ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi - ตอนที่ 75 ความขัดแย้งกับเทรีย ③ หน้ากากของการเจรจาหยุดโจมตี
- Home
- ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi
- ตอนที่ 75 ความขัดแย้งกับเทรีย ③ หน้ากากของการเจรจาหยุดโจมตี
75 ความขัดแย้งกับเทรีย ③ หน้ากากของการเจรจาหยุดโจมตี
เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite
—————————————————————
【–มุมมองอเล็กซานโดรที่หนึ่ง/บุคคลที่สาม–】
เมืองหลวงของโกลโดเนีย
「นี่เป็นการรุกรานอย่างชัดเจน!」
เสียงของชายหยาบ แต่ไม่มีใครจากรอบข้างเข้าใจเขา ชายคนนั้นพูดพล่อยๆมากขึ้น
「ประเทศของผมได้เชื่อว่าประเทศของท่านเป็นมิตรกับเรา แต่ด้วยผลที่เป็นแบบนี้ เราต้องตรวจดูความสัมพันธ์ของเราใหม่!」
ชายที่ได้ถูกส่งมาจากอาณาจักรเทรียและอยู่ในโกลโดเนียในฐานะทูตเวลานี้ ทั้งสองประเทศยังเป็นมิตรต่อกัน และพวกเขาทั้งสองได้มีทูตประจำตำแหน่งอยู่ที่ประเทศของอีกฝ่าย
「ผมได้ยินการเป็นพยานของพลเมืองและผมรู้ถึงการปะทะของเขตชายแดน อย่างไรก็ตาม การโจมตีเต็มกำลังได้ถูกส่งมาจากฝั่งโกลโดเนีย และพวกเขาได้รุกรานโดยการเข้ามาในดินแดนของเรา – ไม่มีข้ออ้างใดๆที่ท่านทำได้แล้ว!」
คนที่อยู่ที่นี่ตอนนี้เป็นทูตของเทรีย ราชาของโกลโดเนีย ด้วยกันกับเจ้าหน้าที่ทางการทูตและกิจการทางทหารขั้นสูง มันเป็นภาพที่ทูตมาที่นี่เป็นพายุแล้วตะโกน
「ฉันเข้าใจว่าเจ้าพยายามจะพูดอะไร และฉันก็เข้าใจความโกรธของเจ้าด้วย แต่เราคุยเกี่ยวกับมันไม่ได้ถ้าเจ้าตะโกนแบบนั้น ก่อนอื่นเจ้าควรจะนั่งเก้าอี้ของเจ้า ดื่มชาแล้วใจเย็นลง」
「นั่นไม่จำเป็น แบบนี้ผมก็โอเคแล้ว」
ทูตยืนหลังตรงและไม่ทำลายท่ายืนของเขา เขามีความโกรธของเขาด้วย แต่น่าจะถูกสั่งให้แสดงความมุ่งมั่นตั้งใจของประเทศบ้านเกิด มันอาจจะหุนหันพันแล่นเกินไปที่จะคิดว่าเขาโกรธจากก้นบึ้งของหัวใจเขาจริงๆ แค่จากคำพูดของเขา
ราชาพยายามจะเลี่ยงการถูกสังเกตว่าเขาถอนหายใจและมองไปที่อีริช ผู้บัญชาการกองทัพ ที่ก็มองดูทูต หน้ายู่ในความขยะแขง แต่พยายามจะไม่เข้าไปที่ระยะสายตาของเขา การประท้วงของทูตเริ่มจะเก่าแล้ว
「กองทัพของเทรียถูกส่งไปที่เขตชายแดนเพื่อระงับชาวนากบฏและการปะทะเกิดขึ้น」
「กองทัพของขุนนางโกลโดเนียได้ทำการโจมตีเต็มรูปแบบ กำจัดกองทัพของเทรีย และรุกรานเข้าไปในดินแดนของเค้าด้วย」
ทูตบ่นแค่สองอย่างนั้น แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว กองทัพที่นำโดยลอร์ดฮาร์ดเลตต์ได้มุ่งหน้าไปที่ส่วนกลาง ที่เป็นอดีตอาร์คแลนด์และควบคุบเมืองหลักของบริเวณนั้น ความต่างระหว่างข้อมูลของราชา ได้ถูกบอกโดยตรงโดยคนที่เกี่ยวข้อง และข้อมูลของทูต ได้มาจากราชวงศ์ของเทรีย มันแสดงออกมา
เนื่องจากการรุกรานที่รวดเร็วของลอร์ดฮาร์ดเลตต์ แผนของราชาค่อนข้างถูกปรับ ปรกติแล้ว มันจะพูดที่นี่ว่ามีข้อพิสูจน์ว่าคนแรกที่โจมตีก่อนคือกองทัพของเทรีย มันยากที่จะเชื่อว่าฮาร์ดเลตต์จะโกหก ถ้าเขามีแผนจะโกหกและหนีความรับผิดชอบ งั้นเขาจะไม่รุกรานตั้งแต่ทีแรก
ประโยคต่อไปได้ถูกวางแผนให้ดันไปข้างหน้า: เทรียได้ทำการโจมตีก่อน ฮาร์ดเลตต์ตอบโต้และเปลี่ยนมันเป็นการต่อสู้ จากนั้นเขามุ่งหน้าเข้าที่เมืองใกล้เคียง เพื่อที่จะคืนความสงบเรียบร้อยของชายแดน แน่นอนว่า ทูตของเทรียจะไม่ยอมรับมันอย่างง่ายดาย แต่ถ้ามันเปลี่ยนเป็นการโต้เถียงที่ไร้จุดหมาย งั้นวัตถุประสงค์ของเราจะสำเร็จ ถ้าสิ่งต่างๆถูกคลี่คลายโดยทั้งสองฝ่ายโดนกล่าวโทษ และจบในการเสมอที่ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ ถ้าอย่างนั้นโกลโดเนียจะไม่สูญเสียไปมาก ดังนั้นฉันไม่ถือ
แต่วาเลร่า เมืองที่พวกเขายืดครองได้และติดต่อเราจากที่นั่น ไม่ใช่บริเวณตะวันออก แต่เป็นบริเวณกลาง อย่างที่คาด เราพูดไม่ได้ว่าพวกเขาพยายามจะคืนความสงบเรียบร้อยให้ชายแดน
「ถ้าเจ้ารุ่มร้อน เจ้าจะไม่สามารถคิดได้ดีๆ ฉันก็อยากจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ระมัดระวังกว่านี้ ทำไมเราไม่พักเสียก่อนล่ะ?」
ราชาประกาศอย่างพลการ และลุกขึ้นจากที่นั่งทูตดูเหมือนจะเสียกำลังใจ แต่เมื่อเขาเห็นคนอื่นรอบๆออกจากห้องไป ในที่สุดเขาก็นั่งที่เก้าอี้ของเขาและซดชาจากแก้วของเขา
ราชา ออกมาจากห้อง ถอนหายใจครั้งใหญ่ในห้องถัดไป ที่มีแค่ผู้ติดตามที่ไว้ใจอยู่
「ฮาร์ดเลตต์ทำเรื่องเละเทะอย่างแน่นอน」
เคนเนธ รัฐมนตรีเรื่องต่างประเทศก็ได้พูดต่อ
「ในวันนี้ ทูตควรจะได้ข่าวด้วย แต่ตอนนี้ มันเกี่ยวกับเรื่องนั้น มันเป็นบางอย่างที่ทำให้ท่านโกรธจนตายได้」
เคนเนธก็ได้พูดถึงจดหมาย ที่ฟังดูเหมือนการกรีดร้อง มาจากทูตที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงของเทรีย ทริสเนีย
「อีริช การคาดคะเนของเจ้าผิด」
「ผมขอโทษอย่างสุดซึ้ง…….แน่นอนว่า ความเร็วในการเดินทัพที่มากถึงจุดนั้นมันไม่ได้คาดไว้」
