ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 5
“คือว่า ผู้พิทักษ์ของข้าตายหมดแล้ว ข้าจะขอให้เจ้า…ไม่สิ ท่านโปรดไปที่พระราชวังกับพวกเราเถอะ”
ผมกำลังกินอาหารเช้า คนที่ชื่อคลอสก็วิ่งเข้ามาพูดคุยกับผม
ในขณะนั้น เพราะผมได้ช่วยชีวิตพวกเขาไว้เมื่อวาน ผู้จัดการก็ตัดสินใจยกเว้นค่าใช้จ่ายในทุกอย่างในการเข้าพักของผม ดังนั้น ผมจึงกำลังลิ้มรสอาหารของโลกใบนี้อยู่
รสชาติไม่เลวทีเดียว
“แต่ว่า ถึงผมจะตกลง อันที่จริง…ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากไม่ใช่เหรอ?”
กวาดอาหารบนโต๊ะจนเรียบ แล้วผมก็มองไปที่คลอส
อีกฝ่ายตกใจเล็กน้อย แล้วเหลือบมองผู้จัดการข้างๆ ผู้จัดการก็ออกไปจากห้องทันที
“เจ้า…เห็นศักยภาพของข้าด้วยเหรอ? เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าด้วยซ้ำ…”
“แต่คุณก็แข็งแกร่งว่าสองคนนั้น ไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ใช่ จะว่าไป ข้าไม่เคยเห็นเจ้าที่อาณาจักรเชอร์ฟามาก่อนเลย? จริงแล้วเจ้า…”
“ผมแค่อยู่ที่หมู่บ้านของตัวเองมาตลอดก็เท่านั้น”
อันที่จริง ผมอยู่ในหมู่บ้านฝึกหัดน่ะ
“เอาอย่างนี้…เช่นนั้นเจ้าก็ควรมาเข้าร่วมการทดสอบที่อาณาจักร พิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองไม่ดีหรือ?”
หรือไอ้หมอนี่จะสงสัยความเป็นมาของผม? หรืออาณาจักรนี้เล็กจนนายจำชื่อของพลเมืองได้ทุกคน? เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง?
“ผมก็แค่ชอบความอิสระเท่านั้น…จะว่าไป คุณเจอกับเรื่องอะไรกันแน่ ถึงมีคนต้องการลอบโจมตีพวกคุณ…แหม ยังไงคุณก็อยากให้ผมปกป้องพวกคุณ ไม่ให้ผมรู้ถึงความเสี่ยงที่แฝงอยู่คงไม่ดีหรอกมั้ง?”
อีกฝ่ายดูลังเลอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเขาก็ยังคงบอก
“ความจริงแล้วพวกข้าพกสิ่งของชิ้นสำคัญอย่างหนึ่งเดินทางไปยังพระราชวัง และต้องขออภัยที่ข้าไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไร แม้พวกข้าจะลดจำนวนผู้ติดตามลง เพื่อหวังไม่ให้ถูกค้นพบ ทว่า…”
“ผมเข้าใจแล้ว งั้นพวกเราก็ควรรีบออกเดินทางไม่ใช่เหรอ? ถ้าหลบหนีด้วยความเร็วสูงสุด ถึงอีกฝ่ายคิดจะตามหาพวกเราก็คงยาก?”
“ข้ารอเจ้าพูดเช่นนี้อยู่”
อีกฝ่ายใช้สิ่งที่ดูเหมือนมังกรกรงเล็บเป็นแรงขับเคลื่อนรถม้า และข้างๆ ก็ยังมีมังกรอีกสองตัว…คงไม่ได้ให้ฉันขึ้นไปขี่หรอกนะ?
