลับไปไม่ได้”
ชายหนุ่มผู้นั้นเอียงศีรษะเล็กน้อยและครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่ง “ข้าก็ยังคงไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ในบรรดาครึ่งเทพก็มีตัวตนอันน่าสะพรึงกลัว และข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ทั้งยังมีเทพบรรพกาลบางตนที่ซุ่มซ่อนอยู่ ท่านจะใช้พลังอำนาจได้มากแค่ไหนหลังจากที่กลับชาติลงมาเกิด”
“ที่นี่คือโลกแห่งคนเป็น ข้าไม่อาจใช้พลังอำนาจแห่งแดนใต้พิภพ”
อาโฉ่วส่ายศีรษะ “ข้ารู้สึกว่ามีพลังอำนาจซ่อนอยู่ในใจกลางหว่างคิ้วของข้า แต่ดวงตาที่สามของข้าไม่เคยเปิดออกมาได้”
ชายหนุ่มผู้นั้นมองไปยังใจกลางหว่างคิ้วของเขา และมันก็เส้นขีดตั้งอยู่ที่หว่างคิ้วของอาโฉ่ว แต่ทว่ามองไม่เห็นวี่แววของดวงตาที่สาม เขาจึงได้แต่ควบคุมเรือของเขาให้จมลงไปในก้นบึ้งแห่งความมืดมิด “ท่านไม่ใช่ภูติบดีอีกต่อไป ท่านคืออาโฉ่ว รีบๆ กลับมาเถอะ”
อาโฉ่วส่งเขาไป และผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เผยรอยยิ้มเรียบง่าย “ข้าไม่อาจกลับไปได้อีกแล้ว…”
ภรรยาของเขาอุ้มเด็กเข้ามา และเขาก็ยังบอกกับภรรยาว่าเขาคืออาโฉ่ว และนางไม่ต้องกังวลอะไร
เขาไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป แม้ว่ามือของเขาจะหนาและหยาบ แต่ก็คล่องแคล่วและชำนิชำนาญ เขาสานตะกร้าใหญ่อย่างรวดเร็ว ปูผ้าฝ้ายลงไปข้างในเพื่อให้มารดาเฒ่าของเขานั่งในตะกร้าอันเขาจะสะพายเอาไว้ที่หลัง
เขาวางบุตรและธิดาไว้บนบ่าขณะที่ภรรยาอันตั้งครรภ์ของเขานั่งอยู่บนข้อศอกใน ครอบครัวทั้งครอบครัวของเขาเริ่มอพยพ
อาโฉ่วเร่งรีบหนีไปจากสถานที่แห่งนั้นทั้งวันทั้งคืน แต่ทว่าการเดินทางของเขามิได้ราบรื่นสันติ พวกเขาก็ยังคงต้องเผชิญกับการโจมตีจากครึ่งเทพหลายต่อหลายหน และยิ่งมีครึ่งเทพมาปรากฏในโลกมิตินี้มากขึ้นทุกที ผู้คนมองว่าครึ่งเทพคือสัตว์ยักษ์ที่ตระเวนไปทั่วและเข่นฆ่าพวกเขา ในอดีตมีครึ่งเทพไม่มากนักที่นี่ แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดกลับปรากฏตัวขึ้นมาโดยฉับพลัน
อาโฉ่วพาภรรยาของเขาไปซ่อนตัวทางนั้นทีและทางนี้ที จนกระทั่งมาถึงวันที่อายุขัยของมารดาเฒ่าของเขากำลังจะหมดสิ้น
“อาโฉ่ว ข้ากำลังจะตาย”
มารดาเฒ่ากล่าวกับเขา “ดูแลเมียและลูกๆ ของเจ้าให้ดี เจ้าหน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ แต่เมียเจ้าก็ยังไม่ทอดทิ้ง อาโฉ่วไม่ใช่ภูติบดี เจ้าเป็นแค่เด็กอัปลักษณ์ที่ดูเหมือนกับภูติบดีมากๆ เท่านั้น…” หลังจากที่นางกล่าวจบ ก็สิ้นลมหายใจไป
อาโฉ่วร้องไห้และพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะเปิดดวงตาที่สามบนหว่างคิ้วของเขา เขารีดเร้นตนเองให้ใช้พลังอำนาจแห่งแดนใต้พิภพ เมื่อเขายังเป็นภูติบดี เขาสามารถมอบการอวยพรและอายุขัยให้แก่ตัวตนอันแข็งแกร่งอย่างวิญญูชนสวรรค์โยวได้ กระนั้น ในเวลานี้ เขากลับไม่อาจช่วยชีวิตมารดาตน
เขาถึงกับใช้มีดกรีดแยกใจกลางหว่างคิ้ว ทำให้เลือดไหลนองไปทั่ว แต่ทว่า เขาก็หาดวงตานั้นไม่เจอ เขาไม่อาจค้นพบพลังอำนาจแห่งแดนใต้พิภพ
เขาไม่ใช่ภูติบดี
เขายังคงมีภรรยา บุตร และธิดา เขายังคงมีผู้คนที่เขาห่วงใยกังวล