อีริชยังรู้สึกค่อนข้างมีปัญหาลึกเข้าไปในใจของเขา แม้ว่าทั้งกองทัพจะประกอบไปด้วยทหารม้า มันยังน่ากลัวที่ว่าเขาไปถึงวาเลร่าได้ในสามวัน แต่ความเป็นจริงคือ มันได้เกิดขึ้นไปแล้ว และไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียงเกี่ยวกับมัน
「มันดูเหมือนลอร์ดฮาร์ดเลตต์ได้หยุดในวาเลร่าและวางตำแหน่งป้องกัน เขาจะอยู่ตรงนั้นจนกว่ากองทัพใหญ่จะมา ดังนั้น เราเจรจาการหยุดโจมตีได้ 」
ราชาหันหัวเพื่อรับรู้เคนเนธ
「ดั้งเดิมแล้วฉันคิดว่าเทรียเป็นแค่ประเทศในจินตนาการ การที่ให้เขาเป็นศัตรูนั้นไม่มีปัญหาเลยซักนิด…… แต่มันยังเร็วเกินไปเล็กน้อย」
ราชามีแผนจะให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากเรื่องภายในของประเทศวุ่นวายมากกว่านี้ และพวกเขาร้องขอประเทศที่ล้อมอยู่เมื่อพวกเขาเสียความสามารถที่จะปกครองไป จากนั้น กองทัพของโกลโดเนียจะเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น และความต่างในอำนาจทางทหารของเทรียจะกว้างขึ้น
「มีการเกิดขึ้นบ่อยของชาวนาที่กบฏในดินแดนของพวกเค้า แต่พวกเค้าส่วนใหญ่ได้ถูกระงับแรงๆด้วยกำลัง ปฏิเสธการปกครองของพวกเขาแม้แต่จุดนี้น่าจะลำบากสำหรับพวกเค้าที่จะให้ประเทศอื่นเข้าใจ」
「ฉันหวังว่าอย่างนั้น อย่างที่ฉันคาด เราควรจะให้เขาหยุดโจมตีก่อน โชคดีสำหรับเรา ความสูญเสียที่ได้รับโดยลอร์ดฮาร์ดเลตต์นั้นเล็ก และเทรยีได้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ถ้าเราหยุดสงครามตอนนี้ ความวุ่นวานในเทรียจะแพร่กระจายไปมากกว่านี้ และเราจะไม่เสียอะไรสักอย่าง」
ด้านล่างของสภาจักรวรรดิ อย่างแรก ความเห็นรวมกันว่าหยุดโจมตีปรากฏออกมา แต่ปัญหาคือพวกเขาจะเกลี้ยกล่อมเทรียอย่างไร
「เมื่อเทรียได้รับการสูญเสียวาเลร่า พวกเค้าจะดื้อมากขึ้นและคิดยืดยุ่นได้น้อยลง เรามีความได้เปรียบในสภาพของการต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาควรจะยอมรับการหยุดโจมตี แต่มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะต้องการการชดใช้ชั่วคราวและการลงโทษคนที่รับผิดชอบ」
ราชาคิดอย่างลึกซึ้ง เขาไม่มีเจตนาที่จะยอมศัตรูในอนาคตและลงโทษกำลังทหารที่สำคัญกับลอร์ดฮาร์ดเลตต์ และถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะสรุปสิ่งต่างๆโดยไม่ต้องจ่ายแม้แต่เซ็นต์เดียว เงินไม่ใช่ปัญหา มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีในฐานะประเทศ
「อีริช นำกองทัพกลางไปที่บริเวณทิศใต้บนข้ออ้างที่ว่าทำการฝึก จากนั้นเคนเนธจะเจรจาหยุดโจมตีต่อ บนเงื่อนไขที่ว่าถอนกำลังทั้งหมด」
ราชาจะไม่เชื่อคนไร้ความสามารถที่ไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร ผู้ติดตาม ที่ต่อปริศนากัน ลดหัวของพวกเขาลง
ดาบที่คมไม่ได้ใช้เพียงแค่ตัด แค่การส่องแสงของมันไปข้างหน้าของตาของพวกเขา จะสร้างผลที่เพียงพอ
—————————————————————
【–มุมมอง เอเกอร์–】
ในเวลาเดียวกัน วาเลร่า
「เข้าใจแล้ว งั้นพวกเขาเห็นเราว่าเราไม่มีกองทัพใหญ่ และพวกเขาได้เข้าหาเราด้วยการรีบการเตรียมการเหรอ?」
「มันยังไม่ได้หลายวันตั้งแต่ที่เราเอาชนะเขามากมายแล้ว กองทัพของชาติไม่ควรจะรวมจำนวนกันได้แบบนี้ บางทีพวกเขาอาจจะเคลื่อนไหวขุนนางศักดินาที่รายล้อมอยู่?」
ลีโอโพลต์และผมเรียงกันอยู่ที่ประตูรั้วของปราสาทและวิเคราะห์กองทัพศัตรู ที่ถูกส่งออกมาเพื่อที่จะล้อมเมือง จำนวนของพวกเขาคร่าวๆแล้ว 6000 คน ดังนั้นผมเดาว่าเราพูดได้ว่าพวกเขาอย่างน้อยก็มีความได้เปรียบทางจำนวน
「ถ้ามันเป็นการล้อมเมือง ผมเดาว่าจำนวนเท่านี้มีเหตุผล」
「แต่ไม่มีกำแพงหรือหอคอยเหมือนปราสาทที่นี่นะ」
วาเลร่าเป็นเมืองที่อยู่ตรงกลางของบริเวณอาร์คแลนด์เก่า ข้างบนระดับหนึ่งมีกำแพง และมีความต่างที่ใหญ่ในความสูงและขนาด มันได้อยู่บริเวณกลางของประเทศ ที่ไม่มีศัตรูที่ไหนเลย มันยากที่จะตีตรากำแพงเมืองว่างดงามแม้ว่าเป็นการเยินยอ มันไม่ใช่บางอย่างที่ทนการโจมตีที่ไม่สิ้นสุดของการโจมตีเต็มรูปแบบได้
「งั้นคุณอยากจะถอยมั้ย? ศัตรูผสมกัน ดังนั้นพวกเขาไม่เหมาะกับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว」
กองกำลังที่เรามีที่นี่ ทั้งหมดเป็นทหารม้า ซึ่งไม่เหมาะกับการต่อสู้ป้องกัน แต่ถ้าเราวิ่งหนี พวกเขาจะไม่สามารถที่จะตามเรา
「ไม่ อีริชพูดว่าพวกเค้าจะเจรจาการหยุดโจมตี เมื่อดูจากข้อมูลก่อนหน้า มันไม่ดีที่จะหนีระหว่างที่พวกเค้ายังอยู่ระหว่างการเจรจา」
「ใช่ เพราะทั้งหมดเป็นสงครามที่เราก่อ มันดีกว่าถ้าเราไม่แสดงจุดอ่อนออกไป อย่างนั้นใช่มั้ย」
นี่ก็ยังพิจารณาว่าเป็นการร้องขอกับราชวงศ์ด้วย เมื่อคิดเกี่ยวกับอนาคต ผมไม่อยากจะเริ่มสงคราม วิ่งหนี และจากนั้นให้ราชวงศ์ช่วยผม
「งั้นคุณจะสู้กับพวกเขาเหรอ?」
「ชั้นเดาว่า มันจะเป็นเรื่องยอดเยี่ยมถ้าเรามอบความปราชัยให้พวกเขา」
เราใช้วิธีปรกติไม่ได้ รูปแบบที่ผิดปรกติของเราประกอบไปทั้งหมดด้วยทหารม้า ที่มีความล่องตัวและความรวดเร็วที่ท่วมท้น แต่พวกเขาเสียเปรียบในการต่อสู้ล้อมเมือง ถ้าเราสู้ด้วยความได้เปรียบ เราต้องโจมตีตอนกลางคืน แต่มันจะเป็นความโง่มากที่จะพุ่งเข้าตีตรงๆ กับศัตรูที่มีจำนวนของกองกำลังมากกว่าเราสามเท่า
