ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 3
“ฉันถามหน่อยสิ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
หลังจากฆ่าหมาป่าฝูงที่สาม ผมก็มองไปยังรังกระสุนที่เติมอัตโนมัติ แล้วเงยหน้าถาม
“ใครจะรู้ล่ะ…”
อาร์ย่าหยิบมีดเสียบเข้าไปบนศพของหมาป่า ศพของหมาป่าก็สว่างวาบ กลายเป็นหนังหมาป่าหนึ่งผืน
“ฉันจำได้แค่คืนนั้นฉันเล่นเกมจนหลับไป เช้าตื่นขึ้นมาก็นอนอยู่บนพื้นที่โล่งนอกหมู่บ้านซะแล้ว นายล่ะ?”
ฉันเหรอ…”
ผมพยายามรำลึก แล้วพูดออกไป
“ฉันจำได้แค่ฉันกำลังล่าบอสในเกมออนไลน์กับเพื่อนหลายคน…แล้วฉันก็จำไม่ได้แล้ว”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง…ยังไงซะ พวกเราก็ทะลุเข้ามาแล้วนี่?”
“ทะลุเข้ามา…ถึงฉันจะเคยอ่านนิยายจำพวกนี้ แต่พอเจอเรื่องแบบนี้กับตัว ฉันก็ขำไม่ออกจริงๆ…”
ขณะนั้น การแสดงออกของอาร์ย่าก็เป็นเช่นเดียวกัน
“ใช่แล้ว แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ เพียงแต่ฉันแค่เริ่มทำเควสต์ไต่เลเวลอย่างไม่รู้ตัว…เกมช่างก่อปัญหาได้จริงๆ”
เดี๋ยวก่อน…
หรือยัยนี่จะเป็นเด็กติดเกมเหมือนกัน? ดูไม่เหมือนเลยสักนิด!
หน้าตาน่ารักขนาดนี้ จะเป็นพวกติดบ้านได้ยังไง!
“เป็นอะไร ฉันรู้สึกว่านายกำลังใช้สายตาเหลือเชื่อมองฉันอยู่นะ”
อาร์ย่าเหมือนรู้สึกถึงสายตาของผม จึงพูดอย่างไม่พอใจ
“เปล่านี่ แค่…ฉันก็รู้สึกคล้ายกัน ไม่รู้ว่าทำไมพวกเราถึงกลับมาอยู่ที่นี่ใช่ไหม? เธอลองดูสิ โครงเรื่องโดยทั่วไปถ้าไม่ใช่เพราะโลกใบนี้ได้รับการคุกคาม เลยหวังพึ่งกำลังการช่วยเหลือจากโลกอื่น ก็เป็นเพราะพวกเราบังเอิญมาอยู่บนโลกนี้ แต่กลับไม่รู้ว่าเพราะอะไร”
“อืม นอกจากนั้นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ พวกเราไม่รู้เลยว่าทำไมโลกใบนี้ถึงเป็นแบบนี้ ดูยังไงที่นี่ก็เหมือนกับโลกของ RPG ทั่วไป ถ้าฉันจำไม่ผิด ฉันไม่เคยเล่นเกมแบบนี้มาก่อนเลย แล้วนายล่ะ?”
“ฉันก็ด้วย”
ดูแล้ว สาเหตุที่พวกเรามาอยู่ที่นี่คงไม่เกี่ยวข้องกับการเล่นเกมของพวกเราเลย…แล้วมันเป็นเพราะอะไรกันแน่?
ช่างมันเถอะ ปัญหาแบบนี้คิดไปก็ไม่ได้ข้อสรุป
“สถานการณ์แบบนี้เราทำได้แค่สิ่งที่ทำได้นี่? ถึงไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่แล้วจะเติบโตได้ไหม แต่ดูจากลักษณะของเกมทั่วไปแล้ว ความเร็วในการอัพเกรดของพวกเราต้องเร็วกว่าการมีอยู่ของโลกใบนี้แน่ จากนั้น ก็คงจุดชนวนสิ่งของประหลาดบางอย่างขึ้นใช่ไหม?”
“แล้วทำไมพวกเราถึงไม่มีทางออกไปจากที่นี่ล่ะ?”
