ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 770 พระแม่ธรณีแห่งสนามแม่เหล็ก (1)
- Home
- ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods
- ตอนที่ 770 พระแม่ธรณีแห่งสนามแม่เหล็ก (1)
สถาบันเหนือฟ้านั้นดำเนินไปอย่างเข้ารูปเข้ารอยแล้ว และซวีเซิงฮวาก็เชื้อเชิญฉีเจี่ยวอี๋ลงมาจากเหนือฟ้าเพื่อสอนบรรยาย พร้อมกับด้วยเจ้าตำหนักสวรรค์แท้เสียงซีอวี่ และหูปู้กุยผู้ซึ่งย่างกรายสู่มรรคาบู๊ อาจารย์พยุหะเหออีอี อาจารย์พิษมู่ยิ่งเสว่ อาจารย์กระบี่ลัวอิ๋นอวี้ สองแม่ลูกหลิ่วหรูอิน และหลิ่วเจินชิง และบุตรชายของปรมาจารย์ เกอเคอ สถาบันเหนือฟ้าแห่งแผ่นดินตะวันตกก็นับได้ว่าเต็มไปด้วยอัจฉริยะ!
ในฐานะผู้บัญชาการแคว้นที่ส่งมาจากสภาราชสำนัก หลิงอวี้จิวเองก็มีตำแหน่งกิตติมศักดิ์ในสถาบันเหนือฟ้าด้วย
ตัวสำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นครูบาสวรรค์วิชาบู๊ที่สอนอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง แต่ทว่าเขาไม่ได้สอนศิษย์หญิงแห่งแผ่นดินตะวันตก ในทางกลับกัน เขาไปสอนวิชาบู๊ให้แก่ฉีเจี่ยวอี๋ เสียงซีอวี่ ลัวอินอวี้ และคนอื่นๆ แม้แต่ซวีเซิงฮวาผู้เป็นอธิการบดี ก็ยังคงไปรับฟังการสอนบรรยายอยู่พักหนึ่ง
“กิเลนมังกรถูกครูบาสวรรค์วิชาบู๊ขี่ไปแล้ว”
ซวีเซิงฮวากล่าว “ครูบาสวรรค์วิชาบู๊รอให้เจ้าคืนวัวให้เขาอยู่หลายเดือน และในท้ายที่สุด เจ้าก็ไม่เอาวัวมาคืนให้เขา เขานั้นโมโหเป็นอย่างยิ่ง และบอกว่าสายตระกูลของคนตัดไม้ล้วนแต่เป็นนักต้มตุ๋น ดังนั้นเขาจึงยึดและขี่กิเลนมังกรจากไป”
ฉินมู่กำลังเดินเตร็ดเตร่และชื่นชมภูมิทัศน์ของสถาบันเหนือฟ้า ขณะที่วิญญูชนสวรรค์อวี้ถูกดึงตัวไปฟังบรรยายในชั้นเรียน ฉินมู่ร้องออกมาด้วยความแตกตื่น “มังกรอ้วนจะแบกเขาไปได้อย่างไร แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน มังกรอ้วนจะได้ฝึกปรือร่างกายด้วยการแบกครูบาสวรรค์วิชาบู๊ไป”
ซวีเซิงฮวายืนข้างๆ ฉินมู่และถาม “เทียบกับหลันอวี้เถียนแล้ว ข้ารู้สึกว่าพวกเราทั้งคู่เป็นกายาจ้าวแดนดินปลอม และเขาก็คือของจริง เจ้าไปเก็บตกเด็กคนนี้มาจากที่ไหน”
“จากเมื่อหนึ่งล้านปีก่อน”
ฉินมู่ถอนหายใจและกล่าว “เขาไม่ใช่เด็กแล้ว เขาอายุหนึ่งล้านปีแล้ว”
ซวีเซิงฮวาผงกศีรษะ “ที่แท้ก็อย่างนี้”
“พี่ซวี เจ้าไม่ตระหนกตกใจเลยหรือ” ฉินมู่เพ่งพิศสีหน้าของเขาและถามด้วยความฉงน
ซวีเซิงฮวากล่าวด้วยสีหน้ามั่นคง “ข้ากำลังตระหนกตกใจแล้วตอนนี้”
ฉินมู่อดไม่ได้ที่จะเพ่งดูสีหน้าของเขาอีก แต่ก็ไม่อาจเห็นวี่แววของความแตกตื่น เขาส่ายหัวและกล่าว “ข้าไม่รู้ว่าจิงเอี้ยนไปชอบเจ้าเข้าตรงไหน เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหลันอวี้เถียนมาก่อน และอาจจะไม่รู้ถึงความสำเร็จของเขา แต่จะเป็นอย่างไรหากข้าจะบอกเจ้าว่า เขาคือบรรพชนก่อตั้งคนหนึ่ง เป็นผู้ที่สถาปนาระบบการฝึกวรยุทธสมบัติเทวะและปราสาทสวรรค์ เจ้าน่าจะเผยสีหน้าตื่นตระหนกได้แล้วสินะ?”