「ลีโอโพลต์ นายคิดว่าพวกเค้าจะมาโจมตีเราเมื่อไหร่?」
「ในสถานะนั้น มันจะใช้จนกว่าพระอาทิตย์ตกดินสำหรับที่พวกเขาจะตั้งรูปแบบนอกเมือง ถ้าพวกเขาไม่มีความกล้าที่จะโจมตีตอนกลางคืนอย่างรวดเร็วหลังจากที่พวกเขามา พวกเขาควรจะมาพรุ่งนี้เช้า มาพร้อมกับพระอาทิตย์ขึ้น」
「ชั้นคิดว่าอย่างนั้นด้วย พวกเขามาด้วยจำนวนที่น้อยของเราอยู่ในใจ ไม่มีเหตุผลที่จะล่าช้าอย่างไม่มีประโยชน์」
โอเค เราตัดสินแผนของเราแล้ว
「ในตอนเช้า เมื่อศัตรูมาหาเรา เราจะเปิดประตูเมืองกว้างและลุยพวกเขา ถ้าเรารีบก่อนที่พวกเขาจะสร้างรูปแบบตอนกลางคืนได้ เรามอบความปราชัยให้พวกเขาได้」
รูปแบบของการล้อมเมืองสำหรับตอนกลางคืนขัดแย้งกันเอง ถ้าเราคาดว่าการต่อสู้จะรวมไปถึงฝนลูกธนูที่ตกลงมาจากข้างบน งั้นเราจะส่งทหารที่จะถือโล่ระหว่างที่เดินหน้า และน่าจะเข้ามาหาเราด้วยอาวุธล้อมเมืองตรงหน้า พลหอกยาว ศัตรูทางธรรมชาติของทหารม้า จะตกเป็นเป้าของธนูที่ปล่อยในการล้อมเมือง พวกเขาน่าจะไม่ใช้พวกพลหอกยาวเป็นแนวหน้า เมื่อพิจารณากำลังใจของทหาร แม้ว่าศัตรูจะคอยดูการทำลายกำแพงเมือง เราคาดหวังที่จะทำให้พวกเขาสั่นเล็กน้อย ถ้ากลุ่มใหญ่ของทหารม้ากระโดดใส่พวกเขาข้างหน้า
แต่ลีโอโพลต์คิดอยู่ซักพักนะ
「นั่นจะเป็นการพูดในแง่บวกที่เป็นเรื่องดี แต่นั่นยังดีไม่พอ」
「……」
วิธีที่เจ้านี่พูด ทดสอบขีดจำกัดของความอดทนของผมจริงๆ
「ขออภัย แต่มันมีปัญหา ประตูเมืองของเมืองนี้นั้นแคบ และวิธีที่พวกเขาจะรุกรานมา……..น่าจะเป็นจากทิศตะวันตก ดังนั้นมันจะใช้เวลาที่จะเสรื่มความแข็งแกร่งกองกำลังที่นั่น และหลังจากที่ให้เวลาศัตรูตอบสนอง มีอันตรายของการที่ทุกคนจะพ่ายแพ้」
มันจริงที่ว่ากำแพงเมืองเล็กแต่ประตูไม่ใหญ่ อย่างดีที่สุด แค่ม้าสองตัวเข้าไปได้ข้างกัน และผ่านไปได้ ดังนั้นนำทหารม้า 1000 ผ่านช่องว่างนั้นเป็นงานขาด เราจะทำไม่ทันเวลา ถ้ามันเป็นเวลาก่อนศัตรูเคลื่อนไหว แต่ถ้าเราผ่านประตูไปได้ทันเวลาพอดี งั้นมันจะมอบเวลาให้เวลาศัตรูโต้ตอบ
「เราออกไปไม่ได้โดยใช้ประตูเมืองของทิศอื่นในเวลาเดียวกันก็ไม่ได้เหรอ」
「มันจะเป็นเหมือนกัน มันจะใช้เวลาสำหรับเราที่จะแยกย้าย และศัตรูจะมีเวลาตั้งการป้องกัน ดังนั้นทำไมไม่เก็บความคิดพื้นฐานไว้ ระหว่างที่ใส่เล่ห์ลงไปในมันล่ะ」
「นายจะทำอะไร?」
ลีโอโพลต์กระซิบกับผม
เขาคิดอะไรน่ะ? นั่นเล่ห์ใหญ่นะ
—————————————————————
【–มุมมองบุคคลที่สาม/กองทัพของเทรีย–】
เช้าวันต่อมา
「ทั้งหมดเริ่มเดินทัพ! วางโล่ใหญ่ไว้ข้างหน้าและป้องกันเครื่องกระแทก」
ขณะที่พระอาทิตย์ขึ้น กองทัพของเทรียทำการโจมตี แม้ว่ามีพวกเราหลายพัน มันไม่เหมือนว่าเมืองนี่จะถูกล้อมอย่างสมบูรณ์ ตอนแรก มีการโต้เถียงกันในหมูกองกำลังของเราว่าจะกระจายกำลังของเรา หรือเลือกวิธีที่ปลอดภัยกว่า และทางที่ถูก นั่นก็คือการเน้นการโจมตีของเราไปที่ประตูเมืองทิศตะวันตก
คนที่พ่ายแพ้อย่างเจ็บปวดไปหนึ่งครั้งนั้นจะกลัวการพ่ายแพ้ครั้งที่สองเป็นอยากมาก ทั้งสองประเทศไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นศัตรูกันตั้งแต่แรก ดังนั้นมีสงครามด้วยการหยุดการโจมตีเป็นหน้าฉาก มันทำให้สิ่งต่างๆ ค่อนข้างเข้มงวด เพื่อที่การเจรจาจะดำเนินไปได้อย่างได้เปรียบ อย่างน้อยเราต้องได้ชัยชนะมาซักหนึ่งครั้ง แม่ว่าเราจะอนุญาตให้กองทัพของโกลโดเนียหนีไป มันจะเป็นชัยชนะถ้าเรายึดเมืองกลับมาได้
「พลหอกยาว แยกออกไปด้านข้าง พวกเค้าอาจจะออกมาจากประตูเมืองอื่น ดังนั้นอย่าให้การป้องกันตกลงไป」
มันยากที่จะคิดว่าพวกเขาจะรีบออกมาจากประตูเมืองทันที ที่มันเต็มไปด้วยทหารข้างหน้า ถ้าทหารม้าออกรบด้วย มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะออกมาจากประตูเมืองอื่นและโจมตีด้านข้างของเรา ตั้งแต่ทีแรก หน่วยทหารม้านั้นเสียเปรียบกับการต่อสู้ล้อมเมือง ดังนั้นมันเป็นสามัญสำนึกที่จะนำพวกเขาออกมาในการต่อสู้ตอนกลางคืน นั่นคือที่ผู้บัญชาการได้มุ่งมั่นไว้
ทันใดนั้น ลูกธนูจำนวนมากตกลงมาเป็นฝนจากข้างบนของกองทัพของเทรีย ที่เดียนหน้าโดยมีโล่เตรียมไว้แล้ว
「อย่าปล่อยโล่นะ!」
「ถ้านายไม่อยากตาย อย่าหยุดเดิน!」
ธนูกระจายไปทั่วที่ส่วนใหญ่ผิดเป้าหมายหรือโดยกันโดยโล่ คนเดียวที่พ่ายแพ้คนน้อยคนที่โชคไม่ดี นักธนูของเรายิงสวนไปทันที แต่พวกเขาไม่เห็นสัญญานของศัตรูเลย
「พวกเค้าไม่ได้อยู่บนกำแพงเหรอ?」
「พวกเค้ายิงข้ามกำแพงมาเหรอ…….?」
ทหารทั่วไปมองกันด้วยสีหน้าที่สงสัย เพราะการโจมตีไม่ได้มาจากข้างบนกำแพง ที่เป็นความได้เปรียบใหญ่กับฝ่ายป้องกัน ไม่ว่ากรณีไหน เงื่อนไขที่ชนะแน่นอนของเราคือทำลายบระตูเมืองทิศไหนก็ได้ และรุกรานเมือง คนอื่นเดินให้รวดเร็วขึ้นเพื่อไปให้ถึงประตูเมือง แม้ว่ามันจะเร็วขึ้นนิดหน่อย
จนในท้ายที่สุด แนวหน้าได้มาถึงเมือง โล่นั้นเรียงกันอยู่ข้างหน้าและเครื่องกระแทกได้ถูกเรียกให้ไปข้างหน้า