แม้แต่ขี่ม้าฉันยังขี่ไม่เป็น นับประสาอะไรกับขี่มังกร ปล่อยฉันไปเถอะ…
ทว่าเมื่อเห็นสายตาอันจริงจังของพวกเขา ผมก็ทำได้เพียงยิ้มขื่นพลางขึ้นไปนั่ง
สกิลการขับขี่เพิ่มเติม เพิ่มเลเวลตามระยะทาง เลเวล 10/10 กิโลเมตร
แบบนี้ก็ใช้ได้นี่…งั้นช่างมันเถอะ
ปีนขึ้นไปอย่างกระเสือกกระสน ก็รู้สึกถึงทั่วทั้งร่างที่ลอยขึ้นไป ความรู้สึกแบบนี้ช่างเลวร้ายซะจริง…แต่ก็ทำได้เพียงใจเย็นไว้ ถ้าทำไม่ได้ก็แค่จับไว้จนกว่าเลเวลจะสูงขึ้นก็พอ
“ไปกันเถอะ ถ้าเร็วที่สุด ใช้เวลาแค่สามวันก็ถึงแล้ว”
พูดเช่นนี้ รถมังกรก็เริ่มเดินหน้า ส่วนเด็กสาวอีกคน…ญาริน ที่ขี่อยู่บนหลังมังกรก็เหลือบมองผม แล้วตามขึ้นไป
คือว่า…ก็ได้ ทนๆ ขึ้นไปเถอะ
จะว่าไป เด็กสาวที่ชื่อญารินคนนี้มีเส้นผมสีแดงทั้งศีรษะ แต่ใบหน้ากลับสวมหน้ากากเหล็กเอาไว้ ดูแล้วน่าแปลกทีเดียว
ทว่า…ผมรู้สึกว่าคนที่ออกแบบชุดอัศวินให้พวกผู้หญิงต้องเป็นผู้ชายแน่นอน แม้ด้านในชุดเกราะนั่นจะมีซับใน แต่ความรู้สึกในการสวมใส่กลับเหมือนจงใจแสดงให้เห็นรูปร่างของอัศวิน โดยเฉพาะชุดเกราะตรงส่วนหน้าอก…อืม เธอแน่ใจว่ามันใช้เพื่อป้องกัน ไม่ใช่ใช้เพื่อโชว์ขนาดของหน้าอกเหรอ? ชุดที่มักปรากฏในตำนานอัศจรรย์กลับกลายเป็นชุดมาตรฐานของที่นี่ นี่มันช่างน่ายินดีจริงๆ !
โชคดีที่ใบหน้าของผมดูซีดขาวเมื่ออยู่บนหลังมังกร ไม่อย่างนั้นมันคงเปิดเผยความคิดในใจของผมแน่
หลังจากที่พวกเราออกจากประตูเมือง ก็มุ่งหน้าไปตามถนนอย่างรวดเร็ว ความเร็วนี้ทำให้รู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ!
ขอร้องล่ะ แม้แต่รถมอเตอร์ไซค์ฉันก็ยังไม่เคยขี่ แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ!
“เฮ้ย ตกลงเจ้าเป็นนักดาบหรือนักรบกันแน่? เห็นเจ้าออกหมัดเมื่อวานช่างสุดยอดจริงๆ!”
เด็กสาวในชุดเกราะคุยกับผม คงเป็นเพราะความเบื่อหน่ายล่ะสิ
“ผมจะบอกให้นะคุณญาริน ผมมีชื่อแซ่ ไม่ใช่เฮ้ย ผมชื่อหลินฟีล”
“เอ๊ะ? เจ้ารู้ชื่อของข้าได้ยังไง? เราเคยพบกันมาก่อนหรือ?”
ซวยแล้ว…ผมเห็นชื่อของเธอ เลยเผลอพูดออกมาจนได้
“ใครจะไปรู้ล่ะ…ผมจะตอบคำถามของคุณแล้วกัน ผมก็ไม่รู้ว่าผมมีอาชีพอะไรหรอก เมื่อก่อนผมก็แค่ฝึกฝนลวกๆ เท่านั้นแหละ”
“ไม่มีอาชีพ…กลับแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว?”
อีกฝ่ายดูประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด ชักดาบออกมาฟันมาที่ผม ทว่า…ความเร็วกลับช้าอย่างยิ่ง! หรือนี่เป็นความแตกต่างของเลเวล? มันแสดงออกชัดเจนขนาดนี้เชียว!