เขาวางมารดาเฒ่าให้พักผ่อนชั่วนิรันดร์ และพาภรรยากับบุตรธิดาเดินทางต่อไป พวกเขาหลบหนีการไล่ล่า
ในท้ายที่สุด ภรรยาของเขาก็กำลังจะคลอด ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องหยุดเพื่อหาหมอตำแยมาช่วยทำคลอดเด็ก แต่ทว่าเมื่อมีครึ่งเทพปรากฏในโลกนี้มากมายเกินไป และพวกมันก็กลืนกินมนุษย์ไปมากนัก จนยากมากที่จะหาผู้คนเป็นๆ ได้
เผ่ามนุษย์ทั่วทั้งโลกหล้าถูกกวาดล้างไปเกือบหมด และเขาก็ไม่อาจหาผู้คนตัวเป็นๆ ในรัศมีหลายพันลี้ได้ เขาได้แต่หาถ้ำแห่งหนึ่งและซ่อนตัวข้างใน ช่วยทำคลอดให้แก่ภรรยาเขาด้วยตนเอง
หลังจากความทรมานอย่างหนัก ลูกของเขาก็กำเนิดขึ้นมา และเป็นเด็กผู้หญิง นางเหมือนกับเขา มีเขาเล็กๆ คู่หนึ่งบนศีรษะ และมีเขี้ยวเสือติดมาด้วยตั้งแต่แรกเกิด นางแข็งแรงสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง
อาโฉ่วดีใจมาก เขาออกไปล่าสัตว์เพื่อหาอาหารบำรุงกำลังให้แก่ภรรยา
เมื่อเขากลับมา เขาก็เห็นครึ่งเทพมาเกลื่อนไปทั่วทั้งภูเขาราวกับป่าทึบ ปิดกั้นถ้ำที่ภรรยาของเขาอยู่ข้างใน
และยังมีครึ่งเทพที่ทรงพลังอำนาจอย่างไร้ปานเปรียบนั่งอยู่บนยอดเขามองลงมายังอาโฉ่ว ข้างๆ ครึ่งเทพตนนั้นคือภรรยาของเขา
เขาพุ่งทะยานไปอย่างไม่คิดชีวิต และใช้จอบเหล็กของเขาเพื่อบดขยี้ศีรษะของเทพเจ้าที่ขวางทางตรงหน้าเขา เขาใช้กำปั้นเพื่อกระแทกซัดหน้าอกของศัตรู เขาใช้เขาวัวเพื่อขวิดครึ่งเทพเหล่านั้นอันอยู่ขวางทาง ใช้เขี้ยวเพื่อฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆ
เขาบ้าคลั่ง และเขาใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อโจมตีไปยังหน้าผาอันอยู่ฝั่งตรงข้าม
ครึ่งเทพเหล่านี้มีกำลังฝีมือเหนือธรรมดา และพวกเขาก็รุมต่อยตีจนใบหน้าของเขาบวมช้ำไปหมด หน้าของเขาเละดูไม่ได้ และพวกมันก็หักกระดูกและเขาเก้าบิดของเขา อาโฉ่วยังคงโจมตีต่อไปข้างหน้าอย่างดุร้าย และเขาก็ยิ่งดูเหมือนสัตว์ร้ายมหึมาเสียยิ่งกว่าครึ่งเทพเหล่านั้น
ไม่รู้ว่าเขาสังหารเข่นฆ่าไปนานเท่าไร แต่ในที่สุดเขาก็สิ้นไร้เรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง แต่ทว่า เขาก็ได้ปลิดชีวิตศัตรูจนฝ่ายนั้นระย่อไปหมด เขานอนแผ่ลงข้างๆ ต้นไม้และหายใจวี้ดๆ อย่างหนักหน่วง ถลึงตาจ้องไปยังภูเขาฝั่งตรงข้าม
ครึ่งเทพเหล่านั้นยังคงนั่งอยู่และมองมายังเขาด้วยสายตาเย็นชา พวกเขาไม่เอ่ยวาจา และก็ไม่ขยับเขยื้อนด้วยเช่นกัน
อาโฉ่วพักอยู่ครู่หนึ่ง และโจมตีต่อไปข้างหน้า มีอวัยวะฉีกขาดเกลื่อนไปทั่วทุกหนแห่ง และร่างกายขาดวิ่งของครึ่งเทพก็ดาษดาไปทั่วเช่นกัน พละกำลังของเขาไร้ประมาณ แต่พลังอำนาจแดนใต้พิภพก็ยังคงไม่เกี่ยวข้องกับเขา
“คุกเข่าลงไป”
เสียงหนึ่งดังมาจากยอดเขา และอาโฉ่วก็เงยศีรษะขึ้นมองดู ครึ่งเทพตนหนึ่งกำลังคว้าจับภรรยาของเขาที่คอ และยื่นร่างของภรรยาออกมาจากหน้าผา ตราบใดที่เขาปล่อยมือ นางก็จะร่วงลงไปและร่างกายแหลกเหลวเป็นเนื้อบด
อาโฉ่วหยุดชะงักและมองไปยังยอดเขาด้วยสายตาวิงวอน
ครึ่งเทพตนนั้นปล่อยมือของเขา และภรรยาเขาก็ร่วงลงมาจากหน้าผา อาโฉ่วกรีดร้องและกระโจนไปข้างหน้าด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แต่เขาถูกขัดขวางไว้โดยครึ่งเทพตนอื่นๆ ระหว่างทาง