ผมคิดสักครู่แล้วพูดออกมา
“จากความสามารถในการเล่นเกมมาหลายปี มันเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือพวกเราไม่ได้จุดชนวนเนื้อเรื่อง อย่างที่สองคือเลเวลของพวกเรายังไม่ถึงเงื่อนไขที่จะออกจากหมู่บ้านฝึกหัด”
“เงื่อนไข? เงื่อนไขอะไร? คงไม่ต้องรวบรวมลูกแก้วเจ็ดลูกมาเปิดประตูวาร์ปหรอกนะ?”
“ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่เลย ไม่ต้องพูดถึงสถานที่ที่ไม่ถูกต้อง แต่ลูกแก้วเจ็ดลูกไม่ได้ใช้เพื่อเปิดประตูไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ต้องสนใจเรื่องแบบนั้นก็ได้นี่?”
“ก็เธอเป็นคนเริ่มก่อนนี่!”
ผมส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“สรุปคือมอนสเตอร์ข้างนอกคงอัพเลเวลพวกเราได้ลำบากแล้วล่ะ แต่มันก็ไม่ได้มีภัยคุกคามใดๆ เพราะงั้นตอนนี้มาคิดหาทางออกจากที่นี่ก่อนเถอะ”
ใช่แล้ว ขณะที่พวกเรากำลังเก็บเลเวลอันน่าเบื่อหน่ายอยู่นั้น มอนสเตอร์ละแวกโดยรอบนี้ก็ถูกพวกเราเก็บจนเกลี้ยง เลเวลของผมในตอนนี้คือต้องใช้อีก 6400 ค่าประสบการณ์เพื่ออัพเกรดขึ้นเลเวล 7 ส่วนอาร์ย่าอยู่เลเวล 8 ต้องการ 12800 ค่าประสบการณ์เพื่ออัพเกรด หมาป่าที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่มีค่าประสบการณ์เพียงแค่ 20 การอัพเกรดจึงทำได้ยากลำบาก
แน่นอน พวกเราก็ขี้เกียจจะเก็บเลเวลจริงๆ มันน่าเบื่อเกินไป
“ไม่งั้นพวกเรามาลองทำลายเมืองนี้ดูไหม?”
“หา?”
“นี่ นายดูสิ ยังไงซะที่นี่ก็เป็นโลกของปลอมอยู่แล้ว ทำลายมันก็ไม่เป็นไรนี่?”
ยัยนี่ทำอะไรตอนอยู่ในโลกแห่งความจริงกันแน่? เป็นมาเฟียเหรอ?
“เฮ้ยๆๆ มันเป็นโลกของ RPG นี่? การก่อสร้างโดยทั่วไปมักทำลายไม่ได้อยู่แล้ว…มั้ง”
บูม!
ผมยังไม่ทันพูดจบ บ้านหลังข้างๆ ก็แตกออกเป็นเสี่ยงในชั่วพริบตา รอยดาบนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนกำแพง ทั้งอาคารกลายเป็นเศษซากแล้วแหลกสลายในพริบตา!
นี่คงเป็นสกิลของยัยนี่ คมดาบตัดทำลาย
“นายดูสิ มันไม่ใช่…”
“หนีเร็ว!”
ผมจับยัยนั่นแล้วฉวยโอกาสตอนที่รอบๆ ยังเต็มไปด้วยฝุ่นควันหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ
“เธอโง่เหรอ ถึง AI ของคนที่นี่จะทำตามรูปแบบใน RPG แต่ถ้าเธอพูดคุยกับพวกเขาตามปกติ พวกเขาก็ดูปกติมาก หรือแปลว่าคนพวกนั้นมีสติปัญญา! ถ้าพวกเขาพบว่าพวกเราทำลายสิ่งของของพวกเขา ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ!”
“จะทำอะไรได้ล่ะ…”
ทันใดนั้น ชื่อของอาร์ย่าจากสีขาวก็กลายเป็นสีดำ ด้านหลังชื่อสีดำยังมีตัวอักษรอีกมากมาย; ชั่วร้าย ต่ำต้อย ผู้ทำลายเมือง
เฮ้ยๆๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงได้รับฉายาแบบนี้!
“เธอได้รับอะไรไหม?”