ซวีเซิงฮวาร่างสั่นสะท้าน แต่เขายังมีสีหน้าแบบเดิม “บรรพชนก่อตั้ง และยังเป็นผู้สถาปนาระบบฝึกวรยุทธสมบัติเทวะและปราสาทสวรรค์หรือ แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง และจำเป็นต้องเรียนทุกสิ่งใหม่ตั้งแต่แรกเริ่ม”
ฉินมู่เล่าถึงเรื่องที่เขาและหนิวซานตัวย้อนเวลากลับไปยังปีศักราชแรกแห่งหลงฮั่นได้อย่างไร ตลอดจนกระทั่งถึงที่เขาได้พบกับจักรพรรดิก่อตั้ง เจ็ดวิญญูชนสวรรค์ เช่นเดียวกับมหาสมาคมสภาสวรรค์และชุมนุมสระหยก เขาและจักรพรรดิก่อตั้งยังถึงกับได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวิญญูชนสวรรค์มู่ และวิญญูชนสวรรค์ฉิน
ซวีเซิงฮวายังคงมีสีหน้าดุจเดิม และฉินมู่ก็รู้สึกพ่ายแพ้
“อันที่จริงแล้ว ตั้งแต่เมื่อข้าได้พบกับเจ็ดวิญญูชนสวรรค์ ข้าก็ใคร่ครวญถึงปัญหาหนึ่งมาตลอด”
ฉินมู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารู้ไหมว่าปัญหานั้นคืออะไร”
ซวีเซิงฮวาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และดวงตาของเขาก็ลุกวาบ “จ้าวลัทธิฉิน นี่จะต้องเป็นมหกรรมอันยิ่งใหญ่! เจ้านั้นกำลังคิดที่จะบุกเบิกสมบัติเทวะสะพานเทวะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และซ่อมแซมสะพานเทวะที่ขาดไปของผู้คนในสันตินิรันดร์ และยังเพื่อผู้ฝึกวิชาบู๊เหล่านั้นในโลกสู้วัวอีกด้วย เพื่อให้พวกเขามีความหวังที่จะฝึกปรือถึงเขตขั้นเทพเจ้า!”
ฉินมู่กล่าวพลางถอนหายใจ “พี่ซวีก็ยังคงเป็นผู้ที่รู้จักข้าดีที่สุด ถูกต้องแล้ว หลังจากที่ได้พบกับเจ็ดวิญญูชนสวรรค์ ข้าก็ได้คิดมาตลอดเกี่ยวกับปัญหานี้ ผู้คนแห่งสันตินิรันดร์เป็นผู้หลงเหลือรอดมาจากยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง สะพานเทวะของพวกเขาหักขาดไป และผู้คนแห่งโลกสู้วัวก็ยิ่งหนักกว่า พวกเขาไม่มีสะพานเทวะเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นวิธีการของครูบาสวรรค์วิชาบู๊ หรือเคล็ดลับสะพานนกกางเขน พวกมันก็มิใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง มีก็แต่เมื่อบุกเบิกสมบัติเทวะสะพานเทวะขึ้นมาใหม่เท่านั้นจึงจะเป็นการแก้ปัญหาอันเที่ยงแท้”
ซวีเซิงฮวากล่าว “วิญญูชนสวรรค์อวิ๋นบุกเบิกสมบัติเทวะสะพานเทวะ ดังนั้นเจ้าก็กำลังค้นหาวิธีการบุกเบิกสมบัติเทวะสะพานเทวะอยู่เช่นกัน และเผยแพร่วิธีการนั้นออกไป แก้ไขปัญหานี้อย่างหมดจดและสิ้นเชิง”
ฉินมู่ผงกศีรษะ “สมบัติเทวะของทุกคนล้วนแต่รับสืบทอดมาจากบรรพชน ในเมื่อสะพานเทวะของพวกเขาขาดไป พวกเราก็แค่จะต้องบุกเบิกมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แม้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถบุกเบิกมันขึ้นมาได้ แต่จำนวนผู้คนที่ทำได้ย่อมมีมากกว่าผู้คนที่สามารถฝึกปรือเคล็ดลับสะพานนกกางเขนมากมายนัก!”