กำแพงเมืองและประตูเมืองวาเลร่าแน่นอนว่าไม่ได้หนาขนาดนั้น แต่มันไม่ใช่บางอย่างที่จะเป็นไปได้ว่าจะทำลาย โดยใช้ค้อนทั่วไปด้วยเหมือนกัน
「มันไม่มีหินหรือน้ำมันเทมาจากข้างบนเลย แม้แต่ลูกธนูก็ถูกปล่อยมามั่วๆ」
ทหารตอนนี้ได้อยู่กับประตูเมืองและเริ่มโจมตีโดยใช้เครื่องกระแทกอย่างช้าๆ มันไม่เหมือว่าพวกเขาจะส่งกองกำลังออกมาจากประตูเมืองที่จุดนี้แล้ว และไม่มีสัญญานของความเคลื่อนไหวจากประตูเมืองอื่นด้วย
บางที กองกำลังหลักของโกโดเนียได้ถอยไปแล้ว? ถ้าประตูเมืองถูกทำลาย ข้างในอาจจะว่างเปล่าไปแล้ว เมื่อบรรยากาศแบบนี้เริ่มลอยอยู่ในอากาศเครื่องกระแทกไปถึงประตูเมือง ทหารหลายคนรวมแรงส่งและกระแทกกับประตูเมือง
「เอ๋?」
「หือห์?」
มันดูเหมือนเสียงของบางอย่างได้ยินได้
ด้วยการดันทีเดียว ประตูเมืองหล่นด้วยเสียงแคล๊ง
「ไม่มีทางที่นี่จะเป็นไปได้……」
อย่างไรก็ไม่รู้ มันเป็นเป็นประตูเมืองจริงๆ แต่มันเหมือนกับมันถูกนำออกก่อนหน้า
เสียงที่ประหลาดใจได้ยินได้ แต่พวกเขาถูกแทนที่ด้วยการร้องเสียงแหลมและตะโกน เหตุผลไม่ใช่เพราะศัตรูปรากฏขึ้นหรือลูกธนูและน้ำมันลงมาเป็นฝน
กำแพงตรงหน้ากองทัพของเทรีย กำแพงที่เราพยายามจะผ่านไป กำแพงนั้นไม่ได้แม้แต่จะถูกจำ – กำแพงนั้นพังทลายลงบนหัวของคนพวกนั้น
เกราะและโล่ใช้ไม่ได้กับกำแพงเมืองที่พังทลายที่ประกอบไปด้วยหินก้อนใหญ่ เครื่องกระแทกที่ชนกับประตูเมืองถูกขยี้ไปด้วยกันกับทหาร และหินตกลงมาอย่างไร้ปราณีกับคนที่รีบวิ่งหนีด้วยเหมือนกัน หินที่กลิ้งทำทหารเป็นเนื้อบดอย่างไม่ลดละภายใต้พวกเขาไปด้วยกันกับคนที่อยู่ข้างหน้าเขา
กำแพงที่พังทลายที่เริ่มจากข้างบนประตูรั้วกระจายไปซ้ายและขวาแบบโดมิโน่
—————————————————————
【–มุมมอง เอเกอร์–】
「อย่างที่คิด มันเป็นเล่ห์ที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่เหรอ?」
「? คุณพูดถึงเรื่องอะไร?」
ผมพูดถึงการสนทนาที่เรามี แผนการยังมีโชคอยู่ฝั่งมันและถูกทำสำเร็จอย่างงดงาม
ตั้งแต่เมื่อวาน รากฐานของกำแพงและประตูเมืองถูกแซะออกและนำออกจากข้างใน ทำให้ประตูเมืองอยู่ในสภาวะที่ไม่มั่นคง ด้วยกำแพงนั้น ผสมกันกับการพุ่งเข้าตีของศัตรู มันจะทำให้ท่อนไม้ของข้างโครงกำแพงเมืองถูกดันออก พูดถึงแล้ว ประตูได้เปิดตั้งแต่แรก เพิ่มเติมจากนั้น ส่วนที่พังถูกนำออกด้วย ดังนั้นแม้ว่ากำแพงเมืองไม่ได้ชนประตูเมือง การดันครั้งเดียวด้วยมือจะทำให้มันล้มเข้ามาข้างใน
ในท้ายที่สุดศัตรูได้ผ่านเข้ามาและประตูเมืองได้พังที่เวลาที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นพวกเขาสับสน แต่มันดั้งเดิมแล้วเป็นแผนที่จะให้มันเกิดขึ้นเร็วกว่านี้มาก
「ชั้นกลัวว่ามันจะไม่พัง」
「ด้วยนั่นพูดแล้ว ถ้ามันถูกทำอย่างไม่มั่นคงเกินไปและพังก่อนที่ศัตรูจะมา มันจะเป็นภัยพิบัติ」
แน่นอนว่าเป้าหมายของเราไม่ใช้เพื่อสร้างความเสียหายให้ศัตรู เมื่อมองภาพใหญ่แล้ว การมีส่วนหนึ่งของกำแพง ที่ไม่แต่จะสูงขนาดนั้นพังทลายลงบนศัตรูมันจะไม่สร้างความเสียหายมากเลยซักนิด
วัตถุประสงค์ของเราคือทำให้ประตูเมืองที่แคบอยู่กว้างขึ้น การมีประตูเมืองพังทลายต่อหน้าต่อตาเราจะสร้างทีกว้างให้เกิดขึ้นมาตรงหน้าเรา เพิ่มเติมจากนั้น ศัตรูที่ดันประตูเมืองเปิดตอนนี้อยู่ในความวุ่นวาย; นี่มันเรียกได้ว่าเป็นพรจากพระเจ้า
「ลีโอโพลต์ จำเทพเจ้าที่นายอธิษฐานองค์สุดท้าย คำอธิฐานของนายได้รับการตอบแล้ว」
「อย่างโชคร้าย นั่นเป็นระหว่างวัยเด็กของผม ดังนั้นผมไม่มีความทรงจำกับมันมาก」
ผมชี้หอกไปข้างหน้า ลีโอโพลต์ชักดาบของเขาและตั้งท่าด้วยดาบอยู่เหนือหัว ทั้งทีมได้เสร็จการรวมกันเพื่อเข้ารูปแบบพุ่งเข้าตี
「ทางได้เปิดแล้ว! กองกำลังทุกคน! บุก! เหยียบย่ำพวกเค้าซะ!!」
ไม่นานหลังจากเสียงคำรามของการพังทลายของกำแพงซาลง เสียงมันถูกแทนด้วยการคำรามแห่งสงครามของทหาร และเสียงของการควบม้า ตรงหน้าเราเป็นทหารของเทรียที่สับสนและตื่นตกใจ……พวกเขาเหมือนเป้าตรงหน้าเรา ข้างหน้าของพื้นที่เปิดกว้างของทหารม้าหลายโหลที่เรียงกัน กลุ่มของทหารม้ากระโดดข้ามศพและเศษหินขณะที่กระโจนไปข้างหน้า
「เอาชนะพวกเขา!」
เพราะการพังนั้นเล็ก เมฆของฝุ่นไม่ได้อยู่นาน วิสัยทัศน์ชัดเจนและนักธนูปล่อยลูกธนูของพวกเขาทั้งหมดทีเดียว ไม่เหมือนการยิงแบบสุ่มๆก่อนหน้า ครั้งนี้พวกเขายิงเพื่อฆ่าอย่างแม่นยำ
เสียงกรีดร้องสะท้อน และทหารของศัตรูล้มลงไปด้วยเสียงดัง และในเวลาเดียวกันที่ฝนของธนูเริ่มสงบลง หอกยาวและทหารม้าหนักที่ลีโอโพลต์นำอยู่ บุกเข้าไป เสียงของการตะโกนและเกือกม้าผสมปนเปกันในภาพที่เหมือนนรกนี้ หอกแทงผ่านหลังของศัตรูที่หนี และเกือกม้าเหยียบย่ำพวกนั้นที่ล้มลงไป ทหารที่หนีที่แยกออกไปซ้ายและขวาสามารถที่จะยืดชีวิตของพวกเขาต่อไปได้ แต่ข้างหลังเขา……ถ้าพวกเขาเข้ามาบนทางของกองทัพที่เดินหน้า พวกเขาจะถูกล่าอย่างทั่วถึง
「อุว้าาาาาา!!」
「นี่เป็นฝันร้าย!!」