“ได้สิ มีคำแนะนำว่ายืนยันแนวโน้มสำเร็จแล้ว ต้องการออกจากหมู่บ้านฝึกหัดหรือไม่”
อาร์ย่ายื่นมือออกไปกดลงกลางอากาศอยู่หลายครั้งจึงพูดขึ้น
“เป็นแบบนี้นี่เอง หมู่บ้านแห่งนี้นอกจากให้เราเลือกอาชีพแล้ว ยังกำหนดแนวโน้มในอนาคตของเราได้อีกด้วย แต่ปัญหาก็คือ…เราไม่รู้เงื่อนไขของตัวเลือกเลย…ถ้าลองไปถ้ำมอง จะได้รับฉายาวิปริตรึเปล่านะ”
“ถ้านายได้ฉายานั้น อย่าบอกคนอื่นว่าฉันรู้จักนายเชียว”
“ฮ่าๆๆ ค่อยว่ากันเถอะ”
วิ่งมาจนถึงสถานที่ที่ปลอดภัย ผมก็ปล่อยมือเธอแล้วถามขึ้น
“แล้วเธอคิดจะทำยังไง?”
“อืมๆ ของสิ่งนี้น่าสนใจทีเดียว ตอนที่ฉันได้ฉายานี้ ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้นด้วย อืม คุณสมบัติความชั่วร้ายเพิ่มสามแต้ม ดูเหมือนมันบอกว่าคุณสมบัตินี้จะกำหนดตำแหน่งฉันให้อยู่ในอำนาจชั่วร้ายด้วย…แล้วก็ความสามารถในการลอบเร้นสองแต้ม ตัวเลขยิ่งสูงคนอื่นก็ยิ่งยากที่จะสังเกตเห็นฉัน อันสุดท้ายผู้ทำลายดูเหมือนจะบอกว่า…ทำลายที่เกิดเหตุจะทำให้ค่าประสบการณ์เป็น…”
“โอ้ๆๆ สุดยอดเลย! เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่ว่าใครออกแบบโลกใบนี้ มันก็น่าสนใจอยู่ดี! อาร์ย่า…เอ๊ะ? อาร์ย่า?”
ขณะที่ผมกำลังพูดอยู่ จู่ๆ อาร์ย่าก็กลายเป็นลำแสงเส้นหนึ่ง หายไปจากเบื้องหน้าของผม
“ยัยนั่น…ออกจากหมู่บ้านฝึกหัดแล้วเหรอ? จริงๆ เลย จะไปก็ไม่บอกกันสักคำ”
ช่วยไม่ได้ ผมจึงเดินไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
ขณะที่ผมใกล้ไปถึง ก็เห็นคนมากมายยืนอยู่ที่หน้าประตูพอดี หัวหน้าหมู่บ้านก็เป็นหนึ่งในนั้น
“อ้าวๆ เขาคือฟีลไม่ใช่เหรอ? เจ้ามาพอดีเลย พวกเรากำลังเจอปัญหา”
“ปัญหาอะไร?”
ผมเดินเข้าไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน เดินไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ ลูกศรดอกหนึ่งก็พุ่งผ่านใบหน้าของผม แล้วปักลงบนพื้นข้างหลังผม
“นี่มัน…”
ผมมองไปตามที่มาของลูกศร ก็เห็นคนที่ลักษณะเป็นชาวบ้านคนหนึ่งกำลังถือหน้าไม้เล็งมาที่ผม
“พวกคุณจะทำอะไร…”
“หึ ช่วงนี้ก็มีแค่แกกับเด็กสาวประหลาดนั่นปรากฏตัวในหมู่บ้าน เมื่อกี้บ้านหลังนั้นก็ถูกพวกแกทำลายล่ะสิ! พวกแกมีแผนอะไรกันแน่! บอกมาเดี๋ยวนี้!”
ในพริบตา ชื่อเหนือศีรษะของชาวบ้านทุกคนก็กลายเป็นสีแดง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้พวกเขาทุกคนได้เข้าสู่สถานะศัตรูแล้ว!
บ้าเอ๊ย! ฉันไม่ได้ทำแท้ๆ ทำไมถึงมาคิดบัญชีกับฉันล่ะ!?
ขณะเดียวกัน ตรงหน้าของผมก็ปรากฏกรอบข้อความขึ้นมา
ฉายาที่ได้รับ : คนดี ไม่ระมัดระวัง แพะรับบาป
คุณสมบัติความดีเพิ่มห้าแต้ม ความต้านทานเพิ่มห้าแต้ม นับแต่นี้คะแนนสะสมของค่าความชั่วร้ายจะเริ่มเปลี่ยนเป็นค่าประสบการณ์
จะได้ออกจากหมู่บ้านฝึกหัดแล้ว?
เห็นฝูงชนที่ดาหน้ากันเข้ามา ผมก็รีบเลือก ‘ออกไป’
หลังจากนั้นผมก็เข้าไปในลำแสงสีขาวเช่นกัน