ซวีเซิงฮวากล่าว “ถ้าอย่างนั้น เจ้าได้ปรึกษากับวิญญูชนสวรรค์อวิ๋นหรือไม่ถึงว่าจะบุกเบิกสมบัติเทวะสะพานเทวะได้อย่างไร”
ฉินมู่ส่ายศีรษะ “เมื่อข้ากลับไปยังปีศักราชแรกแห่งหลงฮั่น ข้าไม่มีโอกาสได้สนทนากับเขา ในภายหลังเขาก็เสียชีวิตไปในยุคสมัยหลงฮั่น แต่ทว่า ในเมื่อเขาสามารถบุกเบิกสมบัติเทวะสะพานเทวะได้ พวกเราก็ต้องทำได้เช่นกัน”
ซวีเซิงฮวาลังเลไปครู่หนึ่งและกล่าว “หากว่าเจ้าสามารถบุกเบิกสมบัติเทวะสะพานเทวะ เจ้าก็จะเป็นวิญญูชนสวรรค์อวิ๋นอีกคน! แต่ทว่า สมบัติเทวะสะพานเทวะของเจ้าสมบูรณ์ดี แล้วเจ้าจะบุกเบิกมันขึ้นมาได้อย่างไร”
ฉินมู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้านั้นอยู่ในขั้นชาวสวรรค์ และไม่ห่างไกลจากขั้นเป็นตาย ข้าจะค่อยขบคิดหลังขั้นเป็นตาย ข้าสามารถทำลายสมบัติเทวะสะพานเทวะของตนเองได้ แต่ทว่า เจ้าได้พูดบางอย่างผิดไป ข้าไม่ใช่วิญญูชนสวรรค์อวิ๋นอีกคน เมื่อหนึ่งล้านปีก่อน ข้าได้เป็นวิญญูชนสวรรค์มู่เรียบร้อยแล้ว!”
ซวีเซิงฮวาพึมพำและกล่าว “สะพานเทวะของเจ้าสมบูรณ์ดี แต่ของข้ามันหักพัง ดังนั้นบางทีข้าควรจะเป็นวิญญูชนสวรรค์อวิ๋น”
ฉินมู่เลิกคิ้วและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็ลองแข่งกันดูได้นะ ดูว่าใครจะเป็นคนแรกที่สามารถบรรลุขั้นเป็นตาย ทำลายสมบัติเทวะสะพานเทวะเก่าของพวกเรา และบุกเบิกสะพานเทวะขึ้นมาใหม่!”
ซวีเซิงฮวายิ้มอย่างอบอุ่น “ตกลง เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าอยากจะให้เจ้ายอมรับด้วยปากตัวเองว่าเป็นกายาจ้าวแดนดินปลอม”
ฉินมู่หัวเราะและกล่าว “เจ้ายังต้องศึกษาค้นคว้าทักษะเทวะสนามแม่เหล็กและตำราคำนวณบรมอนุภาคอยู่ไม่ใช่หรือ เจ้าจะมีเวลาที่ไหนไปค้นคว้าสมบัติเทวะสะพานเทวะ เจ้าจะต้องแพ้แน่นอน!”