ถึงแม้รู้สึกถึงความเจ็บปวดก็ไม่เป็นไร แต่ผมก็ยังคงหยิบมีดออกมาขัดขวางการโจมตีของอีกฝ่าย อีกฝ่ายตื่นตกใจ ร่างกายโอนเอนจนดูเหมือนจวนจะตกลงไป ทว่าเธอก็ยังคงทำตัวให้มั่นคงได้ จึงเห็นได้ว่าทักษะการขี่ม้าของอีกฝ่ายยอดเยี่ยมทีเดียว
“เร็วจัง! เก่งกาจจริงๆ…คือว่า…อ้อ ฟีล!”
“ขอบคุณที่คุณจำชื่อของผมได้…จะว่าไป คุณเป็นอัศวินนี่”
“ใช่แล้ว ข้าคืออัศวินนักดาบ”
ญารินพูดอย่างอวดดี โอ้ ดูเหมือนประสิทธิภาพของชุดเกราะนั้นดียิ่งขึ้น! ถ้าหากโชคดีได้รู้จักกับนักออกแบบข้าต้องพูดคุยเรื่องชีวิตกับเขาอย่างแน่นอน
ดูเหมือนว่าเอสและเด็กสาวที่ชื่อว่าญารินจะถูกใช้เอาไว้เพื่อบังหน้า เพราะงั้นเลยไม่แข็งแกร่ง ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ คลอสย่อมเข้ามาแก้ไข…ช่างสะดวกสบายจริงๆ
ทว่า…
ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะให้ผมมาช่วยพวกเขาง่ายดายขนาดนี้…พวกเขาไว้ใจผมจริงๆ หรือว่ามีเป้าหมายอื่นกันแน่?
ช่างเถอะ คิดไปก็เปล่าประโยชน์ คิดหาทางควบคุมตัวประหลาดนี่ให้ดีดีกว่า ไม่งั้นคงตกลงไปจริงๆ แน่…
“พอไปถึงเมืองหลวง เจ้ามาเข้าร่วมกองอัศวินเถอะ เจ้าจะต้องกลายเป็นอัศวินที่โดดเด่นแน่นอน! อาณาจักรจะเสียผู้มีพรสววรค์คนใดไปไม่ได้”
ไม่รู้ทำไม เธอถึงพูดเชิญชวนผมแบบนี้ หรือยัยนี่เป็นผู้หญิงประเภทเล่นกิจกรรมเลือดร้อนเหรอ? ถ้าเป็นแบบนี้…อีกฝ่ายได้คิดตอนพูดแบบนี้แล้วใช่ไหม?
“อ่า งั้นเหรอ? ถ้ามีโอกาสนะ…”
“ใช่แล้ว ข้าให้เจ้า ข้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ บางทีเจ้าคงเข้าใจได้ เช่นนี้ความสามารถการต่อสู้ของเราจะได้สูงขึ้นอีก”
จากนั้น เธอก็โยนหนังสือบางอย่างมาบนมือผม ผมเสี่ยงตกลงไปเพื่อรับหนังสือเล่มนั้น จนหัวใจแทบจะกระโจนออกมา อย่าเคลื่อนไหวอันตรายแบบนี้สิ!
โชคดีที่เลเวลการขี่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย รวมถึงความว่องไว 640 + 500 ของผม ไม่งั้นผมคงตกลงไปจากการเคลื่อนไหวเมื่อกี้แน่นอน!
มือข้างหนึ่งกำบังเหียนแน่น และเปิดหนังสือเล่มนั้น
“คู่มือดาบเวทมนตร์น้ำแข็งระดับสูง?”
แสงสีฟ้าส่องสว่างวาบ ผมก็พบว่าหลังชื่อผมมีลูกบอลสีฟ้าเพิ่มขึ้นมา
สกิล : ‘อัญเชิญดาบน้ำแข็ง’ เลเวล 1 ความชำนาญ 0/10 อัพเลเวลครั้งต่อไปจะปลดล็อคสกิลโล่น้ำแข็ง
มันคืออะไร? เป็นสกิลอัศวินหรือเป็นสกิลเวทมนตร์กันเนี่ย?
ผมนึกถึง ‘อัญเชิญดาบน้ำแข็ง’ ในใจ ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นในมือ ดาบยาวประมาณสองเมตรส่องแสงสีฟ้าก็ปรากฏอยู่ในมือผม
มองดูที่คุณสมบัติ; ดาบน้ำแข็ง + พลังโจมตี 300 โอกาส 10% ที่จะแช่แข็งฝ่ายตรงข้าม ระยะเวลา 5 นาที
สุดยอดมาก! ถึงตอนเห็นอาร์ย่าใช้จะไม่ได้รู้สึกสมจริงสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้พอตัวเองได้ใช้สกิลกลับรู้สึก…เท่มากจริงๆ !