มีแค่น้อยคนในหมู่แนวหน้าของศัตรูที่ถูกขยี้ด้วยกำแพงที่พังทลาย แต่พวกนั้นที่ไม่ถูกขยี้ ไม่มีความคิดเลยว่าอะไรเกิดขึ้น
ด้วยผมนำทัพในการบุ่งข้างหน้า ทุกครั้งที่ผมเหวี่ยงหอกของผม ชีวิตของศัตรูหายไป ถ้าใบมีดเข้าเป้า พวกเขาจะโดนตัดเป็นชิ้น ถ้าด้ามโดนพวกเขา พวกเขาจะกระเด็นไป ชวาร์ซกระโดดข้ามหินก้อนใหญ่ที่กลิ่งมาข้างหน้าผม ซึ่งอาจจะสูงประมาณ 2 เมตร และลงพร้อมบนหัวของพลหอกที่ซ่อนอยู่ข้างหลังผม ผมจำไม่ได้ว่ามีกี่คนที่โดนม้าเหยียบ แต่นี่มันหายากสำหรับเขาที่จะเหยียบพวกเขาระหว่างที่พวกเขายืนอยู่
「เดินหน้าา!!」
ผมขึ้นเสียงตะโกนข้างบนศัตรูที่ถูกขยี้ ลูกน้องของผมตะโกนการคำรามของสงคราม ขณะที่ศัตรูวิ่งหนีในความกลัว
「หอกยาวบนทั้งสองข้าง! พวกเค้าเข้าหาเรา」
ซีเลียที่วิ่งมาข้างผมก่อนผมจะรู้มัน ตะโกน เข้าใจแล้ว พวกเขาระะวังว่าเราจะออกไปจากประตูเมือง และวางคนพวกนี้ไว้ที่ซ้ายและขวา ไกลจากฐาน อย่างที่มันเป็นตอนนี้ ความหวังสุดท้ายที่พวกเขาจะปกป้องฐานตอนนี้ได้อยู่นอกเอื้อมมือแล้ว หอกยาวนั้นทรงพลัง แต่อาวุธยาวนั้น จะเป็นสิ่งกีดขวางเมื่อเขาพยายามจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่เหมาะกับการเคลื่อนเมื่อมันมีการเปลี่ยนสถานการณ์กระทันหันด้วย
「ยิ่งธนูขณะที่ผ่านพวกเค้า」
ทหารม้าหอกยิ่งธนูออกไปด้านข้าง ขณะที่ทหารที่ลนพยายามจะวิ่งกลับไปที่ฐานของเขา รูปแบบของเขาพังทลายทันที และพวกเขาหยุดเคลื่อนไหว นี่เพียงพอแล้ว
พวกนี้ขวางเราไม่ได้การการบุกเข้าไปในฐานแล้ว สิ่งกีดขวางสุดท้ายที่ปกป้องฐาน นักธนูของศัตรู ขวางทางเรา แต่นักธนูไม่สำคัญในการล้อมเมือง พูดอีกอย่าง พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยคนส่วนใหญ่ของกองกำลัง ที่ใกล้มาที่ประตูเมืองและผู้คุ้มกันด้านหลัง ที่ถูกกำจัดทันที
「อย่าทำลายรูปแบบ! ลูกธนูของพวกเขาไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น」
ลูกธนูลงมาทีเรา ทหารม้าธนูเกราะเบาที่โดนยิงล้มลงไป จำนวนของทหารที่ล้มไปน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ และมันสายเกินไปแล้ว นักธนูที่ไม่มีหอกยาวปกป้องพวกเขา กันทหารม้าไม่ได้ ม้าชิดระยะเข้าไปอยู่ในระยะของธนูในพริบตา และพวกเขามีโอกาศหนึ่งครั้ง หรือสองครั้งมากที่สุดที่จะปล่อยลูกธนูออกมา และเมื่อระยะถูกนำใกล้เข้าไป…….
「กย้าาาาาา!!」
「อุว้าาาา!!」
ผมเหวี่ยงอย่างใหญ่ด้วยหอกของผมและนักธนูหลายคนกระเด็นไปทันที ระหว่างที่ทหารม้าธนูที่ช้าเล็กน้องแทงเข้าไปในการต่อสู้พร้อมการชักดาบ จุดขายที่สูงที่สุดของพวกนี้คือทักษะการยิงธนูบนหลังม้า แต่วิชาดาบบนหลังม้านั้นก็ดีด้วยเหมือนกัน เจอกับนักธนูที่อนุญาติให้เราเข้าไปใกล้ มันไม่มีความหมายถ้าพวกเขาช้าไปข้างหลัง การรุกล้ำเข้าไปใกล้กับนักธนู พวกเขาไม่มีอะไรนอกจากเหยื่อของการสังหารหมู่
เมื่อพวกเราทะลุแถวของนักธนู รูปลักษณ์บนหน้าของศัตรูเปลี่ยนแปลงไป หน้าที่ดำและน้ำตาลเรียบๆ ได้ถูกตกแต่งด้วยสีที่งดงามของสีแดง ขาว เหลือง และ น้ำเงิน
「มันดูเหมือนฐาน!」
ผมแทงพลหอกที่ตกแต่งอย่างงดงามด้วยหอกของผม
「อกกย้าาา!!」
เสียงกรีดรองที่เขาปล่อยออกมาต่างไปด้วยเหมือนกัน
「มาหาผู้บัญชาการของศัตรูเถอะ」
ซีเลียโยนมีดใส่อัศวินที่พุ่งเข้าตีด้วยหอกของเขา และเขาล้มจากม้าของเขา เขากรีดร้องบางอย่างที่มันฟังดูเหมือน ‘ขี้ขลาด’ แต่นั่นมันใส่ซีเลียแทนที่จะเป็นผม ผมรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน มันทำให้ผมอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นผมให้ชวาร์ซเหยียบเขา
ยังไงซะ ตอนนี้เรามองหาผู้บัญชาการ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ผู้บัญชาการจะเคลื่อนไหวยังไง? ผู้บัญชาการที่กล้าหาญจะสร้างแรงบันดาลใจให้พวกของเขาและพยายามจะฟื้นฟู แต่ถ้าเขาโง่เขลา เขาจะมาท้าผมในการดวล ถ้าเขาขี้ขลาด เขาจะมีแผนที่จะทิ้งพวกเขาเขาไว้ข้างหลังและหนีไป แต่บ่อยครั้ง ขุนนางที่บัญชาการหลายคนเป็นอย่างหลัง
「ยังไงซะ ชั้นคิดว่ามันจะเป็นอย่างนั้น」
ระยะสั้นๆไกลจากสนามรบ – พูดอีกอย่างข้างหลังเราเป็นทางตรง – กลุ่มของทหารม้าถูกเห็นว่าวิ่งหนี คนที่ใส่เกราะที่แฟนซีไม่เป็นผู้บัญชาการก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถ้านายทิ้งพวกและหนี มันจะปลอดภัยกว่าถ้านายแค่ยอมแพ้ และผมคิดว่าไม่จะไม่เป็นเรื่องไม่น่ามองขนาดนี้
「ปีปี้」
「ค่ะ」
ปีปี้ชี้ลูกธนูไปข้างหน้าและปล่อยมัน เสียงแหลมที่บินมาจากมาจากลูกธนูที่บินไป และลูกน้องใกล้ๆทั้งหมดมองตามเสียงที่มันมา – บริเวณที่ผมอยู่ ผมชี้หอกไปในนทิศทางที่ทหารม้าอยู่
「ทำมัน!」
ทันใดนั้น ลูกธนูหลายร้อยเทลงไปกับกลุ่มที่วิ่งหนี และพวกเขาหล่นจากหลังม้า
—————————————————————
หลายชั่วโมงต่อมา
「ยังไงซะตอนนี้ นายเป็นผู้บัญชาการมั้ย?」
「…………」
ผมมองดูชายวัยกลางคน ที่มีหนวด ที่ดูสำคัญจากตรงข้ามโต๊ะ ชายมีผ้าพันแผลห่อรอบหัวของเขา แต่มันไม่ใช่การบาดเจ็บที่ซีเรียส มันดูเหมือนเขาถูกตัดหลังจากที่ม้าเหวี่ยงเขาไปที่พื้น และถูกแทงที่ก้นโดยลูกธนู