ซวีเซิงฮวากล่าว “ท่านยายซีนำคณะบัณฑิตมาจากสถาบันนักบุญสวรรค์เพื่อค้นคว้าวิจัยทักษะเทวะสนามแม่เหล็กในสวรรค์ไท่หวง และพวกเขาก็มีความสำเร็จไม่น้อย ข้าเองก็ไปที่นั่นบ่อยครั้งเพื่อช่วยนางก่อตั้งอักษรรูนพื้นฐานแห่งทักษะเทวะสนามแม่เหล็ก ตอนนี้ท่านยายซีได้สะสางแยกแยะออกมากว่าหนึ่งพันสามร้อยชนิดอักษรรูนสนามแม่เหล็กแล้ว ข้าวิเคราะห์พบว่ายังคงมีอักษรรูนสนามแม่เหล็กอีกราวๆ หกร้อยชนิดที่ยังไม่ถูกค้นพบ หลังจากหลันอวี้เถียนเรียนรู้สุดยอดวิชาของสถาบันเหนือฟ้าของข้าเสร็จแล้ว ทำไมพวกเราไม่ไปที่สวรรค์ไท่หวงเพื่อชมดูเสียหน่อยล่ะ”
หลังจากนั้นครึ่งเดือน วิญญูชนสวรรค์อวี้ก็สำเร็จเชี่ยวชาญอักษรรูนพื้นฐานแห่งสถาบันเหนือฟ้าทั้งหมด ซวีเซิงฮวาจัดเตรียมสัมภาระและออกเดินทางไปด้วยกันกับฉินมู่
ฉินมู่มักจะโยนความรับผิดชอบไปให้กับคนอื่นๆ อยู่เสมอ ดังนั้นหลังจากที่เขาเรียบเรียงสมการสนามแม่เหล็กจำนวนหนึ่งแล้ว เขาก็โยนมันไปให้แก่ท่านยายซีและซวีเซิงฮวา ส่วนเขาก็วิ่งเตร่ไปข้างนอก
มาที่สวรรค์ไท่หวงในคราวนี้ เขาเห็นสิ่งก่อสร้างแปลกประหลาดมากมาย และนั่นคือเสามากมายอันหลอมขึ้นมาจากทองแดงทมิฬ เสาเหล่านั้นกลวงเปล่า และพวกมันก็มีขนาดและความยาวที่แตกต่างกันไป บ้างก็เหมือนกับภูเขาอันสูงเป็นพันวา บ้างก็เตี้ยแค่คืบ
เสาหลายพันต้นตั้งตรงอยู่ที่จุดผิดปกติของสนามแม่เหล็ก และมีจุดผิดปกติที่สุดอันสวรรค์ไท่หวงและแดนโบราณวินาศตัดกัน จุดนั้นมีเสาถึงยี่สิบสามสิบต้น ดูอลังการเป็นพิเศษ
ที่ทุกจุดผิดปกติของสนามแม่เหล็ก ก็จะมีผู้ฝึกวิชาเทวะถือพู่กันและกระดาษยืนล้อมต้นเสาทองแดง เพื่อบันทึกข้อมูลที่ได้จากปฏิกิริยาของสนามแม่เหล็ก ข้อมูลพวกนี้ก็จะถูกส่งไปยังเมืองเทพยดาในสวรรค์ไท่หวงเพื่อประมวลผล
เทพเที่ยงแท้ผางอวี้และเทพซังเย่กำลังก่อสร้างสวรรค์ไท่หวงขึ้นมาใหม่ และพวกเขาก็ได้สร้างเมืองเทพยดาหลายเมืองให้ผู้คนได้อยู่อาศัยและสืบทอดเผ่าพันธุ์ ในการที่จะวิเคราะห์อนุมานอักษรรูนสนามแม่เหล็ก ท่านยายซีก็ได้หยิบยืมผู้ฝึกวิชาเทวะมาจากสวรรค์ไท่หวงจำนวนไม่น้อย
เดิมทีพีชคณิตของสวรรค์ไท่หวงนั้นย่ำแย่ แต่หลังจากสองโลกมิติเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่หวงได้เข้ามาในสันตินิรันดร์เพื่อเรียนพีชคณิต ดังนั้นจึงมีผู้คนไม่น้อยที่เชี่ยวชาญวิชาคำนวณ