“หยุด!”
ดูเหมือนคลอสที่อยู่ข้างหน้าสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ทางด้านผมแล้ว กระโดดลงจากรถม้าทันที มังกรที่อยู่ข้างล่างผมได้ยินคำสั่งนั้นก็หยุดลง…โธ่ สุดท้ายมันก็เป็นสิ่งของของคนอื่นอยู่ดี
คลอสมองดาบในมือผม ใบหน้าของอีกฝ่ายดูเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ทำไมเจ้าถึง…รู้เวทมนตร์นี้? หรือว่าเจ้าเป็นอัศวินเวท?”
“อัศวินเวท? คืออะไรกัน? ผมแค่เรียนจากหนังสือเมื่อกี้นี้เอง…”
พูดจบ ผมก็ยกหนังสือที่ญารินให้ผมเมื่อกี้นี้ขึ้นมา
“หนังสืออาคมสีคราม? ญารินทำไมเจ้าถึง…”
“ท่านปู่ ข้าอ่านไม่เข้าใจจริงๆ ข้ารู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าข้า น่าจะอ่านแล้วเข้าใจ เพราะงั้นก็เลยให้เขายืมอ่าน…แต่ท่านดูสิ เขายอดมากจริงๆ ! เรียนรู้ได้ทันทีเลย!”
“เรียนรู้ได้ทันที…”
อีกฝ่ายมองผมอย่างตั้งใจ จากนั้นก็มองดาบในมือผม
“ฟีล จะถือสาไหมหากข้าจะขอทดสอบ?”
“ทดสอบ?”
“อืม วางใจได้ เจ้าแค่ถือดาบนั่นไว้ก็พอ”
บ้าเอ๊ย เรียนรู้ได้ก็เรียนรู้ได้สิ ทำไมถึงปล่อยออกมาทันทีแบบนี้? หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ!
ความไม่ระมัดระวังอัพเป็นเลเวล 2 ความต้านทานเพิ่มขึ้น 10 แต้ม
เฮ้ยๆๆ ระบบแกกำลังแขวะฉันใช่ไหม! จงใจแน่นอน! ฉันไม่ได้หาเรื่องแกสักหน่อย!
คลอสพูดพึมพำอยู่สองสามคำ ดาบยาวสีฟ้าอ่อนก็ปรากฏในมือเขา แต่ดูเหมือนว่า…จะโหดอำมหิตกว่าหน่อย?
อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาตรงหน้าผม ผมยกดาบขึ้นป้องกันด้วยความเร็วสูงสุด คลื่นสีฟ้าก็ระเบิดขึ้นระหว่างพวกเรา!
ผมตกจากมังกรกรงเล็บทันที ผมพยายามหมุนตัว ไม่งั้นคงหลังกระแทกพื้น
“เจ็บจัง…”
ผมลุกขึ้นมาช้าๆ ทว่าผมพบว่าดาบน้ำแข็งในมือหายไปแล้ว
และมังกรที่ผมขี่เมื่อกี้นั้นก็ถูกแช่แข็งกลายเป็นรูปปั้น!
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ไอ้แก่นั่นอยากฆ่าฉันเหรอ?
“เป็นดาบน้ำแข็งของตระกูลเราอย่างที่คิดเหรอ?”
คลอสพูดเสียงเบา
“เฮ้ย! แกอยากฆ่าฉันเหรอ! ไอ้สารเลว!”
“ฆ่าเจ้า…ก็ไม่ใช่ทำไม่ได้ เจ้าไม่เข้าใจเหรอ?”
สารเลว ไอ้หมอนี่ข่มขู่ฉัน แต่นี่เป็นเรื่องจริง ทุกครั้งที่อัพเลเวลพลังโจมตีพื้นฐานและความว่องไวจะเพิ่มขึ้นสองเท่า ถ้าเขาอยากฆ่าฉัน ด้วยความแตกต่างของความว่องไวและพลังโจมตีเกินกว่าหนึ่งหมื่นแต้ม คงถูกฆ่าในเสี้ยววิได้ถ้าไม่ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์?