「ชั้นจะไม่รู้ถ้านายเงียบต่อ ถ้านายอยากได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสม นายต้องบอกของนายมาให้ชั้น」
ผมพูดอย่างนั้น แต่ผมได้ยินมาจากหลายคนแล้วว่าเขาคือผู้บัญชาการ ผมแค่อยากจะได้ยินจากปากเขาเพื่อยืนยันสิ่งที่ผมรู้อยู่แล้ว
「……นั่นใช่แล้ว ชั้นหาการถูกปฏิบัติด้วยเกียรติ ในฐานะนักโทษของสงคราม」
「แน่นอน เคานต์」
ผมปล่อยให้ชายตกใจกับความจริงที่ว่าผมรู้จุดยืนของเขา ขณะที่ผมออกมาจากห้อง
「ปฏิบัติกับเขาอย่างสุภาพ」
พูดนั่นกับหนึ่งในทหารของผมคือทั้งความคิดที่มีของผมแล้ว ผมไม่มีความรู้สึกเคารพเป็นพิเศษกับชายที่ทิ้งทหารของตัวเองแล้วหนีไป มันไม่เหมือนว่าผมอยากให้เขาเคารพผมด้วยเหมือนกัน
—————————————————————
「มันเป็นยังไง?」
「มันไม่มีอะไรมาก; มันแค่ขั้นตอนแรก……เขาน่าจะเก็บไว้ที่นี่ภายใต้การจับกุมจนกว่าการหยุดโจมตี มันจะไม่เสียหาย」
ขณะที่ซีเลียมาหาผมเมื่อผมออกจากห้อง ผมลูบหัวเธอขณะที่ผมพูด ทันทีที่ลูกธนูตก ใส่คนขี่ม้าของทหารม้าที่หนีไป การต่อสู้ได้จบลง ในกรณีส่วนใหญ่ที่ฐานพ่ายแพ้และผู้บัญชาการพ่ายแพ้ การต่อสู้จะจบ คนส่วนใหญ่ที่ไปด้วยกันกับคนนี้ ไม่ตายทันที ก็มีอาการบาดเจ็บสาหัสและถูกจบชีวิต แต่ชายคนนี้ด้วยเหตุผลบางอย่างจบที่การไม่ได้รับบาดเจ็บ
หลังจากที่มันถูกสรุป ไม่มีความหมายที่จะไล่ตามทหารที่หนี เราเลยปล่อยให้พวกเขาหนีไป และในกรณีที่มีคนที่แพ้ เราให้พวกเขาปลดอาวุธ และบังคับเข้าไปอยู่ในเต็นท์ที่เราตั้ง ทหารของเทรียส่วนใหญ่ผอมแห้งดังนั้นเราปล่อยพวกเขาไว้ไม่ได้จริงๆ ผมเลยจะแต่งตั้งทหารบางคนให้เป็นคนเฝ้าระวังเผื่อไว้
「ชั้นจะชอบมากกว่าถ้าพวกเขาวิ่งหนีไปด้วยกัน มันจะทำให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้น」
ผมบอกคนเฝ้าระวังถ้าพวกเขาแอบหนี ไม่ต้องตามพวกเขา
「ช่างเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยม แต่กำแพงเมืองพังทลาย」
นั่นถูกแล้ว กำแพงเมืองชั้นต้องทรุดลงไปจากฐาน ดังนั้นมันไม่สามารถซ่อมได้โดยเรา แต่มันพังทลายออกไปด้านนอก ดังนั้นไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับเมือง และเรามีแผนที่จะถอยตั้งแต่ทีแรก ดังนั้นมันไม่มีความสำคัญ มันอาจจะเป็นซากของสัญญานของการต่อสู้ หรืออะไรบางอย่าง
「ซีเลียก็ทำได้ดีด้วย」
「ใช่!」
เมื่อผมลูบหัวเธอ เธอกอดผมอย่างมีความสุข มือผมเคลื่อนไหวจากหัวเธอไปที่หน้า และจากหน้าอกเธอไปที่หว่างขา
「พูดถึงอนาคต」
「ฮฮฮิ้ห์!」
「หืม?」
ลีโอโพลต์เรียกผมมาจากข้างหลัง ซีเลียกระโดดและข่มขู่ในทางที่มันดูเหมือนขนเธอลุก แต่ลีโอโพลต์ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเธอ
「ผมคิดว่าเราควรเตรียมการถอยทัพที่ราบรื่นด้วย ดังนั้นเราทำอย่างนั้นได้ ไม่ว่าการหยุดโจมตีจะมาตอนไหน」
อย่างที่เราเห็นกัน กองทัพของเทรียเป็นกองทัพผสม ประกอบไปด้วยกองทัพหลวงและทหารจากขุนนางลอร์ดศักดินา จากการชำเลืองมอง มันใช้ทั้งหมดของพวกเขาเพื่อที่จะบีบกองกำลังเหล่านี้ออกมา ดังนั้นในเวลาเดียวกัน มันจะไม่มีการโจมตีมาจากเขา แม้ว่าผมคาดหวังว่าจะไม่มีการต่อสู้ที่มากกว่านี้ ขณะที่การหยุดโจมตีมามีผล
「นายพูดถูกแล้ว เตรียมเหมือนแผนที่เราวางไว้ตั้งแต่แรก ชั้นจะล่อยมันให้นายที่จะรับมือกับรายละเอียด」
「ผมเข้าใจ งั้นผมจะขอตัว」
ลีโอโพลต์จากไป แม้ว่าหลังจากการจบของการต่อสู้ทันที คนนี้ค่อนค่างยุ่ง ทันทีที่เขาไป ซีเลียได้กอดกับผมอีกครั้ง
「อืมม……」
เสียงเรียกผมอีกครั้ง เมื่อผมหันไป ผมเห็นทหารผู้หญิงจากหน่วยทหารม้าธนู ชาติภูเขาดั้งเดิมแล้วพาผู้หญิงมาในการต่อสู้ด้วย แต่ทักษะของพวกเธอไม่ด้อยกว่าพวกชายเหล่านั้น
「ในการต่อสู้วันนี้ หนูจัดการไปแปดคน……หนูอยากได้รางวัล」
「นั่นจะเป็นหลังจากที่เรากลับไป ชั้นจะประเมินค่าของเธอหลังจากที่ชั้นได้ยืนยันว่าสิ่งที่เธอทำดีเป็นความจริงมั้ย」
มันดูเหมือนความไม่พอใจได้รวมกันจากความจริงที่ว่าผมมอบรางวัลให้แบบสุ่มๆ แต่ผู้หญิงไม่ขยับ
「ที่หนูอยากได้นั้นไม่ใช่เงิน…….หนูอยากได้เมล็ดพันธุ์ของหัวหน้า ปีนี้หนูจะอายุ 20 ดังนั้นหนูอยากจะมีลูกที่แข็งแกร่ง」
「อะ-?!」
ซีเลียตกใจ และผมก็มองขึ้นไปด้วย ตัวของผู้หญิงใหญ่ แลัะหน้าอกของเธอนั้นขาดไป แต่มันอาจจะไม่แย่มากสำหรับพวกเราสองคนที่จะปลอดปล่อยความอึดอัดทางเพศที่สะสมมา หลังจากการต่อสู้ ผมยืนอยู่ข้างหน้าผู้หญิงและขโมยริมฝีปากของเธอด้วยกำลัง
「แทนที่มันจะเป็นรางวัล มันอาจจะเจ็บ รู้มั้ย?」
「นั่นโอเค นั่นก็เป็นรางวัลด้วย」
ผมอุ้มผู้หญิงขึ้นและแบกเธอไปห้องสุ่มๆ โยนเธอลงบนโซฟา
「ถอดทุกอย่างให้หมด」
「ค่ะ」
ผู้หญิงโยนเสื้อผ้าของเธอไปข้างๆโดยไม่ลังเล เธอไม่ได้ดูเหมือนจะใส่พลังงานไปมาก ดังนั้นหัวใจที่ซุกซนของผมก่อขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
「แยกขาออก」
「ค่ะ」
ขาเธอเปิดกว้างและหว่างขาเธอถูกเปิดเผย มันมีกลิ่นของเหงื่อที่รวมกันหลังจากการต่อสู้ แม้อย่างนั้น เธอไม่อายหรือ?