“เอาล่ะๆ…งั้น ผมเรียนเวทมนตร์นี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนเท่าไหร่ที่หวังจะได้วิธีเรียนรู้อัศวินเวท? รวมหนังสือเล่มนี้ ตระกูลของพวกเรามีวิธีการฝึกฝนนักรบอัศวิทเวทที่คุณสมบัติแตกต่างกันสามเล่ม! เจ้าโชคดีได้รับหนึ่งในนั้นแล้ว! เจ้าว่าไงล่ะ?”
เฮ้ยๆๆ มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า? เวทมนตร์ประหลาดแบบนี้เป็นของหายากขนาดนั้นเชียว? ถึงจะดูแล้วเท่มาก แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้แข็งแกร่งตรงไหนเลย?
“พูดแบบนี้…ผมได้กำไรใช่ไหม?”
“กำไรก้อนโตเชียวล่ะ! เดิมทีข้าควรจะกำจัดเจ้าให้สิ้นซากหากพบเจอเรื่องเช่นนี้ ของเช่นนี้ถูกกระจายออกไปก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร!”
“คุณว่าอะไรนะ? คุณบอกว่าตระกูลคุณเก็บรักษาของนี้ไว้ไม่ใช่เหรอ…”
“ฮึ่ม! ในเมื่อเรียนรู้ได้ง่ายดายแบบนี้ เจ้าอยากคัดลอกไว้สักเล่มก็คงไม่ใช่เรื่องยากใช่ไหมล่ะ? สิ่งสิ่งนี้แพร่ออกไปแล้วจะนำกลับคืนได้หรือ?”
ฉันถูกปรักปรำ ฉันไม่ได้อ่านสักนิดเลยจริงๆ สกิลฉันก็เรียนรู้ด้วยตัวเอง…
“เอาเถอะๆ งั้นคุณคิดจะทำยังไง? คุณก็ดูไม่คิดจะฆ่าผมนี่…”
“ฮึ่ม ถ้าคนในตระกูลเราที่เรียนรู้ได้ตอนนี้มีมากขึ้นหน่อย ข้าคงฆ่าเจ้านานแล้ว!”
เอ๊ะ? หรือว่าสิ่งนี้เรียนยากมาก? ฮ่าๆๆ งั้นฉันคงได้กำไรจริงๆ ฮ่าๆๆ
ผมกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ จากนั้นก็ถามไป
“งั้นผมขอถาม…”
“ฮึ่ม! นอกจากลูกพี่ลูกน้องของเด็กนี่ก็ไม่มีคนอื่นอีก!”
คลอสชี้ที่ญารินแล้วพูด
“นี่มัน…โศกนาฏกรรม…”
เอาเถอะ ผมคิดว่าผมเก็บเงียบไว้คงปลอดภัยกว่า
“ตอนนี้เจ้ามีสองตัวเลือก เป็นสามีของญารินหรือเป็นลูกบุญธรรมของข้า! เลือกซะ”
“เฮ้ยๆๆ รอเดี๋ยว สองตัวเลือกนี้ดูเหมือนจะถามแค่ความเห็นของผมใช่ไหม?”
พูดแบบนี้แล้วผมก็มองทางญารินที่อยู่ข้างๆ ส่วนอื่นนอกจากหน้ากากของไอ้หมอนั่นเริ่มปะทุไอร้อนขึ้นมาแล้ว ทั้งตัวของผมจึงหดอยู่ข้างหลังมังกรกรงเล็บ
“ฮึ่ม! ไม่ใช่เพราะเด็กนั่นวุ่นวายเหรอ! เดิมทีหนังสือเล่มนั้นก็คือสินสอดของเด็กนั่น! ข้าให้นางไปอ่านดูว่ามีโอกาสเรียนรู้ได้ไหม แต่นึกไม่ถึงว่าจะโยนไปอยู่ในมือเจ้าแล้ว”
เอ๊ะ…
มีคนโยนสินสอดถึงมือผม…
ผมควรจะรับดีไหมนะ…
…
ทำไมจะไม่ล่ะ?