「แหวกช่องคลอดของเธอและเอาข้างในให้ชั้นดู」
「แบบนี้เหรอ?」
ด้วยนิ้วของเธอ เธอแหวกมันดังนั้นมันเปิดอ้า มันเป็นสีชมพูสวย แต่ความอายที่ผมคาดไว้ มันไม่ถูกเห็นเลย มันดูเหมือนชาติภูเขาเชื่อว่าการทำเด็กมันเป็นบางอย่างที่ธรรมชาติ และไม่ได้รู้สึกอายกับมัน
ผมยอมแพ้ และก็ถอดเสื้อผ้าผมออก ผมก็อัดอั้นมาจากหลังการต่อสู้ด้วย ดังนั้นผมไม่มีที่ว่างมากให้เล่นไปทั่วด้วยเหมือนกัน ผมถอดทุกอย่างออก และกำลังจะแทงเธอและหันหน้าไปที่เตียง แต่ผู้หญิงปิดปากของเธอและแดง
「อะ-?! อะ-อะ-อะ-?!」
「มีอะไร?」
ผมชำเลืองมองตัวที่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษที่นั่น อย่าบอกผมนะว่าเธอมาอายที่จุดนี้กับเอ็นที่แข็งของผม
「ห-ใหหหญญ่!! มันมากเท่านี้เลย!」
「หือห์?」
「น่าทึ่งมาก! มันขนาดมากกว่าสองเท่าของขนาดที่พี่ชายชั้นเอาให้ดู! น่าทึ่ง! มันน่าทึ่งเกินไป หัวหน้า!」
ดั่งนิสัยของเธอก่อนหน้านั้นเป็นการโกหก เธอชิดเข้ามาที่หว่างขาผม จากนั้นเธอจับเอ็นผมด้วยสองมือด้วยหน้าที่สนใจอย่างมากมายและชักมัน เห็นว่าผมรู้ความประหลาดใจของเธอ เธอกระแอมคอและกลับมามีสติ และกลับไปที่น้ำเสียงแบบเดิมของเธอ
「สำหรับชายที่มีของใหญ่แบบนี้มีตัวตนอยู่……. เสื้อผ้าจะไม่ขาดเหรอถ้านายใส่มันระหว่างที่ของนี่แข็ง?」
มันจะไม่ฉีกเสื้อผ้าของผม แต่มันจะบอกได้อย่างง่ายๆ เมื่อผมมีอารมณ์ไม่ว่าเสื้อผ้าแบบไหนที่ผมใส่ ดังนั้นนั่นมันก็สร้างความลำบากของมันเอง
「เธอสงสัยกับเอ็นที่ใหญ่แบบนี้จริงๆเหรอ?」
「ใช่! ชั้นได้ยินมาจากพี่ชาย ว่าชายที่มีเอ็นใหญ่ หมายถึงเขามีความเป็นชายมาก เพราะหัวหน้ามีของมหึมาแบบนี้ เขาต้องเป็นชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่แน่」
มันเป็นความเชื่อโชคลางบางอย่างที่ชาติภูเขามี ที่พวกเขาบอกความเป็นชายจากขนาดของเอ็นของเขาได้?
「นั่นเป็นบางอย่างที่รู้กันทั่วไปในหมู่พวกเธอเหรอ?」
「ไม่ พี่ชายบอกชั้น เพราะทั้งหมดพี่ชายชั้นมีความรู้มาก」
มันดูเหมือนเธอรักพี่ชายเธอนิดหน่อย
「เขาก็ยังบอกหนูหลายอย่างมากกว่านั้นเรื่องผู้ชาย」
ผมมีความรู้สึกที่แย่กับเรื่องนี้
「เค้าสอนหนูเกี่ยวกับวิธีที่จะดูแลเอ็นเมื่อหนูได้สามีในอนาคต นายชอบบางอย่างแบบนี้ ใช่มั้ย?」
เธอจับของของผมด้วยสองมือ น้ำลายไหล และเริ่มถูมันอย่างช้าๆ
「พี่ชายสอนเรื่องนี้หนูทุกวันด้วยความหวังที่ว่าหนูจะเป็นเมียที่มหัศจรรย์」
ผมจะไม่พูดอีกแล้ว พี่ชายของเธอได้แอบเล่นไปทั่วกับเธอ
「ยังไงซะ หนูก็เตรียมการแล้ว หนูเลยอยากให้นายปั้มเมล็ดพันธุ์เข้ามาในหนู นายไม่จำเป็นต้องยั้งมือ เพราะพี่ชายของหนูฉีกเยื่อพรหมจรรย์ของหนูล่วงหน้า ดังนั้นหนูจะไม่มีปัญหาภายหลังเมื่อหนูได้เป็นเมีย แบบนั้น หนูจะไม่รู้สึกเจ็บปวดในเวลาที่สำคัญ」
「…………」
เงียบต่อ ผมแหวกรูของเธอและดันตัวผมเข้าไปข้างใน รู้ที่ได้ถูกฝึกโดยพี่ชายนั้นแคบ แต่พัฒนามาอย่างดี
「อาา! อย่างที่หนูคิด มันใหญ่! อ๊าา มันเจ็บแต่มันรู้สึกดี!」
ผมจำเป็นต้องขอโทษพี่ชายของเขา เพราะผมขยายรูของน้องสาวของเขาค่อนข้างมาก ไม่ต้องพูดถึงว่า เธออาจจะกลับไปหาเขาในฐานะผู้หญิงท้อง
「ลูก! มอบลูกที่แข็งแกร่งให้หนู! มอบเมล็ดพันธุ์ให้หนู!」
มีหลายปัจใจด้วย แต่การที่เธอร้องขอที่จะท้องระหว่างการแทงอยู่เป็นความรู้สึกที่ดีด้วย เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมโอบกอด ผมยั้งมือนิดหน่อยเมื่อขยับสะโพกของผม เพื่อที่จะไม่ทำเธอพังมันเหงานิดหน่อยที่ที่ไม่มีหน้าอกมาก เพราะเมื่อผมฝังหน้าของผม ผมโดนกับซี่โครงของเธอ
「หนูรู้สึกแปลก เหมือนบางอย่าง……มมมาาาา!」
เธอกระตุกและโยนหัวของเธอไปข้างหลัง พี่ชายของเธอน่าจะทำให้เธอค่อนข้างความไวสูง
「เฮ้ เธอ มันจะทิ้งรอยไว้นะ」
สาวได้รู้สึกถึงความรู้สึกดีที่ทนทุกข์ทรมาน และกัดมือของเธอค่อนข้างแรง
「ถ้าเธอจะกัด งั้นกัดชั้น」
「หนูขอโทษ…..งั้นอย่าถือถ้าหนูทำนะ」
ผู้หญิงกัดต้นตอของคอผมแทนที่จะเป็นไหล่ผม มีบางคนที่กัดจุดที่สำคัญดังนั้นผมพยายามจะหยุดเธอ แต่รู้สึกถึงฟันเธอฝังไปที่ต้นคอของผมนำความทรงจำที่รำลึกความหลังกลับมาที่ใจของผม ลูซี่ที่รักของผมยิ้ม ขณะที่เธอแหย่ผม จูบผม และแทงเขี้ยวของเธอเข้ามาในผมและดูดเลือด…………. ความรู้สึกดีที่วิ่งผ่านผมในเวลานั้น ขณะที่ผมรู้สึกถึงลมหายใจเธอบนผิวของผม และความรู้สึกเจ็บของฟันของเธอขุดเข้าในในตัวของผม…….
「อ๊า-! อุว้าาาาา! นี่มันอะไร?!」
เอ็นของผมข้างในสาวเต้นเป็นจังหวะและดูเหมือนจะขยาย มันเป็นความรู้สึกดีที่แม้แต่ผมก็ควบคุมไม่ได้ ดังนั้นผมไม่รู้ว่ามันจะใหญ่ไปขนาดไหน ผมจะดึงออกจากผู้หญิงที่กรีดร้อง แต่มันบวมใหญ่พอที่หัวมันจะติดข้างในเธอ
「อ๊าา-!! 《ออ๊》าาาา—!!」
ดั่งเอ็นที่บวมของผมจะระเบิดออกข้างในผู้เธอสาวที่ทุกข์ทรมานขณะที่ในที่สุดเธอก็ได้สลบไป ฉี่ไหลออกมาจากเธออย่างช้าๆ
ผมก็รู้สึกถึงการพรั่งพรูของความรู้สึกดี ขณะที่ผมยั้งมือไว้ไม่ได้อีกแล้ว ผมหยิกหน้าอกที่เธอไม่มีด้วยกำลังและกดเธอลงอย่างรุนแรง
「อุโออออ้!!!」
และเสียงครวญที่เหลือเชื่อออกมาจากผม จากนั้นอสุจิพุ่งออกไป ทำให้ผมคิดไปชั่วครู่ว่ามันเป็นฉี่ที่ไหลออกมา
「อุโอ้! กุอ้าาา!」
เอ็นของผมมเต้นเป็นจังหวะจนมันเป็นไปได้ที่จะเห็นท้องของเธอขยับ และเสียงของเมล็ดพันธุ์ของผมที่ยิงออกไปสามารถได้ยินได้อย่างชัดเจน
ท้องของสาวพองขึ้นทันทีแต่มันยังไม่หยุด ผมดึงออกจากรูที่หลวมของเธอหลังจากเธอหมดสติ แต่อสุจิของผมยังออกมา กระจายอสุจิที่เหนียวทั่วสาวที่สลบ
ทันทีที่การน้ำแตกหยุด เอ็นผมเหี่ยว มันดูเหมือนว่าทุกอย่างออกมาด้วยการน้ำแตกทีเดียว ผมรู้สึกถึงแรงส่งที่ค่อนข้างมาก ดังนั้นผมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกเจ็บทื่อๆที่ไข่ผม
สาวได้เล็ดเมล็ดพันธุ์ของผมไปบนโซฟา ดั่งเธอถ่ายมันออกมาจากหว่างขาของเธอ
「อะไรบนโลกของนั่นกัน?」
ผมมองสาวที่หลับบนโซฟาอีกครั้ง แต่มันไม่เหมือนว่าเธอจะสวยเป็นพิเศษ และนมของเธอไม่มียอดเยี่ยมด้วย เทคนิคของเธอไม่ใช่อะไรที่พิเศษ แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ทักษะของเธอไม่ใกล้กับเท้าของเมลิสซ่าเลย
「ชั้นเดาว่ามันต้องเป็นนั่น……」
ผมถูต้นขอของผม สาวที่กัดเล่นๆต้องบัญเอิญแต่กัดไปโดนที่ที่ลูซี่ดูดเลือดของผมอย่างแม่นยำ ในเวลาที่ผมเสียความบริสุทธิ์ไป……เมื่อความต้องการทางเพศของผมยังโตอยู่ การดูดเลือดของรูซี่และเซ็กส์ที่มีราคาที่ผมมีกับเธอเป็นความรู้สึกดีที่ดีที่สุด มันดูเหมือนการถูกกัดขอ เป็นการฟื้นความทรงจำนั้นที่ถูกสลักเข้าไปในวิญญานของผม
「ชั้นได้ค้นพบความชอบทางเพศอย่างไม่ได้ตั้งใจ」
ผมหัวเราะคิกคักกับตัวเอง ขณะที่ผมปิดสาวด้วยผ้าห่ม ด้วยจำนวนขนาดนี้ เธอควรจะมีลูกได้ ด้วยการปลดปล่อยที่มาก ความใคร่ของผมได้สงบลง ผมรู้สึกหิวด้วย ดังนั้นผมควรจะอาบน้ำและกินอะไรบางอย่าง
—————————————————————
【–มุมมอง บุคคลที่สาม–】
สาวได้มองดูชายจากไป…….ซีเลียโผลหัวขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง ชายที่เธอรักพาผู้หญิงคนอื่นไปกับเขาเข้าไปในห้อง ดังนั้นเธอแอบดูอย่างลับๆขณะที่เธอมุ่งหน้าไป ถ้ามีโอกาส เธอกะจะเข้าร่วมด้วยเหมือนกัน แต่ไม่มีช่องเปิดเลย อย่างไรก็ตาม มันเป็นผลที่ยอดเยี่ยมมากจากเรื่องนี้
「โซนที่ทำให้เงี่ยนของเออเกอร์-ซามะมาจากการที่ฟันโดนต้นคอของเค้า……」
ชายที่เธอรักได้มีผู้หญิงล้อมเขาอยู่หลายคนแล้ว; เขามีภรรยาที่ถูกกฏหมายและภรรยาน้อยด้วย แต่ไม่มีพวกเธอซักคนที่ควรจะรู้เรื่องนี้ ตาที่คมของสาวเห็นอย่างแม่นยำว่าฟันฝังเข้าไป และมันไม่ใช่บางอย่างที่เธอจะลืม หลังจากการน้ำแตกที่ทรงพลังนั้น เอ็นที่ได้ถูกดึงออกมาใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่กับซีเลีย ที่ค่อนข้างคุ้นชินกับเอ็นนั้นไปแล้ว
ซีเลียที่ทำตัวเก่งหน้าทุกคนยกเว้นคนที่เธอรัก ผ่อนคลายคิ้วและริมฝีปากของเธอ มันเป็นความลับระหว่างพวกเธอสองคน……ไม่มีอะไรที่จะฟังดูหวานไปกว่านั้น
—————————————————————
เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์: 20 ปี – โหมดสงคราม
ทีม
กองทัพอิสระทิศตะวันออก: 480, ทหารม้า: 480
กองทัพส่วนตัวปรกติ: 190, ทหารม้า: 190
ทหารม้าธนู: 980, ทหารม้า: 980
รวม: 1650
ลูกน้อง: ลีโอโพลต์ (รองผู้บัญชาการกองทัพส่วนตัว), ซีเลีย (ผู้ช่วย), อิริจิน่า (ผู้บัญชาการกองทัพส่วนตัวปรกติ), ปีปี้ (หน้าที่ติดต่อสื่อสาร)
ตำแหน่งปัจจุบัน: อาณาจักรเทรีย (อดีตอาร์คแลนด์) บริเวณกลาง เมืองวาเลร่า
ความสำเร็จ: เอาชนะกองทัพหลวง 5000 คนของเทรีย ล้มหลายเมืองและหมูบ้าน ล้มเมืองบริเวณกลาง วาเลร่า กวาดล้างการป้องกันของเวเลร่า/กองทัพผสมของเทรียอย่างสมบูรณ์
—————————————————————
เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite
เป้าหมายเดือน 5/66
ค่าเน็ต 200/200
กาแฟ 300/300
ค่าไฟ 100/1000
สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่
067-3-63958-5
กสิกรไทย
แปลโดย: wayuwayu
ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: “wayuwayu แปล”
pdfไว้อ่านตอนกลางคืน สปอนเซอร์ตอน จองตอน ซื้อตอน หารได้ ได้ทั้ง facebook และ discord